เมื่อพวกเขาเข้ามาภายในห้องนอนแล้ว ถังโจวโจวก็นั่งลงบนเก้าอี้ที่ตั้งอยู่ตรงหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง ในขณะที่ลั่วเซ่าเชินก็ยืนมองเธอจากด้านข้าง ถังโจวโจวเห็นลั่วเซ่าเชินเดินเข้ามาใกล้ขึ้นอีก เธอก็ไม่ได้พูดอะไร แค่เฝ้ารอเขาอย่างอดทนและเล่นนิ้วมือของตัวเองจนเบื่อหน่าย ผ่านไปสักพักใหญ่เธอก็เลิกเล่นไป
ลั่วเซ่าเชินลังเลใจอยู่นานก่อนจะเอ่ยถามว่า “โจวโจว คุณได้รูปมาจากไหน ขอผมดูหน่อยได้ไหม” ลั่วเซ่าเชินมั่นใจว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนั้นมีแค่เขาและหันฮุ่ยซินเท่านั้นที่รู้ หรือจะพูดให้ถูกก็คือ มีแค่หันฮุ่ยซินเท่านั้นที่รู้
คืนนั้นเขาดื่มหนักมาก เขาจำอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง กระทั่งเขาตื่นขึ้นมาในตอนเช้าแล้วได้เห็นสภาพที่ไม่ควรจะเป็นของหันฮุ่ยซิน ลั่วเซ่าเชินเองก็ตกใจไม่น้อย ในตอนนั้นเขาจำไม่ได้เลยสักนิดว่าเขาทำอะไรลงไปบ้าง รู้ตัวอีกทีหันฮุ่ยซินก็แสดงความใจกว้าง เธอบอกให้เขาลืมมันไป ไม่ต้องเก็บเอาไปคิด เธอบอกว่าเธอเต็มใจ
แต่วันนี้เรื่องกลับมาถึงหูของถังโจวโจว ลั่วเซ่าเชินจึงอดสงสัยไม่ได้ว่าหันฮุ่ยซินกำลังทำบ้าอะไรอยู่ และเมื่อเขาเห็นว่าถังโจวโจวโกรธมากขนาดนี้ เขาก็สันนิษฐานว่าเธอน่าจะตัดสินโทษเขาไปแล้ว
เมื่อถังโจวโจวเห็นว่าลั่วเซ่าเชินต้องการจะดูภาพนั้น เธอก็หยิบโทรศัพท์และเปิดรูปที่หันฮุ่ยซินส่งมา แล้วยื่นให้เขาดูในทันที หลังจากลั่วเซ่าเชินรับมาดู เขาก็ชะงักไปในทันที และที่มัดตัวเขาที่สุดก็คือในรูปนั้นเขาและหันฮุ่ยซินนอนเปลือยกายอยู่ด้วยกัน
จากเหตุการณ์ในรูปถ่าย ณ ตอนนั้น พวกเขาทั้งคู่กำลังหลับอยู่ เขากอดหันฮุ่ยซินไว้ในอ้อมแขน ผิวของหันฮุ่ยซินที่โผล่พ้นออกมานอกผ้าห่มสามารถมองเห็นชัดเจนว่ามีแต่รอยจูบอยู่มากมาย ลั่วเซ่าเชินตระหนักได้ว่าเขาหมดหนทางจะอธิบายแล้ว เพราะไม่ว่าเขาจะพูดอย่างไร ถังโจวโจวก็จะต้องคิดว่าเขาแก้ตัว
“โจวโจว คุณเชื่อใจผมไหม” ลั่วเซ่าเชินถามกลับมาสั้นๆ ถังโจวโจวนึกว่าเธอจะได้ยินคำอธิบายที่ยืดยาวกว่านี้จากลั่วเซ่าเชินเสียอีก แต่ปรากฏว่าเขาไม่ได้พูดอะไรเลย นี่เขาล้อเธอเล่นอยู่หรือเปล่า?
