“อาโม่ คุณบอกว่าคุณจะไปเข้าห้องน้ำไม่ใช่เหรอ” จู่ๆ เสียงของสวี่โยวก็ดังขึ้นมาจากด้านข้าง ถังโจวโจวรีบผลักเซียวโม่ออก และในทันทีที่เธอหันไปมอง เธอก็พบว่าสวี่โยวยืนอยู่ด้วยท่าทีแปลกๆ
ถังโจวโจวกลัวว่าเมื่อสวี่โยวเห็นเธอกับเซียวโม่กอดกันแล้วจะเข้าใจผิด เธอจึงรีบอธิบายในทันที “สวี่โยว มันไม่ใช่อย่างที่คุณคิดนะ”
ดูเหมือนว่าสวี่โยวจะไม่ได้ยินในสิ่งที่ถังโจวโจวพูด สายตาของเธอจับจ้องอยู่ที่เซียวโม่ “อาโม่ เมื่อครู่นี้คุณหมอบอกว่าเด็กแข็งแรงดี ทำไมคุณถึงไม่ไปรับฉันล่ะคะ”
เขานึกไม่ถึงเลยว่าสวี่โยวจะมาเห็นเข้า เซียวโม่รู้ว่าสวี่โยวจะต้องคิดเองเออเองอย่างแน่นอน จู่ๆ เขาก็เกิดอยากจะเป็นบ้าขึ้นมา ทำไมแค่เขาอยากจะบอกลากับถังโจวโจวดีๆ มันถึงได้ยากเย็นเหลือเกิน?
“อาโม่ ทำไมคุณถึงไม่พูดอะไรเลย” สวี่โยวหวาดกลัวมาก นี่มันเป็นอย่างที่เธอคิดจริงๆ เหรอ ก่อนหน้านี้เซียวโม่แค่หลอกเธอ เพื่อให้เธอค่อยๆ ตายใจอย่างนั้นหรือ ปากเขาก็พูดไว้เสียดิบดี แต่สุดท้ายกลับทำไม่ได้!
“สวี่โยว มันไม่ใช่อย่างนั้นนะ…” ถังโจวโจวพยายามอธิบาย เธอไม่อยากเข้าไปยุ่งวุ่นวายอยู่ในความสัมพันธ์ของสวี่โยวกับเซียวโม่อีกแล้ว
“ถังโจวโจว หุบปาก! มันเป็นเรื่องของฉันกับอาโม่ คุณไม่ต้องเข้ามาสอด!” สวี่โยวรู้สึกว่าถังโจวโจวนั้นน่ารังเกียจสิ้นดี เธอเป็นคนพูดเองแท้ๆ ว่าเธอจะไม่รักเซียวโม่อีกต่อไปแล้ว แต่เธอก็ยังวนเวียนอยู่กับเขา
สวี่โยวเกลียดทุกคน ทำไมถึงมองไม่เห็นความสุขของเธอ เธอกับเซียวโม่กำลังจะไปกันได้ดีแล้วแท้ๆ แต่ท้ายที่สุดก็ยังมีคนเข้ามาขัดขวางอยู่ แล้วไหนจะเซียวโม่อีก เขาบอกกับเธอว่าเขาจะลืมถังโจวโจว แต่ความจริงแล้วเขากลับมองไปที่ถังโจวโจวอย่างไม่วางตาในทุกครั้งที่เขาเห็นเธอ
สวี่โยวเหนื่อยมาก เธอไม่อยากจะมาคอยป้องกันไม่ให้เซียวโม่คุยกับถังโจวโจวอีกราวกับป้องกันขโมย บางทีเธออาจจะอยู่ผิดที่เอง ซึ่งก็เหมือนกับในตอนนี้ ที่พวกเขากำลังกอดกันอยู่ ทำไมพวกเขาถึงไม่นึกถึงความรู้สึกของเธอบ้างเลย? จริงสินะ พวกเขาจะนึกถึงได้อย่างไร ถ้านึกถึงก็คงไม่มีโอกาสได้พลอดรักกันน่ะสิ!
