ตอนที่ 63 คืนนี้ ผมคงต้องฟังเธอ
โอวหยางกรุ้ปเพิ่งเริ่มต้นทำธุรกิจหยกได้เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา และยังได้ผลประกอบการที่ดีนับได้ว่าเหมาะสมกับอนาคตข้างหน้ามากนัก ซึ่งตรงกันข้ามกับสกุลจิ่ง เขาเป็นหน้าใหม่ที่คิดจะเข้าสู่วงการการค้าหยก ซึ่งถ้าหากเขากล้าที่จะคิดฮุบสกุลเห่อไปละก็…..
เกรงว่า ความมึนเมานี่คงไม่ได้เหมือนถึงไวน์ที่ยื่นมาให้แน่ๆ
โอวหยางลี่ยิ้มให้กับเขาและเอ่ยออกไปว่า “พอได้พูดคุยกันแล้ว ผอ.หลี่ก็บอกกับผมได้ไหมว่า คุณชอบตระกูลไหนมากกว่าเหรอ ตระกูลไหนที่จะช่วยสนับสนุนคุณได้”
คำพูดที่เอ่ยออกมานี่ ก็ค่อนข้างดูก้าวร้าวหน่อยๆ
ผู้อำนวยการหลี่เริ่มรู้สึกกระอักกระอ่วน เขานั้นไม่รู้จะตอบคำถามพวกนี้ยังไงดี สิทธิ์ในการตัดสินใจนั้นไม่ได้อยู่ที่มือของเขา หากฝ่ายฝ่ายหนึ่งเลือกแล้วไปละก็ อีกฝ่ายก็จะขุ่นเคือง แน่นอนย่อมเสียผลประโยชน์ที่ได้ไม่คุ้ยเสียมากเท่าไหร่นัก
เมื่อคิดถึงจุดนี้ ที่เรื่องมันเกิดขึ้นค่อนข้างเร็วมาก หลี่เฉิงเอ่ยยิ้มด้วยแววตาที่เปรียบดั่งครุ่นคิด “พวกคุณต่างก็เป็นหนุ่มสาวทั้งนั้น มังกรกับนกฟีนิกซ์ถูกพวกเขาจับจ้องเช่นนี้ ผมก็ค่อนข้างรู้สึกอิ่มเอมใจเช่นกัน เพียงแต่ว่าสกุลเห่อเองไม่ว่าจะถูกพวกคุณคนไหนเลือกไป ทางผมก็คงไม่กังวลเท่าไหร่นักหรอก”
อันโหรวเข้าใจได้ในพริบตา วันนี้ดูท่าแล้วคงพูดคุยเรื่องนี้ไม่ได้แน่ ด้วยเหตุนี้เอง เธอจึงยิ้มขึ้นอย่างมีความมั่นใจ ก่อนจะปัดเรื่องพวกนี้ทิ้ง และเอ่ยขึ้นออกไปอย่างตรงไปตรงมาว่า “คืนนี้เป็นงานเต้นรำ อย่าพูดเรื่องธุรกิจกันเลยดีกว่าค่ะ อีกอย่างงานเต้นรำเองก็ใกล้จะเริ่มต้นขึ้นแล้ว พวกเราไปร่วมสนุกกันดีกว่านะคะ”
หลี่เฉิงมองเธออย่างชื่นชม ก่อนจะก้าวเดินลงไปในทันที
“ประธานจิ่ง คุณชายโอวหยาง พวกคุณคิดเช่นไรบ้าง” หลี่เฉิงยื่นมือออกไปเล็กน้อย ก่อนจะทดสอบปฏิกิริยาของพวกเขา
จิ่งเป่ยเฉินยื่นมือไป ก่อนจะโอบรอบไปที่อันโหรว และยิ้มที่มุมปากขึ้น “คืนนี้ ผมล้วนฟังเธอทั้งนั้น”
คำพูดของเขานั้นฟังดูคลุมเครือเล็กน้อย โอวหยางลี่แม้จะดูเย็นชาและแข็งกระด้าง โดยคิดจะพูดอะไรบางอย่างออกไป แต่จิ่งเป่ยเฉินก็ไม่ให้โอกาสนี้กับเขาแม้แต่น้อย ก่อนจะเดินจากไปพร้อมกับคนอื่น ๆ
ผู้ที่เป็นเหมือนกับประธานในงานใหญ่เช่นนี้กำลังเดินออกมาที่เวทีขนาดใหญ่ จากนั้นก็หยิบไมโครโฟนและเอ่ยประกาศออกไปว่า “สุภาพบุรุษและสุภาพสตรีทุกท่าน งานเลี้ยงนี้กำลังจัดการเต้นรำประจำปีขึ้น และตอนนี้ก็ถึงเวลาที่จะเริ่มต้นขึ้นแล้ว หวังว่าทุกคนจะได้รับความสนุกสนานกลับไป….”
