ตอนที่ 186 แหวนที่อยู่ตรงนิ้วนางข้างซ้าย
เพียงแต่ว่าแหวนที่อยู่บนนิ้วนางข้างซ้ายของเธอก็คอยเตือนสติเธอว่านี่ไม่ใช่ความฝัน เมื่อวานเธอแต่งงานกับจิ่งเป่ยเฉินจริง ๆ!
ทั้งยังให้หยางหยางและหน่วนหน่วนเจอกับเขาอีก เมื่อวานเธอถูกจิ่งเป่ยเฉินปั่นป่วนเสียจนทำให้เธอมึนงงไปหมด
“ดีครับ แม่จ๋าล่ะ?” หยางหยางมองไปที่ใบหน้าของแม่ที่ไม่ได้แต่งหน้า ดูแล้วสดชื่นดีจริง ๆ
เมื่อคืนพวกเขาแต่งงานกันและก็แยกทางกันแล้ว พวกเขาทำแบบนี้หมายความว่ายังไง?
“แม่นอนหลับดีมากเลยจ้ะ!” เธอยิ้มและยกแก้วนมที่อยู่ตรงหน้าขึ้นมาดื่ม ก่อนจะเหลือบสายตามองไปยังหลินจือเซี๋ยวที่กำลังตกตะลึงอะไรบางอย่างและพูดว่า “ทำอะไร อ้าปากซะกว้างแต่เช้าเลย?”
“ฉันรู้สึกว่าบิ๊กบอสนี่ช่างเกินไปจริง ๆ ฉันเป็นเลขาที่ซื่อสัตย์อยู่กับเขามาตั้งนานแล้ว ทำไมไม่ให้รถฉันบ้าง อ๋อ ลืมไป เขาคงเตรียมไว้ให้ภรรยาเขาแหละ!” หลินจือเซี๋ยวส่ายหน้าไปมา ก่อนจะคิดถึงบิ๊กบอสที่มีอะไรบางอย่างที่เปลี่ยนไปอย่างจริงจัง
“งั้นเธอเอาไปขับสิ ฉันจะขับของเธอเอง” อันโหรวไม่ได้สนใจว่ารถจะดีสักแค่ไหน ขอแค่ใช้งานมันได้ก็พอแล้ว
“ไม่ได้หรอก ถ้าเกิดเขารู้ มีหวังฉันตายแน่ ๆ!” หลินจือเซี๋ยวรีบปฏิเสธทันที ก่อนจะมองไปยังใบหน้าขาว ๆ ของเธอ ทันใดนั้นก็โน้มตัวไปตรงหน้าของเธอ “แล้ววันนี้เธอจะแต่งหน้าอยู่หรือเปล่า?”
“แน่นอนว่าต้องแต่ง ฉันจำได้ว่าเมื่อวานบอกกับเธอไปแล้วนะ พวกเราแต่งงานกันลับ ๆ ห้ามบอกใครสักคนเด็ดขาด!” ตอนอยู่บริษัทเธอคืออันอีหาน ไม่ใช่อันโหรว
“น่าเสียดายใบหน้าสวย ๆ นั้น ฉันคงไม่มาแต่งหน้าขี้เหร่แบบนี้แน่ ๆ” หลินจือเซี๋ยวเอามือไปแตะที่ใบหน้าของตัวเอง “โชคดีจังที่ฉันไม่ได้ขี้เหร่ขนาดนั้น”
“น้าจือเซี๋ยวสวยมากอยู่แล้วค่ะ!” หน่วนหน่วนยิ้มหวานให้ ดวงตาที่กลมโตของเธอราวกับพระจันทร์เสี้ยวที่เปล่งประกาย
“เด็กดี พูดได้ดีจริง ๆ น้ารักหนูมาก!” หลินจือเซี๋ยวรู้สึกนิด ๆ ว่าคำพูดของหน่วนหน่วนมันดูสมบูรณ์แบบเกินไปจริง ๆ
เมื่อกินข้าวเรียบร้อยแล้ว อันโหรวก็แต่งหน้าเป็นแบบขี้เหร่เหมือนเมื่อวันก่อน หลังจากนั้นก็ไปส่งพวกเขาที่โรงเรียนอนุบาล
ที่ประตูโรงเรียนอนุบาล หยางหยางจับมือของอันโหรวและมองเธออย่างจริงจัง “แม่จ๋า ถ้าหากเขารังแกแม่ แม่จะต้องบอกผมนะ ผมจะช่วยแม่แก้แค้นเอง!”
