ตอนที่ 183 พัวพันไปตลอดชีวิต
จิ่งเป่ยเฉินยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย ดวงตาฉายแววเป็นประกาย “ฉันมีความสุขมาก”
พวกเขาไม่จบกันง่าย ๆ หรอก ต้องพัวพันไปตลอดชีวิต!
อันหยางอ่านตัวอักษรได้เยอะ เมื่อมองแวบเดียวก็เห็นตัวอักษรทะเบียนสมรสพวกนี้ทันที ถ้าหากว่าแม่จ๋าของเขาชอบ เขาก็คงต้องลองยอมรับดู แต่ถ้าหากเขาเป็นคนเจ้าชู้เหมือนข่าวก่อนหน้านั้นละก็ เขาก็คงไม่มีทางที่จะยอมรับเรื่องพวกนี้แน่ ๆ
หน่วนหน่วนหยิบทะเบียนสมรสบนโต๊ะขึ้นมา ดวงตากลมโตสีฟ้าเบิกกว้างขึ้นทันที เธอหยิบมันออกมาให้อันหยางดูที่เบื้องหน้าก่อนจะพูดว่า “พี่ในนี้มีรูปของคุณลุงกับแม่จ๋าด้วย สวยจังเลย!”
อันหยางมองรูปที่อยู่ตรงหน้า ชายผู้หล่อเหลาและผู้หญิงที่ดูสวยงดงาม มันค่อนข้างดูดีมาก เหมาะสมกันจริงๆ โดยเฉพาะใบหน้าที่คล้ายเขาที่ดูแล้วบ่งบอกถึงความสุขมากจริง ๆ
ภาพที่ดูในอินเทอร์เน็ตมีสีหน้าสงบนิ่ง พอเห็นแบบนี้ เขาก็ดูออกว่านี่เป็นครั้งแรกเลยที่จิ่งเป่ยเฉินได้ยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย ดวงตาสีดำของเขาเผยให้เห็นถึงรอยยิ้มที่มีความสุขจริง ๆ
“หน่วนหน่วน หลังจากนี้อย่าเรียกว่าคุณลุง ต้องเรียกว่าพ่อนะ เข้าใจไหม?” จิ่งเป่ยเฉินไม่สนใจอันโหรวที่โกรธอยู่แบบนั้น เขาเดินไปหาหน่วนหน่วนที่เบื้องหน้าและอธิบายออกไปว่า “นี่คือทะเบียนสมรส พ่อกับแม่จ๋าของหนูเป็นสามีภรรยากัน”
หน่วนหน่วนที่ได้ฟังก็ไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไรตอบกลับมา เธอมองไปยังจิ่งเป่ยเฉินและมองไปที่อันหยางต่อ ก่อนจะก้มหน้ามองลงไปยังทะเบียนสมรส และเงยหน้าขึ้นพลางตะโกนอย่างดีใจ “พ่อจ๋า!”
เธอรู้ดีว่าจิตใจของจิ่งเป่ยเฉินเป็นยังไง แน่นอนว่าเธอก็พอจะคุ้ยเคยกับชื่อใหม่แบบนี้อยู่แล้ว เธอจึงรีบตะโกนออกมาด้วยความรวดเร็ว เผยให้เห็นถึงท่าทางที่มีความสุข
ในทางกลับกัน ใบหน้าของหยางหยางที่มีท่าทีเย็นชาก็เผยให้เห็นเพียงรอยยิ้มบาง ๆ ปรากฏขึ้น
ความสัมพันธ์ทางสายเลือดมักเป็นสิ่งมหัศจรรย์เสมอ
“ดีจริง ๆ!” จิ่งเป่ยเฉินเอื้อมมือไปแตะแก้มของเธอและอธิบายต่อว่า “พ่อจะเป็นพ่อที่ดีให้กับหน่วนหน่วนนะ!”
น้ำเสียงของเขาอ่อนโยนราวกับสายน้ำไหล อันโหรวหยิบตะเกียบตรงหน้าขึ้นมา “จิ่งเป่ยเฉินให้ลูก ๆ กินข้าวได้แล้ว! นายอยากจะให้พวกเขาหิวข้าวหรือยังไงกัน?”
