พยาบาลสาวคนนั้นกระตุกหนวดเสือเข้าให้แล้ว เดาได้เลยว่าคุณแม่ลั่วโมโหมากแค่ไหน แต่น่าเสียดายที่พยาบาลคนนั้นไม่สนใจ เธอเดินตรงไปข้างหน้าราวกับว่าเธอไม่ได้ยิน
แต่ในขณะที่คุณแม่ลั่วเห็นว่าอีกฝ่ายเดินจากไปแล้ว เธอก็ยังคงพูดอย่างหยิ่งผยองว่า “โชคดีที่เธอเดินออกไปก่อน ไม่อย่างนั้นฉันคงต้องบอกให้ทางโรงพยาบาลไล่เธอออกให้เร็วที่สุด!”
จากนั้นคุณแม่ลั่วก็หันไปหาถังโจวโจว เธอย้ายอารมณ์โกรธที่มีทั้งหมดไปไว้ที่ถังโจวโจวทันที “ถังโจวโจว เธอเข้ามายุ่งทำไม! แล้วนี่เธอเป็นสะใภ้ของตระกูลลั่วแน่หรือเปล่า แทนที่จะช่วยฉัน แต่กลับไปขอโทษคนอื่นเนี่ยนะ?”
“คุณแม่คะ หนูรู้ว่าคุณแม่ไม่อยากให้ใครมารับรู้ว่าหนูเป็นสะใภ้ของคุณแม่ แต่เมื่อครู่นี้หนูแค่ต้องการให้คนอื่นถอยออกไป ก็เลยรีบพูดมากเกินไปหน่อย ทำให้ไม่ทันได้นึกถึงความรู้สึกของคุณแม่ คุณแม่คะ เราเข้าไปข้างในห้องกันก่อนดีกว่าไหมคะ ลั่วอิงกำลังรอให้คุณแม่มาเยี่ยมอยู่ด้านใน”
คุณแม่ลั่วรู้สึกพออกพอใจกับคำพูดของถังโจวโจว และเมื่อถังโจวโจวเห็นว่าคุณแม่ลั่วไม่ได้โกรธจัดเหมือนเมื่อครู่นี้แล้ว ก็เท่ากับว่าถังโจวโจวหาจุดอ่อนของคุณแม่ลั่วเจอ ตราบใดที่ไม่พูดอะไรขัดหูเธอ คุณแม่ลั่วก็จะไม่ต่อล้อต่อเถียงด้วยนานนัก
“ในเมื่อเธอพูดมาแบบนี้ ฉันก็จะยอมปล่อยเธอไปก่อน เพราะตอนนี้ฉันต้องเข้าไปเยี่ยมหลานสาวของฉันแล้ว แต่ถังโจวโจว…เธออย่าคิดนะว่าฉันจะให้อภัยเธอง่ายๆ พอเรื่องของลั่วอิงจบแล้ว ฉันจะกลับมาคิดบัญชีกับเธอ!”