“ฉันจะเชื่อคุณหรือไม่ในตอนนี้มันมีประโยชน์อะไรหรือคะ” ถังโจวโจวมองตรงไปที่ลั่วเซ่าเชิน นัยน์ตาของเธอเริ่มมีไฟลุกโชน มีหรือที่ลั่วเซ่าเชินจะมองไม่เห็นความโกรธของเธอ แต่ตอนนี้เขาไม่สามารถอธิบายอะไรได้เลย ยิ่งเขาอธิบายมากเท่าไร เขาก็ยิ่งลำบากมากขึ้นเท่านั้น
ยิ่งไปกว่านั้น เขาไม่แน่ใจว่าในวันนั้นมันเกิดอะไรขึ้นระหว่างเขากับหันฮุ่ยซินบ้าง แต่เขาก็เห็นอยู่ว่าหลังจากวันนั้นหันฮุ่ยซินไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้เลย เขาจึงคิดว่าเรื่องมันจบลงไปแล้ว นึกไม่ถึงเลยว่าเรื่องนี้มันกลับมารอเขาอยู่ตรงนี้
“โจวโจว ถ้าคุณเชื่อผม คุณก็ไม่ต้องถามอะไรอีก แต่ถ้าคุณไม่เชื่อ ผมก็ไม่รู้จะอธิบายยังไง” ลั่วเซ่าเชินพูดตามตรง แต่คำพูดนี้ของเขากลับเปิดปากแผลในใจของถังโจวโจวให้ขยายใหญ่มากขึ้น
“ค่ะ เอาเป็นว่าเรื่องนี้ฉันจะพยายามเชื่อคุณ ทีนี้คุณช่วยบอกความจริงกับฉันอีกสักเรื่องสิคะว่าวันที่ฉันแท้งลูก คุณไปอยู่ที่ไหนมา” ถังโจวโจวใช้สายตาคาดคั้นมองไปที่ลั่วเซ่าเชิน ลั่วเซ่าเชินหลบสายตาเธอเล็กน้อย ในที่สุดเขาก็ตระหนักได้ว่าถังโจวโจวไม่ได้อารมณ์ดีขึ้นเหมือนที่ลั่วอิงบอกเลย เธอกำลังรอเค้นความจริงจากเขาอยู่นานแล้ว
ถังโจวโจวมองดูลั่วเซ่าเชินและจ้องเขาเขม็ง เธอต้องการให้เขาอธิบายให้เธอฟัง ลั่วเซ่าเชินทำได้แค่ยิ้มอย่างขมขื่น ถังโจวโจวได้รับคำตอบจากรอยยิ้มเจื่อนๆ ของเขาแล้ว ลั่วเซ่าเชินรู้ว่าถังโจวโจวรู้คำตอบของเรื่องทั้งหมดดี โดยที่เธอไม่ต้องเอ่ยถามเขาเลย
“โจวโจว คุณเองก็รู้คำตอบอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ แล้วคุณจะถามผมทำไมอีก” ลั่วเซ่าเชินพูดอย่างเจ็บปวด มันผิดที่เขาเอง วันนั้นเขาไม่น่าไปร่วมงานเปิดกิจการของหันฮุ่ยซินเลย
แต่เขารับปากหันฮุ่ยซินไว้ก่อนแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อหันฮุ่ยซินพูดถึงความสัมพันธ์ของพวกเขาขึ้นมา บวกกับภาพความทรงจำอันเลือนรางของลั่วเซ่าเชินในคืนนั้น ทำให้ลั่วเซ่าเชินตัดสินใจไม่ถูก แต่เขาก็ตอบตกลงเธอไปในที่สุด เขาจะไปรู้ได้อย่างไรว่าวันนั้นถังโจวโจวจะเกิดอุบัติเหตุ
ปัญหาผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ด ลั่วเซ่าเชินรู้สึกได้ว่าระยะทางระหว่างเขาและถังโจวโจวเริ่มห่างกันออกไปเรื่อยๆ ประมาณหนึ่งกาแล็กซี่ ซึ่งกาแล็กซี่นั้นฮองเฮาแห่งสวรรค์ก็ไม่ได้เป็นผู้กำหนด เป็นเขาต่างหากที่เป็นคนสร้างมันขึ้นมาเอง
