ตอนที่ 173 ออกหน้าเพื่อเธอ
เธอล้วนเข้าใจดีว่าเขาออกหน้าเพื่อเธอ เพียงเพราะการเยาะเย้ยของฉิวซีนี่คงไม่ได้เกิดแค่วันหรือสองวันแน่ ๆ ซึ่งเขาเองก็ไม่มีทางรู้แน่นอน
จู่ ๆ ริมฝีปากของเธอก็ถูกจูบ มันเหมือนกับจูบที่จิกเบา ๆ “แต่ไหนแต่ไรคุณก็ไม่เคยพูดขอบคุณผมสักคำ ถ้าแบบนั้นผมก็ขอรับไปด้วยตัวเองนะ”
จิ่งเป่ยเฉินนายยึดติดอยู่กับการจูบอย่างนั้นเหรอ? ลอบโจมตีอีกแล้ว!
เธอกำมือเล็ก ๆ แน่น โดยไม่ได้พูดอะไรอีก เมื่อรู้ตัวอีกที รถที่อยู่ข้างหน้าก็ได้ออกไปเสียแล้ว
ในค่ำคืนนั้นเธอได้รับโทรศัพท์ขอโทษจากเหอเฉ่า หลังจากที่นัดหมายเวลาถ่ายทำใหม่กับเธอแล้ว เธอก็พยายามจี้จุดว่าข้อความพวกนั้นเหอเฉ่าไม่ได้ส่งมาด้วยตัวเองจริง ๆ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นฝีมือของเหอเหมียว
เธอที่นอนอยู่บนเตียงครุ่นคิดถึงความตั้งใจของเหอเหมียวที่ทำแบบนั้นเป็นเวลาสักพัก เมื่อคิดอย่างถี่ถ้วนก็รู้สึกมีแค่หนทางเดียวแล้วจริง ๆ ยัยผู้หญิงน่าเกลียดคนนั้น!
เหอเหมียวเกลียดเธอมาก เธอแค่คิดว่าเรื่องพวกนี้มันเรื่องไร้สาระ ส่วนเหลียวเว่ยเองก็เป็นภรรยาแท้ ๆ ที่เธอไม่อาจจัดการได้ เมื่อคิดถึงคู่ต่อสู้ที่อยู่ในหัวของเธอแล้ว เธอก็อธิบายมันไม่ถูก
เธอกับโอวหยางลี่จบลงตั้งแต่ห้าปีก่อนหน้านั้นแล้ว เรื่องของผู้ชายคนนั้น เธอมีความรู้สึกกับเขาเพียงนิดเดียว ทั้งยังเกลียดเขาอีกด้วย
วันรุ่งขึ้นเธอไปทำงานตามปกติ แต่เมื่อเธอมาถึงสำนักงาน เธอก็ได้รับโทรศัพท์จากหลินจือเซี๋ยวที่โทรมาบอกจะกลับมาวันนี้
โดยหลินจือเซี๋ยวไม่ลืมที่จะเอ่ยถามเรื่องซุบซิบระหว่างเธอกับจิ่งเป่ยเฉินที่เกิดขึ้นอีกด้วย แต่เธอนั้นยังไม่มีเวลาที่จะอธิบาย จึงบอกไปว่า “กลับมาค่อยคุยกันนะ” ก่อนจะวางสายโทรศัพท์ของเธอไป
อันโหรวเข้าไปที่ห้องทำงานของจิ่งเป่ยเฉินพร้อมกับเอกสารที่จิ่งเป่ยเฉินต้องเซ็น เธอมีเพียงความคิดเดียวที่อยู่ในใจ ในที่สุดเธอก็จะเป็นอิสระ สุดท้ายก็ไม่ต้องมานั่งเผชิญหน้ากับเขาทุกวันแล้ว
มันช่างดีเสียจริง ๆ!
