ตอนที่ 178 เปลือยกาย
“ผมนึกว่าคุณจะชอบแบบนี้ซะอีก” จิ่งเป่ยเฉินวางชามกระเบื้องลง ก่อนจะลุกขึ้นไปหยิบเสื้อผ้าที่สะอาดสะอ้านที่บริกรเอามาให้ตั้งแต่เมื่อเช้า
“นายคิดว่าฉันจะชอบเปลือยกายแบบนายหรือยังไง!” เขาตื่นขึ้นมาในเช้าวันรุ่งขึ้นก็รีบกินอาหารเช้าโดยไม่สวมเสื้อผ้าใด ๆ
“ของแบบนี้มีไว้ให้เธอเห็นแค่คนเดียวเท่านั้นแหละ” เขาหยิบกระโปรงสีขาวและชุดชั้นในที่สะอาดมาให้กับเธอ
เธอเค้นเสียงหัวเราะ ไม่ว่าเขาจะจ้องมาที่ดวงตาของเธอมากแค่ไหน เธอก็ไม่สนใจ เธอรีบสวมเสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว ก่อนจะพบว่าบนตัวเธอนั้นมีรอยจูบปรากฏขึ้นมามากมาย เพียงแต่ว่าร่างกายนั้นกลับดูสะอาดสะอ้าน ทำให้เธอคิดว่าเขาคงอุ้มเธอไปอาบน้ำแน่ ๆ
เธอรู้สึกว่าหัวของตัวเองกำลังจะระเบิด คืนนี้เห็นทีว่ากลับไปคงต้องระเบิดใส่หลินจือเซี๋ยวสักหน่อยแล้ว!
ไม่ต้องพูดถึงคนลามกหื่นกามคนนั้น ไหนต้องเจอกับโอวหยางลี่อีก สุดท้ายต้องมาตกอยู่กับห่วงเหล็กอย่างจิ่งเป่ยเฉินแบบนี้ เธอรู้สึกว่าเธอไม่สามารถหนีไปไหนได้เลย
หลังจากที่สวมเสื้อผ้าเสร็จแล้วเธอก็ค่อนข้างรู้สึกมั่นใจมากขึ้น ก่อนจะยกชามเล็ก ๆ ขึ้นมาและมองไปที่เขา “ช่วยเอาโทรศัพท์มาให้ฉันหน่อยสิ ฉันจะโทรศัพท์”
“ฉันบอกหลินจือเซี๋ยวไปแล้วว่าเธออยู่ที่นี่กับฉัน ส่วนเรื่องหยางหยางกับหน่วนหน่วน หลินจือเซี๋ยวได้ส่งพวกเขาไปโรงเรียนอนุบาลแล้ว นี่ก็บ่ายแล้วพวกเราไปรับเขากลับบ้านของพวกเรากันเถอะ เธอรีบกินข้าวก่อนไปสิ จากนั้นก็กลับไปบ้านของหลินจือเซี๋ยวและเก็บข้าวของ เอาบัตรประชาชนมาด้วย พวกเราจะได้ไปจดทะเบียนสมรสกัน” จิ่งเป่ยเฉินเอ่ยอย่างนิ่งสงบ แต่จริง ๆ แล้วเขารู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก แต่ทำได้เพียงแค่ใช้น้ำเสียงที่นิ่งสงบและพูดเร็ว ๆ เพื่อปกปิดความยินดีที่อยู่ในใจ
เขารอมานานมาก ในที่สุดวันนี้ก็ได้มาถึง ถึงแม้จะรู้สึกโกรธหลินจือเซี๋ยวมากที่ได้พาเธอมาที่ที่อันตรายแบบนี้ แต่ถ้าหากมันไม่ใช่แบบนี้ละก็ พวกเขาก็ยังไม่รู้ว่าจะได้พบกันอีกเมื่อไหร่ ดูจากหลินจือเซี๋ยวแล้วที่ทำผลงานมามากมาย เขาจึงไม่ถือโทษโกรธเท่าไร
อันโหรวที่เพิ่งจะกินโจ๊กเข้าไปหนึ่งคำ พอได้ยินคำพูดที่ดูใหญ่โตเสียขนาดนั้น ในหัวของเธอก็มีข้อมูลไตร่ตรองอยู่เต็มไปหมด จนกระทั่งเธอนิ่งเสียจนไม่ตอบสนองอะไรทั้งสิ้น
แต่สิ่งหนึ่งที่เธอพอจะรู้ก็คือหลินจือเซี๋ยวจะต้องโทรศัพท์มาหาเธอแน่ ๆ ซึ่งจิ่งเป่ยเฉินก็น่าจะเป็นคนรับสาย เพราะฉะนั้นเธอจึงไม่อาจแกล้งว่าตัวเองไม่ใช่อันอีหานได้อีกแล้ว
หลินจือเซี๋ยวเธอนี่…..ฆ่าฉันให้ตายเลยยังดีกว่า!
