หันฮุ่ยซินจำได้แม่นยำ ตอนที่เธอเข้าใกล้ลั่วเซ่าเชิน เธอเห็นปากของลั่วเซ่าเชินขยับไปมาแล้วพึมพำว่า ‘โจวโจว โจวโจว…’
แผนเดิมของหันฮุ่ยซินถูกทำลายลงด้วยคำสองคำที่ลั่วเซ่าเชินละเมอออกมา หันฮุ่ยซินนั่งเหม่อลอยอยู่ริมเตียง มองดูลั่วเซ่าเชินนอนหลับอย่างสบายใจ ตอนนี้ในใจของเขามีแต่ถังโจวโจวอย่างนั้นหรือ?
ถังโจวโจวก็ยังไม่อยากจะเชื่อ แต่หันฮุ่ยซินพูดด้วยเสียงหนักแน่นขนาดนี้ ถังโจวโจวไม่เชื่อคงไม่ได้ แต่ตอนนี้เธอยังต้องพูดคุยกับหันฮุ่ยซินอยู่ ดังนั้น ไม่ว่ายังไงเธอก็ต้องยืนกราน ไม่ขอยอมรับความจริงนี้เอาไว้ก่อน “คุณหัน ขอโทษด้วยนะ เรื่องนี้เซ่าเชินเคยบอกฉันแล้ว และฉันก็เชื่อเขา”
หันฮุ่ยซินรู้ดีว่าถังโจวโจวกำลังปากแข็ง แต่กลับไม่ยอมพูดออกมา “โจวโจว ถึงขนาดนี้แล้วถ้าคุณยังไม่ยอมเชื่อ งั้นฉันก็ไม่พูดมากแล้ว”
หันฮุ่ยซินวางสายไปแล้ว ส่วนถังโจวโจวก็ไม่มีกะจิตกะใจจะเข้าครัวทำขนมอีก ป้าหลิวที่กำลังรอถังโจวโจว เพราะเธอบอกไว้ว่าจะทำขนม แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่เห็นลงมาเลย จึงตรงขึ้นไปดูข้างบน ค่อยๆ เคาะประตูหน้าห้องนอนใหญ่เบาๆ “คุณผู้หญิงคะ?”
“คะ ป้าหลิว เข้ามาสิคะ” ถังโจวโจวเช็ดน้ำตา พลันมองเห็นป้าหลิวเดินเข้ามา
“คุณผู้หญิงจะทำขนมไม่ใช่หรือคะ ฉันเตรียมวัตถุดิบต่างๆ ไว้ให้หมดแล้ว” ป้าหลิวยิ้มพลางมองถังโจวโจว และเมื่อเธอเห็นว่าอีกฝ่ายดูซึมๆ ไป ป้าหลิวจึงเอ่ยถามอย่างเป็นห่วงว่า “เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่าคะคุณผู้หญิง”
แน่นอนว่าถังโจวโจวไม่มีทางพูดเรื่องนั้นกับป้าหลิวอยู่แล้ว เธอจึงพยายามฉีกยิ้ม “ป้าหลิว จู่ๆ ฉันก็รู้สึกไม่สบายนิดหน่อย อยากนอนบนเตียงสักครู่ วันนี้ก็คงไม่ได้ทำขนมแล้ว” ถังโจวโจวกุมหน้าผาก
เมื่อป้าหลิวเห็นว่าเธอดูจะไม่สบายจริงๆ ก็กระวนกระวายใจ “คุณผู้หญิงคะ ให้ฉันบอกคุณผู้ชายไหมคะ หรือว่าจะให้ฉันพาคุณไปตรวจที่โรงพยาบาลดี?”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ ป้าหลิว นอนพักสักครู่เดี๋ยวก็หายแล้ว ป้าหลิวลงไปจัดการธุระต่อเถอะค่ะ” ตอนนี้ถังโจวโจวไม่มีแรงจะคุยกับป้าหลิวต่อแล้ว เธอจึงอยากให้ป้าหลิวออกไปก่อน เธออยากอยู่ในห้องว่างๆ กับตัวเองคนเดียว
