ตอนที่ 434 ชาติกำเนิดของถังโจวโจว
“ยัยลูกคนนี้ ที่พ่อของแกยุ่งขนาดนี้ก็ไม่ใช่เพราะแกเป็นต้นเหตุเหรอ”
ฉินอวิ๋นเห็นเมิ่งชิงซีเอาแต่หนีปัญหาก็ปวดหัวมาก ตอนที่หล่อนกำลังพยายามทำให้เมิ่งไหวเซินเกิดความรู้สึกดีๆ ฉินอวิ๋นก็ได้รู้ถึงการมีอยู่ของภัยคุกคามอย่างถังโจวโจว หล่อนต้องตื่นตัวตลอดเวลา กลัวว่าเสิ่นหลานอีก็จะกลับมา
“แม่คะ แม่จะบอกหรือไม่บอก ถ้าไม่บอกก็ออกไป” ทำไมพูดมากขนาดนี้นะ ก่อนหน้านี้เมิ่งชิงซียังรู้สึกเสียใจอยู่บ้าง แต่เมื่อทุกคนยิ่งพูดตนก็ยิ่งหงุดหงิด หล่อนไม่เห็นรู้สึกเลยว่าสูญเสียเล็กน้อยแค่นี้จะทำให้เป็นเรื่องใหญ่ทำไม อย่างไรเสียพ่อก็ต้องหาวิธีได้แน่นอนอยู่แล้ว
ตระกูลเมิ่งที่มีผู้สนับสนุนอยู่เบื้องหลังใหญ่โตขนาดนี้ เบื้องหลังแข็งแรงขนาดนี้ ยังกลัวว่าจะไม่สามารถพลิกวิกฤตกลับมาได้อีกเหรอ ความคิดหนีปัญหาแบบนี้ขับไล่ความกังวลของเธอออกไป ตอนนี้เธอเลยยังสามารถนอนสบายๆ อยู่บนเตียง ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้
เมิ่งไหวเซินที่ได้ยินเมิ่งชิงซีเป็นแบบนี้ก็กำมือทั้งกำมือสองแน่น เขาคลอดลูกสาวที่ดีมากจริงๆ
ไม่คิดว่าฉินอวิ๋นปกติจะสั่งสอนลูกสาวแบบนี้ ก่อนหน้านี้เขายังคิดว่าลูกสาวคนนี้ไม่เลวเลย ที่ไหนได้เจอเรื่องแบบนี้ก็ถึงกับถอยหลังแล้ว แม้แต่พ่อแท้ๆ หล่อนยังไม่แยแส อีกอย่างที่เรื่องมันยุ่งเหยิงแบบนี้ก็เพราะเธอสร้างขึ้นมาทั้งนั้น
“แกทำท่าทางอย่างนี้กับแม่เหรอ”
“โอเค แม่ เมื่อกี้หนูแค่โกรธ ถือโอกาสตอนที่พ่อยังไม่รู้ว่าถังโจวโจวก็เป็นลูกสาวของเขา รีบกำจัดมันซะเถอะค่ะ ถึงเวลานั้นแม่ก็จะได้มีลูกเขยดีๆ แล้วไม่ใช่เหรอ” เมิ่งชิงซีเดินไปที่ข้างกายของฉินอวิ๋น จับมือเธอเขย่าไปมา
เมิ่งไหวเซินได้ยินเข้าก็เซถอยหลัง ที่แท้ถังโจวโจวเป็นลูกสาวของเขาหรือ เรื่องนี้กะทันหันเกินไป ทำให้เขาตกใจจนไม่รู้จะทำยังไงดี
เมิ่งไหวเซินอดที่จะคิดถึงเมื่อก่อนหน้านี้ที่เขาได้ติดต่อกับถังโจวโจวไม่ได้ มิน่าล่ะถึงรู้สึกคุ้นเคยมาก นี่คงเป็นสายสัมพันธ์ของสายเลือดใช่ไหม
สมองของเมิ่งไหวเซินเริ่มสับสน เขาพยายามบังคับตัวเองให้สงบลง ฉินอวิ๋นสองแม่ลูกคิดจะจัดการถังโจวโจว เขาควรจะทำอย่างไรดี
