ตอนที่ 195 ละครฮอตฮิตในฮอลลีวูด
สื่อของตระกูลถังเพิ่งมีภาพยนตร์เรื่องฮิตในฮอลลีวูดโดยผู้กำกับเกาเซิน ขณะที่เธอนัดไปเจอถังซั่ว เขากลับมาช่วยอันอีหานโดยไม่แคร์สายตาของเธอ
“เธอ….” เกาเซินหันไปมองเธออย่างจริงจังพร้อมขมวดคิ้ว “เธอเป็นใคร? เราเคยเจอกันด้วยเหรอ? ขอโทษทีนะฉันความจำไม่ค่อยดีเท่าไร แต่ถ้าเป็นผู้หญิงสวย ๆ ฉันจำได้แม่นแน่ ๆ”
“เกาเซิน นายมองหน้าฉันชัด ๆ ฉันถังซือเถียนน้องสาวของถังซั่วไง!” เธอจ้องมองเขาอย่างไม่ละสายตา เป็นแค่ผู้กำกับ ไม่คิดว่าจะกล้าทำกับเธอแบบนี้
“ขอโทษทีนะ ฉันมองไม่เห็นเธอ” เกาเซินมองหน้าเธอนิ่ง ก่อนจะเดินตามอันโหรวออกไป
“ไปเถอะ! ไม่ใช่สุนัขทุกตัวที่พวกเราจะสนใจมัน ไม่งั้นไม่ต้องทำอะไรกันพอดี!”
“และก็มีสุนัขบางประเภทที่น่ารำคาญ” อันโหรวตอบเสริม
ถังซือเถียนมองพวกเขาเดินออกไปอย่างหัวเราะชอบใจ สายตาของเธอที่มองไปแทบอยากจะเอาลูกศรมาแทงทั้งคู่
น่าเสียดายที่เธอทำได้แค่มองพวกเขาอย่างชั่วร้าย ก่อนจะเดินออกไปจากห้องสตูดิโอ
มีเกาเซินคอยช่วยเหลือ ทำให้การถ่ายงานวันนี้ผ่านไปอย่างราบรื่น เหอเฉ่าและเขาทำงานร่วมกันได้ดี เหอเฉ่าได้รับคำชมไม่หยุดปาก กระทั่งรับปากให้เธอร่วมแสดงภาพยนตร์เรื่องล่าสุดด้วย
ทันทีที่ถ่ายงานเสร็จก็เป็นเวลาบ่ายสองโมง เธอและเกาเซินออกไปกินข้าวด้วยกัน ส่วนคนอื่นก็กินข้าวกล่องและกลับไปทำงานของตัวเอง
ที่ร้านอาหารซิวชือชั้นสอง
อันโหรวยังคงพูดด้วยเสียงแหบแห้ง พลางยื่นน้ำส้มให้เขา “วันนี้ขอบคุณนายมากเลยนะ ฉันจะบอกจิ่งเป่ยเฉินให้ตอบแทนหนัก ๆ เลย ไม่น้อยกว่าเจียงหลิวแน่นอน”
“พูดถึงพวกนั้นทำไมกัน จิ่งเป่ยเฉินจะให้ฉันเท่าไร เธอก็ให้หยางหยางกับหน่วนหน่วนเถอะ ถือว่าฉันซื้อของเล่นให้!” เกาเซินถือแก้วไวน์ขึ้นมาชนแก้วเธอ
“ของเล่นเด็ก ๆ เยอะแล้ว” เธอวางแก้วน้ำลง ก่อนจะหยิบตะเกียบและมองเขา “กินข้าวกันเถอะ! หิวจะแย่แล้ว!”
เกาเซินไม่รอช้า วันนี้เขาวุ่นตั้งแต่เช้า รู้สึกหิวมากจริง ๆ
หลังจากที่กินข้าวเสร็จ เกาเซินก็ไม่ได้รีบร้อน เขาค่อย ๆ เช็ดปากอย่างช้า ๆ พลางมองเธอและหัวเราะออกมา “ถังซือเถียนกับเธอไม่ถูกกันงั้นเหรอ?”