“ได้ค่ะ คุณผู้หญิง งั้นฉันออกไปก่อน คุณก็พักผ่อนให้มากๆ นะคะ” ป้าหลิวช่วยปิดประตูห้องให้ถังโจวโจว
เมื่อถังโจวโจวเห็นว่าป้าหลิวออกไปแล้ว เธอก็ไม่ต้องฝืนยิ้มแย้มต่อหน้าคนอื่นแบบนั้นอีก เธอหลั่งน้ำตาอยู่เงียบๆ นึกถึงเรื่องที่ลั่วเซ่าเชินหลอกเธอซ้ำไปซ้ำมา ถังโจวโจวคิดว่าเธอไม่ควรเชื่อเขาแต่แรกเลย ทุกสิ่งที่เขาพูดมาก่อนหน้านี้เป็นเพียงเรื่องหลอกลวงเท่านั้นเอง
ถังโจวโจวหวนนึกถึงภาพถ่ายภาพนั้นระหว่างลั่วเซ่าเชินกับหันฮุ่ยซิน คนสองคนเปลือยกายอยู่ด้วยกัน ถ้าหากเอารูปนี้ให้ลั่วเซ่าเชินดูต่อหน้า ไม่รู้ว่าเขายังจะคิดคำหลอกลวงออกมาได้อีกไหม?
ถังโจวโจวนั่งร้องไห้ในห้องคนเดียวอยู่นาน จากนั้นเธอก็ทิ้งตัวลงนอนบนเตียง สายตาทอดมองไปข้างหน้า แต่ก็ไม่รู้ว่ามองอะไรอยู่
เมื่อลั่วเซ่าเชินกลับมาถึงบ้าน เขาก็ได้ยินป้าหลิวเล่าว่าวันนี้ถังโจวโจวเอาแต่หมกตัวอยู่ในห้อง จนป่านนี้ยังไม่ออกมาเลย ลั่วเซ่าเชินรู้สึกถึงความผิดปกติ เขาจึงให้ลั่วอิงเอาของขึ้นไปเก็บในห้องตัวเองก่อน ส่วนลั่วเซ่าเชินก็ตรงไปที่ห้องนอนเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้นกับถังโจวโจว
ภายในห้องนั้นมืดสนิท ถังโจวโจวดึงม่านปิดไว้หมด เมื่อลั่วเซ่าเชินเดินเข้ามา เขาก็หมายจะเปิดไฟ แต่ทันใดนั้นถังโจวโจวก็ส่งเสียงมาว่า “อย่าเปิด” ลั่วเซ่าเชินทำตามที่เธอบอก เขาไม่ได้เปิดไฟ
ทีแรกลั่วเซ่าเชินคิดว่าที่ในห้องนอนมืดแบบนี้เพราะถังโจวโจวกำลังหลับ แต่พอเธอส่งเสียงมา เขาก็ได้รู้ว่าเธอยังตื่นอยู่ “คุณทำอะไรน่ะ ฟ้ายังไม่ทันมืด ทำไมถึงปิดม่านจนหมดแบบนี้”
ถึงแม้ว่าตอนนี้จะเป็นเวลาเย็นแล้ว แต่ข้างนอกยังมีแสงสว่างอยู่บ้าง ไม่เหมือนข้างในนี้ที่ไม่มีแม้แต่แสงแดดรำไร ลั่วเซ่าเชินเดินอยู่ในห้องก็กลัวว่าจะสะดุดล้ม
ลั่วเซ่าเชินคลำไปจนถึงข้างหน้าต่าง เขาเปิดม่านขึ้นมาครึ่งหนึ่ง แล้วเมื่อหันไปมองก็พบว่าถังโจวโจวนอนอยู่บนเตียง ดวงตาแดงก่ำ
ลั่วเซ่าเชินรีบเดินไปที่ข้างเตียง และเมื่อเห็นว่าสภาพของเธอดูย่ำแย่มาก เขาจึงรีบเอ่ยถาม “เป็นอะไรไป ใครรังแกคุณ บอกผมมา ผมจะไปจัดการมันเอง!”