เธอจะบอกหยางหยางได้ยังไง เรื่องพวกนี้ไม่ใช่เรื่องรังแกหรอก
เธอยิ้มและพูดขึ้น “แม่จ๋าจะไม่ปล่อยให้ตัวเองถูกรังแกหรอกค่ะ ดูแลน้องดี ๆ นะ เดี๋ยวแม่มารับช่วงบ่ายนะคะ”
“อืม” อันหยางปล่อยมือออกจากแม่ของตน ก่อนจะจับมือหน่วนหน่วนและเดินเข้าไปในโรงเรียน
เธอยืนดูพวกเขาเข้าไป ก่อนที่ตัวเองจะออกไป จากที่นี่ไปถึงบริษัทจิ่งไม่ได้ไกลมากเท่าไร เธอจึงขับรถมาถึงอย่างรวดเร็ว แต่เมื่อมาถึงเธอกลับเห็นโอวหยางลี่ยืนอยู่หน้าตึกของบริษัทจิ่งอย่างคาดไม่ถึง
เขามาที่นี่ทำไมกัน?
เดิมทีเธอต้องการที่จะจอดรถไว้ด้านนอก เพียงแต่ว่าเมื่อเธอเห็นแบบนั้นก็รีบเอารถลงไปจอดไว้ที่ชั้นใต้ดินทันที
เมื่อเธอขึ้นมายังห้องทำงาน ฉีเซิงเทียนก็เดินเข้ามาข้างใน ก่อนจะเหลือบมองไปที่เธอและเอ่ยว่า “รินกาแฟให้หน่อยหนึ่งแก้ว เอาไปส่งที่ห้องประชุมนะ” เมื่อพูดจบเขาก็เดินออกไป
เป็นไปได้ว่าคนในห้องประชุมอาจจะเป็นคนที่เธอเห็นอยู่ที่ด้านนอก ‘โอวหยางลี่’ คนนั้น บริษัทจิ่งดูแลบริษัทเห่อได้ไม่นานเท่าไร ผลิตภัณฑ์ใหม่ยังไม่ทันวางขาย โอวหยางลี่ก็มาที่บริษัทจิ่งแบบนี้ เขาคิดจะทำอะไรกันแน่?
เมื่อคิดถึงเรื่องคืนก่อนที่บังเอิญเจอกับเขา เธอก็คิดว่าครั้งนี้ที่โอวหยางลี่มาอาจจะเป็นเพราะตัวเธอก็เป็นไปได้
เธอหวังว่าเธอจะคิดผิดนะ
เธอเปิดประตูห้องประชุมเข้าไป พร้อมกับนำกาแฟเข้าไปเสิร์ฟ ใบหน้าที่ซีดเซียวของเธอนั้นเมื่อแสดงรอยยิ้มช่างดูขนลุกและน่ากลัวพอสมควร “ประธานโอวหยาง เชิญค่ะ”
โอวหยางลี่เงยหน้าขึ้นมองไปยังดวงตาของเธอ ดวงตาที่อยู่ภายใต้แว่นกรอบสีทองนั้นแอบคล้ายโหรวโหรว แต่โหรวโหรวไม่น่าจะเป็นแบบนี้ ถึงแม้ว่าเธอจะหายไปถึงห้าปี แต่ก็คงไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนไปขนาดนี้ หรือว่าจะจำเป็น? จำเป็นต้องแต่งหน้าตัวเองให้กลายเป็นขี้เหร่แบบนี้?
