ลั่วเซ่าเชินฝากลั่วอิงไว้ที่บ้านตระกูลถัง แล้วเขาก็กลับมาที่บ้านคนเดียว บรรยากาศภายในบ้านนั้นช่างเงียบเหงาเหลือเกิน นอกจากการทำอาหารของป้าหลิวแล้ว ภายในบ้านก็ไม่มีเสียงหัวเราะอื่นอีกเลย ไม่มีผู้หญิงคนไหนรอให้เขากลับมา นี่เป็นครั้งแรกที่ลั่วเซ่าเชินคิดถึงถังโจวโจวมากขนาดนี้
เขาลองโทรหาถังโจวโจวอีกครั้ง แล้วก็เป็นไปตามที่คาดเอาไว้ เธอไม่รับสาย ดูเหมือนว่าเธอจะส่งเขาเข้าไปอยู่ในแบล็กลิสต์แล้ว นี่เธอกะจะไม่ติดต่อกลับมาหาเขาเลยใช่ไหม ดูเหมือนว่าเธอจะลืมไปแล้วว่าเธอยังเป็นภรรยาของเขาอยู่!
ลั่วเซ่าเชินกินข้าวเย็นที่บ้านตระกูลถังก่อนจะกลับมาที่บ้าน เมื่อมองดูบ้านที่ว่างเปล่า ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่าเขาไม่อยากอยู่ที่นี่เลย เขาโทรออกหาเบอร์ที่คุ้นเคย “ออกมาดื่มกันสักหน่อยไหม ร้านเม่ยเยี่ยนะ”
เขาไม่เปิดโอกาสให้ฝ่ายตรงข้ามได้ปฏิเสธ ลั่วเซ่าเชินขับรถมาถึงร้านที่นัดหมายไว้ในไม่ช้า เมื่อฟังหยวนมาถึง ลั่วเซ่าเชินก็นั่งอยู่ที่หน้าบาร์แล้ว ข้างตัวของเขามีขวดเหล้าที่พร่องไปถึงครึ่งขวดแล้ว
ลั่วเซ่าเชินยังคงเทเหล้าลงไปในแก้วอย่างต่อเนื่อง เมื่อเขาเห็นว่าฟังหยวนมาแล้ว เขาก็พูดอย่างสดใสว่า “มาแล้วเหรออาหยวน” แล้วลั่วเซ่าเชินก็หันไปพูดกับบาร์เทนเดอร์ “ขอแก้วอีกใบ”
บาร์เทนเดอร์ส่งแก้วให้เขา จากนั้นลั่วเซ่าเชินก็รินเหล้าส่งให้ฟังหยวน “นั่งลง ดื่มเป็นเพื่อนฉันหน่อย”
ฟังหยวนนั่งลงเงียบๆ ความจริงแล้วฟังหยวนไม่อยากออกมา เขาอยากอยู่ที่บ้านกับถังโจวโจวมากกว่า แต่หลังจากที่ลั่วเซ่าเชินเรียกเขาออกมา เขาก็คิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็ยอมออกมาในที่สุด
“อาเชิน นี่นายดื่มคลายเครียดหรือไง” เขาเห็นลั่วเซ่าเชินกรอกเหล้าเข้าปากอย่างกับดื่มน้ำเปล่าจึงเอ่ยถามขึ้น หรือเป็นเพราะถังโจวโจว?
“อาหยวน นายยังเป็นพี่เป็นน้องกับฉันอยู่หรือเปล่า ถ้ายังเป็นอยู่ก็รีบดื่มซะ!” เสียงดัง กริ๊ง! ของน้ำแข็งกระทบแก้วดังขึ้นตรงหน้าของฟังหยวน
ฟังหยวนไม่ได้พูดอะไรมาก เขายกแก้วขึ้นมาจิบ เมื่อลั่วเซ่าเชินเห็นว่าเขาดื่มแล้ว ก็ยกแก้วของตัวเองขึ้นมาดื่มต่อในอึกเดียว
แค่ครู่เดียว ลั่วเซ่าเชินก็ดื่มหมดไปอีกสองแก้ว “อาเชิน พอแล้ว เลิกดื่มเถอะ นายเมาแล้ว” ฟังหยวนมองดูท่าทางของเพื่อนแล้ว ดูเหมือนว่าวันนี้เขาคงคิดจะนอนที่ร้านนี่เลย
ในขณะที่เขากำลังเกลี้ยกล่อมลั่วเซ่าเชินอยู่นั้น โทรศัพท์ของลั่วเซ่าเชินก็ดังขึ้น ลั่วเซ่าเชินไม่ได้เมาจนไม่มีสติ เขาไม่ได้มองที่หน้าจอและกดรับสายในทันที “ใครครับ”
เขาไม่รู้ว่าปลายสายนั้นคือใคร ฟังหยวนได้ยินแต่เสียงของลั่วเซ่าเชินที่ดูแข็งกร้าวขึ้น “ถ้าไม่มีธุระอะไร ผมจะวางสายแล้ว!”
