ตอนที่ 53 ไปพบคุณลุงที่นิสัยไม่ดี
เวลาสองทุ่มยามเย็น ในที่สุดก็ไม่ง่ายเลยนักที่จะทำให้หน่วนหน่วนนอนหลับ ในที่สุดอันโหรวก็ไปหาหลินจือเซี๋ยวเพื่อพูดคุย
หลินจือเซี๋ยวกำลังนั่งรอเขาอยู่ที่ห้องนั่งเล่น เธอพยายามเปลี่ยนช่องทีวีบ่อยๆ และนั่งอย่างเหม่อลอย
ภายในวันนี้พบเจอเรื่องแต่ล่ะอย่าง ก็ล้วนชวนปวดหัวมากนัก
ทันทีที่อันโหรวออกมาจากห้อง ก็เห็นใบหน้าของหลินจือเซี๋ยวที่ดูอมทุกข์แปลกๆอย่างชัดเจน
เธอถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะนั่งลง และเอ่ยปากขอโทษเธอไป “จือเซี๋ยว หลายวันนี้รบกวนเธอหลายอย่างจริงๆ ได้เธอช่วยไว้มาก ทุกครั้งประธานจิ่งก็ชอบมาถามหาเธอ แถมเธอก็ต้องทำตามฉันอีก”
“โหรวโหรว นี่เธอเป็นอะไรของเธอ กับฉันแล้วต้องเกรงใจด้วยเหรอ มิตรภาพของพวกเรามันจำเป็นต้องพูดแบบนี้ด้วยหรือยังไง” หลินจือเซี๋ยวเสแสร้งทำเป็นโกรธ แต่ก็จับมือของอันโหรวและเอ่ยออกไปว่า “ประธานจิ่งที่วันนี้ไปสวนสนุกก็เพื่อไปตามหาเธอ แต่ก็ไม่รู้ว่าทำอะไรเธอรึเปล่านี่สิ เกิดเรื่องอะไรขึ้นไหม?”
ความกังวลเผยในดวงตาอย่างชัดเจน
อันโหรวนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ในใจ แต่ก็ไม่อาจเอ่ยออกมาได้
“เปล่าหรอก เขาแค่มาถามว่า ในโรงแรมไค่ฮั่วตอนนั้นใช่ฉันรึเปล่าเท่านั้นเอง”
หลินจือเซี๋ยวถอนหายใจด้วยความโล่งอก ไม่กี่วินาทีต่อมา เธอก็เขย่าแขนของอันโหรวแรงขึ้นอีก “ฉันเดาแล้วว่าต้องใช่เรื่องนี้แน่ๆ เพราะถ้าเรื่องนี้ประธานจิ่งรับรู้ ในโรงแรมไค่ฮั่วทุกคนต่างก็ต้องรับรู้ว่าเป็นเธอแน่ๆ โหรวโหรวเธอซวยแล้วล่ะ”
“อืม แต่ถึงอย่างไรฉันก็ไม่อาจยอมรับได้อยู่ดี วันนั้นเพราะเขาเมาไง ฉันปฏิเสธที่จะยอมรับแต่ก็ช่วยไม่ได้” อันโหรวกลัวว่าจะพูดเปิดเผยถ้าหากพูดอะไรมาก ไม่นานก็เอ่ยพูดขึ้นไปว่า “จื่อเซี๋ยวเธอนอนเร็วหน่อยก็ดี อย่านอนดึกมาก ไม่งั้นละก็จะไม่มีแรงสู้กับบอสได้แน่”
หลินจื่อเซี๋ยวนิ่งค้าง และคิดทบทวนว่าบอสที่เธอพูดนั้นคือจิ่งเป่ยเฉินนี่ ก่อนจะรีบวิ่งลุกขึ้นไปที่ห้องนอนของตนทันที
อันโหรวหัวเราะเบาๆ ก่อนจะถอนหายใจออกมานิดหน่อย เพราะในโลกนี้ไม่มีอะไรเป็นไปตามที่ตนคาดไว้ได้หรอก
เธอไม่รู้ว่าอันหยางตอนนี้นอนไม่หลับ และก็ไม่รู้ว่าเขากำลังวางแผนจะทำอะไรอยู่
ในความมืดมิดในห้อง มีแสงจันทร์สลัวสาดส่องเข้ามาที่หน้าต่าง เด็กน้อยตัวเล็กกำลังลุกจากเตียง ก่อนจะละเละหาของบางอย่างในความมืด ก่อนจะหยิบออกมา ซึ่งมันเป็นชุดสีดำขนาดใหญ่