“สวี่โยว เรากลับกันเถอะ ขอโทษนะ โจวโจว ดูเหมือนว่าฉันจะก่อเรื่องอีกแล้ว” เซียวโม่รู้สึกราวกับว่าเขาถูกเทพเจ้าแห่งความซวยเข้าสิง เขาอยากจะให้ถังโจวโจวมีชีวิตที่ดี อยู่อย่างสงบสุข แต่เขากลับทำให้เธอเดือดร้อนอยู่เสมอ
“อาโม่ คุณรู้ตัวไหมว่าคุณน่ารังเกียจมากแค่ไหน คุณเรียกชื่อของฉันซะแข็งกระด้าง แต่กับถังโจวโจว คุณกลับเรียก ‘โจวโจว’ ซะรื่นหู น้ำตาของฉันนี่แทบจะไหลล้นออกมาแล้ว!” สวี่โยวปาดเช็ดน้ำตาที่มันไม่ควรปรากฏขึ้นมาที่หางตาของเธอในตอนนี้
น้ำตาที่รินไหลออกมามีแต่จะทำให้ถังโจวโจวมองว่าเธออ่อนแอ และทันใดนั้นเอง สวี่โยวก็รู้สึกได้ถึงการเคลื่อนไหวในท้องของเธอ ราวกับว่าเธอได้รับพลังงาน เมื่อเธอคิดถึงลูกที่อยู่ในท้อง สวี่โยวก็ยิ่งรู้สึกว่าเธอไม่สามารถอ่อนแอได้ในเวลานี้
เธอต้องคิดถึงลูกให้มากเข้าไว้ ลูกของเธอจะต้องมีครอบครัวที่สมบูรณ์แบบ มีคุณพ่อ คุณแม่ คุณปู่ คุณย่า คุณตา และคุณยาย ที่รักเขาสุดหัวใจ
ลูกของเธอจะต้องได้รับความรักที่สมบูรณ์แบบที่สุดในโลก จะต้องไม่มีอะไรมาขัดขวางหรือทำลายความตั้งใจนี้ลงได้
เมื่อเซียวโม่เห็นสวี่โยวกุมหน้าท้องอย่างกะทันหัน เขาก็นึกว่ามีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นกับลูกของเขา เขาจึงรีบวิ่งเข้าไปหา “คุณเจ็บท้องใช่ไหม” เซียวโม่เข้าไปประคองร่างกายที่หนักอึ้งของสวี่โยวเอาไว้ เพราะกลัวว่าเธอจะได้รับบาดเจ็บ
ถังโจวโจวรู้สึกโล่งใจในทันที เมื่อเห็นเซียวโม่ประคับประคองสวี่โยวไว้ในอ้อมแขนอย่างระมัดระวัง และเมื่อเธอเห็นว่าพวกเขาถูกห้อมล้อมไปด้วยความอบอุ่น เธอก็ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรอีก เธอกำลังจะเดินจากไปอย่างเงียบๆ เธอเชื่อว่าเซียวโม่จะอธิบายให้สวี่โยวเข้าใจเอง
สวี่โยวรีบเรียกถังโจวโจวเอาไว้เมื่อเห็นว่าเธอจะเดินจากไป “ถังโจวโจว คุณกลัวเหรอ” ถังโจวโจวชะงักฝีเท้า เธอไม่รู้ว่าเธอจะรู้สึกผิดหรือรู้สึกกลัวไปทำไม สวี่โยวเข้าใจผิดไปเอง แต่กลับขวางเธอเอาไว้ นี่มันเรื่องอะไรกันอีก?