ถังโจวโจวเหลือบตาขึ้นมาสบตากับลั่วเซ่าเชิน เธอเห็นว่าสีหน้าเขาเป็นกังวลจริงๆ แต่ถังโจวโจวก็ลดสายตาลง ไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบสักนิด
“โจวโจว เกิดอะไรขึ้นกับคุณ” ลั่วเซ่าเชินพยายามสงบสติอารมณ์ ก่อนจะถามขึ้นอีกครั้ง
ถังโจวโจวได้ยินคำพูดของเขาที่แสดงความห่วงใยอย่างสุดซึ้ง ก็หวนคิดไปถึงเรื่องที่เขาแอบทำลับหลังเธอ น้ำตาก็พลันไหลลงมาอีก ลั่วเซ่าเชินเห็นเธอร้องไห้ออกมาไม่หยุด จึงรีบใช้มือช่วยเช็ดน้ำตาให้ เมื่อสังเกตใกล้ๆ ลั่วเซ่าเชินก็พบว่าปลอกหมอนเปียกชุ่มไปหมด นี่เสียน้ำตาไปมากเท่าไรแล้วเนี่ย!
“โจวโจว อย่าร้องไห้เลยนะ เกิดเรื่องอะไรขึ้นก็พูดออกมาเถอะ ร้องไห้หนักแบบนี้จะยิ่งไม่ดีต่อสุขภาพนะ ร่างกายคุณเพิ่งจะหายดีแท้ๆ” ลั่วเซ่าเชินเห็นว่ายิ่งพูดถังโจวโจวก็ยิ่งร้องไห้หนักขึ้น เมื่อเธอไม่ยอมพูดอะไรเลยก็ยากที่เขาจะคาดเดาได้ แน่นอนว่าก่อนหน้านี้เธอไม่ได้เป็นแบบนี้ อยู่ๆ ทำไมวันนี้ถึงได้ผิดปกติแบบนี้ล่ะ?
ลั่วเซ่าเชินเห็นว่าถามอะไรไปถังโจวโจวก็ไม่ยอมตอบ จึงลงมาข้างล่างเพื่อถามป้าหลิวว่าวันนี้เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ แต่ป้าหลิวกลับส่ายหัว “คุณผู้ชาย คุณผู้หญิงไม่ได้เป็นอะไรมากใช่ไหมคะ วันนี้คุณผู้หญิงบอกว่าไม่ค่อยสบาย นอนอยู่ในห้องทั้งวัน ทีแรกเธอบอกว่าจะทำขนม แต่จู่ๆ เธอก็ไม่ทำแล้ว”
ลั่วเซ่าเชินเห็นว่าถามไปก็ไม่ได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์อะไร มีแต่จะยิ่งทำให้คิดหนัก นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? จู่ๆ เขาก็นึกถึงลั่วอิงขึ้นมา คิดว่าถ้าให้ลั่วอิงไปถามคงจะได้ผล จึงกวักมือเรียกลั่วอิง “ลั่วอิง มานี่หน่อยเร็ว”
“คุณพ่อ มีอะไรหรือคะ” ในมือของลั่วอิงถือถ้วยเจลลี่อยู่ เธอกินอย่างเอร็ดอร่อย
ลั่วเซ่าเชินย่อตัวลงมา ลูบหัวเล็กๆ ของลั่วอิง “ลั่วอิง แม่โจวโจวดูเหมือนจะไม่ค่อยมีความสุข หนูขึ้นไปถามให้พ่อหน่อยได้ไหมครับว่าทำไมแม่โจวโจวถึงไม่มีความสุข?”
