ตอนที่ 43 หากคิดจะกลับมา ก็คงกลับมานานแล้ว
“ฉันซื้อให้เธอเอง เรื่องพวกนี้ฉันเองก็จะเก็บมันไว้ให้มิด เพียงแต่ว่า หลังจากนี้เธอกับประธานจิ่งจะต้องรักษาระยะห่างเข้าไว้ด้วยล่ะ ไม่แน่ว่าภายหลังเขาอาจจะจำเธอในเรื่องค่ำคืนที่เกิดขึ้นก็ได้นะ….” หลินจื่อเซี๋ยวตบไหล่ของเพื่อนสนิทตนเอง ก่อนจะส่ายหัวไปมา ดูท่าทางราวกับกำลังขอพรกับตัวเอง
อันโหรวเองก็พนมมือ ก่อนจะอธิษฐานสู่สวรรค์ว่าโปรดเมตตาเธอด้วย
ภายในห้องที่โรงแรมไค่ฮั่วสุดพิเศษ
แสงแดดสาดส่องเข้ามาตามช่องว่างของผ้าม่าน แสงนั้นกระทบเข้าไปที่เปลือกตา ของชายที่นอนกำลังนอนอยู่บนเตียงที่จะพยายามตื่นขึ้นมา
ผลสืบเนื่องมาจากความมึนเมาจนทำให้รู้สึกปวดหัวจนแทบจะแตกออกมาเป็นเสี่ยงๆ ในความงุนงงกับฤทธิ์ของการเมาค้าง เหมือนมันจะทำให้เขาเห็นว่าอันโหรวนั้นกลับมาแล้ว
จิ่งเป่ยเฉินเอามือลูบไปที่ข้างๆที่นอน ก็พบว่ามันดุว่างเปล่า ไม่มีแม้แต่ร่องรอยกระทั้งอุณภูมิอุ่น หรือว่าที่เขาสัมผัสได้ในครานั้นจะเป็นเพียงแค่ฝันไปเท่านั้น? แต่ถ้าหากนี่เป็นเพียงความฝัน ภาพที่ร้อนแรงและน่าหลงใหลช่วงเมื่อคืน มันก็พลันปั่นป่วนภายในหัวใจของตัวเองยังงั้นเหรอ? รอยย่นบนผ้าปูที่นอนเองก็ดูยับยู่ยี่มันช่างคล้ายสมจริงเกินไปแล้ว
ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูดังขึ้น
ก่อนที่จะมีเสียงกู่ร้องประหนึ่งคำสั่งของฉีเซิ่งเทียนที่แฝงไปด้วยอารมณ์
“จิ่งเป่ยเฉิน!!!” เสียงที่หน้าประตูเองคล้ายกับหมิ่นลี่มากนัก
จิ่งเป่ยเฉินขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย ก่อนที่จะลุกขึ้นเตรียมที่จะหยิบเสื้อผ้าขึ้นมาใส่
ที่ด้านนอกประตู ฉีเซิ่งเทียนแทบจะอดทนไว้ไม่ได้ เขาแนบหูฟังที่ประตู เพื่อฟังดูว่ามีการเคลื่อนไหวอะไรรึเปล่า แต่มันก็กลับเงียบดูเหมือนไม่มีอะไรเคลื่อนไหวข้างใน เขาก็พลางถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง ก่อนจะหายเข้าใจลึกๆ ก่อนที่จะกำลังจะทุบประตูอย่างรุนแรง ไม่ช้าเท่าไหร่นักประตูก็เปิดออกมากระแทกเข้าไปที่ตัวเขาเต็มๆ
“ทำไมเสื้อผ้านายถึงเปียกแบบนี้ได้ล่ะ?” ดวงตาของฉีเซิ่งเทียนจ้องมองออกไป ก่อนที่เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เพิ่มขึ้นอีก
“เมื่อคืนฉันเห็นโหรวโหรว”
จิ่งเป่ยเฉินขมวดคิ้วขึ้นอีกครั้ง ด้วยความรู้สึกที่ทนไม่ได้ภาพกับลวงตาที่คล้ายกับเวทย์มนต์ เมื่อนึกถึงเมื่อคืน เขาก็พลันทำท่าแสดงความอ่อนโยนออกมา
ด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาที่แฝงไปด้วยความอ่อนโยนนั้น มันอดไม่ได้ที่ฉีเซิ่งเทียนจะรู้สึกแปลกๆ เมื่อมองดูไปที่พี่ชายตนเดินเข้าไปในห้อง เขาก็ย่องเดินตามเข้าไปทันที
“อันโหรวเหรอ? เป็นไปไม่ได้! เมื่อคืนเห็นได้ชัดว่าเป็นอันอีหาน หญิงสาวจากแผนกวางแผนที่หน้าตาอัปลักษณ์เช่นนั้น เธอพานายมาส่งที่นี้นะ!” ฉีเซิ่งเทียนที่กำลังคิดจะก้าวเดินต่อไปนั้น ก็พลางหยุดชะงักลง เมื่อสัมผัสไปยังดวงตาที่แสนเย็นชาของจิ่งเป่ยเฉิน เขาก็รู้สึกหดหู่เล็กน้อย
นี่มันไม่ใช่สิ่งที่ควรจะถลำลึกจนเกินไปสินะ….
