ลั่วอิงรู้สึกง่วงนอน และในขณะที่ถังโจวโจวกำลังกล่อมเธออยู่นั้น เธอก็ผล็อยหลับไปอย่างรวดเร็ว เมื่อลั่วเซ่าเชินกลับมา เขาก็พบว่าสองแม่ลูกหลับกันไปหมดแล้ว
เขาเลิกผ้าห่มออกและแทรกตัวเข้าไปข้างใน เดิมทีเขาอยากจะนอนกอดถังโจวโจว แต่น่าเสียดายที่ตรงกลางมีลั่วอิงมานอนคั่นไว้ ลั่วเซ่าเชินจึงทำได้แค่เพียงดึงมือของเขากลับมาเท่านั้น
วันถัดมา ลั่วอิงตื่นตั้งแต่เช้าตรู่ เนื่องจากเมื่อคืนนี้เธอเข้านอนแต่หัวค่ำ และวันนี้ก็เป็นวันที่เธอจะได้กลับไปเรียนอีกครั้ง ตอนนี้เธอก็เลยรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย
เมื่อเธอตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าเธอนอนอยู่ตรงกลางระหว่างคุณพ่อกับคุณแม่ มุมปากของเธอก็ยกยิ้มขึ้น เธอเห็นว่าคุณพ่อกับคุณแม่ยังไม่ตื่น ลั่วอิงได้แต่หันหน้ามองคนนี้ทีคนนั้นทีอย่างไม่รู้จักเบื่อ
และเมื่อเธอหันหน้ากลับมามองลั่วเซ่าเชินอีกครั้ง เธอก็พบว่าลั่วเซ่าเชินลืมตามองเธออยู่ก่อนแล้ว “คุณพ่อตื่นแล้ว!” แต่เมื่อเธอนึกขึ้นได้ว่าถังโจวโจวยังหลับอยู่ เธอก็รีบลดเสียง กระซิบพูดกับลั่วเซ่าเชินเบาๆ อีกครั้ง “คุณพ่อตื่นแล้วหรือคะ”
“ทำไมถึงไม่นอนต่อแล้วล่ะลูก” ความจริงแล้วลั่วเซ่าเชินยังคงง่วงอยู่นิดหน่อย แต่เป็นเพราะการเคลื่อนไหวไปรอบๆ ของลั่วอิงทำให้เขาต้องตื่น เขาหันไปมองเวลาบนหน้าจอโทรศัพท์มือถือ เขาก็พบว่ามันเพิ่งจะหกโมงเช้า ซึ่งมันยังเช้าไปหน่อย
“หนูนอนไม่หลับแล้วค่ะ คุณพ่อ” ลั่วอิงไม่ง่วงเลยสักนิด ดวงตาอันสดใสของเธอส่องประกายมองไปที่ลั่วเซ่าเชิน
ลั่วเซ่าเชินรู้สึกยังหนักหัวอยู่ “ถ้าอย่างนั้นลูกก็ลงไปหาป้าหลิว ให้เธอทำอะไรให้ลูกกินก่อน แม่โจวโจวยังหลับอยู่เลย เราส่งเสียงดังรบกวนเธอไม่ได้นะ”
“ไม่เอาค่ะ หนูจะอยู่ตรงนี้ คุณพ่อขา หนูสัญญาว่าหนูจะไม่ทำให้แม่โจวโจวตื่น”
ผลปรากฏว่า หลังจากที่ลั่วอิงพูดจบ เสียงของถังโจวโจวก็ดังขึ้นมาทันที “ทำไมถึงตื่นกันแล้วล่ะคะ”
น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความง่วงงุน นาฬิกาปลุกที่เธอตั้งไว้ยังไม่ดังเลย นี่น่าจะยังไม่ถึงเวลาที่ต้องลุกไปทำงานใช่ไหม?