เมื่อคำพูดของเขาลดลง เสียงดนตรีก็ค่อยบรรเลงขึ้น ที่จะให้เหล่านักเต้นได้เต้นรำไปตามจังหวะของดนตรีและเปลี่ยนท่าทางไปตามแต่ละเพลงที่บรรเลงขึ้น ไม่ว่าจะนุ่มนวลหรือร้อนแรง ทุกอย่างก็ล้วนแล้วแต่สไตล์การเต้นของคุณแต่ละคนแล้ว
ครั้งนี้เสียงดนตรีเริ่มจากเพลงช้าๆก่อน อันโหรวนึกถึงจังหวะการเต้นเพลงแบบวอลซ์ โดยไม่ทันรู้ตัวเอง ไม่นานก็….
โอวหยางลี่ที่อยู่ข้างๆ ก้มตัวลงโค้งคำนับ ท่าทางของคุณชายที่ถ่อมตัวเชิญคู่หญิงลงมาที่ฟลอร์ จิ่งเป่ยเฉินเองก็จับมืออันโหรวอย่างแน่นหนา ก่อนจะนำมือของเธอวางไว้บนไหล่ของเขา และอีกมือหนึ่ง ไม่ช้าก็จับไปที่เอวของอันโหรวราวกับว่ากำลังดึงเธอเข้าสู่อ้อมแขนเพื่อจัดท่าทาง
“ประธานจิ่ง การเป็นคู่เต้นรำของคุณแบบนี้มันจะแตกต่างออกไปนะคะ” อันโหรววางมือบนไหล่ของเขา แม้จะมีคำพูดและน้ำเสียงที่เปลี่ยนไปอย่างจนปัญญา
จิ่งเป่ยเฉินยามนี้แลกเปลี่ยนการเต้นรำอย่างงดงาม ก่อนที่จะโน้มตัวลงมาเล็กน้อยเพื่อแนบมายังหูของอันโหรว ซึ่งนั้นทำให้เธอค่อนข้างสับสน “มีอะไรไม่เหมือนกัน เตรียมตัวพร้อมแล้วรึยังล่ะ?”
“หือ?”