“ค่ะ คุณแม่ เอาตามที่คุณแม่เห็นสมควรได้เลยค่ะ ขอเพียงแค่คุณแม่หายโกรธ ตอนนี้เรารีบเข้าไปข้างในกันเถอะนะคะ” แม้คุณแม่ลั่วจะสงสัยว่าทำไมวันนี้ถังโจวโจวถึงยอมตามใจเธอ แต่เมื่อคิดดูอีกทีแล้วก็ไม่ได้เสียหายอะไร เธอจึงสาวเท้าเดินไปข้างหน้า
ลั่วเซ่าเชินยืนมองถังโจวโจวเกลี้ยกล่อมคุณแม่ของเขาให้เดินเข้าไปในห้องพักผู้ป่วยอยู่ด้านหลัง เขาแค่รู้สึกว่านับวันพลังของถังโจวโจวจะยิ่งแข็งแกร่งขึ้น ตอนนี้แม้แต่คุณแม่ของเขา เธอก็สามารถจัดการได้ด้วยตัวคนเดียว
เขาเดินตามถังโจวโจวมาและกระซิบถามเธอเบาๆ ว่า “คุณทำได้อยังไงน่ะ ทำไมแม่ถึงยอมฟังคุณ แล้วก่อนหน้านี้ทำไมคุณถึงไม่ใช้วิธีนี้ล่ะ”
ในขณะที่ถังโจวโจวกำลังจะตอบเขา เธอก็เห็นว่าคุณแม่ลั่วหันหลังกลับมามองอย่างกะทันหัน ถังโจวโจวจึงรีบก้มหน้าก้มตาลง เมื่อคุณแม่ลั่วเห็นเธอเงียบลงทันที ก็เบื่อหน่ายเป็นอย่างมาก คุณแม่ลั่วไม่เข้าใจความคิดของเธอเลยสักนิด เพิ่งเอ่ยชมเธอในใจไปหยกๆ แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นยายโง่เง่าไปเสียแล้ว ซึ่งนั่นทำให้คุณแม่ลั่วไม่สบอารมณ์
“มัวยืนอยู่ทำไมล่ะ ลั่วอิงอยู่ห้องไหน ยังไม่รีบนำทางไปอีก” คุณแม่ลั่วรู้สึกโกรธเป็นอย่างมาก เมื่อเห็นว่าถังโจวโจวกลับไปเป็นเหมือนเดิมอีกแล้ว ทำไมถึงไม่ได้ดั่งใจเธอเหมือนเมื่อครู่นี้เลย
ลั่วเซ่าเชินเห็นว่าคุณแม่ลั่วเริ่มโมโหขึ้นมาอีก ในใจของเขาก็คิดว่าช่วงนี้คุณพ่อกับคุณแม่ลั่วผิดใจกันหรือ? ไม่อย่างนั้นทำไมคุณแม่ลั่วถึงหงุดหงิดง่ายขนาดนี้ “ก็ห้องข้างหน้านี่ไงครับแม่ มาครับ เดี๋ยวผมเข้าไปเป็นเพื่อน” ลั่วเซ่าเชินโอบไหล่ของคุณแม่ลั่ว ก่อนจะเปิดประตูห้องพักผู้ป่วยแล้วเดินเข้าไป
เมื่อคุณแม่ลั่วเห็นลั่วเซ่าเชินออกมาประนีประนอม เธอก็ไม่คำรามใส่ถังโจวโจวอีกต่อไป ลั่วเซ่าเชินพาเธอเข้าไปในห้องพักผู้ป่วยของลั่วอิง ส่วนถังโจวโจว พอเห็นว่าตัวเองผ่านพ้นสถานการณ์นี้ไปได้แล้ว เธอก็แอบกลอกตาขึ้นฟ้าและถอนหายใจออกมายาวเหยียด เธอได้แต่นึกในใจว่า คุณแม่ชักจะเอาใจยากมากขึ้นทุกที
หลังจากเข้ามาในห้องพักผู้ป่วยแล้ว คุณแม่ลั่วก็เห็นว่าลั่วอิงกำลังนอนอยู่บนเตียง เธอไม่พูดอะไรไปพักใหญ่ เธอเอาแต่นั่งอยู่ที่ข้างเตียงของลั่วอิงและพิจารณาใบหน้าของหลานสาวอยู่นาน และเมื่อเธอเห็นว่าสีหน้าของลั่วอิงนั้นค่อนข้างดี ในใจของคุณแม่ลั่วก็รู้สึกคลายความกังวลลง
“แล้วนี่เป็นอะไรมากหรือเปล่า มีบาดแผลตรงไหนไหม”
คุณแม่ลั่วไม่ได้เอ่ยชื่อเสียงเรียงนาม แต่ลั่วเซ่าเชินก็รู้ว่าเธอถามถึงลั่วอิง เขาจึงตอบกลับไปเบาๆ ว่า “ไม่ได้เป็นอะไรมากครับ เธอแค่ตกใจ แล้วตอนนี้ก็มีไข้นิดหน่อย”
เมื่อได้เห็นลั่วอิงหลับสนิท ในที่สุดหัวใจของลั่วเซ่าเชินก็หวนคืนสู่สภาวะปกติ หากลั่วอิงเป็นอะไรไป เขาจะมีหน้าอยู่ได้อย่างไร…
ถังโจวโจวตามลั่วเซ่าเชินและคุณแม่ลั่วเข้ามาทีหลัง เธอได้ยินสิ่งที่ลั่วเซ่าเชินพูดกับคุณแม่ลั่วเข้าพอดี และหลังจากที่คุณแม่ลั่วได้ยินอย่างนั้น ก็ไม่ได้แสดงความคิดเห็นอะไรอีก คุณแม่ลั่วเอาแต่จับมือของลั่วอิงไว้และมองดูอยู่อย่างนั้น
แล้วจู่ๆ โทรศัพท์ของถังโจวโจวก็ส่งเสียงร้อง ถังโจวโจวกดรับสายในทันที ก่อนที่เธอจะเดินออกไปข้างนอก ลั่วอิงยังคงหลับอยู่ เธอกลัวว่าเสียงโทรศัพท์จะทำให้ลั่วอิงตื่น “โจวโจว ลูกไม่เป็นอะไรใช่ไหม ลั่วอิงล่ะ?”