ลั่วอิงจะไปรู้ได้อย่างไรล่ะว่าถังโจวโจวจะตื่นขึ้นมาในทันทีที่เธอพูดจบ ใบหน้าของเธอแดงก่ำ เธอกลัวว่าลั่วเซ่าเชินจะเอ็ดเธอ
“จะนอนต่อไหม ถ้าไม่นอนก็ลุกเถอะ” ลั่วเซ่าเชินเห็นว่าไหนๆ ก็ตื่นกันหมดแล้ว และดูจากอากัปกิริยาของลั่วอิง หากจะนอนต่อก็คงจะนอนไม่หลับแล้ว ถ้าอย่างนั้นก็ลุกเสียเลย
ถังโจวโจวพยายามปลุกตัวเองให้ตื่น เธอตื่นขึ้นมาเพราะเสียงพูดคุยของลั่วอิงและลั่วเซ่าเชิน แม้ว่าเสียงของพวกเขาจะเบา แต่ถังโจวโจวก็ยังได้ยินมันรางๆ และเมื่ออยากจะฟังให้มันชัดเจนเต็มสองรูหู เธอก็ยิ่งต้องตั้งสติให้ดี
“ลุกดีกว่าค่ะ เพราะอีกเดี๋ยวก็ถึงเวลาต้องตื่นแล้ว” ถังโจวโจวพูดคำไหนคำนั้น เธอเลิกผ้าห่มออกและเดินตรงไปที่ตู้เสื้อผ้าเพื่อหยิบเสื้อผ้าที่เธอจะสวมใส่ในวันนี้ออกมา จากนั้นเธอก็ช่วยลั่วอิงแต่งตัว
อุณหภูมิในวันนี้เกือบจะยี่สิบองศา ถังโจวโจวสวมเสื้อแจ็กเก็ตผ้าฝ้ายให้กับลั่วอิง อุณหภูมิในตอนเช้ายังคงหนาวเย็นอยู่เล็กน้อย สวมเสื้อแจ็กเก็ตผ้าฝ้ายนี่แหละอุ่นกำลังดี นอกจากนี้ อีกเดี๋ยวเธอก็จะต้องอยู่ในห้องเรียน เธอจะได้ไม่ร้อนมากเกินไป
เมื่อแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว ถังโจวโจวก็อุ้มลั่วอิงให้ลงมายืนบนพื้น “เอาละ ไปล้างหน้าล้างตาค่ะ” สิ่งของของลั่วอิงไม่ได้ถูกย้ายมาที่นี่ ดังนั้นถังโจวโจวจึงพาเธอกลับไปที่ห้องนอนเด็ก
ป้าหลิวได้ยินเสียงตึงตังดังมาจากชั้นบน เธอก็รู้ว่าพวกเขาตื่นกันแล้ว เธอจึงเร่งงานที่อยู่ในมือขึ้นอีก และเมื่อพวกเขาลงมาจากชั้นบน อาหารเช้าของป้าหลิวก็ออกมาจากเตาสดๆ ร้อนๆ
หลังจากกินข้าวและหยิบสัมภาระส่วนตัวเรียบร้อยแล้ว ลั่วเซ่าเชินก็ขับรถไปส่งลั่วอิงที่โรงเรียน เมื่อมาถึงโรงเรียน ที่หน้าประตูก็มีเด็กหลายคนกำลังทยอยเดินเข้าไปในโรงเรียน
และคุณครูประจำชั้นของลั่วอิงเองก็ยืนอยู่ที่หน้าประตู เพื่อรอรับนักเรียนเข้าสู่โรงเรียนด้วยเช่นกัน ถังโจวโจวสะพายกระเป๋านักเรียนให้กับลั่วอิง ก่อนจะจับมือเธอแล้วส่งเธอให้กับคุณครูประจำชั้น
“สวัสดีค่ะคุณครู” ลั่วอิงทักทายด้วยเสียงสดใส
“สวัสดีค่ะ ลั่วอิง!” คุณครูประจำชั้นก้มตัวลงมาทักทายลั่วอิงอย่างสนิทสนม ถังโจวโจวพูดคุยกับคุณครูอยู่ครู่หนึ่ง และเมื่อเธอเห็นว่ามันสายแล้ว เธอจึงบอกลาคุณครูกับลั่วอิง ก่อนจะกลับไปที่รถ
ลั่วเซ่าเชินหมุนพวงมาลัยออกรถ เพื่อมาส่งถังโจวโจวที่บริษัท “ฉันไปก่อนนะคะ เซ่าเชิน ขับรถระวังๆ นะคะ เดี๋ยวตอนเย็นฉันจะไปรับลั่วอิงเอง”
