หลินเหยาตบไหล่ของฟังหยวนเบาๆ เธอดูตื่นเต้นเป็นอย่างมาก “ไม่เลวนี่! คุณชายฟัง นึกไม่ถึงเลยว่าคุณเองก็พอจะมีฝีมืออยู่เหมือนกัน”
ฟังหยวนพูดเย้า “แต่ก็ไม่ได้มีเสน่ห์ดึงดูดคนแบบนั้นขนาดคุณหลินหรอกครับ”
ใบหน้ารูปไข่ของหลินเหยาที่ฉีกยิ้มอยู่เมื่อครู่นี้ จู่ๆ ก็เปลี่ยนเป็นสีเทา ฟังหยวนนี่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย จำเป็นต้องปักมีดลงกลางใจเธอด้วยหรือ!
“เชอะ เป็นเพราะเขาไม่ดูตาม้าตาเรือเองต่างหาก ถึงได้เจอกับฉันที่อารมณ์เสียในวันนี้ หากคุณไม่เข้ามา ฉันก็มีวิธีจัดการกับเขา แต่มันดันเกิดเรื่องน้ำเน่านั้นขึ้นซะก่อน” หลินเหยารู้สึกเสียดายเมื่อนึกถึงมัน
เมื่อครู่นี้เธอกำลังจะสั่งสอนผู้ชายคนนั้นอยู่แล้วเชียว ใครจะรู้ล่ะว่าความห้าวของเขาในตอนแรกจะอันตรธานหายไปทันทีเมื่อได้รู้ตัวตนของฟังหยวน น่าเบื่อเหลือเกิน!
“โอ้! ดูเหมือนว่าคุณจะมีแผนการอยู่แล้วนะเนี่ย รู้อย่างนี้ผมควรจะยืนดูอยู่เฉยๆ มากกว่า ไม่เห็นจำเป็นต้องแหย่เท้าเข้ามาเลย” ฟังหยวนส่ายหน้าพลางถอนหายใจ ราวกับว่าเขาได้ทำพลาดครั้งใหญ่ไปเมื่อครู่นี้
“แต่ยังไงฉันก็ต้องขอบคุณคุณด้วยนะคะ ที่เมื่อครู่นี้ยื่นมือเข้ามาช่วย! ดื่มด้วยกันสักแก้วไหม” เมื่อหลินเหยาเห็นว่าเจ้าคางคกหนุ่มที่จ้องจะกินเนื้อห่านฟ้าคนนั้นจากไปแล้ว เธอก็เกิดความคิดที่ว่าเธอจะไม่กลับบ้านหากเธอไม่เมา
ฟังหยวนยิ้มพลางพูด “เอาสิ!”
หลินเหยาเดินไปนั่งที่หน้าบาร์ จากนั้นเธอก็บอกให้บาร์เทนเดอร์รินเหล้าให้กับฟังหยวนเพิ่มอีกแก้วหนึ่ง และเมื่อเห็นว่าหลินเหยากระดกดื่มในอึกเดียว และดื่มอย่างบ้าคลั่ง เขาก็กระตุกต่อมเธอว่า “นี่เจ็บมาจากความรักหรือไงครับ”
“เอ่อ… คุณรู้ได้ยังไงคะเนี่ย” หลินเหยาส่งแก้วให้กับบาร์เทนเดอร์ ก่อนจะมองไปที่ฟังหยวนด้วยความประหลาดใจ สีหน้าของเธอชัดเจนมากขนาดนั้นเลยหรือ?