ก่อนที่อันหยางจะตรวจดูอีกรอบ อันหยางค่อยๆจ้างมองไปที่ใบหน้าที่ครึ่งนึงของกระจก ก่อนจะหยักหน้าตอบรับกับตัวเอง ความพึงพอใจและหยิบหมวกทรงเตี้ยสีดำออกมาจากกล่องเมื่อทั้งสองรวมเข้าด้วยกันใบหน้าก็ดูเย็นชาเล็กน้อย ความสมบูรณ์แบบถูกปกคลุม
“พรุ่งนี้ ฉันจะต้องไปพบคุณลุงนิสัยไม่ดีคนนั้นให้ได้” อันหยางพึมพำกับตัวเอง ก่อนที่แสงบนใบหน้าเล็กๆของเขาจะเผยท่าทางที่มั่นใจ ราวกับคิดเรื่องนี้มานานแล้วสักพัก
เมื่อเช้าวันรุ่งขึ้นมาถึง อันโหรวและหลินจือเซี๋ยวก็ได้ออกไปทำงาน อันหยางกับอันหน่วนกำลังออกจากอพาร์ทเมนต์พร้อมกับกระเป๋าสตางค์ใบเล็กที่อยู่ในตัว เขาสวมเสื้อสีดำรัดรูปท่อนบนคล้ายกับคาวบอยหลวมๆ ร่างกายท่อนล่างก็เป็นชุดลายสก็อตสีดำตัด หมวกด้านบนเป็นสีของซูปเปอร์แบล็กที่ราวกับหลุดออกมาจากโลกของการ์ตูน
“หน่วนหน่วน เธอร้อนรึเปล่า?” อันหยางจับอันหน่วนเอาไว้ที่มือ ซ้าย ถ้าเขาออกมา อันหน่วนคงอยู่บ้านไม่ได้แน่ ก็เลยสู้ออกมาด้วยกันซะเลย
“ร้อนสิ พี่จ๋าพวกเราจะไปไหนเหรอ?” อันหน่วนมีเหงื่อไหลออกมาจากหน้าผาก ตัวของเธอนั้นร้อนผ่าว อีกทั้งยังไม่สวมแว่นกันแดด สวมแค่หมวกเพียงอย่างเดียว แต่เธอก็ทำตัวเชื่อฟังว่านอนสอนง่ายมากนัก
อันหยางก้มหัวต่ำลง และยกร่มสีสันขนาดเล็กมาให้ ก่อนจะกางเพื่อบังแดดให้น้องของตน
“พี่จ๋า ถ้าหากแม่โทรมาที่บ้านล่ะ ไม่มีคนรับละก็ แม่คงเป็นห่วงแน่ๆ” อันหน่วนกังวลและกำลังคิดถึงเรื่องนี้
“ไม่เป็นไรหรอก ปกติแล้วแม่มักจะโทรมาช่วงเที่ยงๆ พอถึงตอนนั้นพวกเราค่อยกลับมาที่บ้านก็ได้”
อันหน่วนเอียงหัวเล็กน้อย ใบหน้าสีขาวเล็กๆ พลันเปลี่ยนเป็นออกสีแดงเพราะแสงแดดเพราะอาทิตย์ อันหยางมองไปที่น้องสาวก็ทุกข์ใจและเดินไปที่ถนนเพื่อหวังจะเรียกรถแท็กซี่
เด็กน้อยตัวเล็กสองคนกำลังรอรถแท็กซี่อยู่บนถนน ไม่นานก็มีรถขับผ่าน คนขับรถแท็กซี่เห็นเด็กน้อยสองคนนี้ก็นึกว่าดาราเด็กจึงรีบรับพวกเขาไปทันที
“เด็กๆ รีบขึ้นรถมาเร็ว ให้ลุงช่วยหนูๆเอง” คนขับรถหน้าอ้วนกลมเอ่ยขึ้นมา พร้อมกับลดกระจกรถลงแล้วโบกมือให้อันหยางและอันหน่วนขึ้นไป
มีคนจำนวนมากเริ่มไหลเข้ามาเรื่อย ๆ อันหยางเองก็ไม่ค่อยชอบฉากแบบนี้เท่าไหร่ ก่อนจะเหลือบหันไปมองที่กระจกรถและมองดูคุณลุง เขาก็รีบพาอันหน่วนขึ้นรถไปทันที
……
ตอนที่ 54 การเผชิญหน้ากับคุณลุงที่นิสัยไม่ดี
คนขับรถอ้วนๆเมื่อเห็นดังนั้น เขาก็รีบขับรถออกไปทันที ก่อนจะเอ่ยด้วยท่าทางอารมณ์ดี “เพื่อนตัวน้อย พวกหนูอยากไปไหนงั้นเหรอ? ใช่ว่าจะไปที่งานจัดแสดงรึเปล่า?”
