ตอนที่ 181 สามีและภรรยา
ถึงแม้เขาอยากจะไปรับพวกเขาก็ตาม และอันที่จริงแล้วเขาเองก็อยากจะบอกว่าไม่จำเป็นต้องกลัวโอวหยางลี่หรอก แต่พอเห็นท่าทีที่เด็ดเดี่ยวของเธอนั้น เขาก็พยายามลืมเรื่องพวกนี้ไปก่อน
แต่อันที่จริงแบบนี้ก็นับว่าดีเหมือนกัน คนอื่น ๆ ไม่มีใครรู้ มีเพียงเขาเท่านั้นที่รู้ว่าโหรวโหรวกลับมาแล้ว และตอนนี้อยู่ข้างกายเขาแล้ว
รถหยุดอยู่ห่างจากโรงเรียนอนุบาลราว ๆ หนึ่งร้อยเมตร เธอแทบรอไม่ไหวที่จะเปิดประตูรถและลงจากรถไป แต่ยังไม่ทันได้ออกไป เธอหยุดยืนอยู่ที่ประตูรถและมองไปทางเขาพร้อมกับยิ้มและหัวเราะเบา ๆ “เด็กดี เชื่อฟังจริง ๆ นะ!”
เมื่อเสียงของเธอเบาลง ประตูรถที่อยู่ตรงหน้าเธอก็ถูกปิดเสียงดัง ‘ปัง’
จิ่งเป่ยเฉินมองไปที่เธอผ่านทางหน้าต่างรถและตะโกนทีละคำออกมาว่า “อันโหรว!”
การแสดงออกของเธอนั้นคืออะไร มันหมายความว่ายังไงกันแน่ หมายความว่าเขาเป็นเด็กยังงั้นเหรอ?
เขาเป็นผู้ชายตัวโตคนหนึ่ง จะอธิบายอย่างว่าง่ายได้อย่างไร เขาพูดได้ดีต่อหน้าเธอจริง ๆ ไม่ได้การละ พรุ่งนี้เขาจะต้องทำให้เธอรับรู้ว่าตอนนี้พวกเขาเป็นสามีภรรยากันแล้ว ใครกันแน่ที่จะควรฟังคำพูด!
ตอนที่เธอไปโรงเรียนอนุบาลสายรุ้งก็ได้เห็นพ่อแม่นักเรียนอยู่หลายคนรออยู่ที่หน้าประตูโรงเรียน เธอเองก็ยืนอยู่ค่อนข้างไกล ถึงแม้ว่าจะถูกคนจำนวนไม่น้อยมองมาหลายครั้ง จิ่งเป่ยเฉินไม่แม้แต่จะเตรียมแว่นกันแดดกับหมวกให้เธอ นี่มันช่างแย่จริง ๆ!
เมื่อโรงเรียนอนุบาลเปิดออก เธอก็ไม่ได้รีบร้อนที่จะเข้าไป ทำเพียงเดินช้า ๆ ตามหลังคนอื่นไปอย่างสบาย ๆ แต่ในใจของเธอคิดว่าจะทำยังไงดี จะอธิบายเรื่องกลับบ้านไม่ตรงเวลาในค่ำคืนนั้นอย่างไรดี
“คุณอัน!”
ทันทีที่เธอได้ยินเสียงตะโกนที่ฟังดูคุ้นเคย เธอก็แน่ใจแล้วว่าต้องเป็นถังซั่วแน่ ๆ เธอคิดอยากจะขุดหลุมลงไปซ่อนที่ใต้ดินจริง ๆ เมื่อคืนหยางหยางคงต้องโทรหาเขาแล้วแน่ ๆ เลย
เธอตัดสินใจที่จะยิ้มและหันไปมองเขา “คุณถัง บังเอิญจัง คุณมาที่นี่เพื่อตรวจดูงานเหรอคะ?”