“หยางหยางกับหน่วนหน่วนไม่ใช่ลูกของนายนะ!” เธอมองเขาก่อนจะทำท่าฮึดฮัด “ไม่ใช่จริง ๆ นะ!”
จิ่งเป่ยเฉินหรี่ตาลงเล็กน้อย ดูเธอที่ยังแสร้งทำตัวว่าไม่ใช่อันอีหานอยู่อีก คงมีแต่เธอแล้วจริง ๆ ที่กล้าทำตัวเฉยเมยไม่รู้ไม่ชี้ต่อหน้าเขาแบบนี้ได้
“ฉันไม่คิดจะไปตรวจพิสูจน์ความเป็นพ่อหรอกนะ ฉันคิดว่าหน่วนหน่วนเองก็คงไม่เห็นด้วยแน่” จิ่งเป่ยเฉินหยิบเสื้อผ้าที่อยู่ข้าง ๆ ตัว ก่อนจะลุกขึ้นมองไปที่ตัวเธอ
“ก็ได้! ต่อให้หยางหยางกับหน่วนหน่วนเป็นลูกของนาย พวกเราก็ไม่อยากไปบ้านนาย ฉันเองก็ไม่อยากแต่งงานกับนายเหมือนกัน!” เธอจับจ้องไปที่มือของเขาที่กำลังติดกระดุมเสื้อ ราวกับว่ากระดุมพวกนั้นมันสามารถระเบิดกระชากออก และทำให้คนกลายร่างเป็นหมาป่ากินเนื้อแกะได้
“เธอไม่มีสิทธิ์เลือกหรอก” ต่อให้ต้องมัดเธอหรืออะไรก็ตามเพื่อไม่ให้เธอจากไป เขาก็พร้อมและยินดีที่จะทำ
“จิ่งเป่ยเฉิน นายจะเผด็จการเกินไปแล้ว! ฉันไม่เอา ไม่เอา ยังไงก็ไม่เอา!” เธอวางชามที่อยู่ในมือลงด้วยท่าทีฮึดฮัด และมองไปยังมือของเขาที่กำลังติดกระดุมตรงอก
“ดูเหมือนเมื่อคืนโอวหยางลี่จะมาที่นี่ด้วย ฉันได้ยินพวกพนักงานเขาพูดกันว่ามันมาหาคน เธอรู้หรือเปล่าว่ามันมาหาใครกัน?” มือที่ติดกระดุมของจิ่งเป่ยเฉินชะงักไปเล็กน้อย ก่อนที่ดวงตาสีดำเข้มของเขาจะมองมาที่เธอ
หัวใจของเธอเต้นรัวอีกครั้ง เมื่อคืนเสียงของโอวหยางลี่ดังมาก แน่นอนว่าต้องมีคนอื่นได้ยินแน่ ๆ จิ่งเป่ยเฉินก็อยู่ที่นี่ด้วย ทั้งยังมีห้องรับรองพิเศษ แน่นอนว่าต้องมีใครสักคนไปบอกเขาเรื่องเมื่อคืนแน่นอน
“เมื่อคืนเขาเห็นฉันแล้ว” เธอรู้สึกหดหู่ลงเล็กน้อย
จิ่งเป่ยเฉินบีบกระดุมตรงข้อมือของเขา เขาบีบเสียจนคิดว่าเป็นโอวหยางลี่ เหมือนว่าเขาต้องการบดขยี้คนคนนั้นให้แหลกคามือ
จนกระทั่งเขาปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตออกสองเม็ดและเอนตัวไปกอดเธอ ก่อนจะพูดว่า “โหรวโหรว ฉันจะปกป้องเธอเอง รวมถึงหยางหยางและหน่วนหน่วนด้วย”
เธอรู้สึกว่าหัวใจของตัวเธอนั้นกลับมาเต้นเร็วอีกครั้ง โดยเฉพาะเวลาที่อยู่ใกล้เขา
ทันใดนั้นเธอก็ผลักเขาออก “ฉันไม่ต้องการให้นายปกป้องหรอก และไม่คิดจะแต่งงานกับนายด้วย โอเคไหม? นายคือประธานจิ่งผู้ที่มีทั้งภาพลักษณ์ที่ดีและแย่ในเวลาเดียวกัน มีผู้หญิงคนอื่นมากมายคิดอยากแต่งงานกับนาย ทำไมนายต้องมามองฉันแบบนั้นด้วย!”