จิ่งเป่ยเฉินที่กำลังจับปากกาอยู่นั้น เมื่อเขาเขียนคำว่า ‘จิ่ง’ เสร็จก็รู้สึกได้ถึงรอยยิ้มของผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าโดยไม่ได้ปิดบังอะไรเลย
เขาจับปากกาในมือนิ่ง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปมองเธอ “เลขาอันมีความสุขอะไรขนาดนั้น ช่วยแบ่งปันผมหน่อยจะได้หรือเปล่า?”
เมื่ออันโหรวได้ยินก็หยุดรอยยิ้มที่ปรากฏบนใบหน้าทันที ก่อนจะเอ่ยคำตอบอย่างจริงจังไปว่า “ประธานจิ่ง คุณน่าจะรู้แล้วนะคะ! เลขาหลินเธอจะกลับมาวันนี้แล้ว หลังจากนี้เลขาหลินจะทำงานกับประธานจิ่งต่อ ฉันจึงมีความสุขแทนประธานจิ่งค่ะ”
“ทำไมคุณต้องมีความสุขแทนผมด้วย?” ปากกาในมือของเขาถูกวางลงอย่างรวดเร็ว ก่อนจะคิดถึงผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าซึ่งมีความสุขมากเพราะจะได้ออกไปจากที่นี่ แถมยังคิดจะเลิกเป็นเลขาให้เขาอีก
ในโลกนี้จะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้ที่ไหน เมื่อส่งเนื้อเข้าปากไปแล้ว เขาไม่มีทางคายออกมาง่าย ๆ แน่
“ฉันมีความสุขมากจนอดกลั้นไว้ไม่ได้ค่ะ” รอยยิ้มบนใบหน้าตอนนี้ได้หายไปแล้ว ตอนนี้เธอกำลังยืนตัวตรงอยู่
จิ่งเป่ยเฉินเหลือบมองไปที่เธอ ก่อนจะหยิบปากกาที่เขาเพิ่งวางลงขึ้นมาอีกครั้งและพูดอย่างใจเย็นว่า “บังเอิญด้วยสิที่ผู้จัดการแผนกบุคคลป่วยและลาออกไป หลินจือเซี๋ยวกลับมาพอดี ให้เธอไปทำงานที่นั่นก็แล้วกัน”
“ค่ะ!” เธอตอบกลับเสียงดัง แต่หัวใจเธอกลับเต็มไปด้วยเลือดที่ไหลริน
บิ๊กบอสไม่ได้จะให้เธอกลับมาเป็นเลขา? ถ้ารู้แต่แรกเธอคงไม่กล้าพูดแน่
หลินจือเซี๋ยวจะถูกให้ไปทำงานที่แผนกบุคคล กล่าวอีกนัยหนึ่ง ที่ผ่านมาเธออาจดำรงตัวแทนของหัวหน้าเลขา แต่นับจากนี้ไปเธอจะกลายเป็นเลขาอย่างเป็นทางการ
จิ่งเป่ยเฉิน นายมันโหดเหี้ยม!