เขาวางโทรศัพท์ไว้ข้างๆ จากนั้นเขาก็เริ่มดื่มต่ออีกครั้ง โดยไม่สนใจว่าฟังหยวนจะดื่มเป็นเพื่อนเขาหรือไม่ ฟังหยวนสังเกตเห็นว่ามีผู้หญิงจำนวนหนึ่งจ้องมองมาที่พวกเขา ถ้าลั่วเซ่าเชินกับเขาหันกลับไปเล่นด้วยเพียงนิดเดียว พวกเธอก็คงจะติดกับดักนี้ทันที
หากเป็นเมื่อก่อน ฟังหยวนก็คงจะสนใจเล่นด้วยอยู่บ้าง หรือบางทีก็อาจจะเลยไปถึงขั้น One Night Stand แต่ตอนนี้เขากลับไม่สนใจเรื่องเหล่านี้เลย ให้พูดก็คือช่วงนี้ฟังหยวนรู้สึกว่าตัวเองอาจจะตายด้านไปแล้ว
“อาหยวน นายรู้ไหม ถังโจวโจวหนีไปแล้ว เธอไม่ต้องการฉันแล้ว แม้กระทั่งลั่วอิง เธอก็ยังทิ้งได้ลงคอ” ลั่วเซ่าเชินพูดลอยๆ ออกมา ซึ่งนั่นทำให้ใจของฟังหยวนเต้นตึกตัก หรือลั่วเซ่าเชินจะรู้แล้วว่าถังโจวโจวมาหลบอยู่ที่บ้านเขา?
“อาหยวน นายได้เจอเธอบ้างไหม เธอได้อยู่กับนายหรือเปล่า”
ฟังหยวนรีบตอบกลับไปทันที “ไม่แน่นอน ช่วงนี้ฉันไม่ได้เจอเธอเลย แล้วเธอจะมาอยู่กับฉันได้ยังไง” ฟังหยวนรู้สึกหวาดผวา โชคดีที่ภายในร้านเล่นแสงสีทำให้มันกะพริบตลอดเวลา บวกกับในตอนนี้ลั่วเซ่าเชินเองก็ไม่ค่อยจะมีสติ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้สังเกตเห็นความผิดปกติของฟังหยวน
แต่ลั่วเซ่าเชินเองก็เชื่อว่าถังโจวโจวไม่ได้อยู่กับฟังหยวน เขาเพียงแค่ถามไปอย่างนั้นเพื่ออยากปลอบใจตัวเอง “ฉันก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน อาหยวน ผู้หญิงคนนี้ใจร้ายจริงๆ โหดร้ายเกินไป!”
เมื่อฟังหยวนเห็นเขานั่งบ่นคนเดียวอยู่นาน เขาก็อดถามขึ้นไม่ได้ว่า “อาเชิน นายกับโจวโจผิดใจกันเรื่องอะไรน่ะ”
“ไม่มีอะไร เราแค่ทะเลาะกันนิดหน่อย แต่เธอไม่ยอมฟังคำอธิบายของฉัน แล้วเธอก็หนีออกจากบ้านไปเลย เธอไม่ฟังฉันเลยสักนิด…” พูดไปพูดมา อยู่ๆ ลั่วเซ่าเชินก็ฟุบหน้าลงบนโต๊ะบาร์
เมื่อฟังหยวนเห็นว่าเขาหลับไปแล้ว หลังจากที่คิดเงินเสร็จ เขาก็แบกลั่วเซ่าเชินเดินออกไปนอกร้าน หลังจากจับลั่วเซ่าเชินใส่รถแล้ว ฟังหยวนก็หมุนตัวเดินขึ้นไปนั่งฝั่งคนขับ เขาดมกลิ่นบนเสื้อผ้าของตัวเอง นี่อยู่ที่ร้านแค่ครู่เดียวเท่านั้น กลิ่นแอลกอฮอล์ก็ติดเสื้อเสียแล้ว
เมื่อเขามองดูเวลา เขาก็พบว่ามันดึกมากแล้ว ฟังหยวนขับรถไปส่งลั่วเซ่าเชินที่บ้าน เขาได้ยินเสียงโทรศัพท์ของลั่วเซ่าเชินดังขึ้นอีกครั้งที่ด้านหลังของรถ ฟังหยวนไม่คิดจะรับสาย แต่ที่ไหนได้ลั่วเซ่าเชินกลับสะลึมสะลือควักโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋า แล้วก็ไม่รู้ว่าลืมตากดปุ่มยังไงไหว ถึงได้รับสายได้