“ฉันได้ยินว่าก่อนหน้านั้นเธอเป็นหัวหน้าแผนกวางแผนของพวก TE ตอนที่อยู่ TE เคยรู้จักกับคนที่ชื่ออันโหรวหรือเปล่า?” เขาได้ตรวจสอบข้อมูลของเธอมาบ้าง แต่ข้อมูลของเธอนั้นก็มีอยู่น้อยนิดจนน่าเสียดาย
จะต้องมีใครสักคนที่ช่วยเธอปกปิดข้อมูลแน่ ๆ แต่ไม่รู้ว่าคนคนนั้นจะเป็นจิ่งเป่ยเฉินหรือว่าใครกัน
“ฉันเคยได้ยินชื่อนี้มาก่อนนะคะ ทั้งยังได้ยินว่าผู้หญิงคนนี้เคยเป็นแฟนสาวของประธานโอวหยาง แต่ว่าตอนนี้ประธานโอวหยางแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่นไปแล้ว ยังไปถามหาแฟนเก่าทำไมเหรอคะ? หรือว่าประธานโอวหยางยังคิดถึงเธออยู่กัน” น้ำเสียงของเธอดูสงบนิ่ง เพียงแต่ช่วงท้ายยังคงเน้นเสียงให้ดังขึ้น แฝงไปด้วยความประชดประชัน
ทันใดนั้นโอวหยางลี่ก็ลุกขึ้นจากโซฟาและเดินไปข้างหน้าเธออย่างรวดเร็ว อันโหรวเมื่อเห็นดังนั้นก็ไม่ได้รีบที่ถอยหลังไป “ประธานโอวหยางคิดจะทำอะไรคะ?”
โอวหยางลี่ตอนนี้เริ่มมีอารมณ์ดุเดือด ทันใดนั้นข้อมือของเธอก็ถูกเขาจับไว้แน่น ดวงตาของเขาจับจ้องไปที่เธอราวกับจะมองให้ทะลุผ่าน “บอกฉันมา เมื่อคืนก่อนเธออยู่ที่ไหนกัน?”
“อะ ทำไมฉันต้องตอบคำถามของประธานโอวหยางด้วย ที่นี่คือบริษัทจิ่ง! ไม่ใช่บริษัทอุตสาหกรรมโอวหยางนะคะ!” เธอพยายามบิดข้อมือของตัวเองออก แต่เขากลับจับมันแน่นขึ้น เธอจึงกระแทกเท้าของเธอลงไปบนหลังเท้าของเขาทันที
โอวหยางลี่ปล่อยมือของเธอออกด้วยความเจ็บปวด แต่สายตาของเขายังคงไม่ละจากเธอ “ที่แท้เธอคือโหรวโหรวสินะ ถึงได้ดูโกรธฟัดเฟียดขนาดนี้!”
เมื่อโอวหยางลี่กำลังจะเดินเข้าไปหาเธออีกครั้ง ทันใดนั้นประตูห้องประชุมก็ถูกเปิดออก จิ่งเป่ยเฉินเดินเข้ามาอย่างใจเย็น ก่อนจะเหลือบมองดูโอวหยางลี่ด้วยดวงตาสีดำสนิทของเขา “ภรรยาของประธานโอวหยางทำให้คุณพอใจไม่ได้อย่างนั้นเหรอ ถึงได้วิ่งมาบริษัทจิ่งเพื่อหยอกล้อกับหัวหน้าเลขาของผมแบบนี้ หรือว่าผม จิ่งเป่ยเฉินคนนี้ไม่มีตัวตนอยู่ คุณถึงได้มองข้ามไป?”