แค่โรงเรียนอนุบาลเล็ก ๆ ถังซั่วคงไม่ได้เบื่ออะไรขนาดนั้นหรอก!
ถังซั่วสำรวจดูเธออย่างละเอียด เมื่อเห็นว่าเธอไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร แต่เมื่อคืนนี้มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?
หยางหยางตอนที่โทรศัพท์มาหาเขานั้นมีท่าทีกังวลอย่างมาก แต่เขาเองก็ไม่รู้ว่าเธอนั้นอยู่ที่ไหน พอคิดจะหาใครสักคนก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ ด้วย แต่เมื่อคิดจะลองออกไปหาดู หยางหยางก็โทรกลับมาบอกว่าเธอไม่เป็นอะไรแล้ว
วันนี้เขายังคงกังวลอยู่เล็กน้อยเลยรีบมาตั้งแต่เช้า แต่หยางหยางกับหน่วนหน่วนกลับถูกผู้หญิงคนหนึ่งมาส่งแทน เพราะฉะนั้นเขาเลยรอจนกระทั่งตอนนี้เพื่อหวังว่าจะได้เห็นเธอมารับลูก ๆ
“ใช่ครับ” เขายิ้มและตอบกลับไป
เธอช่างเป็นคนที่สุดยอดจริง ๆ เพียงแค่ประโยคธรรมดาก็ได้ปิดกั้นความห่วงใยของเขาจนหมด และจากนั้นเขาก็แทบไม่ได้ถามอะไรออกไปเลย
“งั้นเชิญคุณถังตามสบายนะคะ ฉันขอตัวก่อน” เธอพูดจบก็เดินไปยังชั้นเรียน หลังจากที่มองระยะไกล ๆ เธอก็มองเห็นหยางหยางจับมือหน่วนหน่วนเดินออกมาด้วยกัน
มันเหมือนกับหัวใจแทบจะลอยไปไกล เมื่อคืนทำให้เขาเป็นห่วง แต่ในเวลานี้เธอก็เริ่มเข้าใจจิ่งเป่ยเฉินขึ้นมาเล็กน้อยแล้ว การที่ไม่ให้เขาได้เห็นพวกเขาเลยมันโหดร้ายจริง ๆ และคนที่โหดร้ายที่สุดก็คงเป็นเธอนั่นแหละ
“แม่จ๋า!” ทั้งสองคนตะโกนอย่างพร้อมเพรียงก่อนจะเดินเข้าไปหา หน่วนหน่วนจูงมือหยางหยางออกมาด้วยความตื่นเต้นและวิ่งไปอยู่ตรงหน้าเธอ
เธอเดินเข้าไปด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะอุ้มหน่วนหน่วนและจับมือหยางหยางเพื่อเดินออกไปข้างนอก “ขอโทษด้วยนะคะ เมื่อคืนแม่จ๋าคงทำให้พวกหนูเป็นห่วงสินะ!”
“แม่จ๋า วันนี้แม่ไม่ได้ไปที่บริษัทยังงั้นเหรอ?” เพราะนี่ไม่มีเครื่องสำอางอยู่บนใบหน้าของเธอเลย จึงเดาได้ว่าวันนี้เธอไม่ได้ไปทำงาน
หรือว่าเมื่อคืนแม่จ๋าแอบไปกับคุณลุงนิสัยไม่ดีคนนั้น?