“ผู้หญิงคนอื่นสุดท้ายแล้วก็ไม่ใช่เธอ ฉันไม่ต้องการใครทั้งนั้น ขอแค่เธอ” เขาเพิ่มเสียงให้ดังขึ้นเล็กน้อยโดยไม่ได้ตั้งใจ มันแฝงไปด้วยความโกรธที่เขามี
เขาอยากจะเอาความคิดพวกนี้ของเธอออกมาดู อยากจะรู้ว่าเธอวางเขาไว้ที่ตรงไหนกันแน่!
เขาหยิบแก้วนมอุ่น ๆ มาให้เธอตรงหน้า ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงเบา ๆ ว่า “ไม่ชอบแค่ไหนแต่ก็ต้องดื่มนมนะ”
“ไม่เอา งานแต่งเป็นเรื่องใหญ่โต ทั้งสองคนต่างก็ต้องมีความรักที่ดีกันก่อน! พวกเรายังไม่มีความรู้สึกขนาดนั้น!” เธอไม่ได้พูดอะไรต่อ แม้แต่แก้วนมยังไม่กล้าหยิบขึ้นมาดื่ม
เพียงแต่ว่าเมื่อเขามองดูแบบนี้ ใบหน้าของเขาก็ค่อย ๆ เย็นชาขึ้น มันเหมือนกับหัวใจของเขานั้นถูกทิ่มแทงให้เจ็บปวด
เธอค่อย ๆ ก้มลง ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงเบา ๆ “ตอนนั้นครอบครัวของฉันถูกใส่ร้ายแน่ ๆ ครั้งนี้ฉันเลยกลับมาเพื่อสืบดูเรื่องราวว่าจะพบอะไรบ้างไหม อีกอย่างแม่ของฉันก็หายไป ฉันอยากตามหาแม่ ถ้าหากเราแต่งงานกันละก็ โอวหยางลี่กับเหลียวเว่ยก็ต้องรู้แน่ ๆ ว่าฉันกลับมาแล้ว พวกเขาจะต้องพยายามหาทางขัดขวางฉันแน่ ๆ ให้ฉันอยู่ในเงามืดแบบนี้ไปนั่นแหละดีแล้ว!”
“ฉันรู้ดีว่านายแข็งแกร่งและสามารถปกป้องฉันได้ แต่นายก็ใช่ว่าจะอยู่กับฉันตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงนี่ ถ้าหากพวกเขาคิดจะจัดการกับฉัน เขาก็สามารถหาช่วงเวลาเล็กน้อยพวกนั้นได้เสมอ หรือต่อให้ไม่มีช่องว่างเล็กน้อยก็สามารถสร้างได้ไม่ยาก อีกอย่างฉันมีหยางหยางกับหน่วนหน่วน ฉันกลัวว่าพวกเขาจะไปทำร้ายลูก ๆ โดยเฉพาะเหลียวเว่ย นายรู้บ้างไหมว่าเธอเกลียดฉันมากแค่ไหน ถ้าหากเธอรู้ว่าฉันมีลูกสองคน พวกเขาจะต้องไม่ปลอดภัยแน่ ๆ”
เธอรู้จักความรักและความเจ็บปวดดีมากพอ เมื่อจิ่งเป่ยเฉินได้ฟังเหตุผลพวกนี้ เธอหวังว่าเขาคงไม่บังคับเธอมากเกินไปใช่ไหม?