“นายไม่ได้บอกว่าไม่รู้จักเธอเหรอ?” อันโหรววางกระดาษทิชชูลง ก่อนหน้านี้ถังซือเถียนบอกจะเรียกเขามา เธอคิดว่าทั้งสองคนน่าจะรู้จักกันแม้ความสัมพันธ์จะไม่ได้ลึกซึ้งก็ตาม
“ภาพยนตร์เรื่องใหม่ที่ติดต่อมาเมื่อเร็ว ๆ นี้คือของตระกูลถัง เคยเจอกันหนึ่งครั้ง ไม่ถือว่ารู้จักหรอก” เขายอมไม่รู้จักจะดีกว่า
แต่หลังจากวันนี้ ไม่แน่ว่าตระกูลถังอาจจะไม่เซ็นสัญญากับเขาแล้ว หากถังซั่วได้ยินเรื่องนี้จากถังซือเถียนละก็ คงไม่ต้องการร่วมงานกับเขาแน่ ๆ
“เดี๋ยวก่อน นิ้วของเธอสวมแหวน เกิดอะไรขึ้น?” เขาที่เพิ่งนึกขึ้นได้เอ่ยถามทันที
อันโหรวตอบอย่างเลี่ยงไม่ได้ “เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหา นายก็รู้ว่าฉันเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว สวมแหวนมันสะดวกกว่า”
ทันใดนั้นเกาเซินก็นึกถึงฉีหยวนหยางโรคจิตนั่น โชคดีที่เป็นเรื่องหลอก ถ้าเกิดเป็นเรื่องจริง เขาจะกลับประเทศโดยทันที!
“ใช่สิ” ดูท่าทางของเธอไม่เหมือนคนพูดโกหก สำหรับฉีหยวนหยางที่โกรธเรื่องนั้น เขาก็ไม่อยากทำ
“งั้นพวกเราไว้ค่อยเจอกันใหม่ ฉันต้องไปทำงานต่อ ไปก่อนนะ ส่วนถังซือเถียน……” อันโหรวหยิบกระเป๋าจากด้านข้าง “ไม่ต้องไปสนใจเธอ”
จิ่งเป่ยเฉินไม่ได้สนใจเธอหรือใส่ใจเธออยู่แล้ว เธอก็หน่ายจะพูด ไม่อยากเสียเวลาไปกับคนที่ไม่ได้เป็นคู่แข่งด้วยซ้ำ
“โอเค ฉันเชื่อเธอ” เกาเซินลุกขึ้นเดินลงไปชั้นล่างพร้อมกับเธอ
……
ทันทีที่อันโหรวถึงบริษัทจิ่งก็ถูกจิ่งเป่ยเฉินเรียกเข้าไปในห้องทำงาน
เธอหยิบแฟ้มเอกสารบนโต๊ะเข้าไปด้วย เมื่อจิ่งเป่ยเฉินได้ยินเสียงฝีเท้าเข้ามาในห้องก็เงยหน้าขึ้นมองเธอ สายตาเขาจ้องมองไปที่หน้าอกของเธอทันที
วันนี้มีคนจำนวนไม่น้อยในสตูดิโอ เขารู้อยู่แล้วว่าเธอถูกถังซือเถียนสาดน้ำใส่
“ฉันไม่เป็นไรค่ะ!” เธอรีบเอ่ยปากพูดและวางเอกสารลงบนโต๊ะ ก่อนจะพูดเสริมอีกว่า “นอกเสียจากว่าคุณจะสนใจเธอ”
เขาไม่รีบร้อนที่จะเซ็นเอกสาร แต่เขากลับเริ่มสนใจเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้กลับไม่เรียกเขาให้ไปช่วย “รู้จักเกาเซินได้ยังไง?”
เมื่อเธอได้ยิน แม้แต่เกาเซินเขาก็หึงงั้นเหรอ?