ตอนนี้เมิ่งชิงซีทำให้เขาผิดหวังในตัวเธอมาก และไม่คิดว่าฉินอวิ๋นที่ปกติดูอ่อนโยน จิตใจจะโหดเ**้ยมแบบนี้
เมิ่งไหวเซินแทบจะทนฟังบทสนทนาต่อไปไม่ไหว สองแม่ลูกด้านในกำลังคุยกัน คำพูดสุดท้ายของฉินอวิ๋นยิ่งทำให้ใจของเขาเจ็บลึก ถังโจวโจวไม่เคยทำอะไรพวกเธอสองแม่ลูก แต่พวกเธอกลับอยากให้ถังโจวโจวตาย
ถ้าวันหนึ่งเขาไปขวางทางของพวกเธอ พวกเธอจะทำอย่างไรกับเขา
เมิ่งไหวเซินรู้สึกว่าความคิดของตัวเองค่อนข้างไร้สาระ แต่สมองก็สับสน ไม่ง่ายเลยที่จะไม่คิดถึงมัน
ในเมื่อพวกเธอสามารถพูดเรื่องแบบนี้ออกมาได้อย่างง่ายดาย เหมือนชีวิตของถังโจวโจวนั้นง่ายดายเพียงแค่พวกเธอกะพริบตาเท่านั้น ถ้าวันหนึ่งเขากลายเป็นศัตรูของพวกเธอ เขาก็จะตายไปโดยไม่รู้ตัวด้วยใช่ไหม
คนในห้องไม่รู้ว่าคนที่อยู่ข้างนอกได้ยินบทสนทนาของพวกเธอหมดแล้ว ฉินอวิ๋นแค่เสนอวิธีออกมานิดหน่อย ตอนนี้ถังโจวโจวรักลูกชายของหล่อนเป็นที่สุด เพียงแค่พาเสี่ยวอวี่มา อย่างอื่นก็ไม่มีปัญหาแล้ว สำหรับคนเป็นแม่แล้วยอมแลกทุกอย่างได้เพื่อลูกของตัวเอง
ฉินอวิ๋นเชื่อว่าพวกเธอให้เธอทำอะไร หล่อนก็จะยอมทำทุกอย่างอย่างง่ายดาย สุดท้ายแล้วชีวิตของลูกชายหล่อนก็อยู่ในกำมือของพวกเธอ
“คุณผู้ชาย คุณกำลังจะออกไปแล้วใช่ไหมคะ”
“อืม” เมิ่งไหวเซินที่ออกไปถึงประตูถอยหลังกลับมาทันที “ไม่ต้องบอกคุณผู้หญิงว่าฉันกลับมานะ”
“ค่ะ ดิฉันทราบแล้ว” แม่บ้านได้ยินก็ตอบรับ
เมิ่งไหวเซินก้าวเท้าออกไปอย่างรีบร้อน ตอนนี้เขาควรไปหาที่ที่สงบคิดทบทวนดูว่าควรจะทำอย่างไรดี
สำหรับถังโจวโจว เมิ่งไหวเซินไม่ได้มีความรู้สึกลึกซึ้งมากมายนัก แม้ว่าเธอจะเป็นลูกสาวของเขา แต่ความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสองก็เหมือนคนแปลกหน้า แต่ดีขึ้นหน่อยที่พวกเขาเคยได้เจอหน้ากันมาก่อน
เมิ่งไหวเซินคิดถึงครั้งก่อนที่ตนต่อว่าถังโจวโจวด้วยความโกรธเพราะเมิ่งชิงซี ก็ไม่รู้ว่าเธอจะยังโกรธอยู่ไหม
เมิ่งไหวเซินขับรถออกจากบ้าน ฉินอวิ๋นรู้สึกเหมือนว่าตัวเองได้ยินเสียงรถ แต่เมิ่งไหวเซินออกไปบริษัทตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอ หรือเขาจะเพิ่งกลับมา เธอจึงรีบวิ่งลงไปชั้นล่าง พบว่าห้องรับแขกไม่มีใครเลย