“สวี่โยว คุณต้องเชื่อมั่นในตัวเอง อย่ามัวแต่ตัดสินเรื่องราวจากสิ่งที่คุณมองเห็น” ถังโจวโจวให้คำแนะนำกับสวี่โยวด้วยความหวังดี แต่สวี่โยวจะรับฟังหรือไม่นั้น ก็ไม่ใช่เรื่องของเธอแล้ว ตอนนี้เธอควรจะไปหาที่ที่เงียบสงบเพื่อดื่มด่ำกับการอาบแสงแดดต่อไป
สวี่โยวยังอยากจะพูดอะไรอีกมากมาย แต่น่าเสียดายที่ถังโจวโจวนั้นเดินจากไปไกลแล้ว เธอจึงได้แต่เม้มปากแน่นด้วยความโมโห
เซียวโม่เห็นว่าเธอโกรธ จึงรีบอธิบาย “สวี่โยว คุณเข้าใจผิดไปแล้วจริงๆ ผมกับโจวโจวไม่ได้เป็นอย่างที่คุณคิด”
“ถ้าอย่างนั้นคุณก็บอกฉันมาสิคะว่านี่มันเรื่องอะไรกัน” สวี่โยวพยายามพูดอย่างใจเย็น
เธอรู้ดีว่าความโกรธมันไม่ดีต่อเธอและเด็ก แต่เธอทนไม่ได้ หัวใจของเธอมันขมขื่นเกินทน หากการรอคอยของเธอมันต้องกลับไปสู่จุดเริ่มต้น เช่นนั้นทุกสิ่งที่เธอพยายามมาตลอดก็คงจะพังทลายแน่แล้ว
“ผมแค่อยากจะยุติความสัมพันธ์ของผมกับโจวโจวด้วยดีก็เท่านั้น” อารมณ์ที่ดำดิ่งของสวี่โยวกลับกลายเป็นสว่างสดใสมากขึ้นเพราะคำพูดของเซียวโม่
แต่เธอก็ยังคงลังเลใจ “จริงหรือคะ อาโม่ คุณไม่ได้หลอกฉันใช่ไหม คุณคงไม่ได้โกหกฉันเพราะลูกหรอกนะ…”
“พอเลยพอ คุณคิดเองเออเองทั้งนั้นแหละ จนป่านนี้แล้วคุณไม่เคยเชื่อผมเลยหรือไง” เซียวโม่เอ่ยตัดบทการคาดเดาของสวี่โยว เขาไม่อยากจะทะเลาะกับสวี่โยวด้วยปัญหานี้อีก และสุขภาพร่างกายของสวี่โยวในตอนนี้ก็ไม่เหมาะสำหรับการขัดแย้งกัน
“เชื่อสิคะ ฉันจะไม่เชื่อคุณได้ยังไง อาโม่ เมื่อครู่นี้ฉันพูดไปตามอารมณ์ คุณอย่าถือสาฉันเลยนะคะ ฉันจริงใจกับคุณจริงๆ และนั่นก็เป็นเหตุผลที่ฉันกลัวว่าคุณกับถังโจวโจวจะกลับไปคบกันอีกครั้ง อาโม่ ทั้งหมดที่ฉันทำนี้เป็นเพราะว่าฉันรักคุณนะ”
เป็นเพราะสวี่โยวรีบพูดความในใจเหล่านี้ออกมาในคราวเดียว จึงทำให้เธอหอบเหนื่อย เซียวโม่มองไปที่ดวงตาทั้งสองข้างของเธอที่กำลังจับจ้องเขาอยู่ ราวกับว่าถ้าเขายังไม่เข้าใจเธออีก เธอก็จะพรั่งพรูคำพูดออกมาได้อีกยกใหญ่
“ผมรู้แล้ว เอาเป็นว่าเรื่องวันนี้ให้มันจบลงแค่นี้… แล้วคุณหมอบอกว่าลูกเป็นยังไงบ้าง” เซียวโม่เดินโอบสวี่โยวออกไปจากโรงพยาบาล
เมื่อสวี่โยวได้ยินเซียวโม่เอ่ยถึงลูก เธอก็เปิดปากพูดในทันที “อาโม่ คุณหมอบอกว่าลูกของเราแข็งแรงดีค่ะ อีกไม่นานเขาก็จะได้ออกมาเจอหน้าเราแล้ว ตอนนี้ฉันเฝ้ารอคอยเขาอย่างมาก เขาจะหน้าตาเป็นยังไงนะ? จะเหมือนคุณ หรือเหมือนฉัน…”
“เหมือนใครก็ดีทั้งนั้นแหละ ขอแค่ลูกแข็งแรงก็พอ ผมว่าตอนนี้คุณแม่รอแย่แล้ว เรารีบกลับกันเถอะ”
เซียวโม่กุมมือสวี่โยว สวี่โยวตกตะลึงไปกับการสัมผัสที่ยากจะเกิดขึ้นได้จากเซียวโม่ จากนั้นเธอก็รีบตอบว่า “ค่ะ กลับบ้านกัน”