“งานจัดแสดงเหรอคะ?” หน่วนหน่วนกระพริบตา ตัวของเธอนั้นกำลังพิงไปที่อันหยาง และเอ่ยด้วยด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล และถามไปยังพี่ “พี่จ๋า พี่จะพาหนูไปงานแสดงอะไรเหรอคะ?”
อันหยางยื่นมือออกมา ก่อนที่จะบีบที่จมูกน้อยๆของน้องสาวตน และพยักหน้าเล็กน้อยราวกับทำอะไรไม่ถูก “ใช่การแสดงอะไรที่ไหน จะพาเราไปหาแม่จ๋าที่บริษัทต่างหาก ไปแอบดูว่าแม่จ๋ากับน้าจือเซี๋ยวยังไงล่ะ”
“จริงเหรอ?” ดวงตาที่ของอันหน่วนฉายแววมีความสุขขึ้นมา พลางหัวเราะคิกคัก “แม่กับน้าจือเซี๋ยวถ้าได้เจอพวกเรา ไม่รู้ว่าจะดีใจขนาดไหนกันนะ”
อันหยางเงียบไปครู่หนึ่งโดยไม่ได้พูดอะไร ก่อนจะไปบอกกับคุณลุงคนขับรถไปว่า “คุณลุงครับ พวกเราจะไปที่บริษัทจิ่ง”
คุณลุงคนขับรถตัวอ้วนเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่าง ในไม่ช้าดวงตาของเขาก็ฉายแววคำนวนยึกยักและเอ่ยยิ้มไปว่า “บริษัทจิ่งเหรอ? เส้นทางมันไกลมากเลยนะ อย่างน้อยค่าแท็กซี่ก็ราวๆ 100 หยวนเชียวนะ พวกเธอจ่ายไหวเหรอ?”
“ได้อยู่แล้วค่ะ” อันหน่วนยื่นหน้าอกออกมาอย่างภูมิใจ จากนั้นก็เหลือบมองไปยังกระเป๋าเงินของอันหยางที่อยู่ด้านหลังของเธอและเอ่ยด้วยคำพูดที่ไร้เดียงสาไปว่า “พี่ชาย กระเป๋าเงินพี่มีเงินอยู่เยอะไม่ใช่เหรอค่ะ”
อันหยางเงียบไปชั่วครู่ก่อนจะเปิดกระเป๋าตังใบเล็กออกมา และค่อยๆนับเงินเมื่อนับจนหมดก็ส่ายหัวพร้อมขมวดคิ้วไปว่า “มีอยู่แปดสิบ ไม่ถึงหนึ่งร้อย”
“เอ้ะ ทำยังไงดีล่ะ” อันหน่วนเมื่อครู่เผยรอยยิ้มที่มั่นใจตอนนี้ได้กลับหายไปแล้ว ตอนนี้เผยสีหน้ามุ่ยๆออกมาด้วยความเสียใจ
อันหยางเม้มริมฝีปากเล็กน้อยก่อนจะลังเลชั่วครู่และบอกกับคุณลุงขับรถอ้วนๆคนนั้นไปว่า “คุณลุงครับ ผมมีเงินติดตัวแค่แปดสิบหยวนเอง ช่วยลดราคาให้ผมได้ไหมครับ เพียงนิดเดียวเอง ช่วยไปส่งผมที่บริษัทจิ่งทีเถอะ”
คุณลุงขับรถตัวเอ้วน รู้สึกดีใจอยู่แล้ว ก่อนจะเอ่ยอย่างตะกละตะกลามไปว่า “นี่หนูๆ ถ้าหากไม่มีเงินก็ไม่ควรขึ้นรถนะ แปดสิบหยวนลุงพามาส่งได้ที่นี่แหล่ะ จ่ายเงินแล้วก็ลงจากรถไปได้เลย”
พูดจบเขาก็จอดรถ และให้อันหยางและหน่วนหน่วนลงจากรถไปอย่างโหดเหี้ยม
อันหน่วนไม่ยอมลงจากรถสุดชีวิต ในที่สุดมือของเธอก็พลาดไปเกี่ยวโดนช่วงประตูรถ ส่งผลให้เป็นรอยแดง ใบหน้าที่เจ็บปวดมีน้ำตาไหลออกมา
“คุณลุงไม่ดี คุณลุงไม่ดี….” อันหน่วนจับมือของเธอและเช็ดน้ำตาที่ไหลไปมา
“หึ ถ้าไม่มีเงินก็อย่าขึ้นมาบนรถ!” คุณลุงคนนั้นเค้นเสียงหึออกไป ก่อนจะถือกระเป๋าตังใบเล็กของอันหยางไว้ในมือ และขับรถออกไปดัง บรืน