“ทำไมคุณพ่อไม่ไปถามเองล่ะคะ” ลั่วอิงกัดช้อนตักเจลลี่ ด้วยหน้าตาท่าทางแสนน่ารัก
ลั่วเซ่าเชินถูกคำพูดของลั่วอิงโจมตี เขาไม่มีทางเลือกจึงบอกว่า “พ่อถามแล้ว แต่ว่าแม่โจวโจวของหนูไม่ยอมพูดด้วย คุณพ่อถึงต้องให้นางฟ้าตัวน้อยๆ ของพ่อออกโรงนี่ไง พ่อเชื่อว่าหนูต้องทำสำเร็จแน่นอน!”
“คุณพ่อคะ ถ้าอย่างนั้นหนูควรถามว่าอะไรคะ” ลั่วอิงยังคงไม่เข้าใจ ทำไมถ้าเธอไปถาม แม่โจวโจวถึงจะพูดออกมา แต่ทำไมพอเป็นคุณพ่อถาม แม่โจวโจวถึงไม่พูดล่ะ?
ลั่วเซ่าเชินกระซิบข้างหูเธอ ลั่วอิงพยักหน้าเหมือนจะเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง ลั่วเซ่าเชินยื่นมือใหญ่ๆ ออกมา “มา! แปะมือกับพ่อหน่อย”
แปะ! ทั้งสองคนแปะมือกันเรียบร้อย มองดูแล้วมีพลังไม่ใช่น้อยเลย
ลั่วอิงไม่ลืมที่จะเอาเจลลี่ในมือไปด้วย ตึงๆๆ เธอเดินขึ้นไปข้างบนจนมาถึงห้องนอนใหญ่ ประตูถูกเปิดไว้ครึ่งหนึ่ง ลั่วอิงค่อยๆ ผลักประตูให้เปิดออก เธอเห็นว่าถังโจวโจวนอนอยู่บนเตียง ลั่วอิงส่งเสียงร่าเริงออกมา “แม่โจวโจวขา ลงไปกินข้าวกันได้แล้วค่ะ”
ถังโจวโจวได้ยินเสียงของลั่วอิงแล้ว แต่เธอก็ยังไม่ลุกขึ้นมา ลั่วอิงเห็นว่าไม้นี้ไม่เป็นผล จึงเดินไปอยู่ข้างหน้าถังโจวโจว ใบหน้าของถังโจวโจวซีดขาว มือเล็กๆ สัมผัสลงบนแก้มของเธอ “แม่โจวโจว นี่คุณแม่เป็นอะไรไป อย่าทำให้หนูตกใจสิคะ!”