“นี่นายหิวจัดขนาดนั้นเลย? เมื่อคืน นายก็ยังจับมืออันอีหานและพาเดินออกไป พวกเราทุกคนต่างก็เห็นด้วยตาตัวเองทั้งนั้น”
“ไม่ใช่อันอีหาน เป็นโหรวโหรว ฉันเห็นเธอนะ”
“นายเมาแล้วต่างหาก ฝันลมๆแล้งหรือยังไง?” เมื่อพูดถึงจุดนี้ ฉีเซิ่งเทียนก็ตกตะลึง ยืนแข็งทื่อไปหมด อีกอย่างจมูกของเขานั้นก็ได้กลิ่นที่ดูคลุมเครือลอยฟุ้งอยู่ในอากาศ
หลังจากที่ร่วมบทรักกันมานาน เขาเองก็ไม่รู้ว่ากลิ่นนั้นมันคืออะไรกันแน่….
“นี่พี่ชาย นายคงไม่ใช่นอนกับอันอีหานบนเตียงหรอกนะ? แย่ล่ะสิ เธอมีสามีแล้วนะ ทั้งยังมีลูกสองคนอีก!” เขาทุบไปที่หน้าอกของตัวเอง ราวกับว่าจะมีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้นเสียแล้ว
จิ่งเป่ยเฉิน ขมวดคิ้วและเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำไปอย่างราบเรียบ “เมื่อคืนเป็นโหรวโหรว นอกจากเธอแล้ว ฉันไม่มีทางแตะต้องผู้หญิงคนไหนนอกจากเธอ”
“ฉันจะโทรศัพท์ไปตรวจสอบดูหน่อยก็แล้วกัน” ฉีเซิ่งเทียนถอนหายใจเฮือกหนึ่ง ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ออกมา ภายในใจนั้นเต็มไปด้วยความกังวล
ทันทีที่กำลังจะโทรศัพท์ไปนั้น จู่ๆก็มีมือใหญ่มือหนึ่งยื่นออกไปแย่งคว้าโทรศัพท์
จิ่งเป่ยเฉินเม้มริมฝีปากแน่น ไม่พูดจาอะไรสักคำ เหมือนกับว่ารออะไรบางอย่างอยู่
“จิ่งเป่ยเฉิน! นายแย่งโทรศัพท์ฉันไปทำไม!” ฉีเซิ่งเทียนส่งเสียงกระหือกระรือออกมาแต่เสียงนั้นกลับถูกอันโหรวได้ยินหมด
สายโทรศัพท์แปลกๆที่กำลังรับ ปรากฎรายชื่อไปที่โทรศัพท์ของฉีเซิ่งเทียน แต่ตอนนี้จิ่งเป่ยเฉินกลับได้รับสายแทน
ไม่นาน เธอก็กระแอมกระไอสองสามครั้ง ก่อนจะใช้เสียงที่แหบปกติดังเดิม “ประธานจิ่ง มีอะไรเหรอค่ะ?”
“เมื่อคืน เป็นเธอ?”
เป็นเธอยังงั้นเหรอ?
เสียงที่ไม่ชัดดังออกมาจากโทรศัพท์ ทำให้หูของเธอนั้นร้อนฉา
อันโหรวหัวใจกลับเต้นรุนแรง และเอ่ยขึ้นไปว่า “คุณพาฉันไปยังชั้นที่สิบห้า จากนั้นฉันก็ส่งคุณแล้วก็ออกไปเลย ทำไมเหรอค่ะ เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”
“ไม่มีอะไร ไว้เจอกันที่บริษัท ไว้มาที่ห้องทำงานหาผมด้วย”
“ประธานจิ่ง วันนี้ฉันขอลานะคะ พอดีต้องพาลูกๆทั้งสอง…และก็สามีของฉัน”
จิ่งเป่ยเฉินรับรู้ถึงเจตนาเธอดี ก่อนจะหยุดพูดไปชั่วคราวและเอ่ยออกไปว่า “อืม”
เมื่อวางสายโทรศัพท์ไป ฉีเซิ่งเทียนก็แย่งโทรศัพท์ของเขากลับ
“อันอีหาน ไม่ใช่อันโหรว นายจะดิ้นรนอะไรอยู่กันแน่? ตามหามาแล้วห้าปี หากคิดจะกลับมา ก็คงกลับมานานแล้ว
….