“โอเค วันนี้ผมเองก็อาจจะต้องกลับดึกเหมือนกัน ถ้าคุณรอผมไม่ไหว พวกคุณก็กินข้าวกันไปก่อนได้เลยนะ”
“ค่ะ” ถังโจวโจวรู้ดีว่าลั่วเซ่าเชินมีงานค้างอยู่เป็นจำนวนมาก เนื่องจากเรื่องของลั่วอิง เธอคาดว่าในวันสองวันนี้เขาน่าจะยุ่งเป็นพิเศษ
สองวันต่อมา ถังโจวโจวนึกขึ้นได้ว่านี่ก็ใกล้จะถึงวันเกิดของลั่วอิงแล้ว เธอควรจะเริ่มเตรียมการอะไรบางอย่าง ถังโจวโจวอยากจะจัดเซอร์ไพรส์ให้กับเธอ และพอดีกันกับที่เธอเห็นลั่วอิงลงมาจากชั้นบน ถังโจวโจวก็เลยกวักมือเรียกเธอ “ลั่วอิง มาหาแม่โจวโจวหน่อยสิคะ”
“มีอะไรหรือคะ แม่โจวโจว” เมื่อได้เห็นท่าทีตื่นเต้นของถังโจวโจว ลั่วอิงก็ไม่เข้าใจว่าเธอกำลังวางแผนอะไรอยู่
ถังโจวโจวกอบกุมมือของลั่วอิงพลางถามว่า “ลั่วอิง อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันเกิดของหนูแล้ว หนูอยากทำอะไรคะ”
แล้วจู่ๆ ลั่วอิงก็ตัวแข็งทื่อ เมื่อได้ยินคำว่าวันเกิด เหตุเป็นเพราะลั่วเซ่าเชิน แม้ว่าวันเกิดของเธอจะผ่านมาถึงห้าครั้งแล้ว แต่เธอก็ไม่เคยได้จัดงานเลี้ยงเลยสักครั้ง
ลั่วเซ่าเชินมักจะมอบของขวัญให้เธอในทุกๆ ปี แต่เขาก็ไม่เคยคิดจะชวนใครต่อใครมาฉลองวันเกิดให้เธอที่บ้านเลย ดังนั้นวันเกิดของลั่วอิงในปีที่ผ่านๆ มาจึงผ่านไปอย่างเรียบง่ายและน่าเบื่อ คุณพ่อกับคุณแม่ลั่วเองก็ไม่ชอบเสียงดังโวยวาย ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้คิดจะจัดงานอะไรให้เธอเช่นกัน
“แม่โจวโจวจะจัดงานให้หนูเหรอ!” เมื่อได้เห็นท่าทางของถังโจวโจว ลั่วอิงก็คิดว่าวันเกิดในปีนี้ของเธอจะต้องไม่เหมือนเดิมแน่ๆ
“ใช่ค่ะ ลั่วอิงชอบไหม” ถังโจวโจวถามลั่วเซ่าเชินมาแล้ว แต่เขาบอกมาเพียงว่า เขาไม่เคยเห็นลั่วอิงอยากจะทำอะไรในวันเกิดเป็นพิเศษเลย ซึ่งนั่นเป็นเพราะเมื่อก่อนลั่วอิงไม่กล้าพูด ลั่วเซ่าเชินจึงไม่ได้มีความคิดเห็นอื่นใด นอกจากหาของขวัญที่ดีที่สุดมาให้เธอ และกินข้าวพร้อมกับตัดเค้กวันเกิดให้อย่างพร้อมหน้าพร้อมตาภายในครอบครัวเท่านั้น
“ชอบสิคะ! แม่โจวโจวขา หนูอยากชวนเพื่อนๆ มาที่บ้านได้ไหมคะ” เมื่อได้ยินคำตอบที่แน่วแน่ของถังโจวโจว ลั่วอิงก็ตื่นเต้นเสียจนกระโดดตัวลอย
“ได้ค่ะ แม่โจวโจวจะจัดงานปาร์ตี้วันเกิดให้หนู ถ้าหนูมีเพื่อนที่อยากจะชวนมา หนูก็ชวนมาได้เลยนะคะ คืนวันนั้นจะเป็นคืนที่พิเศษสำหรับหนูคนเดียวเลย!”