“คุณไม่ต้องสนใจหรอก ผมก็แค่เดาไปเรื่อยน่ะ ดูจากท่าทางของคุณแล้ว ก็คงจะหนีไม่พ้นเรื่องแบบนี้ โจวโจวกับคุณก็ยังดูรักกันดี ผมคิดหาสาเหตุอื่นไม่ได้จริงๆ นอกจากเรื่องความรัก” ฟังหยวนจิบวิสกี้อึกหนึ่ง ก่อนจะเขย่าแก้วเบาๆ แล้วมองดูแอลกอฮอล์ที่หมุนควงอยู่ในแก้ว
หลินเหยาพยักหน้า “ค่ะ คุณทายถูกแล้ว แฟนเก่าของฉันเขากลับมา” หลินเหยาได้รู้จักกับฟังหยวนก็เพราะถังโจวโจว จากคำบอกเล่าของถังโจวโจว ฟังหยวนเป็นคนที่เจ้าชู้และขี้เล่น แต่เมื่อได้เห็นเขาในวันนี้แล้ว ทำให้ความคิดของหลินเหยาที่มีต่อเขาค่อยๆ เปลี่ยนไป
ตอนนี้เขาดูเป็นคนที่เอาใจใส่ผู้อื่นดี ถึงขั้นสามารถสังเกตเธอได้อย่างละเอียดแบบนี้ เธอเดาว่าเขาน่าจะมีประสบการณ์กับตัว
จู่ๆ วันนี้หลินเหยาก็เกิดอยากจะหาคนมาระบายเรื่องที่เธออัดอั้นตันใจมานาน แล้ววันนี้เธอก็เจอกับฟังหยวนเข้าพอดี หลินเหยาจึงมองเขาเป็นถังขยะและคายสิ่งที่เธอกังวลใจออกมาทั้งหมด
“ฉันจะเล่าให้คุณฟัง แฟนเก่าของฉันเขาชื่อหลิวเหยียน เขาเคยเป็นความทรงจำอันแสนสวยงามของฉันมาโดยตลอด จนกระทั่งวันนั้น…”
ฟังหยวนนั่งฟังเรื่องขมขื่นของหลินเหยาอยู่เงียบๆ คอยชนแก้วกับหลินเหยาเป็นระยะ จากนั้นหลินเหยาก็เล่าเรื่องของเธอต่อไป จนกระทั่งผับใกล้จะปิด ในที่สุดหลินเหยาก็เมาและไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้อีก
ฟังหยวนนึกไม่ถึงเลยว่ามันจะนานขนาดนี้ เขาเริ่มรู้สึกปวดหัว เมื่อเห็นสภาพที่เละเป็นโจ๊กของหลินเหยา เขาก็ผลักเธอเบาๆ “หลินเหยา หลินเหยา…”
หลินเหยาไม่สนใจ เธอนอนฟุบอยู่บนบาร์ บางครั้งเธอก็ขยับปากเล็กๆ ก่อนจะขยับแขนเล็กน้อย จากนั้นเธอก็นอนต่อ ทำเอาฟังหยวนได้แต่ยืนมองอย่างสิ้นหวัง
ผู้คนที่อยู่ในร้านกลับกันเกือบจะหมดแล้ว พนักงานของร้านเดินเข้าไปหาฟังหยวนและหลินเหยา “คุณผู้ชายครับ ร้านของเราใกล้จะปิดแล้ว แล้วสำหรับคุณผู้หญิงจะทำอย่างไรดีครับ” เมื่อพนักงานของร้านเห็นว่าหลินเหยาเมาหลับไปแล้ว เขาก็รู้สึกลำบากใจ
“ไม่เป็นไร ผมจะพาเธอไปเอง รบกวนคุณช่วยออกไปเรียกรถแท็กซี่ให้ผมหน่อยนะ” ฟังหยวนส่งทิปให้กับพนักงานจำนวนหนึ่ง ก่อนที่พนักงานจะรีบออกไปเรียกรถแท็กซี่ให้อย่างกระตือรือร้น
หลังจากนั้นไม่นาน พนักงานคนนั้นก็กลับมา “เรียกรถมาแล้วครับ คุณผู้ชาย จะให้ผมช่วยประคองคุณผู้หญิงท่านนี้ไปที่รถไหมครับ”
“ไม่ต้องๆ เดี๋ยวผมจัดการเอง คุณไปทำงานของคุณเถอะ” พนักงานคนนั้นรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย เมื่อได้ยินฟังหยวนบอกให้เขากลับไปทำงานต่อ เขานึกว่าเขาจะได้ทิปอีกสักครั้ง ลูกค้าท่านนี้ใจดีจริงๆ ทิปให้เขาเยอะกว่าเงินค่าจ้างของเขาในคืนนี้อีก
ฟังหยวนอุ้มหลินเหยาออกมาจากผับ เขาเห็นรถแท็กซี่คันสีน้ำเงินจอดอยู่หน้าร้าน และเมื่อเขาวางหลินเหยาไว้บนเบาะหลัง เขาก็ตามขึ้นไป “คนขับ ออกรถเลย!”
