ตอนที่ 500 พูดคุย
เมื่อถังโจวโจวยกอาหารออกมาก็พบว่าทั้งสองคนกำลังพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน ดูเหมือนว่าบรรยากาศจะไม่เลวเลย “มาค่ะ ลองชิมคุกกี้ฝีมือฉันหน่อย” ถังโจวโจววางกาแฟไว้ตรงหน้าลั่วเซ่าเชิน เพราะกลัวว่าเสี่ยวอวี่จะวิ่งไปโดนลวกเข้าจึงอุ้มเสี่ยวอวี่มาไว้ในอ้อมกอดตัวเอง
เธอนั่งลงข้างๆ ลั่วเซ่าเชินและถือโอกาสถามเขา “ไม่ใช่ว่าตอนนี้คุณควรจะอยู่ที่บริษัทเหรอ ทำไมอยู่ๆ ถึงมาที่นี่ได้ล่ะ” อาหารตอนเที่ยงก็ฝากไปกับลูซี่แล้วไม่ใช่เหรอ ทำไมเขาถึงมาอีกล่ะ
“ก็เพราะคิดถึงคุณไง แล้วก็คิดถึงเสี่ยวอวี่ด้วย” เมื่อถังโจวโจวได้ยินสิ่งที่ลั่วเซ่าเชินพูด หน้าก็เริ่มแดงขึ้นมา คนคนนี้นับวันยิ่งปากหวานขึ้นทุกวัน
เมื่อเห็นว่าเซียวโม่จ้องมองพวกเขาอยู่ตลอด ถังโจวโจวก็ก้มหน้าอย่างอายๆ เบี่ยงความสนใจทั้งหมดไปอยู่ที่ตัวเสี่ยวอวี่ หยอกล้อเขาไปเรื่อยๆ ตอนนี้เธอไม่ได้รู้สึกอึดอัดกับเซียวโม่มากเท่าเดิมแล้ว
เมื่อดื่มกาแฟไปแก้วหนึ่งแล้ว เซียวโม่ก็นึกว่าคนสองคนไม่สนใจการดำรงอยู่ของเขาเลยเหรอ
อืม ไม่ใช่สิ พูดแบบนี้ก็ไม่ถูก ต้องบอกว่าลั่วเซ่าเชินต่างหากที่ไม่สนใจเขาเลยเอาแต่หยอกล้ออยู่กับถังโจวโจว เพื่อไม่ให้เธอสนใจเซียวโม่ ทำให้เซียวโม่เงียบขรึมลง
“เอาล่ะ โจวโจว กาแฟก็ดื่มหมดแล้ว ผมเองก็มีธุระต่อ ผมขอตัวก่อนละกันนะ”
“กลับแล้วเหรอ ไม่นั่งอีกหน่อยเหรอ” ถังโจวโจวเห็นแก้วกาแฟของเขาว่าดื่มหมดแล้วจริงๆ ดูไม่เหมือนการปฏิเสธ ถังโจวโจวยังรู้สึกว่าลั่วเซ่าเชินทำเกินไปแล้ว ทำให้เซียวโม่ไม่สบายใจเสียได้
“ไม่แล้วล่ะ ที่บริษัทยังมีงานอีก เดิมทีแค่อยากมาเดินพักไม่นาน ไม่คิดว่าจะได้มาเจอเธอเลยเข้ามานั่งเล่น”
พอถังโจวโจวเห็นว่าเซียวโม่พูดแบบนี้ก็ไม่ได้รั้งเขาไว้ “อย่างนั้นก็ได้ เดี๋ยวฉันไปส่งคุณ ครั้งหน้าถ้ามีโอกาสก็แวะมาได้อีกนะ ถึงเวลานั้นฉันจะต้อนรับคุณอย่างดีเลย”
“แน่นอน ผมต้องมาร้านคุณอีกแน่” ถังโจวโจวส่งเซียวโม่ออกจากร้านไป เห็นเขาขึ้นรถแล้วเธอจึงกลับเขามาในร้าน ใครจะรู้พอเข้ามาก็เห็นลั่วเซ่าเชินอุ้มลูกชายอยู่ด้วยท่าทางเศร้าสร้อย ทำให้เธอตกใจจนเกือบวิ่งหนีแล้ว “คุณทำอะไรน่ะ ฉันตกใจแทบแย่”