“หนูขอโทษค่ะแม่ หนูลืมโทรไปบอกว่าหนูปลอดภัยดี” ถังโจวโจวพูดด้วยความรู้สึกผิด
เธอมัวแต่สนใจปลอบโยนจิตใจของลั่วอิง จนลืมไปว่าคุณแม่ของเธอก็กำลังรอฟังข่าวของเธออย่างเป็นกังวลอยู่ที่บ้าน เธอนี่ช่างอกตัญญูเสียจริงๆ เธอมักจะบอกตัวเองอยู่เสมอว่าเธอจะไม่ทำให้คุณพ่อและคุณแม่ถังเป็นกังวล แต่เธอกลับทำไม่ได้เลยสักครั้ง
เมื่อได้ฟังน้ำเสียงที่เศร้าสร้อยของถังโจวโจว คุณแม่ถังก็พูดปลอบใจเธอในทันที “โจวโจว ลูกอย่าพูดแบบนั้นสิ แค่ลูกปลอดภัยกลับมา แม่ก็สบายใจแล้ว แล้วลั่วอิงล่ะ? ปลอดภัยดีเหมือนกันใช่ไหม พวกลูกจะกลับมาเมื่อไร”
“ตอนนี้ลั่วอิงอยู่ที่โรงพยาบาลค่ะ หนูคิดว่าวันนี้คงจะไม่ได้กลับ ต้องรอดูอาการพรุ่งนี้อีกทีค่ะ”
“ลั่วอิงเป็นอะไร เธอป่วยหนักใช่ไหม แม่จะรีบไปหาเธอเดี๋ยวนี้”
ถังโจวโจวได้ยินเสียงฝีเท้าอันเร่งรีบของคุณแม่ถัง เธอคาดว่าคุณแม่ถังน่าจะเตรียมตัวออกมาข้างนอกอยู่แล้ว เธอจึงรีบพูดว่า “แม่คะ เธอแค่มีไข้ หนูนึกไม่ถึงเลยว่าแม่จะเป็นห่วงลั่วอิงมากขนาดนี้ แต่แม่ไม่ต้องเป็นห่วงแล้วล่ะค่ะ”
“เธอเป็นไข้ได้ยังไง แล้วตอนนี้ไข้ลดลงหรือยัง ไม่ได้ๆ แม่ทนรอไม่ไหวหรอก แม่จะไปหาเธอเดี๋ยวนี้”
“แม่คะ แม่อย่าเพิ่งมาเลยนะ เอาอย่างนี้ค่ะ เดี๋ยวแม่บอกให้ป้าหลิวต้มซุปไก่หน่อยนะคะ แล้วก็ให้เธอถือมาให้ลั่วอิงที่โรงพยาบาล อย่างนี้ได้ไหมคะ”
“…โอเค ถ้าอย่างนั้นแม่ไปบอกให้ป้าหลิวทำซุปก่อน แค่นี้นะโจวโจว”
“ค่ะ” ถังโจวโจวรู้สึกเบาใจขึ้นมาก เมื่อในที่สุดเธอก็สามารถพูดโน้มนาวคุณแม่ถังได้ ไม่ใช่ว่าเธอไม่อยากให้คุณแม่ถังมาเยี่ยมลั่วอิงในตอนนี้ เพียงแต่คุณแม่ลั่วยังอยู่ เธอกลัวว่าหากทั้งสองคนอยู่ด้วยกัน คุณแม่ลั่วอาจจะพูดอะไรที่ทำให้คุณแม่ถังรู้สึกไม่ดีได้
ถังโจวโจวคิดว่าเธอสามารถรับมือกับความไม่พอใจของคุณแม่ลั่วได้ เพราะไม่ว่าอย่างไรคุณแม่ลั่วก็เป็นแม่สามีของเธอ แต่ถังโจวโจวจะไม่ยอมให้คุณแม่ถังถูกคุณแม่ลั่วรังแกโดยเด็ดขาด คุณแม่ถังเลี้ยงดูเธอมาจนโตขนาดนี้ เธอจะไม่ทำให้แม่รู้สึกว่ามันไร้ค่า แม้แต่แม่ของตัวเองเธอก็ดูแลปกป้องไม่ได้