เธอชอบคำๆ นี้ กลับไปที่บ้านของเธอกับเซียวโม่ ที่มีแค่พวกเขา ไม่มีถังโจวโจว ไม่มีคนอื่น
ลั่วอิงวิ่งเล่นอย่างสนุกสนาน หากถังโจวโจวไม่มาตาม เธอก็อาจจะเล่นไม่เลิก “ลั่วอิง กลับกันเถอะค่ะ” ถังโจวโจวเห็นว่ามีเด็กๆ ที่สวมชุดผู้ป่วยเล่นอยู่กับลั่วอิงด้วย เธอไม่รู้ว่าพวกเด็กๆ กำลังกระซิบกระซาบอะไรกันอยู่
“แม่โจวโจวขา หนูอยากเล่นต่ออีกหน่อย” ลั่วอิงยังเล่นไม่จุใจ เธอเพียงแต่ก้มหน้าก้มตาลงและไม่กล้ามองถังโจวโจว
เมื่อถังโจวโจวเห็นว่าเธอไม่ยอมกลับ ก็คิดหาวิธีหลอกล่อ “เซ่าเชิน มาแล้วเหรอ!” ลั่วอิงตกหลุมพรางในทันที เธอรีบลุกขึ้นยืนและซ่อนมือทั้งสองข้างไว้ด้านหลัง เธอดูว่านอนสอนง่ายขึ้นมาทันที หากมองข้ามเม็ดทรายที่ติดอยู่บนใบหน้าของเธอไป
ส่วนลั่วอิง เมื่อเธอสอดส่ายสายตามองไปรอบๆ และไม่พบเงาของลั่วเซ่าเชิน เธอก็รู้ได้ในทันทีว่าเธอถูกหลอกเข้าให้แล้ว เธอหันหน้ากลับมามองถังโจวโจวและพบว่าบนใบหน้าของถังโจวโจวเต็มไปด้วยรอยยิ้ม แต่ก็เกือบจะยิ้มไม่ออกแล้ว
“แม่โจวโจวหลอกหนูเหรอคะ หนูอุตส่าห์เชื่อคุณแม่…” ลั่วอิงพร่ำบ่นด้วยความเสียใจ แต่น่าเสียดายที่ความน่าสงสารของเธอไม่มีประโยชน์
“พอแล้วค่ะ ก่อนมาคุณแม่บอกหนูแล้วว่าห้ามเล่นนานจนเกินไป แต่ตอนนี้หนูเป็นฝ่ายที่ไม่เชื่อฟังคุณแม่ ดังนั้น คุณแม่จึงต้องเล่นแง่หาวิธีลงโทษหนูนิดหน่อย”
ถังโจวโจวไม่ได้คิดว่าเธอรังแกลั่วอิง ถ้ากล้าขอ เธอก็ให้! แต่ถ้าลั่วอิงไม่ได้คิดวางแผนอะไรอยู่ในใจ แล้วจะกลัวกับคำพูดของเธอทำไม!
“แม่โจวโจวขา ผลงานของหนูใกล้จะเสร็จแล้ว คุณแม่ให้หนูอยู่ต่ออีกนิดหนึ่งได้ไหมคะ” ถังโจวโจวเห็นว่าลั่วอิงพูดเสียน่าสงสาร และตอนนี้ก็ยังคงมีแสงตะวันอยู่ แม้ว่าดวงอาทิตย์จะเริ่มยอแสง แต่ก็ใช่ว่าจะอยู่ต่ออีกสักนิดไม่ได้
“ได้สิคะ คุณแม่จะให้หนูอยู่ต่ออีกพักหนึ่ง แต่เราต้องตกลงกันก่อนว่าพอหนูทำธุระของหนูเสร็จแล้ว เราจะกลับกันทันที” ถังโจวโจวก้มตัวลงไปตกลงกับลั่วอิงให้เรียบร้อยก่อน
“ได้เลยค่ะ ไม่มีปัญหา!” และเมื่อลั่วอิงเห็นว่าถังโจวโจวอนุญาตแล้ว เธอก็ย่อตัวลงไปเล่นในบ่อทรายต่อ
เธอไม่รู้ว่าบ่อทรายนี่มาจากไหน แต่ตอนนี้มันกลายเป็นสวรรค์ของเด็กๆ ที่อยู่ในโรงพยาบาลแห่งนี้ไปแล้ว พวกเด็กๆ นั่งล้อมกันเป็นวงและกระซิบกระซาบคุยกัน ซึ่งเมื่อมองดูแล้วก็เป็นภาพที่มีความสุขมาก
เมื่อถังโจวโจวได้มองดูพวกเด็กๆ เล่นกัน เธอก็นึกถึงตอนที่เธอยังเป็นเด็ก นึกถึงช่วงชีวิตที่ไร้ความกังวล ตอนนี้เธอคิดถึงมันเป็นอย่างมาก ยิ่งเธอเติบโตมากขึ้นเท่าไร ปัญหาต่างๆ ก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น