หลังจากที่เห็นอันโหรวมีท่าทีหงุดหงิด จิ่งเป่ยเฉินก็ทำท่าสบายใจมากขึ้น เรื่องที่หลินจือเซี๋ยวกลับมานั้น เขาได้วางแผนไว้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ซึ่งในจังหวะที่ผู้จัดการฝ่ายบุคคลลาออกและตำแหน่งก็ว่างพอดี เขาจึงส่งเธอไปเสียบแทนทันที
ตำแหน่งเดิมของเธอ เขารู้อยู่แล้วว่าเธอมีความสามารถมากเกินพอ เขาเชื่อว่าหลินจือเซี๋ยวจะแสดงความสามารถได้เป็นอย่างดี
หลังจากที่ออกจากห้องทำงานของจิ่งเป่ยเฉิน เธอก็แทบรอไม่ไหวที่จะโทรกลับไปหาหลินจือเซี๋ยวและแจ้งข่าวร้ายให้กับเธอ แต่ใครจะรู้ว่าหลินจือเซี๋ยวหลังจากที่ได้รู้เรื่องนี้ เธอไม่เพียงแต่จะไม่เสียใจที่ถูกแย่งตำแหน่งไปเท่านั้น หนำซ้ำเธอยังมีความสุขมากเสียจนอยากจะซื้อประทัดไปจุดเฉลิมฉลอง
“จือเซี๋ยว ฉันรู้ว่าเธอต้องเสียใจมากแน่ ๆ” เธอถือโทรศัพท์ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วง
“โหรวโหรว เธออย่าทำแบบนี้สิ! ตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายทรัพยากรบุคคลเป็นตำแหน่งที่ดีมากเลยนะ! งานก็ง่าย เงินเดือนก็เฉลี่ยพอ ๆ กัน ฉันทำงานหลายรูปแบบมาเยอะ ทั้งยังเป็นผู้ช่วยบิ๊กบอสมาตั้งหลายปี พอคิดแบบนี้แล้วก็มีความสุขมากเลยนะ แต่พอคิดว่าเธอนั้นต้องมาเป็นแทนก็แอบรู้สึกเสียดาย เพียงแต่ว่าบิ๊กบอสคงปฏิบัติกับเธออีกแบบแน่ ๆ ฉันเชื่อว่าเขาคงไม่ทำให้เธอต้องอับอาย!” ใบหน้าของหลินจือเซี๋ยวปรากฏรอยยิ้มขึ้นขณะที่นั่งอยู่บนรถแท็กซี่
บิ๊กบอสวางแผนได้เฉียบขนาดนั้น น่านับถืออยู่นะ!
ถึงแม้ว่าเธอจะไม่เต็มใจที่จะยอมทำก็ตาม แต่เธอก็คงไม่กล้าที่ขัดคำสั่งของบิ๊กบอสหรอก!
อันโหรวหัวเราะเยาะเย้ยเบา ๆ แต่ก็ไม่ถือโทษโกรธเพื่อนเธอหรอก เพราะแม้กระทั่งตัวเธอเองยังไม่อยากจะเป็นเลขาให้เขาเลย!
“ถ้าอยากให้ฉันพูดนะ โหรวโหรวเธอหนีบิ๊กบอสไม่พ้นหรอก! มันหายากมากเลยนะที่บิ๊กบอสจะเก็บผู้หญิงไว้ข้างกายนาน ๆ” เพราะก่อนหน้านั้นเธอเคยเห็นบิ๊กบอส เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้หญิงก็ไม่มีทีท่าที่จะสนใจหรืออะไรด้วยซ้ำ กลับจางหายไปราวกับควันไฟ เป็นไปได้ว่าที่อยู่ตรงหน้าตอนนี้คือรักที่แท้จริง!
“นั่นก็เป็นเพราะว่าเขามีสภาวะจดจำใบหน้าไม่ได้ ในที่สุดก็ได้มาพบฉันที่ทั้งดูแก่และขี้เหร่ ความประทับใจแบบนี้ เรื่องพวกนั้นคงสวยสำหรับเขาแล้วจริง ๆ!” ถ้าหากเธอไม่ทำ! จะหลบได้นานขนาดนั้นเหรอ เขาที่ไม่เคยยอมแพ้เลยสักครั้ง แล้วจะให้ทำยังไง
“เอาเถอะ ๆ เรื่องพวกนี้เดี๋ยวคืนนี้พวกเราค่อยมาคุยกัน ฉันยังไม่ได้ฉลองวันเกิดเธอเลย ไว้คืนนี้เดี๋ยวกลับไปฉลองกัน อย่าลืมพาเด็ก ๆ เตรียมตัวให้นอนไปก่อนด้วย พวกเราคืนนี้จะออกไปเที่ยว บังเอิญฉันเพิ่งได้รับโทรศัพท์จากผู้จัดการฉี เห็นว่ามีลูกค้าคนหนึ่งที่ดูลำบากอยู่นิดหน่อย ไปช่วยจัดการแทนฉันทีสิ!” หลินจือเซี๋ยวแม้จะพูดผ่านโทรศัพท์มือถือ แต่ใบหน้าของเธอก็ยังคงเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
อันโหรวมองกวาดตาไปยังกองเอกสารเป็นภูเขาขนาดเล็กที่อยู่ตรงหน้า มือซ้ายถูกยกขึ้นประคองหน้าผาก ก่อนจะเอ่ยตอบอย่างเกียจคร้าน “หลินจือเซี๋ยวนี่เธอคิดจะใช้วันเกิดของฉันมาหลอกล่อใช้ฉันอย่างนั้นเหรอ?”
