ตอนที่ 452 รู้จักกัน
“ป้าหลิวคะ ช่วยพาแม่ไปที่ห้องที่พวกเราเตรียมไว้ก่อนหน้านี้หน่อยค่ะ” บนชั้นสองยังมีอีกหนึ่งห้อง ถึงเวลาค่อยเตรียมห้องที่ชั้นล่างให้โอวหยางหง
“อวี้หนิง ขอโทษด้วยนะ ช่วงนี้สุขภาพฉันไม่ค่อยจะดี คุณอย่าใส่ใจที่ฉันไม่ได้อยู่เป็นเพื่อนคุณนะ”
“ไม่เป็นไร หลานอี เธอรีบไปพักผ่อนเถอะ นั่งเครื่องมาตั้งนานต้องเหนื่อยแน่”
คุณแม่ถังเข้าใจเสิ่นหลานอีดีจึงไม่มีทางทำให้อีกฝ่ายต้องรู้สึกผิดแน่ อีกอย่างนี่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ไม่ต้องเกรงใจขนาดนั้น
พวกเสิ่นหลานอีจึงขึ้นไปพักผ่อน คุณแม่ถังก็ช่วยถังโจวโจวอุ้มเสี่ยวอวี่ และโอวหยางหงก็ไปส่งคุณพ่อถัง ตอนนี้ถังโจวโจวมีเรื่องต้องคิดว่าจะให้คนไปรับพ่อสามีและแม่สามีมาด้วยไหม
เธอพูดเรื่องนี้กับลั่วเซ่าเชิน “เซ่าเชิน คุณคิดว่ายังไง”
“ช่างเถอะ ตอนนี้ตัวตนจริงๆ ของคุณแม่ยังไม่เหมาะที่จะอธิบายกับใคร เดี๋ยวถึงเวลาถ้าคุณพ่อคุณแม่มาแล้วทุกคนลำบากใจกันคงไม่ค่อยดี” ลั่วเซ่าเชินกลัวว่าเมื่อคุณพ่อลั่วคุณแม่ลั่วมาจะทำให้ยุ่งยาก บรรยากาศบนโต๊ะจะพลอยแย่ลงไปด้วย นั่นไม่มีทางส่งผลดีต่อทุกคนแน่นอนอยู่แล้ว
เสิ่นหลานอีและโอวหยางเลี่ยนับว่ารู้จักกับคุณพ่อถังคุณแม่ถังแล้ว หลังจากนั้นทุกคนก็พูดคุยกันอย่างมีความสุข หลังทานอาหารเที่ยงแล้ว ในบ้านก็ได้ต้อนรับแขกผู้มาเยือน การมาของเขาทำให้ร่างกาย ของโอวหยางเลี่ยตึงเขม็งคอยระแวดระวังเขาอยู่ตลอดเวลา
คนคนนี้ก็คือเมิ่งไหวเซินนั่นเอง เมิ่งไหวเซินมาเพื่อบอกผลตรวจกับถังโจวโจว ไม่คิดว่าจะได้มาเจอกับเรื่องน่ายินดีแบบนี้
“หลานอี คุณยังมีชีวิตอยู่จริงๆ ใช่ไหม” เมิ่งไหวเซินเห็นร่างผู้หญิงที่ตายไปแล้วเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน รู้สึกว่าเวลาผ่านมาเนิ่นนานมากแล้วแต่เธอกลับยังดูเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลย
“เมิ่งไหวเซิ่น ไม่ได้เจอกันนานเลยจริงๆ” ป้าหลิวเป็นคนให้เมิ่งไหวเซินเข้ามาแต่ก็ไม่คิดว่าจะก่อให้เกิดสถานการณ์ที่น่าอึดอัดใจเช่นนี้ เมื่อเห็นโอวหยางเลี่ยที่ดวงตาที่เต็มไปด้วยเปลวไฟ ถังโจวโจวจึงรีบเข้าไปแทรกกลางวง “คุณเมิ่งคะ ทำไมคุณถึงมากะทันหันล่ะคะ เชิญนั่งก่อนไหมคะ”