“โทษที ฉันมีความสุขมากเกินไปหน่อย” จิ่งเป่ยเฉินไม่ปิดบังที่จะพูดออกมาว่าตัวเองมีความสุข ถึงแม้ว่าหยางหยางจะไม่ได้เรียกเขา แต่มีหน่วนหน่วนเรียกแบบนี้ เขาเองก็พอใจแล้ว
ส่วนหยางหยาง เขาคิดว่าคงไม่ต้องรีบร้อนมากนัก
“นายมีความสุขเร็วเกินไปแล้ว!” อันโหรวเหลือบมองไปยังจุดที่นั่งของเขาและพูดว่า “นายแน่ใจเหรอว่าจะนั่งตรงนั้นและป้อนอาหารให้หน่วนหน่วนกิน?”
“แน่นอนสิ!” จิ่งเป่ยเฉินหันหน้าไปมองเธอและพูดต่อ “ฉันไม่ได้ให้เธอมาสอนฉันนะ ยังไงซะหลังจากนี้เธอก็ต้องมีลูกให้ฉันอีก”
“ใครบอกนายกัน!” เธอหันหน้าหนีและไม่สนใจเขาอีก
ยังไม่ทันได้ปรึกษาหารืออะไรกันด้วยซ้ำ แต่นี่เท่ากับประกาศโต้ง ๆ ให้คนอื่นรับรู้ แต่เธอก็รู้สึกว่าตัวเองนั้นโชคดีแค่ไหนแล้วที่เขาไม่ได้ถือทะเบียนสมรสไปมาต่อหน้าผู้คน แต่กลับเก็บไว้และเอามาถามเด็ก ๆ ว่าพวกเขารู้ไหมว่านี่คืออะไรแทน!
“สมกับเป็นภรรยาจริง ๆ” จิ่งเป่ยเฉินวันนี้มีความสุขถึงขีดสุด แต่อีกคนกลับเต็มไปด้วยความโกรธอย่างมาก
ระหว่างมื้ออาหาร จิ่งเป่ยเฉินกับหน่วนหน่วนดูเข้ากันได้อย่างมีความสุขแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ส่วนทางด้านหน่วนหน่วนเองก็ร้องเรียกพ่อได้อย่างร่าเริง แต่หลังจากนั้นจู่ ๆ ก็เปลี่ยนจากคำว่าพ่อเป็นแด๊ดดี้แทน สุดท้ายเพราะความเคยชินของเด็กที่เติบโตมาในต่างประเทศก็ย่อมพูดคำติดปากเป็นประจำ
ทางด้านจิ่งเป่ยเฉินก็ตอบตกลงอย่างมีความสุข ไม่เพียงแค่นั้นเขายังพูดกับหยางหยางอยู่หลายคำ เพื่อไม่ให้รู้สึกว่าตัวเขานั้นถูกทอดทิ้ง
และคนคนเดียวที่ถูกทิ้งเอาไว้กลางมื้ออาหารก็กลายเป็นเธอ
เธอสาบานได้เลยว่าเธอไม่ได้คิดจะหึงหวงจิ่งเป่ยเฉินหรือว่าอะไรเลย ก็แค่พวกเขาน่าจะคำนึงถึงความรู้สึกของเธอไว้บ้างสิ? พอแด๊ดดี้มา หม่ามี๊ก็เหมือนกับโดนทิ้งไปซะงั้น!
อันโหรวมองดูจิ่งเป่ยเฉินเช็ดปากด้วยกระดาษทิชชูให้กับหน่วนหน่วน และเมื่อเขาคิดอยากจะเช็ดให้กับหยางหยาง หยางหยางก็ได้หยิบกระดาษาทิชชูออกมาและเช็ดด้วยตัวเองไปซะแล้ว
เธอจับแก้วน้ำส้มตรงหน้าแน่นขึ้น พลางแอบยกนิ้วโป้งให้กับหยางหยางอยู่ในใจ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะเข้ากันได้ดีแค่ไหน แต่ก็มีเพียงหน่วนหน่วนที่ปรับตัวเร็วจนเกินไป และมีแค่หยางหยางเท่านั้นที่ยังคงดูสงบนิ่งไม่เปลี่ยนแปลง
ทันใดนั้นก็มีเงาสีดำปรากฏขึ้นผ่านดวงตาของเธอ ยังไม่ทันได้รู้สึกตัว จิ่งเป่ยเฉินก็เอามือของเขามาเช็ดปากของเธอเสียแล้ว เธอเหลือบมองไปยังมือของเขาและหันหน้าไปเอ่ยถามว่า “นายทำอะไร?”