“ก็ใครใช้ให้คุณสนใจคนอื่นขนาดนั้นล่ะ” ลั่วเซ่าเชินเริ่มจะบ่นอุบอิบขึ้นมา ถังโจวโจวรู้สึกว่า หลังจากเธอกับลั่วเซ่าเซินจัดงานแต่งงานกันแล้วก็เหมือนว่าเขาจะดูกังวลเกี่ยวกับการสูญเสียอยู่เสมอ ก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้เป็นขนาดนี้นี่หรือเข้าวัยกลางคนล่วงหน้าแล้วเหรอ
ถ้าลั่วเซ่าเชินรู้ว่าถังโจวโจวคิดอย่างนี้กับเขา เขาคงเป็นบ้าแน่ ทั้งๆ ที่เป็นเพราะเขารักถังโจวโจวแท้ๆ เพราะว่ารักมากถึงได้ไม่ต้องการให้ใครมาใครมายุ่งกับถังโจวโจว
น่าเสียดายที่ไม่สามารถพูดออกมาได้ และเธอเองก็ไม่ได้เอ่ยถาม ทั้งสองคนเหมือนเดาใจกัน คุณทายใจฉัน ฉันทายใจคุณ
“ฉันจะสนใจแต่เซียวโม่ได้ยังไง ฉันไปส่งเขาเสร็จก็กลับมาเลย” ถังโจวโจวคิดอย่างละเอียดว่าการกระทำของตัวเองเมื่อครู่ก็ไม่ได้มีอะไรที่ไม่เหมาะสม
“ยังไงคุณก็มองเขา มองนานมากด้วย” ลั่วเซ่าเชินในตอนนี้ ไม่ต่างจากเสี่ยวอวี่เลยสักนิด ถึงแม้เสี่ยวอวี่จะยังเด็กแต่ก็ไม่ได้เป็นแบบนี้
ถึงแม้ตอนนี้เขาจะไม่ถือว่าโกรธ ถังโจวโจวก็ไม่สนใจเขาและกลับไปสนใจเก็บโต๊ะแทน ในร้านมีเรื่องหลายเรื่องที่ต้องทำ เธอไม่มีเวลาจะมาทะเลาะกับเขาหรอกนะ
ลั่วเซ่าเชินรู้สึกผิดมาก หรือครั้งก่อนเขาทำเกินไป ช่วงนี้ถังโจวโจวถึงไม่สนใจเขา ลั่วเซ่าเชินรู้สึกไม่สบายใจเลย
“โจวโจว ผมมีเรื่องอยากคุยกับคุณ”
จู่ๆ ลั่วเซ่าเชินก็เริ่มเอาใจใส่ขึ้นมา ถ้าเขากับถังโจวโจวยังเป็นแบบนี้ล่ะก็ อย่างนั้นคงไม่ดีแน่ ถ้าในใจทั้งสองคนไม่มีความสุข แล้ววันหนึ่งถ้าอารมณ์โกรธมันเกิดระเบิดขึ้นมา คงจะอันตรายมาก เขาต้องจัดการกับเรื่องนี้ก่อน
ถังโจวโจวเห็นท่าทางของลั่วเซ่าเชินดูจริงจังขึ้นมาก็คิดว่าควรที่จะพูดคุยด้วยหน่อย ช่วงนี้เขาไม่ค่อยเหมือนเดิม บ่อยครั้งที่ไม่ต่างไปจากเด็กๆ ทั้งที่เมื่อก่อนไม่ได้เป็นแบบนี้
ตอนที่ 501 การสนทนาที่เงียบสงบ