ต่อจากนั้น ลั่วอิงกับถังโจวโจวก็ได้ปรึกษากันว่าจะตกแต่งบ้านอย่างไร จะเชิญเพื่อนๆ คนไหน จะต้องเตรียมอาหารและผลไม้อะไรบ้าง พวกเธอจดสิ่งของที่พวกเธอต้องการลงไปบนกระดาษทีละรายการ และหลังจากที่ทั้งสองคนปรึกษาหารือกันมาอย่างยาวนาน ในที่สุดพวกเธอก็ได้ข้อสรุป หลังจากนี้พวกเธอก็เพียงแต่ตั้งตารอให้ถึงวันถัดไป
วันนี้เป็นวันเกิดครบรอบหกขวบของลั่วอิง ลั่วอิงตื่นตั้งแต่เช้าตรู่และวิ่งไปวิ่งมา เธอเป็นคนที่มีความสุขที่สุดในบ้านหลังนี้
ถังโจวโจวเองก็ตื่นตั้งแต่เช้า เมื่อคืนเธอวานให้ลั่วเซ่าเชินขับรถออกไปซื้อสายรุ้งและลูกโป่งมาให้ เพื่อที่เธอจะได้ใช้ในการตกแต่งบ้าน
ถังโจวโจวกำลังจะจัดงานวันเกิดของลั่วอิงในวันที่ตามปฏิทินสุริยคติ[1] เธอบอกให้ลั่วอิงชวนคนที่อยากจะชวนมาให้มาร่วมสนุกกันที่บ้าน ส่วนคุณพ่อกับคุณแม่ลั่วนั้น เธอคิดว่าคงจะฉลองวันเกิดให้ลั่วอิงตามวันเกิดแบบปฏิทินจันทรคติ[2] ดังนั้นเธอจึงไม่ได้แจ้งให้พวกท่านทราบ
หลังจากกินข้าวเช้าเสร็จ พวกเธอสองคนก็เริ่มใช้ที่สูบลมเป่าลูกโป่ง จากนั้นก็นำลูกโป่งไปผูกติดไว้ตามราวบันได รวมถึงตกแต่งไว้บนข้างฝาอย่างสวยงาม
ตลอดเช้าที่ช่วยกันตกแต่งบรรยากาศในงาน เพียงไม่นานเวลาก็เดินมาถึงตอนเที่ยง การตกแต่งโดยทั่วไปอยู่ในเกณฑ์ดีแล้ว ในตอนบ่ายจึงสามารถเริ่มทำขนมเค้กได้
เธอใช้ส่วนผสมที่ซื้อมา และเมื่อเสียง ติ๊ง! ดังขึ้น เค้กที่อยู่ในเตาอบก็สุกแล้ว ถังโจวโจวสวมถุงมือจับของร้อนและยกถาดออกมา จากนั้นถังโจวโจวก็หยิบที่ปาดเค้กขึ้นมาเพื่อเริ่มปาดครีม เมื่อก่อนถังโจวโจวเคยลองทำเค้กมาบ้าง แล้วผลลัพธ์ที่ออกมามันก็น่าพอใจ
ดังนั้น วันนี้ถังโจวโจวจึงไม่คิดจะซื้อเค้กจากร้านค้า เพราะเธอตั้งใจลงมือทำเค้กวันเกิดให้กับลั่วอิงด้วยตัวเอง
เมื่อปาดครีมสีขาวจนหนาเป็นชั้นแล้ว จากนั้นเธอก็ใช้สีแดงเขียนลงไปว่า ‘สุขสันต์วันเกิดลั่วอิง’ เธอประดับตกแต่งหน้าเค้กด้วยช็อกโกแลตและผลไม้อีกสองสามอย่าง เท่านี้ เค้กก็เป็นอันเสร็จสมบูรณ์