ประโยคสุดท้ายนั้นทำให้อันโหรวรู้สึกถึงความโกรธของเขาอย่างเห็นได้ชัด โอวหยางลี่ตีหน้าสงบนิ่ง ก่อนจะเดินไปทางจิ่งเป่ยเฉินและพูดว่า “ประธานจิ่ง”
จิ่งเป่ยเฉินเหลือบมองไปยังข้อมือของอันโหรว ก่อนจะพบรอยแดงบนจุดที่โอวหยางลี่จับมันไว้อย่างแน่นหนาเมื่อครู่
สายตาของเขาที่มองไปยังโอวหยางลี่ยิ่งดูห่างเหินมากขึ้น ก่อนจะเผยความเย็นชาที่แฝงไว้ด้วยความกดดันที่รุนแรง
“แน่นอนว่าไม่ ประธานจิ่งคุณเข้าใจผิดแล้ว ผมแค่คิดว่าเลขาของประธานจิ่งดูคล้ายกับเพื่อนเก่าผม” เมื่อโอวหยางลี่เห็นจิ่งเป่ยเฉินก็รีบกลับมาทำท่าทางปกติ หนำซ้ำยังดูอ่อนโยนขึ้นผิดหูผิดตา
รอยยิ้มบาง ๆ บนใบหน้าของเธอแตกต่างจากรูปลักษณ์ของอันโหรวอย่างสิ้นเชิง ถ้าหากไม่ได้เห็นด้วยตาตัวเอง เธอก็คิดว่าพวกเขาไม่มีทางรู้ได้แน่ว่าคนที่อยู่ตรงหน้าเป็นคนเดียวกัน
“เพื่อนเก่า?” จิ่งเป่ยเฉินนั่งลงบนโซฟา คิ้วที่หล่อเหลาของเขาขมวดราวกับกำลังใช้ความคิด เมื่อเห็นโอวหยางลี่นั่งลงตรงข้าม จึงพูดต่อไปว่า “ทำไมผมจำไม่ได้ว่าประธานโอวหยางมีความเพื่อนเก่าแบบนี้ด้วย”
“ประธานจิ่งหรือว่าจะจำโหรวโหรวไม่ได้? ห้าปีก่อนนั้นก็เป็นประธานจิ่งที่พาเธอหนีออกไป” หรือว่าเขาจะไม่คิดว่าเลขาของเขานั้นดูคล้ายโหรวโหรว? โอวหยางลี่เงยหน้าและพูดขึ้น ก่อนที่จะเหลือบสายตามองไปยังเธอ เพราะดวงตาที่เขาเห็นมันคล้ายกันมากจริง ๆ
มันมีความบริสุทธิ์ที่ปราศจากพวกสิ่งสกปรก
จิ่งเป่ยเฉินเค้นเสียงหัวเราะเย็นชา ก่อนจะส่ายหน้าไปมาไม่หยุด “ประธานโอวหยาง ก่อนหน้านั้นห้าปีก่อนมีปัญหาเรื่องสายตาหรือยังไง หลังจากที่ผ่านมาหลายปีไม่ได้คิดจะไปรักษาบ้างเลย เธอคนนี้มีตรงไหนที่เหมือนกับโหรวโหรวกัน?”
โอวหยางลี่หันหน้าไปมองเธออีกครั้ง แต่เธอก็ได้เดินออกไปข้างนอกแล้ว หรือว่าจะไม่ใช่จริง ๆ?
จิ่งเป่ยเฉินเองก็รู้จักอันโหรวมานาน มันไม่น่าเป็นไปได้ที่จะมาอยู่ข้างกายเขา อีกทั้งเขาไม่รู้เลยว่าเลขาของเขาก็คืออันโหรว เมื่อคืนก่อนเขาได้เห็นเธอ ใบหน้าและคิ้วที่งดงามนั้นน่าประทับใจมาก ซึ่งแตกต่างจากภาพลักษณ์ของอันอีหานในตอนนี้อย่างสิ้นเชิง
ดูท่าเขาจะเป็นบ้าจริง ๆ ที่คิดว่าเธอคือโหรวโหรว
แต่ไม่ว่ายังไงก็ตาม เธอก็กลับมาแล้ว เขาจะต้องหาเธอให้พบให้ได้
โอวหยางลี่ไม่ได้คิดเกี่ยวกับอันโหรวอีกต่อไป ก่อนจะเริ่มพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องธุรกิจว่า “ที่จริงวันนี้ที่ผมมาที่นี่ก็เพื่อหารือเกี่ยวความร่วมมือภาคธุรกิจกับประธานจิ่ง การที่บริษัทจิ่งเข้าซื้อกิจการของสกุลเห่อได้ไม่นาน เพียงแต่ว่าสกุลเห่อเป็นสกุลที่ผลิตหยกผลิตภัณฑ์ ซึ่งช่องทางการค้าขายนี้ก็ไม่มี แต่ถ้าหากพวกเราร่วมมือกันละก็ จะต้องเอาชนะตลาดพวกนี้ได้แน่! ประธานจิ่งคิดเห็นว่ายังไง?”
ความคิดในการชักจูงธุรกิจของเขานั้น โอวหยางลี่ช่างเป็นคนที่หาญกล้าเสียจริง ๆ
ด้วยมุมสายตา เขาเห็นอันโหรวถือถ้วยกาแฟมาให้อีกแก้ว จิ่งเป่ยเฉินจึงเริ่มเอ่ยปากบ้างว่า “ใครบอกว่าผมจะไม่ทำกัน”