หลินเหยาไม่รู้สึกตัวเลยสักนิด ฟังหยวนตกอยู่ในสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ตอนนี้เขาควรจะพาเธอไปที่ไหน? เขาเขย่าร่างเธอเบาๆ ก่อนจะกระซิบถามว่า “หลินเหยา หลินเหยา ตื่นก่อนคุณ รีบบอกที่อยู่ของคุณมาเร็ว…”
หลินเหยารู้สึกได้ว่าตรงข้างหูมีเสียงอะไรบางอย่างมารบกวนการนอนของเธอ เธอจึงยื่นมือไปตบต้นเหตุของเสียงนั้นดัง เพี้ยะ! เมื่อบรรยากาศโดยรอบสงบลง เธอก็นอนต่ออย่างสบายใจ
หลังจากที่ได้รับฝ่ามือแห่งความโกรธของหลินเหยา ฟังหยวนก็ชะงักนิ่งไปนาน เขากุมหน้าและมองดูหลินเหยาด้วยความตกใจ ในขณะที่เขาอยากจะบันดาลโทสะ เขาก็เห็นว่าเธอยังหลับสนิท ไฟโกรธของเขาจึงค่อยๆ จางหายไป นี่มันเกิดอะไรขึ้น!
ฟังหยวนทำได้แค่เพียงพูดกับคนขับรถที่กำลังยิ้มขำอยู่ด้านหน้าว่า “คนขับ ไปที่เขตวั่นฝู”
“ครับผม!”
คนขับรถจอดรถที่หน้าอาคารหลังหนึ่งในเขตวั่นฝู เมื่อฟังหยวนพาหลินเหยาลงมาจากรถแล้ว เขาก็จ่ายเงินค่าแท็กซี่ ก่อนจะเดินเข้าไปในอาคาร
เมื่อออกมาจากลิฟต์ ฟังหยวนก็ให้หลินเหยายืนพิงอยู่กับกำแพง แต่นึกไม่ถึงเลยว่าเธอจะไถลตัวจนล้มลงไป ฟังหยวนจึงต้องประคองช่วงเอวของเธอเอาไว้ด้วยแขนข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างหนึ่งก็คลำหากุญแจเพื่อเปิดประตู
เมื่อหลินเหยาถูกอุ้มเข้ามาในห้องรับรองแขกเรียบร้อยแล้ว เขาก็รู้สึกโล่งอก จากนั้นเขาก็ตรงเข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำ ก่อนจะกลับไปนอนที่ห้องของตัวเอง
หลินเหยาหลับยาวไปจนถึงกลางดึก เธอก็เริ่มรู้สึกคอแห้ง เธอจึงพูดเบาๆ ว่า “น้ำ… ขอน้ำ…”
แต่น่าเสียดายที่ไม่มีใครตอบรับเธอ เธอจึงต้องเปิดตาขึ้นมาอย่างสะลึมสะลือ และคลำหาทางออกไปจากห้อง ด้านนอกมีแสงอยู่เพียงเล้กน้อย และเมื่อหลินเหยาเจอกาน้ำที่ตั้งอยู่บนโต๊ะ เธอก็รินออกมาแก้วหนึ่ง หลังจากดื่มจนหมดแก้วแล้วเธอก็กลับเข้าไปนอนต่อในห้อง
เมื่อฟ้าสว่าง ฟังหยวนก็ตื่นขึ้นมาเพราะแสงด้านนอกแยงตา เขาค่อยๆ ยกมือขึ้นมาป้องตรงเปลือกตา เขาหันมองนาฬิกา ตอนนี้เป็นเวลาเจ็ดโมงเช้าแล้ว เขาก็ไม่อยากจะนอนอีกต่อไป ดังนั้น เขาจึงลุกออกจากเตียง
หลังจากชำระร่างกายเสร็จ ฟังหยวนก็พบว่าประตูห้องรับรองแขกยังคงปิดสนิทอยู่ แต่เขาก็เห็นว่าแก้วน้ำที่อยู่บนโต๊ะนั้นไม่ได้อยู่ที่เดิม เขาจึงเดาว่าหลินเหยาน่าจะตื่นขึ้นมาแล้วครั้งหนึ่ง ฟังหยวนไม่ได้คิดอะไรมาก ก่อนจะตรงเข้าไปในห้องครัว