หลังจากวางสายจากคุณแม่ถังแล้ว เธอก็หมุนตัวเดินกลับเข้าไปในห้อง แล้วเธอก็พบว่าลั่วอิงตื่นแล้ว คุณแม่ลั่วกำลังคุยกับเธออยู่ “ลั่วอิงน้อยของย่า ทรมานแย่เลย” คุณแม่ลั่วรู้สึกเศร้าใจเป็นอย่างมาก เมื่อได้ลูบสัมผัสใบหน้ารูปไข่ที่เห็นได้ชัดว่าซูบลงไปมาก
ลั่วอิงพูดออดอ้อนคุณแม่ลั่ว “คุณย่าขา คุณย่าเตรียมของอร่อยๆ ไว้ให้หนูด้วยนะคะ”
“โอเคจ้ะ ไว้ย่าจะเตรียมไว้ให้นะลูก ลั่วอิง วันหลังหนูอย่าเดินตามใครไปง่ายๆ อีกนะ หากไม่ทันระวัง หนูจะถูกคนไม่ดีจับตัวไปอีก ลั่วอิงที่แสนน่ารักของเรา ย่าทำใจไม่ได้เลยหากจะไม่ได้เจอหน้าหนูอีก”
ทันทีที่ลั่วอิงได้ยินอย่างนั้น เธอก็นึกถึงเรื่องเมื่อสองวันก่อนที่เธอถูกจับตัวไป แววตาของเธอดูหวาดกลัวขึ้นมาชั่วขณะ ลั่วเซ่าเชินเห็นว่าสิ่งที่คุณแม่ลั่วพูดมานั้นทำให้ลั่วอิงตกใจกลัว เขาจึงรีบเปลี่ยนหัวข้อทันที “แม่ครับ ตอนนี้ลั่วอิงก็กลับมาอย่างปลอดภัยแล้ว แม่จะรื้อฟื้นเรื่องนี้ขึ้นมาทำไม ดูสิครับ แม่ทำให้เธอตกใจกลัวหมดแล้ว”
เมื่อเห็นว่าลั่วอิงตกใจกลัวจริงๆ คุณแม่ลั่วก็รู้ว่าตัวเองพูดผิดไปแล้ว แต่เธอไม่สามารถเอ่ยคำขอโทษออกมาได้ บรรยากาศจึงถูกแช่แข็งไว้อย่างนั้น
ถังโจวโจวรีบออกหน้าพูดว่า “ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ คุณแม่ ครั้งหน้ามันจะไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก คราวนี้เป็นหนูเองที่ไม่ดี ไม่สามารถดูแลลั่วอิงให้อยู่ในสายตาได้”
“มันก็ต้องเป็นความผิดของเธออยู่แล้วแหละ หากไม่ใช่เพราะเธอ หลานสาวของฉันก็คงไม่ต้องมาระทมทุกข์อยู่แบบนี้ ไม่รู้ว่าสองวันที่ต้องไปลำบากอยู่ข้างนอกนั่น ลั่วอิงจะทรมานมากขนาดไหน” เมื่อคุณแม่ลั่วนึกถึงว่าลั่วอิงจะต้องกินไม่อิ่ม สวมเสื้อผ้าไม่อบอุ่น ซ้ำพวกเขาสองคนที่ยืนอยู่ตรงหน้านี้ก็ยังปิดบังเรื่องนี้จากเธออีก เธอก็รู้สึกเกลียดถังโจวโจวมากขึ้นไปชั่วขณะ