เธออธิบายให้เขาฟังว่าพวกเขารู้จักกันได้อย่างไร เธอพูดทุกอย่าง ยกเว้นเรื่องที่เขาหยอกล้อเธอกับฉีหยวนหยาง
“เป็นเพื่อนกันงั้นเหรอ?” จิ่งเป่ยเฉินสรุปประโยคสุดท้าย ก่อนจะก้มหน้ามองไปที่เอกสารและหยิบปากกาเตรียมเซ็นชื่อ
เธอที่กำลังคลายกังวล จู่ ๆ เขาก็พูดขึ้นว่า “แม่ของฉันอาจจะโทรหาเธอ”
“อีกสักครู่ฉันจะโทรศัพท์ไปหาท่านเองค่ะ” เธอเกือบลืมเรื่องนัดบอดทั้งสิบสองราศีของจิ่งเป่ยเฉินเมื่อคืนนี้ไปแล้ว
อ๋อ คู่ของเขาเมื่อคืนคือสิบสองนักษัตร
เมื่อได้ยินคำตอบของเธอ เขายังคงเซ็นเอกสารอย่างไม่วางมือ “ไม่ต้องแล้ว”
ไม่ต้องสิยิ่งดี เธอยังไม่ทันได้คิดคำพูดหลอกเขา
“ประธานจิ่งคะ คืนนี้ไปนัดบอด ผู้ใต้บังคับบัญชาคนนี้ขอไม่ไปได้ไหม?” เธอวางแผนว่าหลังจากที่เขาเซ็นเอกสารทุกอย่างเรียบร้อย เธอก็จะไปรับหยางหยางและหน่วนหน่วน เพราะเมื่อคืนเธอไม่ได้กลับไปหาลูก ๆ ของเธอ เธอคิดถึงลูก ๆ
“ในฐานะเลขานุการเรื่องนี้ถือเป็นความรับผิดชอบของคุณที่จะต้องแบ่งเบาภาระของประธาน” เขายกปากกาขึ้นก่อนที่จะเสียบมันกลับไปที่เดิม
“ค่ะ ฉันจะรีบโทรศัพท์หาคุณนายจิ่งบอกว่าคืนนี้คุณยุ่ง ไม่มีเวลาไปนัดบอด” เขาไม่ได้อยากไปนัดบอดตั้งแต่แรก ไม่คิดจะปฏิเสธเองหน่อยเหรอ?
“อืม ออกไปเถอะ!” จิ่งเป่ยเฉินปล่อยเธอไปอย่างเมตตา
เธอหยิบเอกสารจากบนโต๊ะและหันกลับออกไปจากห้องทำงาน
หลังจากที่เก็บเอกสารเรียบร้อย เธอก็ออกจากบริษัทจิ่งทันที
“หานหาน! หานหาน!” อันโหรวเดินออกไปได้ไม่กี่ก้าวก็ได้ยินเสียงเรียกเธอจากด้านหลัง เมื่อหันกลับไปมองก็เห็นฮั่วตงวิ่งเข้ามาพลางตะโกนเรียกเธอ
ภาพในคืนนั้นลอยมาทันที เธอรีบเดินกลับเข้าไปในบริษัทจิ่ง เธอถูกไล่ตามอย่างน่ากลัว
แต่เธอเดินหนีไปไม่กี่ก้าวก็นึกขึ้นได้ เธอแต่งหน้าอยู่นี่!
เธอจึงเดินตรงไปที่รถและหันกลับมามองฮั่วตง ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงแหบแแห้งว่า “คุณผู้ชาย คุณทักผิดคนแล้ว!”
ฮั่วตงจ้องใบหน้าของเธออย่างชัดเจนและฟังเสียงที่แหบของเธอ เขาผงะถอยหลังเล็กน้อย “หุ่นของพวกเธอสองคนเหมือนกันมากเลย เห็นเงาก็นึกว่าเป็นเธอซะอีก!”
อันโหรวไม่สนใจเขา เธอรีบเปิดประตูรถและขึ้นไปทันที ก่อนจะสตาร์ทรถและขับรถออกไปจากบริษัทจิ่งอย่างรวดเร็ว ทันทีที่ขับมาถึงหน้าประตูทางออกบริษัทก็ถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยกั้นไว้
ช่วงนี้ฮั่วตงมีเรื่องอื้อฉาวอยู่ทุกวัน เขาอาจจะมาหาจิ่งเป่ยเฉิน แต่ก็อาจจะมาหาหลินจือเซี๋ยวด้วย
จู่ ๆ รถของเธอก็เข้าจอดที่ข้างถนน เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาหลินจือเซี๋ยว แต่กลับไม่มีคนรับ เธอโทรศัพท์อยู่หลายครั้งกว่าปลายสายจะกดรับ
เมื่อได้ยินคนรับสาย เธอก็โล่งอกและรีบพูดขึ้นว่า “จือเซี๋ยว ฮั่วตงอยู่ด้านล่างบริษัท ตอนเธอออกมาระวังตัวด้วยนะ ฉันกลัวว่าเขาจะมาคิดบัญชีกับเธอ”
“ไม่ต้องห่วง เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยไม่ธรรมดาอยู่แล้ว ยิ่งตอนนี้เขาโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ มาหาฉันจะมีประโยชน์อะไร เขามาหาบิ๊กบอสต่างหาก!” เธอเป็นแค่พนักงานคนหนึ่งเท่านั้น ไม่ได้มีความสามารถอะไร