เมื่อหลินเหยาตื่นขึ้นมาเต็มตา เธอก็รู้สึกได้ว่าศีรษะของเธอหนักอึ้ง ความทรงจำของเธอยังคงหยุดอยู่แค่ตอนที่เธอดื่มเหล้ากับฟังหยวนเมื่อคืนนี้ เธอนึกไม่ออกเลยว่าตอนนี้เธออยู่ที่ไหน
หลินเหยามองไปรอบๆ เพื่อสำรวจการตกแต่งในห้อง แล้วเธอก็พบว่ามันไม่ใช่ห้องนอนของเธอเอง มันดูสะอาดจนน่าตกใจ นอกจากเครื่องใช้ที่จำเป็นต้องมีแล้ว ภายในห้องนั้นก็ไม่มีอะไรอีกเลย
เธอเปิดประตูเดินออกมาจากห้อง ทันใดนั้นเธอก็ได้ยินเสียงหนึ่งดังอยู่ไกลๆ น่าจะเป็นใครสักคนแหละ หลินเหยาเดินไปตามทางจนพบห้องครัว แล้วเธอก็เห็นฟังหยวนซึ่งสวมผ้ากันเปื้อนสีเหลืองกำลังยืนอยู่ในครัว มือของเขาขยับเคลื่อนไหวอย่างคล่องแคล่ว ดูเหมือนว่าเขากำลังทำอาหาร
“คุณทำอะไรอยู่น่ะ” หลินเหยายืนพิงกรอบประตูพลางมองดูทักษะการทำอาหารของฟังหยวน เธอเดาว่าเขาน่าจะทำอาหารเป็นประจำ เธอไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ ว่าคุณชายอย่างเขาจะทำอาหารเป็นด้วย
เมื่อฟังหยวนเห็นว่าหลินเหยาตื่นแล้ว เขาก็ไม่ได้แสดงท่าทีอะไรเป็นพิเศษ “ล้างหน้าล้างตาสักหน่อยเถอะ อุปกรณ์อาบน้ำของคุณอยู่ในห้องน้ำนะ อีกเดี๋ยวข้าวเช้าก็เสร็จแล้ว”
หลินเหยาพยักหน้า เธอเดินไปเดินมาจนเจอห้องน้ำ เธอยืนอยู่หน้ากระจกครู่หนึ่ง ก่อนจะพบว่าบนอ่างล้างมือนั้นมีแปรงสีฟันและผ้าขนหนูผืนใหม่วางอยู่ด้วย ดูเหมือนว่าฟังหยวนจะเตรียมไว้ให้หมดแล้ว เขาคงไม่ออกไปซื้อของพวกนี้มาแต่เช้าหรอกใช่ไหม?!
ในขณะที่หลินเหยากำลังแปรงฟัน เธอก็คิดไปด้วย และเมื่อหลินเหยาออกมาจากห้องน้ำ เธอก็เห็นว่าฟังหยวนยกอาหารเช้าอย่างง่ายๆ ออกมาตั้งโต๊ะเรียบร้อยแล้ว
สามารถเรียกว่า ‘อย่างง่ายๆ’ ได้ เพราะว่าบนโต๊ะมีแค่โจ๊กสองชาม จานที่ใส่ไข่ดาวอีกหนึ่งใบ กับผักดองเสฉวนถ้วยเล็กๆ
“คุณมองอะไร หรือว่าอาหารเช้าแบบนี้มันง่ายมากเกินไป” ฟังหยวนถอดผ้ากันเปื้อนออก ก่อนจะนั่งลงบนโต๊ะอาหาร
หลินเหยารีบส่ายหน้า “ไม่หรอกค่ะ ดีมากเลยต่างหาก ฉันชอบมาก” เมื่อคืนเธอดื่มไปเยอะ จึงไม่ควรกินอาหารที่มันๆ ได้โจ๊กสักชามก็ดีเกินพอแล้ว
หลินเหยาหมดเรื่องจะคุยกับฟังหยวนไปชั่วขณะ เธอกินโจ๊กที่อยู่ในชามอย่างเงียบๆ
เมื่อฟังหยวนเห็นหลินเหยาเอาแต่ก้มหน้าก้มตากินโดยไม่พูดอะไร เขาก็หลุดยิ้มออกมาชั่วขณะ หลินเหยาเงยหน้ามาเห็นพอดีว่าเขากำลังยิ้มอย่างมีความสุข เธอก็ไม่รู้ว่าเธอทำอะไรผิดไป จนทำให้เขาหัวเราะออกมา