อันโหรวที่ได้ยินคำถามก็พลอยตกใจ หยางหยางยังคงเฉียบแหลมเช่นเคย ไม่เหมือนกับหน่วนหน่วนที่มีความสุขเมื่อได้มองหน้าแม่ของตนเอง
“วันนี้ไปข้างนอก ไม่ได้ไปที่บริษัท” เธอตอบกลับด้วยรอยยิ้ม และอยู่ไม่ไกลจากพวกเขามากนัก ถังซั่วก็ได้เดินวนไปมาพลางมองไปรอบ ๆ
“คุณลุงถัง!!” หยางหยางยังคงมีสีหน้าที่ไม่เปลี่ยนแปลงไปมากเท่าไร แม้จิตใจของเขาจะยังเป็นกังวลอยู่ก็ตาม
“หยางหยาง!” ถังซั่วเดินเข้ามาหาด้วยขาที่เรียวยาว ก่อนจะเข้ามาอุ้มหยางหยางอย่างเป็นปกติ
อันโหรวรู้สึกว่าฉากนี้ดูสะดุดตาจนเกินไป เธอรู้สึกผิดจริง ๆ พรุ่งนี้เธอจะให้จิ่งเป่ยเฉินได้พบกับพวกเขา หยางหยางจะได้ไม่ทำตัววุ่นวายแบบนี้อีก
ถึงแม้ว่าเขาจะถูกบังคับให้แต่งงานกับจิ่งเป่ยเฉิน แต่ถึงอย่างไรพวกเขาต่างก็เป็นพ่อลูกแท้ ๆ ถังซั่วไม่มีผลประโยชน์อะไรกับเขามากนัก
เธอกับถังซั่วชั่วชีวิตนี้คงไปด้วยกันไม่ได้แน่ ๆ เส้นด้ายสีแดงคงไม่อาจผูกติดได้แล้วจริง ๆ!
“คุณลุงถัง!” หน่วนหน่วนที่อยู่ในอ้อมแขนเธอเอ่ยทักทายเขาด้วยรอยยิ้ม
“หน่วนหน่วน อยากไปหาอะไรกินกันไหม เดี๋ยวคุณลุงเลี้ยงพวกหนูเอง” เธอรู้ดีว่าอันโหรวคงจะปฏิเสธเขา เพราะงั้นเลยต้องถามลูก ๆ ของเธอเพื่อไม่ให้ปฏิเสธเป็นเรื่องที่ถูกต้องที่สุด
แต่ก่อนที่หน่วนหน่วนจะตอบกลับ เธอก็ได้ชิงพูดออกไปก่อนว่า “คุณถัง พวกเรามีเรื่องต้องทำอยู่นิดหน่อย เดี๋ยวคงต้องขอตัวกลับบ้านก่อนนะคะ วันนี้คงไม่รบกวนคุณแล้วจริง ๆ”
“เอางั้นก็ได้! ผมจะไปส่งพวกคุณเอง” เขาวางหยางหยางลง ก่อนจะจูงมือเขาและเดินออกไป
อันโหรวเองก็ได้วางหน่วนหน่วนลง ถึงแม้ว่าเธอจะหลับไปนาน แต่ก็ยังรู้สึกได้ว่าตัวเธอนั้นยังไม่มีแรงมากพอที่จะอุ้มหน่วนหน่วนออกไปข้างนอกได้
ถังซั่วที่เดินจูงมือหยางหยางออกมา โดยมีเธอเดินอยู่ข้างหลังแบบนี้ช่างเป็นภาพทิวทัศน์ที่สวยงามจริง ๆ
แสงแดดสีส้มอุ่น ๆ ตกกระทบไปที่พวกเขาสองคน สองคนตัวใหญ่ สองคนตัวเล็ก มันเหมือนกับความอบอุ่นที่เกิดขึ้นในใจนั้นแตกต่างกันออกไป เมื่อมองดูแผ่นหลังของถังซั่วและเปลี่ยนไปเป็นจิ่งเป่ยเฉิน
ถ้าหากเป็นจิ่งเป่ยเฉินจูงมือหยางหยาง เธอคงอดไม่ได้แน่ที่คิดอยากจะไปดูอยู่ข้างหน้าและถ่ายรูปพวกเขาเยอะ ๆ
หลังจากที่ออกมาจากโรงเรียนอนุบาล เธอได้พาหยางหยางและหน่วนหน่วนขึ้นรถแท็กซี่ ระหว่างที่นั่งอยู่นั้นเธอก็ได้มองไปที่พวกเขา ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำเบา ๆ ว่า “หยางหยาง หน่วนหน่วน แม่จ๋าจะพาพวกหนูไปหาคุณลุงคนหนึ่งดีหรือเปล่าจ๊ะ?”