“แล้วพวกเธอสองคน นับวันก็ยิ่งใจกล้ามากขึ้นเรื่อยๆ นะ ถ้าแม่ไม่มาเอง พวกเธอสองคนก็คงจะปกปิดแม่กับพ่อไปจนตายใช่ไหม”
“ไม่ใช่อย่างนั้นนะครับแม่ ที่เราทำแบบนี้ก็เพราะไม่อยากให้พ่อกับแม่เป็นห่วง” ลั่วเซ่าเชินยืดอกรับความโกรธแค้นของคุณแม่ลั่ว เขาเป็นคนตัดสินใจในเรื่องนี้ตั้งแต่แรก ถังโจวโจวไม่รู้เรื่องด้วย
เมื่อลั่วอิงเห็นว่าทั้งสามคนกำลังจะวางมวยกันแล้ว ดวงตาเรียวเล็กของเธอก็หรี่ลง แล้วส่งเสียงร้องขึ้นมาทันที “แม่โจวโจวขา หนูไม่สบายตัว ปวดจังเลย…”
ถังโจวโจวรีบถลาตัวเข้าไปหาลั่วอิงด้วยความเป็นห่วง เธออยากจะแตะตัวลั่วอิงแต่ก็ไม่กล้า “ลั่วอิง หนูไม่สบายตัวตรงไหนคะ หนูบอกแม่โจวโจวมาเร็วเข้า ไม่สิ แม่จะออกไปตามคุณหมอเดี๋ยวนี้แหละ!”
“หลบไป! ลั่วอิง ไหนให้ย่าดูสิลูก” คุณแม่ลั่วผลักถังโจวโจวที่ยืนขวางอยู่ตรงหน้าออก ก่อนจะเขยิบตัวเข้าไปหาลั่วอิงอย่างรวดเร็ว
คุณแม่ลั่วผลักถังโจวโจวจนล้มลงไปกับพื้น แต่ถังโจวโจวกลับไม่สนใจว่าตัวเองจะเป็นอะไรหรือเปล่า เธอคิดแต่จะวิ่งออกไปข้างนอกห้อง เพื่อไปตามคุณหมอมาดูอาการของลั่วอิง
ลั่วเซ่าเชินสังเกตเห็นว่าลั่วอิงกัดริมฝีปากไว้แน่น และนัยน์ตาของเธอก็ดูตกใจที่เหตุการณ์กลับวุ่นวายมากกว่าเดิม สีหน้าท่าทางของเธอตกอยู่ในสายตาของเขาทั้งหมดแล้ว เขาสงสัยว่านี่อาจจะเป็นกลอุบายเล็กๆ ของลั่วอิง เขาจึงรีบรั้งตัวถังโจวโจวไว้
“โจวโจว ที่ข้างเตียงก็มีกริ่งนะ แค่กดสองสามทีหมอก็มาแล้ว คุณไม่ต้องวิ่งออกไปตามเองหรอก แล้วเมื่อกี้นี้คุณเป็นอะไรหรือเปล่า”
พอถังโจวโจวได้ยินลั่วเซ่าเชินพูดอย่างนั้น เธอก็นึกขึ้นได้ว่าภายในห้องมีกริ่งจริงๆ และในขณะที่เธอกำลังจะกดกริ่งนั้น เธอก็ได้ยินเสียงของลั่วอิงพูดไม่เต็มปากว่า “แม่โจวโจวขา คุณย่าขา หนูไม่เป็นอะไรแล้วค่ะ ตอนนี้ไม่ปวดแล้ว”
ถังโจวโจวมองเธอด้วยความประหลาดใจ “ไม่ปวดแล้วจริงๆ หรือคะ ทำไมถึงแปลกอย่างนี้ล่ะ ลั่วอิง หนูไม่ได้หลอกแม่โจวโจวใช่ไหม”