เดินไปที่หน้าประตูก็ไม่เห็นเงาของรถจึงเรียกแม่บ้านมา “ป้าหวัง เมื่อกี้คุณผู้ชายกลับมาเหรอ”
ป้าหวังส่ายหน้า “คุณผู้ชายไปบริษัทแล้วไม่ใช่เหรอคะ”
ตอนที่ 435 ขอให้คุณปู่เมิ่งช่วย
ฉินอวิ๋นเห็นป้าหวังไม่หลบสายตา และดูเหมือนหล่อนจะไม่รู้เรื่องก็สงสัยว่าเมื่อครู่ตนเองคงหูฝาดไป “อืม ไม่มีอะไรแล้ว ไปเถอะ”
ฉินอวิ๋นโบกมือไปมา ป้าหวังก็ถอยกลับไป ในใจฉินอวิ๋นรู้สึกกังวลว่าก่อนหน้านี้เธอหูฝาดหรือป้าหวังโกหกกันแน่ ดูเหมือนว่าต่อไปจะคุยเรื่องถังโจวโจวในบ้านอีกไม่ได้แล้ว วันไหนเมิ่งไหวเซินได้ยินเข้า คงไม่ใช่ข่าวดีของพวกเธอสองคนแม่ลูกแน่
เมิ่งไหวเซินขับรถไปถึงประตูแล้วและเข้าไปในห้องทำงาน วางเอกสารในมือลงบนโต๊ะ ตอนนี้เขาไม่มีกะจิตกะใจที่จะทำงาน เมิ่งชิงซีทำเรื่องโง่ๆ แบบนั้น ได้ยินผู้ช่วยของเธอบอกว่า ดูเหมือนจะเป็นเพราะผู้ชาย เธอเลยติดกับดักของคนอื่น
ตอนนี้บริษัทยุ่งเหยิงแบบนี้ พวกบอร์ดบริหารถามเขาทุกวัน เมิ่งไหวเซินทำได้ดีที่สุดคือกล่อมให้พวกเขาสงบลงก่อน พยายามจัดการกับสิ่งที่เมิ่งชิงซีทำให้เกิดขึ้น เพียงแต่ค่อนข้างยากลำบากอยู่ช่วงหนึ่ง
เมิ่งไหวเซินยุ่งมาทั้งวัน กลับมาถึงบ้านก็ได้รับการต้อนรับเป็นคำถามว่า “ไหวเซิน เรื่องที่บริษัทเป็นยังไงบ้างคะ”
ปกติแล้วเมิ่งไหวเซินอาจจะยังรู้สึกว่าฉินอวิ๋นอยู่เคียงข้างเขาในสถานการณ์ที่ยากลำบาก เพียงแต่เมื่อได้ฟังเรื่องเมื่อกลางวันแล้ว เมิ่งไหวเซินก็รู้สึกว่าถ้าเป็นห่วงเขาจริงๆ ก็คงต้องถามว่าเขาทำงานเหนื่อยไหม กลับมาก็ถามถึงแต่เรื่องของบริษัท จะให้รู้สึกว่าเธอใส่ใจเขาได้ยังไง
“เรื่องของบริษัทคุณไม่ต้องกังวล คุณเป็นห่วงชิงซีเถอะ” ฉินอวิ๋นหัวใจเต้นแรงอยู่ครู่หนึ่ง นี่หมายความว่าอะไร หรือต่อว่าเธอว่าสอนลูกไม่ดีเหรอ
“ไหวเซิน ฉันก็แค่เป็นห่วงคุณ ในเมื่อคุณไม่อยากจะพูด ถ้าอย่างนั้นฉันก็จะไม่ถามแล้ว” ฉินอวิ๋นช่วยเขาถอดเสื้อคลุม รับกระเป๋าเอกสารในมือเขา ดูแล้วเหมือนเป็นภรรยาที่ดี
เมิ่งไหวเซินรู้สึกเสียใจอยู่บ้าง คำพูดของเขาเมื่อครู่นี้รุนแรงเกินไปรึเปล่า ทั้งหมดก็เป็นแค่ความคิดของเขาเท่านั้น เขาไม่แน่ใจสิ่งที่อยู่ในใจของฉินอวิ๋น ทำได้แค่คาดเดาจากคำที่เธอพูดออกมาเท่านั้น