ลั่วอิงตามหาถังโจวโจวอยู่นานแต่ก็ไม่พบ แต่เมื่อเธอมาถึงห้องครัว เธอก็พบว่ามีเค้กก้อนใหญ่วางอยู่ตรงกลางห้อง “ว้าว! แม่โจวโจวทำให้หนูหรือคะ”
“ใช่ค่ะ ลั่วอิงชอบไหม” ถังโจวโจวเพิ่งจะหมุนเค้กไปมา และเมื่อพบว่ามันไม่มีปัญหาอะไร เธอก็กำลังจะหาอะไรมาคลุมไว้ แต่เธอนึกไม่ถึงเลยว่าจู่ๆ ลั่วอิงจะเข้ามาเห็นพอดี
“ชอบค่ะ แม่โจวโจวใจดีกับหนูที่สุดเลย!” ลั่วอิงเอียงศีรษะมองเค้กที่ถังโจวโจวทำ พลางคิดว่าอีกเดี๋ยวเธอจะต้องอวดเพื่อนๆ ของเธอสักหน่อยแล้วว่านี่คือเค้กที่คุณแม่ของเธอตั้งใจทำให้เธอโดยเฉพาะ
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว จนถึงเวลาหกโมงเย็น คุณพ่อและคุณแม่ของเพื่อนๆ ที่ลั่วอิงชวนมาร่วมงานก็มาส่งเด็กๆ อย่างไม่ขาดสาย ถังโจวโจวพูดคุยกับผู้ปกครองของเด็กๆ เธอตกลงให้พวกเขามารับเด็กๆ ในเวลาสองทุ่ม
ถังโจวโจวและลั่วอิงช่วยกันทำการ์ดขึ้นมาจำนวนหนึ่ง ซึ่งเด็กๆ ทุกคนที่มาในวันนี้จะมีการ์ดคนละหนึ่งใบ และก่อนที่เพื่อนๆ ของลั่วอิงจะมา ถังโจวโจวก็เปลี่ยนชุดกระโปรงตัวใหม่ให้กับลั่วอิง เธอเกล้าผมให้กับลั่วอิงและติดกิ๊บคริสตัลไว้บนนั้น เธอดูน่ารักเป็นอย่างมาก
ลั่วเซ่าเชินกลับมาถึงบ้าน เขาก็พบว่าไฟทุกดวงในบ้านถูกเปิดอยู่ โดยเฉพาะในห้องนั่งเล่น ในนั้นมีแสงไฟสว่างไสววิบวับ ดูเหมือนว่าจะมีไฟประดับดวงเล็กด้วย และเมื่อเขาจอดรถและลงมาจากรถ เขาก็เดินเข้าไปในบ้าน ก่อนจะพบว่ามีเด็กๆ อยู่เต็มบ้านไปหมด
เมื่อเห็นว่าถังโจวโจวเองก็อยู่ท่ามกลางกองทัพหัวไชเท้าน้อย ลั่วเซ่าเชินก็รีบเรียกเธอออกมา “นี่คุณทำอะไรน่ะ”
“ก็วันนี้เป็นวันเกิดของลั่วอิง ฉันเลยให้เธอชวนเพื่อนๆ มาฉลองให้กับเธอน่ะค่ะ” ศีรษะของถังโจวโจวยังคงหันไปหาลั่วอิง แต่เธอก็อธิบายมูลเหตุแห่งการตกแต่งบ้านในวันนี้กับลั่วเซ่าเชินไปด้วย
ลั่วเซ่าเชินมองดูความสดใสครึกครื้นในบ้านด้วยอาการปวดเวียนศีรษะ “แล้วพวกนี้นี่มันอะไรกัน!”