“ฉันคิดว่าเธอจะหึงหวง เพราะงั้นเลยเช็ดปากให้เธอบ้าง ถึงเธอจะเช็ดไปแล้ว ความหมายของฉันก็คือจะเช็ดให้เธอนั่นแหละ” เขายอมรับว่าตัวของเขานั้นมีความสุขจริง ๆ แต่ว่าคนที่พาหยางหยางและหน่วนหน่วนมานั้นไม่เหมือนกัน
ในใจของเขาแล้ว เธอเองก็สำคัญไม่แพ้เด็กสองคนนี้
“นายเป็นเด็กหรือยังไง! ใครหึงหวงนายกัน?” เธอวางแก้วลงก่อนจะพูดว่า “ไปกันเถอะ กลับบ้าน!”
“แม่จ๋า หมีตัวใหญ่หนูเอาไปด้วยได้ไหม?” หน่วนหน่วนเดินมาจับน่องของแม่และชี้ไปยังหมีตัวอ้วน ๆ ที่อยู่ทางนั้น
“ได้สิ! ให้พ่อจัดการให้หนูนะ” เธอจ้องไปยังจิ่งเป่ยเฉินและพูดว่า “จัดการด้วย!”
“ฉันไม่รู้เลยว่าทำไมเธอต้องโกรธขนาดนี้” จิ่งเป่ยเฉินลุกขึ้นจากที่นั่งก่อนจะเอนตัวไปกระซิบข้าง ๆ หูเธอด้วยรอยยิ้มว่า “เพราะว่าหยางหยางกับหน่วนหน่วนมีของขวัญกันหมด แต่เธอไม่มี เพราะงั้นเลยไม่มีความสุขใช่ไหม?”
“ฉันไม่ใช่เด็กน้อยที่อายุสิบกว่าปีหรอกนะ ทำไมต้องมาโกรธเพราะเรื่องพวกนี้ด้วย…..”เธอยังไม่ทันพูดจบก็ตะลึงงัน ก่อนจะมองไปยังจิ่งเป่ยเฉินที่คุกเข่าข้างหนึ่งลงตรงหน้า ในหัวของเธอรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างไม่ชอบมาพากลจึงพูดว่า “นายอย่าทำแบบนี้นะ!”
“อย่าอะไรเล่า?” จิ่งเป่ยเฉินหยิบกล่องสีแดงเล็ก ๆ ออกมาจากกระเป๋ากางเกงและพูดว่า “ถึงแม้ว่าฉันสัญญาจะไม่จัดงานแต่งในตอนนี้ แต่ว่าก็ต้องมีของบางอย่างไม่น้อยหน้าเช่นกัน!”
แม่ของเด็กทั้งสองคนนี้ไม่ได้สวมแหวนแต่งงานเลย ต้องการให้ผู้คนติฉินนินทาหรือยังไงกัน? เพราะงั้นเขาเลยมีแผนที่ผู้ชายทุกคนสมควรทำ นั่นก็คือมอบแหวนแต่งงานให้กับเธอ
“แหวนสวยจังเลย!” หน่วนหน่วนมองไปยังแหวนที่ส่องแสงแวววาวอยู่ในกล่องและพูดออกมาด้วยเสียงอันดัง
“จิ่งเป่ยเฉิน นาย…..”
จู่ ๆ มือของเธอก็ถูกเขาจับไว้ ก่อนจะหยิบแหวนเพชรที่อยู่ในกล่องออกมา นิ้วที่ไร้แหวนสวมใส่ค่อย ๆ ถูกแหวนของเขาสวมเข้าไปอย่างช้า ๆ
ไหนบอกจะแต่งงานกันแบบลับ ๆ ใครบอกกันว่าแต่งงานลับ ๆ จะเป็นแบบนี้?