“คุณมีอะไรหรือเปล่าคะ ฉันสกปรกตรงไหนเหรอ” หลินเหยาเมาค้างจากเมื่อคืน เธอยังไม่ได้สติกลับคืนมา อีกทั้งตอนนี้ก็ยังรู้สึกปวดหัวอยู่เล็กน้อย แต่อาการปวดแบบนี้ก็เป็นอาการปวดที่เธอยังพอทนได้
ฟังหยวนโบกมือ “ไม่มีอะไร ทานโจ๊กเถอะ! อุบ… คุณไม่ต้องเครียดไปหรอก ผมไม่กินคน”
หลินเหยาเห็นว่ามุมปากของเขายกขึ้นสูงอีกครั้ง กลัวคนไม่รู้หรือว่าเขาอยากจะหัวเราะ “ถ้าคุณอยากหัวเราะก็หัวเราะออกมาเถอะค่ะ ฉันไม่ได้ห้ามคุณสักหน่อย แต่คุณช่วยบอกฉันหน่อยได้ไหมคะว่ามันตลกตรงไหน” จากนั้นเขาก็ขำออกมาอย่างเป็นบ้าเป็นหลัง ทำเอาเธอปวดหัว
ได้ยินหลินเหยาพูดแบบนี้ ในที่สุดฟังหยวนก็กลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่ “คือว่า…ผมแค่รู้สึกว่าท่าทางของคุณตอนทานโจ๊ก มันค่อนข้างจะ…น่ารัก ใช่! น่ารัก” ดูเหมือนว่าฟังหยวนจะหาคำที่เหมาะสมในการอธิบายเจอแล้ว เขาพูดพลางพยักหน้าหงึกหงัก
“คุณจะหัวเราะก็หัวเราะไปเถอะค่ะ ขอแค่อย่าสำลักก็พอ” หลินเหยาหน้ามุ่ย เธอหมดคำจะพูด
ศีรษะของหลินเหยามีเส้นผมสีดำปกคลุมไว้ เขาบอกว่าเธอ ‘น่ารัก’ ตรงไหนของเธอหรือที่ทำให้เขารู้สึกว่าเธอน่ารักน่ะ แต่ตอนนี้ฟังหยวนกำลังหัวเราะอย่างมีความสุข เธอกลัวว่าถ้าเธอพูดอะไรออกไปแล้วมันไม่ถูกต้อง มันจะยิ่งทำให้ฟังหยวนหัวเราะมากขึ้นไปอีก
แต่ใครจะรู้ล่ะว่าทันทีที่เธอพูดจบ เธอก็ได้ยินเสียงไอของฟังหยวนดังขึ้นมา “แค่กๆๆ คุณนี่เดาเก่งจริงๆ”
เมื่อเห็นฟังหยวนไอไม่หยุด หลินเหยาก็ไม่สามารถบังคับสีหน้าของเธอให้เคร่งขรึมต่อไปได้ แม้ว่าเธอจะไม่ได้หัวเราะดังเท่ากับฟังหยวน แต่ด้วยรอยยิ้มที่กลั้นไว้ตรงมุมปากของเธอทำให้ไม่สามารถหลอกสายตาคนอื่นได้
ฟังหยวนเห็นว่าหลินเหยาเริ่มอยากจะหัวเราะบ้างแล้ว เขาก็ได้แต่พูดอย่างจนใจว่า “โอเค ตอนนี้ผมหายแล้ว ผมจะไม่หัวเราะคุณ คุณก็อย่าหัวเราะผม”
หลินเหยาพูดอย่างไม่ยอม “ไม่ได้หรอกค่ะ ฉันต้องเอาคืนในสิ่งที่คุณทำกับฉันด้วย ฉันถึงจะสบายใจ”
ทั้งสองคนทำตัวราวกับเป็นเด็กสามขวบที่คิดเล็กคิดน้อยกับเรื่องแค่นี้ อย่างไรก็ตาม บรรยากาศอันน่าอึดอัดก่อนหน้านี้ได้จางหายไปกับการหยอกล้อเมื่อครู่นี้แล้ว
หลังจากกินข้าวเช้าเสร็จ หลินเหยาก็ลุกขึ้นบอกลา ที่จริงแล้วเธอรับกลิ่นบนเสื้อผ้าของตัวเองไม่ไหว เธออยากจะรีบกลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสียใหม่ อย่างไรวันนี้เธอก็ยังต้องไปทำงานที่สำนักพิมพ์