เมื่อก่อนที่ไม่ได้ตกแต่งของพวกนี้ บ้านก็ดูดีมากอยู่แล้ว และเมื่อเขาเห็นท่าทางตื่นเต้นของถังโจวโจว ลั่วเซ่าเชินก็รู้สึกได้ว่าความคิดนี้ต้องมาจากเธออย่างแน่นอน
“แล้วจะเลิกเมื่อไร”
“คะ? คุณว่าอะไรนะ” ถังโจวโจวมัวแต่สนใจบรรยากาศในงาน เธอก็เลยไม่ทันได้ยินว่าลั่วเซ่าเชินพูดว่าอะไร
“ผมถามว่างานจะเลิกเมื่อไร” ลั่วเซ่าเชินพาถังโจวโจวมาที่ห้องครัว ที่นี่น่าจะเงียบกว่ามาก คราวนี้ถังโจวโจวคงจะได้ยินมันชัดเจนเต็มสองหูแล้ว
“อ๋อ ก็คงจะราวๆ สองทุ่มน่ะค่ะ… โอ๊ย ฉันไม่คุยกับคุณแล้ว อย่าลืมมากินเค้กด้วยกันนะคะ” ถังโจวโจวพูดทิ้งไว้แค่นี้ ก่อนจะรีบพุ่งเข้าไปในกองทัพหัวไชเท้าน้อย
แม้แต่ลั่วเซ่าเชินก็ยังได้ยินน้ำเสียงที่ภาคภูมิใจของลั่วอิงจากตรงนี้ “เราจะบอกอะไรให้นะ เค้กวันเกิดวันนี้ คุณแม่ของเราทำเองด้วยแหละ อีกเดี๋ยวพวกเธอก็จะได้เห็นกันแล้ว!”
เด็กๆ ที่อยู่โดยรอบต่างพูดด้วยความอิจฉา “จริงเหรอ ลั่วอิง คุณแม่ของเธอใจดีกับเธอจังเลย”
“ใช่ๆ แม่เราแค่ไปซื้อมาให้เราเอง แม่ไม่เคยทำเค้กให้เราบ้างเลย”
…
ลั่วเซ่าเชินค่อยๆ ปลีกตัวขึ้นบันไดไปอย่างเงียบๆ ส่วนลั่วอิงก็มัวแต่พูดคุยอยู่กับเพื่อนๆ จนลืมเรียกให้ลั่วเซ่าเชินมาตรงนี้ แต่อีกใจหนึ่งเธอก็แอบกลัวว่าถ้าเธอเรียกเขาแล้ว ลั่วเซ่าเชินก็จะไม่มาอยู่ดี เพราะเขาเกลียดความวุ่นวายเป็นที่สุด
[1] สุริยคติ หมายถึง วิธีนับวันและเดือนแบบสากล กำหนดตำแหน่งของดวงอาทิตย์เป็นหลัก เช่น วันที่ 1 ถึง 31, เดือนมกราคม ถึง เดือนธันวาคม
[2] จันทรคติ หมายถึง วิธีนับวันและเดือน โดยยึดถือจากดวงจันทร์เป็นหลัก เช่น ขึ้น 1 ค่ำ ถึงแรม 15 ค่ำ, เดือนอ้าย ถึง เดือนสิบสอง