อันหยางเห็นมือของน้องสาวตัวเองเป็นสีแดง อันหยางก็รีบวิ่งไปหาด้วยความโกรธและก็ห่วง “เป็นอะไรไหม เจ็บตรงไหนรึเปล่า เป็นความผิดพี่เอง ที่พี่ปกป้องน้องไม่ได้”
อันหน่วนฮึบความรู้สึกเอาไว้ และตอบไปว่า “ไม่ ไม่เจ็บแล้ว”
อันหยางกับอันหน่วนที่ถูกไล่ลงจากรถ มันมีรถของบริษัทคนจากบริษัทเห็นเข้าพอดีนั้นคือถังซั่ว เขาเห็นเด็กทั้งสองถูกไล่ลงจากรถ ก็รีบปลดเข็มขัดนิรภัยเพื่อออกมาดู
“ประธานถัง บริษัทอยู่ข้างที่นี่นะครับ” ผู้จัดการเฉินเอ่ยอยู่ข้างๆซึ่งรอเป็นเวลานานแล้ว จนกระทั้งประธานของเขามาที่บริษัท แต่กลับเห็นเขาเดินไปอีกทางซะงั้น
ถังซั่วโยนกุญแจรถไปให้เขาอย่างเกียจคร้านและเอ่ยออกไปว่า “ไปจอดรถที่โรงจอดรถ เดี๋ยวฉันจะไปบริษัททีหลัง”
ผู้จัดการเฉินจับกุญแจไว้ ก็แทบล้มลง เหงื่อเย็นๆก็พลันไหล
ถังซั่วเมื่อเดินไปที่อันหยางและอันหน่วนที่อยู่ข้างกาย อันหยางในขณะนี้กำลังสนใจมือของน้องสาวตัวเอง จนกระทั้งรอยแดงหายไป เขาก็พึ่งมารู้ว่ามีบางคนกำลังจ้องมองมาที่เขาอยู่
“ลึกซึ้งมาก นายเป็นพี่ชายงั้นเหรอ?” ถังซั่วงอตัวครึ่งนึง ดวงตาสีพีชกลับเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
อันหยางมองไปที่เบื้องหน้าคุณลุงที่มีเสน่ห์เช่นนี้ เขาค่อนข้างระมัดระวังตัวเล็กน้อย ก่อนจะยื่นมือเล็กๆปกป้องอันหน่วนที่อยู่ด้านหลัง และเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาไปว่า “คุณคิดจะทำอะไรน่ะ?”
น้ำเสียงที่เย็นชาเช่นนี้มันดูคล้ายกับจิ่งเป่ยเฉินมากนัก เพียงแต่ว่าตอนนี้เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกขบขันกับใบหน้าเล็กๆที่จริงจังเช่นนี้
“ค่อนข้างระวังตัวเองดีมาก ทั้งยังรู้สึกปกป้องน้องสาวตัวเองอีก ดี ไม่เลว!” ถังซั่วไม่สนใจใบหน้าที่เปรียบดั่งภูเขาน้ำแข็งตัวน้อยเช่นนี้ ทันใดนั้นก็เกิดความคิดล้อเล่นขึ้นมาในหัว และเอ่ยออกไปว่า “ทำไมพวกเธอถึงได้ถูกโยนออกจากรถแท็กซี่นั้น คนขับรถนิสัยไม่ดีเหรอหรือยังไง หรือไม่มีเงินเหรอ?”
อันหยางเม้มริมฝีปากขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะไม่ได้พูดอะไร ทั้งยังจับจ้องไปที่ถังซั่ว และตัดสินใจว่าควรเชื่อใจเขาดีไหม
แต่อันหน่วนนั้นกลับแตกต่างกันออกไป เธอมองเห็นใครบางคนพูดถึงเรียกนี้ ปากก็อุบอิบ กลายเป็นเอ่ยร้องด้วยความเจ็บปวด “พี่ชายหนูกระเป๋าตังก็ถูกเอาไป ลุงคนนั้นนิสัยไม่ดี บอกมีเงินไม่พอ ก็ให้พี่ชายกับหนูลงจากรถเลย”