“ค่ะ ฉันรู้หมดทุกอย่างแล้ว แต่ฉันแค่อยากได้ยินความจริงทั้งหมดจากปากคุณ วันนั้นคุณอยู่กับหันฮุ่ยซินใช่ไหมคะ คุณก็เลยไม่ได้ไปตรวจร่างกายกับฉัน” ถังโจวโจวพยายามสงบสติอารมณ์ เธอรู้สึกว่าแม้ว่าเธอจะเลิกกับลั่วเซ่าเชิน แต่เธอก็ควรจะจากไปอย่างสง่างาม
“ใช่”
ในที่สุดเธอก็ได้คำตอบ ถังโจวโจวรู้สึกว่าหัวใจของเธอไม่ได้เจ็บปวดอีกต่อไปแล้ว ตราบใดที่เขาไม่ได้หลอกลวงเธอ ไม่ว่าเขาจะพูดอะไร เธอก็รับได้ทุกอย่าง “ค่ะ ตอนนี้คุณช่วยออกไปก่อนเถอะนะ ฉันอยากจะทบทวนอะไรอีกสักหน่อย”
“โจวโจว ผมแค่…ผมไม่รู้ว่าคุณจะเกิดอุบัติเหตุ ผมขอโทษ!” ลั่วเซ่าเชินก้มศีรษะลง นี่เป็นครั้งแรกที่บุตรแห่งสวรรค์องค์นี้ยอมละทิ้งความหยิ่งยโสของเขา แต่ถังโจวโจวกลับไม่อยากเห็นเขาอีกต่อไป
“ฉันรับคำขอโทษจากคุณค่ะ แต่ตอนนี้คุณช่วยออกไปก่อนได้ไหม” ถังโจวโจวพูดย้ำอีกครั้ง ลั่วเซ่าเชินรู้ดีว่าเธอไม่อยากเห็นหน้าเขาในตอนนี้ ดังนั้นเขาจึงยอมออกไปก่อน เพื่อให้ถังโจวโจวได้มีเวลาอยู่กับตัวเอง จากนั้นเขาค่อยกลับมาคุยกับเธอใหม่อีกครั้ง
นี่เป็นคืนแรกของลั่วเซ่าเชินที่ต้องนอนในห้องหนังสือนับตั้งแต่แต่งงาน เช้าวันรุ่งขึ้น หลังจากที่เขาตื่นนอน เขาก็เข้าไปดูในห้องนอน แล้วพบว่าถังโจวโจวยังไม่ลุกจากเตียง เขาจึงแอบย่องเข้าไปในห้องนอนอย่างเงียบๆ และเมื่อเขาเห็นว่าถังโจวโจวยังคงหลับอยู่ เขาก็ค่อยๆ หยิบเสื้อผ้าที่เขาจะสวมใส่วันนี้ออกมาจากตู้เสื้อผ้า
เมื่อลั่วเซ่าเชินเห็นว่าถังโจวโจวกำลังหลับสนิท เขาก็ถือเสื้อผ้าเดินออกไปด้านนอก และลงไปอาบน้ำที่ห้องน้ำด้านล่าง เขาจะให้เวลากับถังโจวโจวแค่คืนเดียวเท่านั้น เขาไม่อยากนอนที่ห้องหนังสือทุกวัน ถ้าถังโจวโจวยังคงหาคำตอบไม่ได้ เขาก็จะใช้มาตรการบีบบังคับเธอ
แต่ก่อนที่ลั่วเซ่าเชินจะได้เริ่มดำเนินการตามแผน ขณะที่เขากำลังทำงานอยู่ที่บริษัท เขาก็ได้รับสายโทรศัพท์จากป้าหลิว “คุณชายคะ คุณชายรีบกลับมาที่บ้านก่อนได้ไหมคะ คุณผู้หญิงเธอหายไป!”
“นี่มันเรื่องอะไรกันครับ ป้าหลิว เล่าให้ชัดอีกทีสิครับ” ลั่วเซ่าเชินได้รับข่าวนี้ในระหว่างที่เขากำลังฟังรายงานจากผู้จัดการของแต่ละแผนก เขารีบโบกมือไล่เหล่าผู้จัดการให้ออกไปก่อน เมื่อผู้จัดการทั้งหลายเห็นว่าสีหน้าของลั่วเซ่าเชินดูไม่สบอารมณ์ พวกเขาก็รู้แล้วว่าผู้อำนวยการกำลังอารมณ์เสียอย่างหนัก พวกเขาจึงรีบเดินออกไปทันที
ลั่วเซ่าเชินหยิบเสื้อสูทตัวนอกแล้วพูดในขณะที่เดินไปว่า “ป้ารู้ว่าเธอหายไปตั้งแต่ตอนไหนครับ”