“ฮัลโหล…
“ผมกำลังจะกลับบ้าน คุณมีธุระอะไร…
“ผมไม่ได้ดื่มเยอะ ผมบอกแล้วไงว่าอย่าโทรมาหาผมอีก ไม่เข้าใจเหรอ!” ตุ้บ! โทรศัพท์ของลั่วเซ่าเชินหล่นลงไปใต้เบาะนั่ง จากนั้นเขาก็หลับไปอีกครั้ง
ฟังหยวนรีบเร่งความเร็วเพื่อไปส่งลั่วเซ่าเชินที่บ้าน ป้าหลิวยังไม่ได้เข้านอน เมื่อเธอได้ยินเสียงเคาะประตู เธอก็รีบวิ่งไปเปิด แล้วเธอก็พบกับฟังหยวน ซึ่งบนไหล่ของฟังหยวนก็มีแขนของลั่วเซ่าเชินพาดอยู่
“คุณฟังคะ คุณชายเธอไปทำอะไรมา ทำไมถึงได้กลับมาในสภาพแบบนี้ รีบเข้ามาข้างในก่อนค่ะ” ป้าหลิวช่วยฟังหยวนประคองลั่วเซ่าเชินเข้าไปในบ้าน เมื่อเธออยู่ใกล้กับเขา ป้าหลิวก็ได้กลิ่นเหล้าจากบนตัวของลั่วเซ่าเชิน “ตายจริง! นี่คุณชายดื่มไปมากแค่ไหนคะเนี่ย?”
พวกเขาพาลั่วเซ่าเชินขึ้นไปที่ห้องนอนชั้นบน จากนั้นพวกเขาก็ปล่อยให้เขานอนอยู่บนเตียง ฟังหยวนยืดตัวขึ้นอย่างเมื่อยล้า น้ำหนักตัวของลั่วเซ่าเชินไม่ใช่เบาๆ แม้ว่าฟังหยวนจะแบกเขาได้ แต่ว่ามันก็กินแรงเขาอยู่มาก
“ขอบคุณคุณชายฟังมากๆ เลยนะคะ”
“เรื่องเล็กน้อยครับ เดี๋ยวป้าต้มซุปแก้แฮงก์ไว้ให้อาเชินดื่มด้วยนะครับ ผมขอตัวกลับก่อนล่ะ”
“ค่ะ คุณชายฟัง เดี๋ยวฉันออกไปส่งค่ะ” เมื่อมองดูรถของฟังหยวนขับไกลออกไป ป้าหลิวที่กำลังจะกลับเข้าไปในบ้าน พลันสายตามองเห็นว่ามีใครคนหนึ่งเดินตรงเข้ามา ป้าหลิวหยุดมองให้ชัดๆ อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่คนคนนั้นจะปรากฏชัดในสายตา
“ขอโทษนะคะ นี่ใช่บ้านของลั่วเซ่าเชินหรือเปล่า” หันฮุ่ยซินเห็นผู้หญิงวัยกลางคนยืนอยู่หน้าประตูบ้าน แต่งตัวเหมือนแม่บ้าน เธอจึงเอ่ยปากถามอย่างนุ่มนวล
“ค่ะ คุณคือใครคะ” เมื่อป้าหลิวเห็นเธอมาที่นี่ในเวลานี้ ก็สงสัยว่าเธอคิดจะทำอะไร? แต่ป้าหลิวไม่กลัว เธอเป็นแค่ผู้หญิงตัวคนเดียวซึ่งดูไม่มีพิษมีภัย ป้าหลิวจึงไม่กลัวว่าเธอจะเข้ามาหาเรื่อง
“ฉันเป็นเพื่อนของอาเชินค่ะ เขาอยู่บ้านไหมคะ” หันฮุ่ยซินโทรหาลั่วเซ่าเชิน และเมื่อเธอรู้ว่าเขาเมา เธอก็รีบมาหาเขาทันที เธอรู้สึกเป็นห่วงเขามาก แต่เธอไม่ได้แสดงอาการออกมาให้ป้าหลิวเห็น
“อ๋อ เพื่อนของคุณชายนี่เอง พอดีคุณชายหลับไปแล้วค่ะ พรุ่งนี้คุณค่อยมาใหม่นะคะ!” ป้าหลิวไม่อยากให้เธอเข้ามา ลั่วเซ่าเชินอยู่ตัวคนเดียว เธอไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นเพื่อนของลั่วเซ่าเชินจริงๆ หรือเปล่า