คุณแม่ลั่วเองก็นึกไม่ถึงเหมือนกันว่าเธอจะได้ยินประโยคนั้นที่จู่ๆ ก็หลุดออกมาจากปากของลั่วอิง เธอตะลึงงันไปชั่วขณะ แต่ไม่นานเธอก็ตั้งสติได้ “ลั่วอิง อย่าปิดบังย่านะลูก ถ้าหนูปวดตรงไหนก็ให้บอก จะได้รีบเรียกคุณหมอมาตรวจดูอาการให้นะ”
ถังโจวโจวนึกว่าลั่วอิงเพิ่งจะพบบาดแผลที่มองไม่เห็นบนร่างกายของเธอเอง แล้วเธอเผลอไปสัมผัสมันเข้า เธอถึงได้ร้องว่าเจ็บว่าปวด แต่เมื่อดูอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว ลั่วอิงก็ไม่ได้ดูเจ็บปวดตรงไหนเลย เมื่อครู่นี้เป็นเพราะถังโจวโจวร้อนใจมากเกินไปหน่อย จึงไม่ทันได้สังเกตว่าแววตาที่แท้จริงของลั่วอิงเป็นอย่างไร
ถังโจวโจวยิ่งรู้สึกสงสัยเมื่อเห็นว่าลั่วอิงหลบสายตา “ลั่วอิง บอกแม่โจวโจวมานะ ตกลงแล้วหนูเป็นอะไรหรือเปล่าคะ”
“ถังโจวโจว นั่นมันน้ำเสียงอะไรของเธอ นี่เธอคิดว่าหลานสาวของฉันไม่สามารถแยกแยะได้เลยเหรอว่าตัวเองเจ็บหรือไม่เจ็บตรงไหนน่ะ?” คุณแม่ลั่วคิดว่าถังโจวโจวชักจะกำเริบเสิบสาน หากเป็นเมิ่งชิงซีที่อยู่ตรงนี้แทน เธอก็คงจะไม่พูดจาแบบนี้กับลั่วอิง
“คุณแม่คะ หนูเองก็เป็นห่วงลั่วอิงเหมือนกัน ถ้าเธอไม่มีปัญหาอะไรก็ดีที่สุดแล้วค่ะ แต่ถ้าเธอมีปัญหาตรงไหนที่เราไม่รู้ คุณแม่จะให้เธอเก็บมันไว้กับตัวหรือคะ” ถังโจวโจวอยากจะตะโกนให้สุดเสียง แต่เธอรู้ว่ามันไม่ควร เธอค้นหาสาเหตุที่ลั่วอิงทำแบบนี้ก่อนจะดีกว่า
ถังโจวโจวแน่ใจแล้วว่าลั่วอิงไม่ได้เป็นอะไร เพียงแต่เธอไม่รู้ว่าทำไมอยู่ๆ ลั่วอิงก็นึกหลอกพวกเธอขึ้นมา ในความคิดของถังโจวโจว ลั่วอิงไม่เคยทำเรื่องไร้สาระแบบนี้ และถ้าหากปล่อยให้ทำจนติดเป็นนิสัย ลั่วอิงก็จะกลายเป็นเด็กโกหกเอาได้ ถ้าเป็นเช่นนั้นมันจะไม่ดีต่อตัวลั่วเองเองมากขนาดไหน?
เมื่อลั่วอิงเห็นท่าทางจ้องจับผิดของถังโจวโจว เธอก็เริ่มกลัวและพึมพำออกมาว่า “หนูแค่ไม่อยากให้คุณแม่กับคุณย่าทะเลาะกัน หนูก็เลยหลอกคุณแม่กับคุณย่าว่าหนูไม่สบายตัว”