“นี่เป็นของขวัญสำหรับเธอ” จิ่งเป่ยเฉินมองไปยังแหวนที่อยู่บนนิ้วนางของเธออย่างพึงพอใจ ก่อนจะก้มหน้าลงและจูบตรงแหวนเบา ๆ เขาเงยหน้ามองเธอพลางถามว่า “พอใจไหม?”
“ก็ดี ขอบคุณ!” เธอหน้าแดงก่อนจะดึงมือกลับและไม่สนใจมองเขาอีก “หยางหยาง หน่วนหน่วน พวกเราไปกันเถอะ”
บิ๊กบอสแสดงออกถึงความรักขนาดนี้ ถึงแม้ว่าจะไม่พอใจอยู่เล็กน้อย แต่เธอเองก็คิดว่าเขาดูแลหน่วนหน่วนอย่างดี ไม่ใช่เพราะของขวัญที่มอบให้พวกเขา หรือเป็นเพราะว่าเขาเช็ดปากให้หน่วนหน่วนสักหน่อย
แน่นอนว่าถ้าหากพวกเขาไม่ได้อยู่ด้วยกันละก็ เธอคงคิดว่าจิ่งเป่ยเฉินแอบเตรียมแหวนวงนี้ไว้ให้หน่วนหน่วนแน่ ๆ
“ไปด้วยกันเถอะ ฉันจะไปส่งพวกเธอเอง” จิ่งเป่ยเฉินเหลือบมองไปยังหมีตัวใหญ่และรถของเล่น ทำไมเขาถึงได้เอามันมาที่ห้องรับรองด้วยนะ ถ้ารู้แบบนี้แต่แรกสู้เก็บไว้ก่อนแทนที่จะนำมาด้วยดีกว่า
แย่จริง ๆ เรา!
อันโหรวจับมือตัวเองอีกข้างก่อนจะเดินออกไปข้างนอก ส่วนบิ๊กบอสที่สูงใหญ่ก็รีบเก็บข้าวของของตัวเองออกไปด้วย มันทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองนี่ดูเลอะเทอะเกินไปจริง ๆ
“แม่จ๋า แม่ชอบพ่อจ๋าไหมคะ? หลังจากนี้พวกเราจะได้อยู่กับพ่อจ๋าใช่ไหมคะ?” หน่วนหน่วนเดินไปพลาง เงยหน้าเธอไปพลาง แก้มของแม่จ๋าแดงแบบนี้ แน่นอนว่าต้องชอบแน่ ๆ
“ยังไม่ใช่ตอนนี้หรอก พวกเราต้องใช้ชีวิตแบบเดิมไปก่อน พ่อจ๋าของพวกหนูงานยุ่งมาก มักจะไม่กลับบ้านในตอนดึกหรอก อยู่กับเขาเดี๋ยวจะทนไม่ไหวเอาได้! แม่จ๋าจะอยู่กับพวกหนูเอง” เธอพูดจบก็รู้สึกถึงไอเย็นที่แผ่ออกมาจากด้านหลัง ก่อนจะค่อย ๆ หันหน้าไปมอง จิ่งเป่ยเฉินกำลังจับจ้องมาที่ตัวของเธอ
เธอรีบหันกลับมาทันที ก่อนจะเดินออกไปอย่างใจเย็น ราวกับว่าเมื่อครู่นี้เธอไม่ได้มองไปที่ด้านหลังด้วยซ้ำ
จิ่งเป่ยเฉินมองไปที่แผ่นหลังของพวกเขาทั้งสามคน ในใจของเขารู้สึกอบอุ่นเป็นอย่างมาก ราวกับว่าโลกใบนี้สว่างไสวกว่าเดิม แต่เพียงวินาทีต่อมาเขากลับได้ยินสิ่งที่เธอพูดขึ้นว่าเขามักจะไม่กลับบ้านและทนอยู่กับเขาไม่ได้