หันฮุ่ยซินหน้าตึงเมื่อเห็นว่าป้าหลิวตั้งท่ากีดกันเธอ แต่เธอก็กลับมายิ้มอย่างอ่อนโยนได้ในทันที “ถ้าอย่างนั้นฉันขอเจอโจวโจวหน่อยได้ไหมคะ”
“ขอโทษด้วยนะคะ คุณผู้หญิงเธอไม่อยู่บ้าน หากคุณมีธุระกับพวกเขาจริงๆ พรุ่งนี้ค่อยมาใหม่นะคะ ตอนนี้ดึกมากแล้ว”
แม้ป้าหลิวจะคิดว่าหันฮุ่ยซินไม่น่าใช่คนไม่ดี แต่ตอนนี้ถังโจวโจวไม่อยู่บ้าน เธอก็ควรจะช่วยดูแลครอบครัวของถังโจวโจวให้ดี เธอไม่สามารถปล่อยให้ผู้หญิงแปลกหน้าผ่านเข้ามาได้
เมื่อหันฮุ่ยซินเห็นว่าป้าหลิวไม่ยอมให้เธอเข้าไป เธอก็ได้แต่รามือ และเธอก็ไม่กล้าอารมณ์เสียใส่ป้าหลิวด้วย “ขอโทษด้วยนะคะ แล้วพรุ่งนี้ฉันจะมาใหม่”
หันฮุ่ยซินไม่ได้คาดคิดมาก่อนว่าถังโจวโจวจะไม่อยู่บ้าน แล้วเธอไปไหนล่ะ? เธอคงไม่ได้หนีไปแล้วจริงๆ หรอกใช่ไหม? หันฮุ่ยซินได้ยินถังโจวโจวยืนกรานหนักแน่นอย่างนั้นก็คิดว่าเธอคงไม่ใส่ใจ นึกไม่ถึงเลยว่าเธอจะอดรนทนไม่ได้และหนีออกจากบ้านไปนานแล้ว
หันฮุ่ยซินรู้สึกเสียดายเล็กน้อย รู้อย่างนี้เธอน่าจะมาหาอาเชินตั้งนานแล้ว ไม่รู้ว่าตอนนี้อาเชินเป็นอย่างไรบ้าง หันฮุ่ยซินนึกถึงตอนที่ลั่วเซ่าเชินรับสายโทรศัพท์เธอในวันนี้ น้ำเสียงของเขาแย่มาก ถังโจวโจวรู้บ้างหรือเปล่าว่าตอนนี้เขาเป็นอย่างไร
ในหัวของหันฮุ่ยซินเต็มไปด้วยคำถาม น่าเสียดายที่ตอนนี้ไม่มีใครสามารถให้คำตอบกับเธอได้ เธอจึงต้องแบกความตื่นเต้นที่มีอยู่เอาไว้ก่อน และรอจนถึงวันพรุ่งนี้
ป้าหลิวให้ลั่วเซ่าเชินดื่มซุปแก้แฮงก์ จากนั้นเธอก็ห่มผ้าห่มให้เขา ก่อนจะลงไปพักผ่อนที่ห้องตัวเอง
เมื่อฟังหยวนขับรถกลับมาถึงบ้าน เขาก็พบว่าภายในห้องนั้นเงียบกริบ เขาเดาว่าถังโจวโจวน่าจะเข้านอนไปแล้ว เขาจึงค่อยๆ ย่องเข้าไปในห้องน้ำ เมื่อฟังหยวนได้อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เขาก็ไม่ได้กลิ่นของแอลกอฮอล์ที่ติดอยู่บนตัวของเขาแล้ว
ในขณะที่เขาเดินผ่านหน้าห้องของถังโจวโจว จู่ๆ ประตูห้องของเธอก็เปิดออก ฟังหยวนสะดุ้งตกใจ “โจวโจว ยังไม่นอนอีกเหรอ” ฟังหยวนเห็นว่าถังโจวโจวอยู่ในชุดนอน ผมเผ้าของเธอดูยุ่งเหยิงนิดหน่อย เขาเดาว่าเธอเพิ่งจะตื่นขึ้นมา