“หลังจากที่ฉันซื้อของเสร็จ พอฉันกลับมาถึงบ้าน ฉันก็เห็นว่าอาหารเช้าที่ฉันอุ่นไว้ยังอยู่ที่เดิม ฉันก็เลยคิดว่าคุณผู้หญิงอาจจะยังไม่ได้ลงมาทาน ฉันก็เลยขึ้นไปเคาะดูที่ห้อง แต่ว่าไม่มีคนตอบค่ะ ฉันเคาะต่ออีกสองสามครั้ง แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่มีใครตอบกลับมา แล้วพอฉันผลักประตูเข้าไป ฉันก็ไม่เห็นใครเลยค่ะ”
“เธออาจจะอยู่ที่อื่น ป้าแน่ใจนะครับว่าเธอไม่อยู่แล้ว” ลั่วเซ่าเชินกดลิฟต์
น้ำเสียงของป้าหลิวฟังดูเป็นกังวล “ฉันหาทุกซอกทุกมุมแล้วค่ะคุณชาย แต่ก็ไม่พบคุณผู้หญิงเลย ฉันแค่ออกไปซื้อของเองนะคะ ถ้าคุณผู้หญิงเธอจะออกไปข้างนอก เธอจะไม่บอกฉันเลยหรือคะ”
“โอเค ป้ารออยู่ที่บ้านก่อนนะครับ ผมจะกลับไปเดี๋ยวนี้แหละ” ลั่วเซ่าเชินวางสายโทรศัพท์และรีบขับรถกลับไปที่บ้าน
เมื่อกลับมาถึงบ้าน ลั่วเซ่าเชินก็รีบจอดรถ เขาเห็นว่าป้าหลิวมาคอยเขาอยู่ที่หน้าประตูแล้ว “คุณชาย มาแล้วหรือคะ”
ลั่วเซ่าเชินไม่อยากจะเสียเวลาคุยกับป้าหลิว เขาวิ่งตรงขึ้นไปที่ชั้นบนและเข้าไปในห้องนอนหลัก เขาเห็นว่าผ้าห่มบนเตียงนั้นถูกพับเอาไว้อย่างเรียบร้อย ไร้ร่องรอยของถังโจวโจว
ลั่วเซ่าเชินรีบไปเปิดตู้เสื้อผ้าดู เขาเห็นว่าเสื้อผ้าของเธอหายไปสองสามชุด แต่ก็ไม่ใช่เสื้อผ้าที่เขาเคยซื้อให้เธอ ที่เธอเอาไปเป็นเสื้อผ้าที่เธอนำติดตัวมาด้วยตั้งแต่ตอนที่เธอย้ายเข้ามา กระเป๋าเดินทางของเธอก็หายไป
จากนั้นลั่วเซ่าเชินก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและต่อสายถึงถังโจวโจว เขารอสายอยู่นานแต่ถังโจวโจวก็ไม่รับสาย ลั่วเซ่าเชินไม่เชื่อว่าเธอจะไม่เห็นว่าเขาโทรมา เขากดโทรออกอีกครั้ง แต่เธอก็ยังไม่รับสายอีก ลั่วเซ่าเชินรู้ดีว่าถังโจวโจวกำลังหลบเลี่ยงจากเขาอยู่
แล้วเขาก็คิดถึงความเป็นไปได้ทางอื่นว่า ถังโจวโจวอาจจะกลับไปที่บ้านของตระกูลถัง จากนั้นเขาก็รีบบึ่งไปที่บ้านของคุณพ่อและคุณแม่ถังทันที เขาไม่ได้บอกพวกท่านว่าเขามาตามหาถังโจวโจว เมื่อคุณแม่ถังเปิดประตูและเห็นว่าเป็นลั่วเซ่าเชิน เธอก็รีบเรียกให้เขาเข้ามาข้างใน “เซ่าเชิน มาได้ยังไง รีบเข้ามาก่อนเร็ว”
“ครับคุณแม่ ผมมาเยี่ยมคุณแม่ครับ แต่ว่าผมไม่ได้ถืออะไรติดไม้ติดมือมาด้วย ต้องขอโทษจริงๆ ครับ” ลั่วเซ่าเชินเดินเข้าไปและแอบสอดส่องอย่างเงียบๆ แล้วเขาก็พบว่าภายในบ้านนั้นดูเรียบร้อยดี ไม่มีอะไรผิดปกติ
คุณแม่ถังหัวเราะเสียงดังลั่น “เด็กคนนี้นี่ เกรงใจทำไมกัน โจวโจวล่ะ? ไม่ได้มาด้วยหรือ ลั่วอิงด้วย?”
เมื่อคุณแม่ถังเห็นแค่ลั่วเซ่าเชิน เธอก็ชะเง้อมองไปที่ด้านหลังของเขา แต่เธอกลับไม่เห็นถังโจวโจวและลั่วอิงแม้แต่เงา เธอนึกสงสัยว่าทำไมลั่วเซ่าเชินถึงมาคนเดียว?