เพื่อไม่ให้หยางหยางกับหน่วนหน่วนพาเธอไปผูกด้ายแดงพวกนั้นอีก เธอจึงตัดสินใจว่าวันนี้จะให้จิ่งเป่ยเฉินได้เจอพวกเขาเป็นครั้งแรก หลังจากนี้เธอจะไม่ประนีประนอมกับเขาอีกเป็นอันขาด
“แม่จ๋า คุณลุงคนไหนเหรอ? หนูรู้จักไหมคะ?” หน่วนหน่วนมองด้วยท่าทีสนใจ พลางเงยหน้าขึ้นมองผู้เป็นแม่และกะพริบตาปริบ ๆ
“หน่วนหน่วนชอบคุณลุงจิ่ง อยากเจอเขาไหมคะ?” หลังจากที่บอกกับเด็กน้อยทั้งสองคนเสร็จ เธอก็ได้โทรหาจิ่งเป่ยเฉินทันที
“ดีค่า! หน่วนหน่วนอยากเจอคุณลุงจิ่ง!” อันหน่วนมองเธออย่างมีความสุข พร้อมกับเฝ้ามองด้วยความคาดหวัง
เมื่อหยางหยางได้ยินว่าเป็นเขาก็คิดได้ทันทีว่าพวกเขาเป็นพ่อลูกกันแน่ ๆ แม่จ๋าคงคิดจะให้พวกเขาได้รู้จักกัน
อันหยางเงยหน้าขึ้นมองเธอ ก่อนจะยอมประนีประนอมในตอนท้าย “ถ้าแม่จ๋าตัดสินใจดีแล้วก็โอเคครับ”
อันโหรวมองเขาอย่างซาบซึ้งใจ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ออกมาและโทรหาเขา รอสายไม่นานก็มีเสียงตอบกลับมาจากปลายสาย เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นจากโทรศัพท์มือถือว่า “โหรวโหรว”
“อีกเดี๋ยวจะไปกินข้าวเย็นด้วยกัน มีหยางหยางกับหน่วนหน่วนด้วย” เธอคิดว่าตัวเองสงบใจนิ่งพอ แต่หลังจากที่พูดจบก็เกิดความเงียบขึ้นเล็กน้อย มันทำให้หัวใจของเธอนั้นเต้นเร็วขึ้น ไม่รู้ว่าตัวเขานั้นเกิดความยินดีหรือไม่ยินดีกันแน่
หน่วนหน่วนกะพริบตาและมองด้วยตาโต ๆ ของเธอ เด็กตัวเล็ก ๆ โน้มตัวไปข้างหน้า ราวกับว่าเธอต้องการได้ยินเสียงในโทรศัพท์ชัด ๆ แต่ขณะที่เธอยื่นมือเข้าไปกอดแม่จ๋าอยู่นั้น เสียงของจิ่งเป่ยเฉินก็ดังขึ้นมาว่า “ได้!”
“เดี๋ยวจะรอ” เธอวางสายโทรศัพท์อย่างรีบร้อน แม้จะเอ่ยคำพูดแค่คำเดียว แต่เธอก็รู้สึกได้ว่าตอนนี้เขากำลังตื่นเต้นด้วยความรู้สึกยินดีเป็นอย่างมาก
หน่วนหน่วนเห็นว่าเธอวางสายแล้ว แต่ก็ไม่ได้ยินเสียงอะไรสักอย่างจึงเอ่ยถามไปว่า “คุณลุงจะมาไหมคะ?”
เด็กคนนี้เป็นพวกจับคนมาทรมานให้ถึงที่สุดนี่เอง!