ถังโจวโจวเองก็ไม่คิดว่าเมิ่งไหวเซินจะได้พบกับมารดากะทันหันแบบนี้ โอวหยางเลี่ยขวางอยู่ตรงหน้าเสิ่นหลานอีตลอดเวลา น่าเศร้าที่เมิ่งไหวเซินดูเหมือนจะไม่รู้สึกว่ามีโอวหยางเลี่ยอยู่เลย
“เมิ่งไหวเซิน ระวังกิริยาหน่อย ตอนนี้คุณเองก็มีผู้หญิงคนใหม่แล้ว ช่วยอย่ามองภรรยาของผมด้วยสายตาแบบนั้น”
“คุณคือ…โอวหยางเลี่ยงั้นเหรอ” เมิ่งไหวเซินเพิ่งจะรู้สึกตัวว่าตรงหน้าของตัวเองดูเหมือนจะเป็นผู้ชายที่ยังดูหนุ่มแน่นมากคนหนึ่ง ผ่านมาหลายปีแล้วเขายังดูไม่เปลี่ยนเลย เมื่อเทียบกับทั้งสองคนแล้ว เมิ่งไหวเซินถึงเพิ่งรู้สึกว่าตัวเองแก่แล้ว
“ครับ เมิ่งไหวเซิน ไม่คิดว่าหลายปีแล้ว แต่คุณก็ยังดูไม่จืดเหมือนเคย” ต้องบอกว่าเดิมทีเมิ่งไหวเซินนั้นก็ดูแลตัวเองอย่างดีมาตลอด แต่น่าเศร้าที่ช่วงนี้บริษัทเข้าไปพัวพันกับเรื่องยุ่งยาก เขายุ่งมาก ผมหงอกก็ขึ้นมาหลายเส้นโดยที่ไม่ทันรู้ตัว
จู่ๆ เมิ่งไหวเซินก็รู้สึกว่าการปรากฏตัวของถังโจวโจวนั้นเป็นแผนการลับครั้งใหญ่ ผลการตรวจก็ออกมาแน่ชัดแล้วว่าเธอคือลูกสาวของเขา หรือว่าที่เธอรู้อยู่แล้วก็เพราะเธอได้พบกับเสิ่นหลานอีมาก่อนนานแล้ว
“หลานอี ที่แท้คุณก็เป็นภรรยาของเขาแล้ว หรือที่หลายปีมานี้ที่คุณไม่เคยมาหาผมเป็นเพราะผู้ชายคนนี้ ทำไมคุณถึงทำกับลูกทั้งสองคนได้ลงคอแบบนี้!” การที่ผู้หญิงของตัวเองกลายไปเป็นของคนอื่นโดยที่ตัวเองไม่รู้แบบนี้ทำให้เมิ่งไหวเซินฉุนเฉียวเป็นอย่างมาก
เมื่อก่อนเมิ่งไหวเซินให้เกียรติเสิ่นหลานอีอย่างไร ตอนนี้ก็รังเกียจเธอมากเท่านั้น ทำไมผู้หญิงคนนี้ทำอย่างนี้ได้ลง
เสิ่นหลานอีได้เขาพูดเรื่องลูกใจก็สั่นไหวขึ้นมาทันที “เมิ่งไหวเซิน คุณยังกล้าพูดเรื่องลูกทั้งสองคนอีกเหรอ ตอนนั้นคุณทำอะไรลงไป ชิงเยียนของฉันจากโลกนี้ไปนานแล้ว หรือว่าไม่ใช่เพราะพ่ออย่างคุณเป็นต้นเหตุหรือไง”
เห็นเสิ่นหลานอีตบหน้าอกตัวเอง โอวหยางเลี่ยและโอวหยางหงก็ขัดขึ้นทันที “หลานอี อย่าไปให้ค่าคนแบบนี้เลย โกรธไปก็ไม่คุ้มหรอก”
“แม่ครับ แม่ไม่ต้องโกรธครับ เดี๋ยวเสี่ยวอวี่จะปวดใจนะครับ”
เมิ่งไหวเซินเห็นครอบครัวของพวกเขาต่างรักใคร่ปรองดองเช่นนั้นก็เอ่ย “ได้ เสิ่นหลานอี คุณนี้ดีจริงๆ ที่แท้คุณก็มีลูกชายที่โตขนาดนี้กับโอวหยางเลี่ยแล้วเหรอ”
“เมิ่งไหวเซิน คุณไม่มีสิทธิ์มาว่าฉันนะ ไม่ใช่ว่าคุณเองก็มีลูกสาวอย่างเมิ่งชิงซีกับฉินอวิ๋นแล้วเหรอ แล้วเมิ่งชิงซียังอ่อนกว่าชิงหลานแค่ปีเดียวเท่านั้นเอง”