ทันทีที่ลั่วเซ่าเชินได้ยินคุณแม่ถังถามถึงถังโจวโจว เขาก็มั่นใจแล้วว่าถังโจวโจวไม่ได้มาที่นี่ ลั่วเซ่าเชินคิดว่าเขานี่ซื่อบื้อจริงๆ ถังโจวโจวจะทำให้คุณพ่อและคุณแม่ถังเป็นห่วงได้อย่างไร เธอต้องปิดบังพวกเขาไว้ และไม่มีทางกลับมาที่นี่อย่างแน่นอน
คุณแม่ถังพาลั่วเซ่าเชินมานั่ง “เซ่าเชิน เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า หรือว่าโจวโจวเป็นอะไร”
ทุกครั้งที่คุณแม่ถังได้รับสายโทรศัพท์จากถังโจวโจว เธอมักจะบอกอยู่เสมอว่าเธอสบายดีอย่างนั้นอย่างนี้ แต่คุณแม่ถังก็รู้ดีว่าถังโจวโจวแค่ไม่อยากให้ทางบ้านเป็นกังวล จึงไม่ได้ซักถามอะไรมากมาย
“เปล่าครับคุณแม่ โจวโจวสบายดี เห็นบ่นอยู่ว่าอยากจะมาเยี่ยมคุณพ่อกับคุณแม่น่ะครับ” ลั่วเซ่าเชินไม่อยากทำให้คุณแม่ถังตกใจ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้บอกเธอว่าถังโจวโจวหายตัวไป
คุณแม่ถังถามกึ่งสงสัย “แล้วที่วันนี้เซ่าเชินมาหาแม่?”
ลั่วเซ่าเชินยิ้มพลางพูดว่า “พอดีผมผ่านมาทำธุระแถวนี้ครับก็เลยแวะมาเยี่ยมคุณแม่แทนโจวโจวไปก่อน โจวโจวจะได้สบายใจด้วยน่ะครับ”
คุณแม่ถังได้ยินอย่างนี้ก็เชื่อสนิทใจ แต่เธอก็อดพูดชักชวนไม่ได้ว่า “วันหลังก็ไปทำธุระเถอะจ้ะ ไว้ว่างเมื่อไรค่อยพาลั่วอิงกับโจวโจวมาด้วย แม่จะทำของอร่อยให้ทาน”
“ครับ คุณแม่ ถ้าอย่างนั้นวันนี้ผมขอตัวก่อนนะครับ ครั้งหน้าผมจะพาโจวโจวและลั่วอิงมาเยี่ยมด้วย” ลั่วเซ่าเชินนั่งอยู่สักพักก่อนจะลุกขึ้น คุณแม่ถังเองก็ไม่ได้กังวลอะไรมากแล้ว ที่แท้ลั่วเซ่าเชินก็แค่แวะมาเยี่ยมเธอ
“ขับรถดีๆ นะเซ่าเชิน”
“คุณแม่ไม่ต้องออกมาส่งผมหรอกครับ กลับเข้าบ้านเถอะ” คุณแม่ถังมาส่งเขาถึงหน้าประตู เมื่อเธอยืนมองจนร่างของลั่วเซ่าเชินลับสายตา เธอจึงกลับเข้าไปในบ้าน
ลั่วเซ่าเชินกลับไปที่รถ เขาไม่รู้ว่าถังโจวโจวหนีไปอยู่ที่ไหน เขาคิดไม่ออกเลยจริงๆ เขากระแทกหมัดลงบนพวงมาลัย สีหน้าของเขาหม่นหมองอย่างมาก
ทันใดนั้น ลั่วเซ่าเชินก็นึกถึงใครบางคน “ฮัลโหล หลินเหยา ช่วงนี้คุณได้เจอโจวโจวบ้างไหม”
“ไม่นี่คะ ทำไมเหรอ เกิดอะไรขึ้นกับเธอหรือคะ” หลินเหยาถามกลับอย่างไม่รู้อีโหน่อีเหน่
ลั่วเซ่าเชินสัมผัสได้ถึงความประหลาดใจจากเสียงของเธอ ดูเหมือนว่าเธอไม่ได้โกหก ถังโจวโจวอาจจะไม่ได้ไปหาเธอจริงๆ จริงสินะ ถังโจวโจวฉลาดเป็นกรด เธอรู้ดีว่าเขาจะคิดถึงเรื่องนี้ ดังนั้น เธอไม่มีทางให้เขาหาตัวเจอได้ง่ายนักหรอก
ทันใดนั้น ลั่วเซ่าเชินก็นึกอะไรขึ้นมาได้ เธอคงไม่ได้ไปหาเซียวโม่ใช่ไหม? ลั่วเซ่าเชินร้อนใจขึ้นมา แต่เขาไม่สามารถเอ่ยปากถามเซียวโม่ได้ ไม่อย่างนั้นเซียวโม่จะต้องรู้อย่างแน่นอนว่าเขากับถังโจวโจวมีปัญหากัน ลั่วเซ่าเชินจะไม่ยอมให้เขาดูถูกดูแคลนได้ง่ายๆ หรอก