ถังโจวโจวดำดิ่งอยู่ในความทรงจำของเธอ จนกระทั่งลั่วอิงส่งเสียงเรียก “แม่โจวโจวคะ เรากลับกันได้แล้วค่ะ” ลั่วอิงหน้าแดงก่ำ ดูเหมือนว่าเธอจะเล่นจนจุใจแล้ว
“กลับห้องได้แล้วเหรอ”
“ค่ะ” ลั่วอิงพยักหน้า เธอยื่นมือออกมาและชักกลับไปในทันที แต่ถังโจวโจวก็ยังทันได้เห็นว่ามือของเธอนั้นเต็มไปด้วยเม็ดทราย
“ถ้าคุณพ่อมาเห็นเข้า หนูก็คงจะถูกเอ็ดแน่ๆ” ถังโจวโจวมองดูเธอพลางรู้สึกปวดหัวที่เห็นว่าเธอเล่นจนเนื้อตัวสกปรกไปหมด ดูเหมือนว่ากลับไปแล้วคงจะต้องรีบอาบน้ำให้เธอ
“คุณพ่อไม่เอ็ดหรอกค่ะ”
แม้คำพูดของลั่วอิงจะฟังดูมั่นอกมั่นใจ แต่เธอก็รู้สึกหวั่นๆ อยู่ไม่น้อย และเมื่อเธอนึกถึงลั่วเซ่าเชินที่เป็นคนรักสะอาดอย่างมาก ลั่วอิงก็คิดว่าเธอควรจะรีบกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้ากับถังโจวโจวที่ห้องโดยด่วน
“แม่โจวโจวขา หนูอยากกลับไปอาบน้ำแล้ว” เมื่อลั่วอิงได้รับคำเตือนจากถังโจวโจว เธอก็ไม่อาจทนกับเม็ดทรายที่อยู่บนร่างกายของเธอได้อีกต่อไป
“ไปค่ะ” ถังโจวโจวพาลั่วอิงกลับไปที่ห้อง เธอช่วยเตรียมเสื้อผ้าให้ลั่วอิง จากนั้นเธอก็ถอดเสื้อผ้าของลั่วอิงออกและพาเข้าไปอาบน้ำ
เมื่อลั่วเซ่าเชินเข้ามาในห้อง เขาก็ไม่พบถังโจวโจวและลั่วอิง เขายืนนิ่งอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะได้ยินเสียงน้ำและเสียงหัวเราะเบาๆ ดังมาจากในห้องน้ำ ลั่วเซ่าเชินจึงนั่งลงอย่างสบายใจและรอให้พวกเธอออกมา
“เซ่าเชิน! มาแล้วหรือคะ”
ถังโจวโจวบอกให้ลั่วอิงรีบขึ้นไปบนเตียง หัวใจของลั่วอิงเต้นตึกตัก หากคุณพ่อมาไวกว่านี้อีกนิดเดียว เขาก็อาจจะทันเห็นเนื้อตัวมอมแมมของเธอและเอ็ดเธอเอาได้
“อืม แล้วทำไมถึงอาบน้ำให้ลั่วอิงตอนนี้ล่ะ”
“อ๋อ พอดีว่าวันนี้อากาศดี แล้วลั่วอิงเองก็เกือบจะหายดีแล้ว สองสามวันที่ผ่านมาเธอก็ได้แต่เช็ดตัว วันนี้ฉันก็เลยอาบน้ำให้เธอน่ะค่ะ” ถังโจวโจวคิดคำอธิบายไว้ก่อนแล้ว ลั่วเซ่าเชินได้ยินอย่างนั้นก็พยักหน้ารับ และเรื่องนี้ก็ผ่านไปอย่างง่ายดาย
ลั่วอิงมองไปยังถังโจวโจวด้วยสายตาเปล่งประกาย เธอทอดถอนใจพลางคิดไปด้วยว่า แม่โจวโจวเก่งมากเลย! นี่ดีนะที่คุณพ่อไม่ได้ถามเรา ไม่อย่างนั้นก็ไม่รู้ว่าจะตอบว่ายังไง
ลั่วอิงค่อยๆ ซ่อนตัวลงไปอยู่ใต้ผ้าห่ม พยายามทำตัวราวกับว่าเธอได้กลายเป็นมนุษย์ล่องหนไปแล้ว
“อ้าว ลั่วอิงคะ ผมยังไม่แห้งเลย อย่าเพิ่งหนุนหมอนสิ” ถังโจวโจวหยิบไดร์เป่าผมออกมา เธอให้ลั่วอิงนอนหนุนอยู่บนหน้าขาของเธอโดยที่มีผ้าขนหนูรองอยู่ใต้ศีรษะเล็กๆ นั่น