เธองัดความกล้าออกมา ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าของเขา ซึ่งตอนนี้ใบหน้าของเขาก็ดูน่าเกลียดขึ้นมาทันที
แต่นมที่อยู่ในมือของเขานั้นกลับถูกส่งมาให้เธออีกครั้ง ซึ่งเธอก็รับมันไว้เพราะตอนนี้เธอรู้สึกหิวมากแล้ว
จิ่งเป่ยเฉินดูเธอกินนมจนหมด ก่อนจะพูดอย่างหนักแน่นออกไปว่า “แต่งงานลับ ๆ เถอะ!”
“หา? จะไม่ปล่อยฉันไปบ้างเลยหรือไง ฉันบอกว่าไม่แต่งงานไง!” เธอคิดไม่ถึงเลยว่าจิ่งเป่ยเฉินจะกล้าพูดคำนี้ออกมา
“หลังจากที่ได้ทะเบียนสมรสแล้วค่อยมาคุยเรื่องพวกนี้กัน เช่นตอนนี้ยังไม่คิดอยากจะจัดงานแต่ง หรือฉันยังไม่คิดจะเปิดเผยตัวตนของเธอก็ได้ ทั้งยังช่วยปกปิดตัวเธอได้อีก และจะช่วยจัดแจงให้เธอสบายใจได้แน่นอน แต่เรื่องหยางหยางกับหน่วนหน่วน ฉันเองก็คิดอยากจะเจอเขาแบบจริง ๆ จัง ๆ เหมือนกัน เพราะถึงอย่างไรนั่นก็เชื้อไขของฉันเหมือนกัน ไม่อย่างนั้นฉันจะรีบไปบอกสำนักข่าวเลยนะว่าอีกสามวันข้างหน้าฉันจะแต่งงาน และจะแต่งงานกับผู้หญิงที่ชื่อ อันโหรว”
“นาย……” อันโหรวกังวลมาก ในมือของเธอที่ถือแก้วนมอยู่ คิดอยากจะเอาแก้วนั้นตีไปที่หน้าของเขาจริง ๆ แต่เธอก็ไม่กล้าพอ ไม่สิ ทำไม่ได้ต่างหาก
“ตัดสินใจแล้วหรือยัง?” จิ่งเป่ยเฉินโน้มตัวไปใกล้แก้มของเธอ ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบแก้วนมจากมือของเธอและพูดว่า “โหรวโหรว?”
ทันใดนั้นภายในห้องก็ตกอยู่ในสภาพเงียบงัน จิ่งเป่ยเฉินรู้ดีว่าเธอกำลังคิดอยู่จึงไม่ได้พูดอะไรให้มากความ ก่อนจะค่อย ๆจับมือของเธอขึ้นมา ให้เธอรู้ว่าเธอยังมีกำลังอยู่ และยังแรงสนับสนุนอยู่
หลังจากผ่านไปหลายนาที อันโหรวก็ได้เงยหน้าขึ้นมองไปที่เขา ดวงตาสีน้ำตาลของเธอนั้นสะท้อนให้เห็นถึงคิ้ว ดวงตา และใบหน้าอันหล่อเหลาของจิ่งเป่ยเฉินอย่างชัดเจน
มันดูไม่เหมือนกับก่อนหน้านี้ หรือแม้กระทั่งตอนนี้ แม้ว่าพวกเขาจะทะเลาะกันทุกครั้งที่พบเจอ แต่เวลาเจอเรื่องอะไรพวกนี้ เขามักจะพูดด้วยท่าทีกระตือรือร้นอยู่เสมอ และพร้อมที่จะช่วยเหลือเธอเสมอมา