ตอนที่ 453 เมิ่งไหวเซินได้เห็นแล้ว
เมิ่งไหวเซินถูกเสิ่นหลานอีตำหนิจนสะอึกไป ตอนนั้นที่เสิ่นหลานอีคลอดเมิ่งชิงหลานเขากับฉินอวิ๋นได้มีความสัมพันธ์กันโดยไม่ได้ตั้งใจจริง แต่เขาก็ไม่รู้ว่า ครั้งนั้นจะทำให้มีลูก
สำหรับเรื่องนี้ แน่นอนว่ามันเป็นความผิดของเขา “แต่ในเมื่อคุณยังมีชีวิตอยู่ ทำไมหลายปีมานี้คุณถึงไม่กลับมา”
“กลับมาเพื่อดูว่าคุณแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่นไปแล้วน่ะเหรอ” โอวหยางเลี่ยทนไม่ได้ที่เห็นเมิ่งไหวเซินแสดงท่าทีเสแสร้งออกมา มีอะไรก็พูดออกมาสิ ทำไมต้องมาทำท่าทางลึกซึ้งอะไรด้วยทั้งๆ ที่ความจริงแล้วคนที่เขารักที่สุดก็คือตัวเขาเอง
“แม่หลานอีคะ ลุงโอวหยาง พวกเรานั่งลงก่อนไหมคะ พ่อคะแม่คะ ช่วยพาเสี่ยวอวี่กับลั่วอิงไปพักในห้องหน่อยนะคะ”
“ได้ ลูกก็ใจเย็นนะ” คุณพ่อถังคุณแม่ถังเห็นว่าพ่อของถังโจวโจวคนนี้จ้องแต่จะโยนความผิดให้คนอื่น แต่กลับไม่เคยพิจารณาตัวเองเลยสักนิด
คุณพ่อถังจูงลั่วอิงส่วนคุณแม่ถังอุ้มเสี่ยวอวี่ ทั้งสองคนขึ้นไปบนชั้นสอง ในห้องรับแขกจึงเหลือเพียงพวกเขาหกคนที่นั่งอยู่
“คุณเมิ่งคะ เชิญนั่งก่อนค่ะ มีเรื่องอะไรพวกเรานั่งกันก่อนแล้วค่อยคุยกัน”
คำพูดของถังโจวโจวค่อนข้างมีอิทธิพลต่อเสิ่นหลานอี เสิ่นหลานอีจึงนั่งลง โอวหยางเลี่ยก็นั่งตามเธอ เมิ่งไหวเซินเห็นครอบครัวของพวกเขาท่าทางมีความสุข บรรยากาศของความสามัคคีที่เขาไม่สามารถแทรกเข้าไปได้อย่างนั้น
“ถังโจวโจว เธอเป็นลูกสาวของฉันแน่นอน เสิ่นหลานอีคงบอกเรื่องทั้งหมดนี้กับเธอแล้วใช่ไหม”
ถังโจวโจวพยักหน้า ในที่สุดเมิ่งไหวเซินก็รู้ว่าตัวเองถูกเธอปั่นหัวเอาเสียแล้ว เดิมทีถังโจวโจวรู้ความจริงทั้งหมดจากปากของเสิ่นหลานอีแล้วแท้ๆ เธอคงไม่ต้องการจะรู้จักพ่ออย่างเขาจริงๆ
“เสิ่นหลานอี ในเมื่อหลายปีมานี้คุณไม่เคยกลับมา แล้วจู่ๆ ทำไมคุณถึงกลับมา” เมิ่งไหวเซินค่อนข้างโกรธ ทำไมเธอต้องกลับมาด้วย ทำให้เขาคิดว่าเธอตายไปนานแล้วไม่ดีหรือไง
“ทำไมเมิ่งชิงซีต้องมาทำร้ายลูกสาวฉันด้วย ครั้งนี้ที่ฉันกลับมาก็เพื่อจะมาคิดบัญชีกับเธอ เมิ่งไหวเซิน คุณทำได้แค่พูดว่าเป็นพ่อแท้ๆ ของโจวโจวแต่กลับไม่เคยทำอะไรเลย” แต่ไหนแต่ไรมาเสิ่นหลานอีไม่เคยปฏิเสธว่าเขาคือพ่อของลูกสาวเธอ แต่นับวันเขายิ่งทำให้เธอผิดหวังมากขึ้นเรื่อยๆ