“ตอนนี้ที่เงินทุนบริษัทไม่สามารถถอนกลับมาได้ อาจจะ…” เมิ่งไหวเซินเพียงแค่เดาสิ่งที่เลวร้ายที่สุดออกมา
“ไหวเซิน ในเมื่อเป็นแบบนี้ พวกเราลองไปคุยกับคุณพ่อดีไหม ลองดูว่าท่านจะมีวิธีช่วยไหม” ฉินอวิ๋นร้อนรน ถ้าบริษัทเกิดปัญหาแล้ว ครอบครัวของพวกเธอจะทำยังไง
“คุณหมายความว่าให้ผมไปขอให้คุณพ่อช่วยเหรอ”
“ไหวเซิน ตอนนี้ถึงเวลาแล้ว คุณก็อย่าถือสาเรื่องก่อนหน้านี้เลย รีบรักษาบริษัทไว้ก่อน” ฝั่งคุณลุงเองก็สามารถช่วยได้ ถึงเวลาตระกูลเมิ่งยังสามารถฟื้นกลับคืนมาได้
เพียะ! เสียงดังก้องกังขึ้นจากใบหน้าของฉินอวิ๋น ฉินอวิ๋นปิดหน้า ดวงตาเบิกกว้าง เมิ่งไหวเซินตบเธอ
เมิ่งไหวเซินค่อยๆ ดึงมือกลับ “ฉินอวิ๋น คุณตั้งใจรึเปล่า คุณก็รู้อยู่แล้วว่าผมกับคุณพ่อไม่ลงรอยกัน ยังจะให้ผมไปขอความช่วยเหลือจากเขา หรือในสายตาคุณผมยังไม่สำคัญเท่ากับบริษัท!”
“ไหวเซิน นี่คุณเป็นอะไรไป ทำไมคุณคิดอย่างนี้ ฉันก็แค่ช่วยคุณคิด คุณจะได้ไม่ต้องกลัดกลุ้มทำหน้าอมทุกข์อยู่ตลอดก็เท่านั้นเอง” ฉินอวิ๋นรู้สึกแสบร้อนบนใบหน้า ถ้าเมิ่งไหวเซินเกิดสงสัยว่าเธอมีเจตนาอื่นแอบแฝง นั่นคงไม่ดีแน่
หลายปีมานี้ หรือว่าในสายตาเมิ่งไหวเซินเธอมันไม่น่าเชื่อถือขนาดนั้นเลยเหรอ “ไหวเซิน ฉันก็แค่คิดว่าวิธีนี้ง่าย ไม่ได้มีเหตุผลอื่น ถ้าคุณไม่ยอมจริงๆ ฉันก็จะไม่พูดแล้ว”
ฉินอวิ๋นไม่คิดว่าแค่ให้เขาไปขอร้องคุณปู่เมิ่ง เมิ่งไหวเซินจะต่อต้านรุนแรงขนาดนี้ ในความคิดของฉินอวิ๋น เรื่องอะไรก็ไม่สำคัญเท่าเงิน หน้าตาจะไปสำคัญอะไร แค่คุณมีตำแหน่ง มีอำนาจ คนอื่นก็นับถือคุณอยู่แล้ว เรื่องหน้าตาขอแค่คุณมีตำแหน่งคุณก็จะมีโอกาสรักษามันไว้ได้
เมิ่งไหวเซินเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง สุดท้ายก็ยังไม่เชื่อใจฉินอวิ๋นทั้งหมด ควรพูดว่าเมื่อก่อนเขาก็เองก็ไม่ค่อยเชื่อเธออยู่แล้ว ในใจของเมิ่งไหวเซิน ใครก็ไม่อาจไว้ใจได้เท่าตัวเอง
เมิ่งไหวเซินเดินขึ้นชั้นสองไปด้วยความโกรธ พอถึงห้องหนังสือก็พอดีกับที่เมิ่งชิงซีกำลังจะลงไปชั้นล่าง หล่อนจึงเห็นว่าเมิ่งไหวเซินกลับมาแล้ว “พ่อ กลับมาแล้วเหรอคะ”
พอเห็นว่าเมิ่งไหวเซินไม่สนใจเธอและไม่มองเธอเลย เมิ่งชิงซีก็คิดว่าใครไปยั่วโมโหเขาเข้านะ ถึงได้โมโหขนาดนี้