ถังโจวโจวพาลั่วเซ่าเชินมาที่ช่องเล็กๆ เอาเสี่ยวอวี่ส่งให้พนักงานในร้านชั่วคราว ทั้งสองคนนั่งลงแล้วพูดคุยกันอย่างใจเย็น “คุณอยากคุยเรื่องอะไรเหรอ”
“คุณอยากคุยเรื่องอะไรเหรอ” ทั้งสองคนพูดออกมาพร้อมกัน ถังโจวโจวและลั่วเซ่าเชินต่างก็โบกมือ
ถังโจวโจวพูดออกมาก่อน “เซ่าเซิน เป็นคุณเองที่อยากคุยกับฉัน ทำไมถึงถามฉันละว่าอยากจะคุยเรื่องอะไร แล้วฉันจะรู้ได้ยังไงเล่า” ปัญหานี้เป็นปัญหาที่ลั่วเซ่าเชินพูดขึ้นมาก่อน เขาจึงต้องพูดก่อน
“โจวโจว ผมอยากรู้ว่าในใจตอนนี้คุณคิดยังไง ผมรู้สึกว่าช่วงนี้พวกเราสองคนผิดปกติ”
ตอนที่ถังโจวโจวอยู่กับเขา เขารู้สึกเหมือนมีความโกรธมากมายกั้นขวางพวกเขาอยู่ มันไม่ได้เป็นอย่างที่เคยเป็นเหรอ แท้จริงแล้วมันเรื่องอะไรกันแน่ หรือว่าโจวโจวไม่รักเขาแล้วเหรอ
ลั่วเซ่าเชินไม่อยากให้ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนต้องเป็นอยู่อย่างนี้ แต่ตอนนี้สถานการณ์ไม่ง่ายที่จะให้เขาถอยอีก
“มีเหรอ ทำไมฉันไม่รู้ แค่ช่วงนี้ฉันรู้สึกว่าคุณทำตัวเหมือนเด็ก เซ่าเซิน ตอนนี้เราเป็นครอบครัวเดียวกันแล้วนะ คุณควรเรียนรู้ที่จะเป็นผู้ใหญ่นะคะ”
ลั่วเซ่าเชินไม่เข้าใจ เขาไม่เป็นผู้ใหญ่ตรงไหน ถังโจวโจวช่างอคติจริงๆ เห็นได้ชัดว่าเมื่อโจวโจวเป็นภรรยาของเขาแล้ว เขาไม่สามารถละเลยเธอได้และเวลาส่วนใหญ่ก็มีให้เธอเท่านั้น
“ผมไม่เป็นผู้ใหญ่ตรงไหน คุณบอกให้ผมฟังหน่อย” ลั่วเซ่าเชินเงี่ยหูรอฟัง เขาเองก็อยากจะรู้ ถังโจวโจวเห็นว่าเขาไม่เป็นผู้ใหญ่ยังไง
“เช่นเรื่องของเซียวโม่วันนี้ เห็นๆ อยู่ว่าฉันกับเขาไม่ได้มีอะไรกันเลย ทำไมคุณถึงยังใช้น้ำเสียงอย่างนั้นอีก เหมือนกับว่าฉันกับเขาทำอะไรกันอย่างนั้นแหละ”
“คุณไม่พอใจเพราะเรื่องนี้เหรอ โจวโจว คุณต้องรู้นะว่าผมเองก็เป็นผู้ชายคนหนึ่ง เป็นไปไม่ได้ที่จะเห็นอดีตคู่แข่งแล้วไม่คิดอะไรเลย” ตนไม่ต่อยหน้าอีกฝ่ายก็ดีแค่ไหนแล้ว ยังจะคาดหวังสีหน้าดีๆ จากเขาอีกเหรอ คงทำได้ตอนแก่นู่นแหละ
“ฉันไม่ได้อารมณ์เสียเพราะเรื่องนี้ ฉันแค่รู้สึกว่าความเชื่อมั่นระหว่างเรามันมีน้อยมาก ถ้าคุณเชื่อใจฉันจริงๆ ก็คงไม่เกิดความรู้สึกแบบนี้หรอก” ถังโจวโจวเริ่มเผชิญหน้ากับความผิดของลั่วเซ่าเชินตรงๆ