ตอนที่ 44 ปล่อยแม่จ๋าของฉันนะ
“ธุระของฉัน นายไม่ต้องสนใจหรอก” จิ่งเป่ยเฉินหยิบชุดสูทที่พนักงานโรงแรมนำมามอบให้ ไม่ว่าฉีเซิ่งเทียนจะมองเห็นเขาถอดเสื้อผ้าหรือเปลี่ยนเสื้อผ้าอะไรก็ตามเขาก็ไม่สนใจ
ฉีเซิ่งเทียนมองไปยังแผ่นหลังที่กว้างขวางของจิ่งเป่ยเฉิน ก็สังเกตเห็นถึงรอยแดงๆ และรู้ได้แน่ชัดว่า นั้นเป็นรอยเล็บขีดข่วนของผู้หญิง….
เหอะเหอะ ดูเหมือนว่าเมื่อคืนน่าจะเกิดเรื่องดุเดือด เกิดขึ้นจริงๆ
“วันนี้ฉันตั้งใจมาเร็วหน่อย เพื่อจะบอกกับนาย ว่าตอนเช้าได้ตรวจสอบไปแล้ว อันโหรวได้ทำงานอยู่ที่กลุ่มTE แผนกวางแผนของประเทศอังกฤษ”
จิ่งเป่ยเฉินหยุดผูกเน็คไทที่คอ ดวงตาของเขาพลันกลับมืดมิดอีกครั้งนึง เป็นTEอีกแล้ว…
“ไม่แน่ว่าบางที อันอีหานอาจจะรู้จักกับเธอ ถ้าหากนายนอนหลับกับอันอีหานจริงๆ ปัญหาได้เกิดขึ้นแน่ๆ….”
“ส่งตั๋วเครื่องบินไปอังกฤษที่ไวที่สุดโดยเร็วให้ที”
ฉีเซิ่งเทียนไม่ได้พูดอะไรมากมาย กลับกันเขากลับเดินไปที่ด้านหลัง
เฮ้อ จิ่งเป่ยเฉินนะจิ่งเป่ยเฉินความคิดกับตื้นเขินเวลาอยู่กับผู้หญิง เพื่อผู้หญิงคนเดียว ถึงขนาดยอมให้ตัวเองเป็นบ้าถึงเพียงนี้
อีกด้านหนึ่ง หลินจื่อเซี๋ยวมองไปยังอันโหรวที่กำลังกินยา หัวใจที่หนักอึ้งถูกปล่อยออกมาชั่วคราว
“จื่อเซี๋ยว วันนี้ฉันต้องพาเด็กสองคนออกไปเล่นหน่อย ส่วนเรื่องขอลาฉันลาแล้วนะ”
“ได้อยู่แล้วล่ะ ผ่อนคลายเข้าไว้ ดูแลตัวเองด้วย อย่าแต่งตัวเป็นผู้หญิงแก่ๆมากนักล่ะ เป็นตัวของตัวเองเข้าไว้”
“ได้!”
ช่วงขณะที่ อันหยางกับจับมืออันหน่วนออกจากห้องมานั้น ใบหน้าที่เล็กๆเผยรอยยิ้มที่หาได้ยากจากใบหน้าที่แสนเย็นชาปกตินัก
“แม่จ๋า แม่จะพาผมกับน้องสาวออกไปเล่นข้างนอกเหรอ?”
“ใช่แล้วจ้ะ ดีใจไหม? เมื่อคืนลูกไม่ค่อยได้นอนหลับสบายด้วย พวกเราเลยคิดจะผ่อนคลายกันหน่อย พวกเรารอหนูนอนหลับให้เต็มอิ่มก่อนแล้วเราค่อยไปดีไหมค่ะ”
อันหน่วนสะดุ้งขึ้นมาเล็กน้อย “ไม่เอาค่ะ หนูอยากออกไปตอนนี้เลย หนูจะได้เปลี่ยนเป็นชุดเจ้าหญิงตัวโปรดที่หนูชอบ ส่วนพี่ชายก็สวมใส่แว่นกันแดดสุดเท่ไปเลย”
“พี่ไม่ใส่หรอก”
แต่อันโหรวกลับหยิบแว่นกันแดดออกมาและสวมให้หยางหยางน้อย “สวมเถอะลูก”
แว่นตากันแดดที่สามารถปกปิดดวงตาได้ แน่นอนถ้าอยู่ที่อังกฤษ คงจำเป็นต้องระวังไว้หน่อย
อันหยางหยิบแว่นกันแดดออกมา พลางทำสีหน้าด้วยความสงสัย
“ข้างนอกมันร้อนนะคะ แถมวันนี้แดดก็ร้อนด้วย แม่จ๋าเองก็ใส่เหมือนกันนะคะ”
“แม่จ๋า แม่จะแปลงโฉมเป็นผู้หญิงที่สุดในโลกงั้นเหรอ!” อันหน่วนยิ้มไปยิ้มมาพร้อมทำดวงตาเบิกกว้าง และยิ้มออกมาเหมือนกับพระจันทร์เสี้ยว
นี่เป็นครั้งแรกที่อันโหรวตั้งแต่กลับมายังประเทศ เป็นครั้งแรกที่เธอแทบไม่ต้องแต่งหน้าอะไรมาก หลังจากออกมาแล้ว ลูกๆทั้งสองของเธอก็จูงมือเธอไปมา
เขาและลูกชายตัวน้อยต่างก็สวมแว่นกันแดดสีดำ พร้อมสวมหมวกเพื่อปกปิดแดด
ทั้งสามคน เหมือนกับว่าเป็นทิศทัศน์ที่สวยงาม กลายเป็นจุดสนใจของทุกคน
“สวยจังเลย น่ารักอีกด้วย ถ่ายรูปกัน!”