ความสามารถของลั่วอิงที่บอกว่าให้ร้องไห้ เธอก็จะร้องออกมาได้เลย เป็นเรื่องที่คนในบ้านต่างก็รู้ดี ในที่สุดถังโจวโจวก็ยอมเอามือออกมาจากในผ้าห่ม เช็ดน้ำตาให้กับลั่วอิง “เจ้าตัวน้อย เด็กโง่ หนูร้องไห้ทำไมคะ”
น้ำตาของลั่วอิงหยุดไหลแล้ว แต่เธอก็ยังมีอาการสะอึกอยู่ “อึ้ก… แม่โจวโจวขา อึ้ก… หนูก็ไม่อยากร้องไห้ อึ้ก… แต่พอเห็นคุณแม่ร้องแล้ว หนูก็ทนไม่ได้”
ถังโจวโจวเห็นลั่วอิงสะอึกไม่หยุด จึงหยิบน้ำแก้วหนึ่งที่วางอยู่บนโต๊ะหัวเตียงมาให้ “ดื่มน้ำไปอึกหนึ่ง แล้วกลั้นหายใจไว้เจ็ดวินาทีนะคะ เดี๋ยวก็จะดีขึ้น”
ลั่วอิงดื่มน้ำลงไปอึกหนึ่งอย่างเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง จากนั้นกลั้นหายใจเจ็ดวินาที เธอก็ไม่สะอึกแล้วจริงๆ ลั่วอิงมองถังโจวโจวราวกับเป็นนักมายากล “แม่โจวโจว คุณแม่เก่งจังเลย ทำไมคุณแม่ถึงรู้ทุกอย่างเลยล่ะคะ”
ถังโจวโจวไม่ได้พูดอะไรออกมา นี่เป็นแค่ทักษะการใช้ชีวิตเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้นเอง ปล่อยให้ความสงสัยนี้คงอยู่ในใจของลั่วอิงก็ดีเหมือนกัน อย่างไรก็ตามเมื่อเธอโตขึ้นเธอก็จะรู้เองโดยธรรมชาติ
ถังโจวโจวยิ้มกว้าง ลั่วอิงก็ยิ้ม ความสงสัยของลั่วอิงหายวับไปในทันที เมื่อเห็นว่าถังโจวโจวยิ้มได้อย่างมีความสุขแล้ว ลั่วอิงจึงถามอย่างระมัดระวังว่า “แม่โจวโจวคะ เมื่อกี้นี้คุณแม่เป็นอะไรไป ทำไมถึงร้องไห้ล่ะคะ เป็นเพราะคุณพ่อทำให้คุณแม่โกรธใช่ไหม หนูจะไปตีคุณพ่อให้คุณแม่เองค่ะ!”
ถังโจวโจวเห็นลั่วอิงที่กำหมัดน้อยๆ ของตัวเอง แล้วตั้งท่าจะรีบลงไปทันทีเพื่อลงโทษลั่วเซ่าเชินตามที่พูด เธอจึงรีบพูดขึ้นมา “ไม่ใช่หรอกค่ะ มันไม่ใช่ความผิดของคุณพ่อหรอก ตอนนี้แม่โจวโจวหายดีแล้ว หนูไม่ต้องไปตีคุณพ่อแล้วนะคะ”
ลั่วอิงเกาหัวด้วยความรู้สึกผิด “จริงเหรอคะ ถ้าแม่โจวโจวไม่เสียใจแล้ว หนูก็ไม่กังวลแล้วค่ะ แม่โจวโจวขา คุณแม่รู้ไหมว่าเมื่อกี้นี้คุณแม่ทำให้หนูกลัวมากเลย หนูคิดว่าคุณแม่จะบินไปแล้วซะอีก!”
“ทำไมล่ะคะ คุณแม่ไม่ใช่เทพเซียนนะ จะบินไปไหนได้ยังไงกัน” ถังโจวโจวได้ยินคำพูดแบบเด็กๆ ของลั่วอิงแล้ว ก็อดยิ้มออกมาไม่ได้อยู่ครู่หนึ่ง
ลั่วอิงเห็นว่าถังโจวโจวไม่เชื่อคำพูดของเธอจึงกระวนกระวาย “แม่โจวโจวขา หนูพูดจริงๆ นะคะ เมื่อกี้คุณแม่เหมือนจะหายไปแล้วจริงๆ แม่โจวโจว คุณแม่ต้องสัญญากับหนูนะว่าคุณแม่จะไม่ทิ้งหนูกับคุณพ่อไป สัญญานะคะ?”