“ก็แหม ความสัมพันธ์ของพวกเราสองคนจะมาพูดให้น่าเกลียดแบบนี้ทำไมกันเล่า! จำไว้นะว่าอย่าลืมลบเครื่องสำอางที่น่าเกลียดออกด้วย แต่งตัวสวย ๆ ให้งดงามไปเลย ลูกค้าเห็นจะได้ประทับใจ แต่ฉันคิดว่านั่นคงไม่ใช่ปัญหาที่ยุ่งยากเท่าไร! ไม่ต้องแต่งสวยมาก แต่งแค่นิดหน่อยก็พอแล้ว แค่นั้นก็จัดการเขาได้อยู่หมัดแล้ว!”
“ก็ได้! งั้นเธอก็ไปพักผ่อนก่อนเถอะ” เธอพูดจบก็วางสายทันที เธอควรออกไปเล่นด้วยดีไหม ถึงแม้ว่ายังไม่ครบหนึ่งเดือนที่หลินจือเซี๋ยวไปทำงานข้างนอก แต่เมื่อเธอทำเสร็จก็ได้กลับมาก่อนกำหนด
แต่ช่วงนี้เธอยุ่งมาก และต้องการพักผ่อนจริง ๆ
สำหรับลูกค้าที่มีเล่ห์เหลี่ยมขนาดนั้น ก่อนจะดูสถานการณ์ล่วงหน้า เธอไม่เคยใช้ความงามอะไรทั้งนั้น เพียงแต่เรื่องงานหลินจือเซี๋ยว เธอก็จะพยายามช่วยอย่างเต็มที่
ดังนั้นเธอจึงได้พยายามทำงานหนักตลอดเวลาทั้งวัน เพื่อที่จะได้สนุกสนานในยามค่ำคืน
หลังจากที่เลิกงานก็ได้พาหยางหยางกับหน่วนหน่วนกลับบ้าน หลังจากที่กินข้าวกับพวกเขาเสร็จ ก็บอกพวกเขาว่าจะไปรับน้าจือเซี๋ยว เธอลบเครื่องสำอางอันเก่าออกก่อน จากนั้นก็แต่งหน้าเบา ๆ พร้อมกับสวมชุดเดรสเปิดไหล่ลายลูกไม้สีชมพูฟ้า
หน่วนหน่วนเดินถือ iPad ออกมาจากห้อง เธอรีบวิ่งไปด้านหน้าแม่ของเธอและพูดว่า “แม่จ๋าสวยจังเลย”
อันโหรวก้มตัวลง ก่อนจะสัมผัสไปที่แก้มที่น่ารักของลูกสาวและพูดว่า “หน่วนหน่วน อยู่บ้านเชื่อฟังคำพูดของพี่ชายนะ รีบเข้านอนเร็ว ๆ เดี๋ยวแม่จ๋าจะไปรับน้าจือเซี๋ยวกลับบ้านก่อน”
“ได้ค่ะ แม่จ๋าแต่งตัวสวยขนาดนี้ ระวังตัวให้ดีด้วยนะคะ!” หน่วนหน่วนเป็นห่วง พลางเอ่ยเตือน
“แม่จ๋าจะระวังนะคะ แม่อยู่กับน้าจือเซี๋ยว คงไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นหรอก” เธอจูบที่แก้มเล็ก ๆ ของหน่วนหน่วน ก่อนจะเอามือออกไป