“ไปดื่มเหล้ามาหรือคะ” ถังโจวโจวเดินอ้าปากหาวเข้าไปในครัว ก่อนจะรินน้ำออกมาหนึ่งแก้ว เธอกำลังหลับสบาย แต่จู่ๆ เธอก็ได้ยินเสียงคนเปิดประตู จากนั้นเธอก็ได้ยินเสียงฝีเท้าย่ำเบาๆ เธอเดาว่าฟังหยวนน่าจะกลับมาแล้ว
ต่อมาก็มีเสียงน้ำดังแว่วมาจากด้านนอก ถังโจวโจวนอนไม่หลับแล้ว เธอจึงลุกออกมาหาน้ำดื่ม
ในขณะที่เธอกำลังดื่มน้ำอยู่นั้น ฟังหยวนก็เดินเข้ามาถามว่า “คุณรู้ได้ยังไงว่าผมไปดื่มเหล้ามา” เขาดมกลิ่นตัวเอง มันก็มีแต่กลิ่นของเจลอาบน้ำนี่ ไม่เห็นมีกลิ่นของแอลกอฮอล์เลย เธอรู้ได้อย่างไรกัน
“เดาเอาค่ะ” เมื่อถังโจวโจวดื่มน้ำเสร็จเธอก็พูดออกมา “ฉันไปนอนก่อนนะคะ”
เสียงปิดประตูดัง ปัง! ฟังหยวนมองดูเธอที่ทำตัวเหมือนวิญญาณล่องลอยไปมา นี่ดีนะที่เธอไม่ได้สวมชุดนอนสีขาวแล้วก็ปล่อยผมปิดหน้าปิดตา หากเป็นอย่างนั้นไม่ใช่ว่าเหมือนซาดาโกะเลยหรือ ถ้าเธอออกมาจากห้องในสภาพแบบนั้นจริง เขาคงตกใจแย่!
เช้าวันรุ่งขึ้น หันฮุ่ยซินได้นำโจ๊กที่เธอทำเองตรงมาที่บ้านของลั่วเซ่าเชิน ลั่วเซ่าเชินยังไม่ตื่น ป้าหลิวกำลังง่วนอยู่ในครัว เมื่อเธอได้ยิ่งเสียงออด เธอก็รีบออกไปดู และเมื่อเธอเปิดประตูออกไป เธอก็พบกับผู้หญิงคนเมื่อวาน เธอมาพร้อมกับกระติกเก็บความร้อนที่อยู่ในมือของเธอ
“อาเชินตื่นหรือยังคะ” พวกเธอสองคนห่างกันแค่โถงทางเข้า หันฮุ่ยซินกวาดตามองเข้าไปด้านในอย่างไม่เกรงใจ
“คุณชายยังไม่ตื่นค่ะ” เมื่อป้าหลิวเห็นว่าเธอเรียกลั่วเซ่าเชินอย่างสนิทสนม เธอก็ยิ่งพิจารณาสถานการณ์หนักขึ้น เธอเป็นใครกันแน่ คุณผู้หญิงยังไม่เคยเรียกคุณชายแบบนี้เลย ทำไมเธอถึงเรียกได้อย่างสนิมสนมล่ะ?
“ถ้าอย่างนั้นป้าให้ฉันเข้าไปก่อนได้ไหมคะ ฉันจะเข้าไปรอข้างใน” ท่าทางของหันฮุ่ยซินดูเจียมเนื้อเจียมตัวเป็นอย่างมาก ครั้งนี้ป้าหลิวไม่มีเหตุผลที่จะขัดขวางเธอแล้ว นอกจากนี้ การให้แขกยืนรออยู่ที่หน้าประตูนานๆ มันก็ดูไม่ดี ป้าหลิวจึงต้องเปิดประตูเหล็ก และปล่อยให้หันฮุ่ยซินเข้ามา
“เชิญคุณนั่งรอที่ห้องนั่งเล่นสักครู่นะคะ เมื่อคืนคุณผู้ชายเธอไปดื่มมา คุณอาจจะต้องรออีกสักพักหนึ่ง” ป้าหลิวเข้าไปยกน้ำในครัวออกมาให้อย่างรวดเร็ว
หันฮุ่ยซินเอ่ยขอบคุณเบาๆ “ไม่เป็นไรค่ะ ฉันจะนั่งรอเขาอยู่ตรงนี้” หันฮุ่ยซินมองไปรอบๆ บ้านที่เรียกว่าบ้านของลั่วเซ่าเชินและถังโจวโจว ภายในบ้านนั้นดูอบอุ่นมาก ดูเหมือนว่าจะต้องยกความดีความชอบนี้ให้กับถังโจวโจว
อย่างที่หันฮุ่ยซินรู้ดี ลั่วเซ่าเชินไม่เคยโปรดปรานสไตล์การแต่งบ้านแบบนี้เลย