เธอพูดถูก เขาไม่เชื่อมั่น แต่ไม่ใช่ว่าไม่เชื่อใจถังโจวโจว เขาไม่เชื่อใจเซียวโม่ต่างหาก ใครจะรู้เกิดวันไหนหมอนั่นเกิดเปลี่ยนใจขึ้นมา ถึงวันนั้นแล้วโจวโจวเกิดใจอ่อน เขาจะมานั่งร้องไห้ก็คงไม่ทันแล้ว
“โจวโจว แน่นอนว่าผมเชื่อคุณ ต่อไปผมจะไม่เป็นอย่างนี้อีก” ลั่วเซ่าเชินพูดขึ้นทันที เขากลัวว่าถ้าเขาช้าไปอีกนิด ถังโจวโจวจะต้องคิดว่าเขาไม่เชื่อเธอแน่
“จริงเหรอ” เขาตอบมาเร็วมาก ถังโจวโจวเลยรู้สึกว่าไม่ค่อยน่าเชื่อถือสักเท่าไหร่
“จริงแน่นอน ผมเคยหลอกคุณเมื่อไหร่กัน นอกจากนี้ลูกของพวกเราก็มีแล้ว ผมจะยังกลัวเขาทำไมอีก” ลั่วเซ่าเชินพยายามทำให้ใจของตัวเองสงบนิ่งที่สุด เขาควรคว้าโอกาสที่จะได้อยู่ด้วยกันกับถังโจวโจวเอาไว้ และไม่ควรทำให้เรื่องเล็กเป็นเรื่องใหญ่
ทั้งสองคนเริ่มพูดคุยกัน หลังจากนั้นบทสนทนาก็ดูอ่อนลงมาก ถังโจวโจวเอาเรื่องเล็กๆ หรือบางครั้งที่ไปพบเจอเรื่องตลกๆ ที่เกิดขึ้นกับตัวเองช่วงนี้เล่าให้ลั่วเซ่าเชินฟัง เสียงหัวเราะของทั้งสองคนดังออกไปด้านนอกจนพนักงานได้ยิน
“ดูเหมือนว่าเจ้านายทั้งสองจะดีกันแล้วนะ แต่ก็ไม่ง่ายเลยจริงๆ” ก่อนหน้านี้สีหน้าของทั้งสองดูนิ่งขรึมมาก พวกเธอที่เป็นคนนอกเห็นแล้วยังกลัว ยังคิดว่าทั้งสองคนมีปัญหาอะไรกันเสียอีก
ตอนนี้ได้ยินเสียงหัวเราะก็คงจะแปลว่าดีขึ้นแล้ว ปีนี้ที่ทำงานก็ไม่ง่ายแล้ว ตอนนี้ยังต้องมาเป็นห่วงเจ้านายอีก กลัวว่าร้านนี้จะถูกปิดเพราะอารมณ์แปรปรวนของเจ้านาย
“ใกล้ถึงเวลาเลิกงานแล้ว ผมคงไม่กลับบริษัทแล้วล่ะ รออีกเดี๋ยวพวกเราไปรับลั่วอิงพร้อมกันเถอะ หลังจากนั้นก็ค่อยกลับบ้าน คุณว่าดีไหม” วันนี้ลั่วเซ่าเชินแอบขี้เกียจหนึ่งวัน ในเมื่อออกมาแล้วก็คงไม่กลับไปแล้ว อย่างไรก็ตามก็ใกล้จะเลิกงานแล้ว เจ้านายอย่างเขาก็ขอขาดงานสักครึ่งวันแล้วกัน
“ได้ ถ้าอย่างนั้นฉันไปดูเสี่ยวอวี่ก่อน คุณนั่งต่อเถอะ” ถังโจวโจวไม่ได้ไปรับลั่วอิงนานแล้ว ถือโอกาสนี้ไปรับหน่อยก็ดี