“แล้วคุณล่ะ หลายปีมานี้ที่โจวโจวต้องได้รับความทุกข์ใจความลำบาก ไม่ใช่เพราะมีแม่อย่างคุณเหรอ ชิงเยียนก็จากโลกนี้ไปนานแล้ว ก็เพราะว่าคุณไม่รีบกลับมาหาพวกเธอนั่นแหละ”
“เมิ่งไหวเซิน คุณลองพูดอีกทีซิ ลองดูว่าผมจะกล้าต่อยคุณไหม” โอวหยางเลี่ยเห็นเสิ่นหลานอีอารมณ์แปรปรวนไปมาแบบนั้นก็เอ่ยขึ้น ก็เคยบอกแล้วไงว่าอย่าให้เธอเจอกับเมิ่งไหวเซิน เธอก็ไม่ยอมฟัง
“โอวหยางเลี่ย คุณไม่มีสิทธิ์มาว่าผมนะ” พอเห็นโอวหยางเลี่ย เมิ่งไหวเซินก็ได้สติขึ้นมา เสิ่นหลานอีเป็นภรรยาของเขาไปแล้ว ไม่ใช่ของเขาเพียงคนเดียวอีกต่อไป
เมิ่งไหวเซินเองก็ไม่รู้ว่าทำไม ปกติถ้าผ่านมานานหลายปีขนาดนี้แล้ว เขาควรจะปล่อยวางได้แล้ว อาจเป็นเพราะครั้งล่าสุดเพิ่งทะเลาะกับฉินอวิ๋นไป เมิ่งไหวเซินรู้สึกว่าย้อนกลับไปยังช่วงเวลาที่เขาและหลานอีได้แต่งงานกันตอนนั้นก็ไม่เลวเลย
“ผมมีสิทธิ์แน่นอน คุณต่างหากที่ไม่มีสิทธิ์มาว่าหลานอี ตอนนี้ผมเป็นสามีของหลานอี ส่วนตอนนี้คุณคือคนอื่น” โอวหยางเลี่ยมักพูดถึงการมีอยู่ของฉินอวิ๋นอยู่ตลอด เป็นหลักฐานว่าเมิ่งไหวเซินทรยศเสิ่นหลานอี
ไม่สิ พูดอย่างนี้ก็ไม่ถูก เขาทรยศหลานอีมานานแล้ว หลานอีรู้ว่าเขาอยู่ข้างนอกก็ไปหาคนอื่น ดังนั้นเรื่องถึงแดงออกมา
“พอเถอะค่ะ ลุงโอวหยาง อย่าพูดถึงเรื่องนี้ต่อไปเลยค่ะ คุณเมิ่งคะ วันนี้ที่คุณมาก็เพื่อจะบอกผลการตรวจใช่ไหมคะ ถ้ามีแค่นี้ คุณกลับไปได้แล้วล่ะค่ะ”
ถังโจวโจวรู้ว่าโอวหยางเลี่ยอยากช่วยเสิ่นหลานอี แต่แม่ของเธอกับพ่อเองก็มีลูกด้วยกันถึงสองคนแล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างกันมักจะตัดไม่ขาด อย่างคุณลุงโอวหยางคงทำได้เพียงทำให้รอยร้าวของทั้งคู่ยากจะประสานกันยิ่งขึ้นเท่านั้น
“โจวโจว พ่ออยากให้ลูกกลับไปที่บ้านตระกูลเมิ่งกับพ่อ ถ้าคุณปู่รู้ว่าลูกยังอยู่จะต้องดีใจมากแน่ๆ” ในที่สุดเมิ่งไหวเซินก็เอ่ยจุดประสงค์ของตัวเองออกมา เมื่อเสิ่นหลานอีได้ยินชื่อเมิ่งซงอวิ๋นก็เอ่ยถามว่า “คุณพ่อสบายดีไหม”
เมิ่งซงอวิ๋นเองก็น่าจะอายุมากแล้ว คนในตระกูลเมิ่งที่เสิ่นหลานอียังปล่อยวางไม่ได้ก็คือเมิ่งซงอวิ๋นและลูกสาวทั้งสองของเธอ ตอนนี้พอได้ยินชื่อเมิ่งซงอวิ๋นแน่นอนว่าย่อมอดไม่ได้ที่จะถามขึ้น