ถังโจวโจวจับมือของลั่วอิงเอาไว้ เมื่อครู่นี้เธอก็กำลังนึกถึงปัญหาข้อนี้อยู่พอดี ถ้าเธอยังคงอยู่ที่นี่ต่อไปจะไปมีประโยชน์อะไร? ความรักความเชื่อใจระหว่างเธอกับลั่วเซ่าเชินก็ไม่ต่างอะไรกับเงาของดวงจันทร์ที่สะท้อนอยู่ในน้ำ ที่เพียงแค่ถูกกระทบก็สลายหายไป ทุกอย่างเป็นเพียงภาพลวงตาเท่านั้นเอง
ถังโจวโจวคิดทบทวนอยู่นานมาก นานจนน้ำตาของเธอแห้งเหือดไปหมด แต่ไม่รู้ทำไม แค่เห็นลั่วเซ่าเชิน น้ำตาที่แห้งไปแล้วของเธอกลับรินไหลออกมาอย่างไม่ขาดสาย นี่เป็นเพราะอะไรกัน? แน่นอนว่าถังโจวโจวรู้อยู่แล้วว่าเป็นเพราะอะไร
เธอไม่รู้ว่าลั่วเซ่าเชินคิดว่าเธอเพลิดเพลินกับการมีชีวิตอยู่แบบนี้หรืออย่างไร แต่เธอรู้เพียงว่าตัวเองรักเขาไปแล้ว ตอนแรกการมาของเด็กในท้องทำให้ถังโจวโจวคิดว่า ความรักของทั้งสองคนจะยิ่งมั่นคงขึ้น หลังจากนั้นคงจะได้อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข
แต่แล้วความฝันอันสวยงามนี้ก็ต้องแตกสลายไปเมื่อลูกไม่อยู่แล้ว และลั่วเซ่าเชินก็หลอกเธอมาตลอด แต่ไหนแต่ไรมาในใจของเขายังคงมีแค่หันฮุ่ยซิน เขารักเพียงแค่หันฮุ่ยซิน เขาไม่เคยลืมหล่อนไปได้เลย
ส่วนเธอก็เป็นเพียงคนโง่เขลาคนหนึ่งมาโดยตลอด แค่ลั่วเซ่าเชินทำดีกับเธอเล็กน้อย เธอก็แอบเก็บมาดีใจ ทั้งที่จริงๆ แล้วเป็นเพียงแค่การทำทานเล็กน้อยจากเขาเท่านั้นเอง
ถังโจวโจวยิ่งคิดก็ยิ่งหนักใจมากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าลั่วเซ่าเชินน่ารังเกียจ เดิมทีเธอยังอยากจะไปถามลั่วเซ่าเชินว่า สิ่งที่หันฮุ่ยซินพูดมันเป็นเรื่องจริงหรือไม่ แต่ตอนนี้เธอคิดว่าไม่จำเป็นอีกแล้ว ไม่ว่าเขาจะเคยทำหรือไม่เคยก็ตาม ถึงตอนนี้เธอต้องคิดถึงอนาคตของตัวเองให้ดีๆ แล้ว
คุณพ่อกับคุณแม่ถังชอบเขามาก ตอนนี้เธอกับเขายังหย่ากันไม่ได้ แล้วเดิมทีที่ลั่วเซ่าเชินต้องการแต่งงานกับเธอก็เพราะอยากให้เธอมาเป็นโล่กันผู้หญิงคนอื่นเท่านั้น แล้วตอนนี้เธอสามารถปล่อยเขาไปได้แล้วหรือยัง? แต่ตอนนี้เธอไม่อยากกลับไปอยู่ข้างๆ เขาอีกแล้ว เธอคิดว่าเธอควรไปจากที่นี่ได้แล้ว
ลั่วอิงเห็นว่าถังโจวโจวไม่ตอบเธอ อีกทั้งสัมผัสได้ว่ามันน่ากังวลมาก เธอรู้สึกกลัวมากขึ้นไปอีก แม่โจวโจวเป็นอะไรกันแน่? ปกติเธอไม่เคยเป็นแบบนี้นี่ “แม่โจวโจวขา คุณแม่อย่าทำให้หนูตกใจสิคะ”
เสียงของลั่วอิงสั่นเล็กน้อย ถังโจวโจวเพียงจับมือเธอไว้เงียบๆ