เสียงแชะแชะดังขึ้น ผู้คนหลากหลายคนต่างก็อดไว้ไม่ไหวหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ถ่ายรูป ราวกับว่าเห็นดาราดังออกมาเดิน
และไม่ทันคาดคิด อันโหรวรีบเรียกรถแท็กซี่ และพาลูกทั้งสองของเธอขึ้นไปโดยทันที
สิ่งที่เธอไม่คาดคิดก็คือ เมื่อผู้คนที่ถ่ายรูปของเธอไปแล้วนั้นกลับถูกใครบางคน อัพโหลดในอินเตอร์เน็ตด้วยหัวข้อที่ว่า :เด็กน้อยกับหญิงที่งดงามปรากฎตัว! หัวข้อนั้นกลับกลายเป็นที่นิยมอย่างรวดเร็วและถูกส่งต่อไปอย่างน่าตกใจ
ที่สวนสนุก
“พวกเรานั่งชิงช้าสวรรค์ด้วยกันไหม?”
อันหยางพยักหน้า “ตราบใดที่อยู่กับแม่จ๋า ทำอะไรก็ได้ทั้งนั้นครับ”
ทันใดนั้นเอง หัวใจของอันโหรวก็เผยความอบอุ่นขึ้น
“แม่จ๋า หนูหิวน้ำ อยากกินน้ำ” อันหน่วนดึงที่ชายเสื้อของเธอเบาๆ
“ได้จ้า ไปด้วยกันเถอะ” อันโหรวลูบไปที่ผมของลูกสาวเธอด้วยความนุ่มนวล
เพียงแต่เมื่อเธอหันมานั้น ก็ถูกใครบางคนจับตัวเอาไว้
อันหยางพลันมีสีหน้าตื่นตัวเต็มที่
“คนสวย ขอข้อมูลติดต่อหน่อยสิ”
เสียงของผู้ชายคนนั้นดังขึ้นเรื่อย ๆ คล้ายกับหมิ่นลี่ก็ไม่ผิด
อันโหรวมองเข้าไปใกล้ๆ ก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นเขานั้นเอง
ถนนหนทางนั้นชั่งคับแคบยิ่งนัก
“ปล่อยมือด้วยค่ะ”เธอขมวดคิ้วและเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
ไม่ว่าจะอะไรก็ตามแต่ ผู้คนก็ชอบมักจับข้อมือจริงๆ
หมิ่นลี่รู้ดีว่าตัวเองนั้นเมื่อชอบอะไรแล้ว ก็ยากที่จะปล่อยไป เขากลับจับมันมากขึ้น “คนสวย พวกเราเคยเจอกันมาก่อนรึเปล่า”
เหอะเหอะ เธอไม่เคยเห็นเขามาก่อนได้ยังไง ในเมื่อตอนนั้นก็พบกันมาแล้วในฐานะอื่น แบบนี้มันช่างดูโง่เง่าเสียจริงๆ!
“ปล่อยแม่จ๋าเดี๋ยวนี้นะ” เสียงของเด็กผู้ชายเอ่ยขึ้นออกมา ทั้งยังเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ดังมากขึ้น
“โอ้ะ มีลูกสองคนแล้วเหรอเนี่ย ทั้งยังเรียกว่าแม่จ๋า เป็นลูกของคุณจริงๆเหรอ?”
อันโหรวเอามือของหมิ่นลี่ออก และเอ่ยตอบกลับไปว่า “ถ้าไม่ใช่ฉันให้กำเนิด หรือว่าคุณให้กำเนิดขึ้นมาล่ะ?”
Related