อันโหรวไม่เข้าใจ เมื่อกำลังจะถาม แต่จู่ๆท่วงท่าการเต้นก็กลับเปลี่ยนไป ทันใดนั้นดวงตาคู่หนึ่งของเธอก็พลันเบิกตากกว้าง ไฟทั้งหมดถูกฉายลงมาที่ตัวของพวกเขาทั้งคู่
เปิดงานก็คือการเปิดงานเต้น แน่นอนย่อมเป็นตอนนี้ ที่พวกเขาทั้งสองล้วนแล้วเป็นตัวเอกของงาน
“ประหม่าไหม?” จิ่งเป่ยเฉินยิ้ม
“ประธานจิ่งคุณอย่าประหม่าก็พอ” อันโหรวไม่ได้แสดงท่าทางอ่อนแอ ยกค้างขึ้นเล็กน้อย ฉายแววตาที่ดูยั่วเย้าเล็กน้อย
ก่อนที่ตระกูลอันจะล้มลง เธอได้เข้าร่วมงานเต้นรำหลายครั้งหลายครา และเธอเองก็เป็นจุดสนใจของผู้ชมมาโดยตลอด แต่คิดไม่ถึงเลยว่าช่วงเวลาเหล่านี้กับตอนนั้นมันไม่เหมือนกัน ส่วนใหญ่ผู้คนมักจะเปลี่ยนอารมณ์ไปมา
จิ่งเป่ยเฉินโค้งงอริมฝีปากของเขา เผยแววตาที่ดูดุร้ายนิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรมาก แต่ดวงตาของเขานั้นกลับมืดมนลงจนยากที่จะเข้าใจได้
มันไม่เคยมีใครท้าทายเขาแบบนี้มานานแล้ว ซึ่งตอนนี้กลับมีคนกล้าท้าทาย
“ตอนนี้กลุ่มเครือสกุลจิ่ง และคู่เต้นของเขานั้น ดูเหมือนจะแสดงให้ทุกคนเห็นนะครับว่า งานเต้นรำที่ยอดเยี่ยมและทำการแสดงเป็นครั้งแรกก้คือคู่นี้….”
คนที่ยืนอยู่บนเวทีพูดเป็นครั้งคราว ท่าทางของอันโหรวนั้นดีงามมาก แต่ที่ดูดีก็คือคอที่ขาวและเรียวยาวของเธอมันราวกับหงส์ ดวงตาที่สวยงามของเธอนั้นเต็มไปด้วยท่วงท่าที่งดงามบวกกับทำนองเพลงวอลซ์ส่งผลให้ดูเหมือนท่วงท่าที่แท้จริงค่อยๆไหลออกมา
ฝีเท้าเปลี่ยนเป็นไปเล็กน้อย หมุนตัวบ้าง กระโดดบ้างไปมา ไม่มีช่วงไหนที่ดูไม่สะดุดแม้แต่น้อย หัวใจของการเต้นรำนั้นคือธรรมชาติ ไม่มีเก้อเขิน กุกกัก ทุกอย่างล้วนแล้วปล่อยให้ใจไหลไปตามธรรมชาติที่ทุกคนหลงใหล
และช่วงหมุนตัวท่าปิดก็มาถึง อันโหรวที่คล้ายกับนางเงือกในยามนี้ สุดท้ายจิ่งเป่ยเฉินก็ดึงกลับมา และอันโหรวก็ตกลงไปในอ้อมแขนของเขา ดวงตาของพวกเขาไม่ช้าก็สบตากัน
ทั้งสองคนร่วมเต้นกันอย่างงดงาม ราวกับว่า….พวกเขาต่างก็เป็นคู่รักที่กันมาหลายปี
…..
ตอนที่ 64 แบบนี้ก็ทำให้คุณเก้อเขินได้?
“ดี เต้นรำได้ดี….” เสียงปรบมือดังขึ้นไปทั่ว ผู้คนต่างก็ส่งเสียงปรบมือให้และพูดว่าดี
หลังจากการเต้นรำ อันโหรวแทบจะทรุดตัวลง ยามนี้มีเหงื่อเย็นๆไหลมาปกคลุมที่หน้าผากของเธอ เธออ้าปากกว้างๆเพื่อหายใจเข้าลึกๆเพื่อให้เข้าหลอดลมในตัวของเธอเอง เพราะตอนนี้มันร้อนผ่าวราวกับคคล้ายว่ากำลังปะทุ
“เหนื่อยเหรอ?” จิ่งเป่ยเฉินยื่นมือเรียวๆออกมาลูบไปที่หน้าผากของเธอ ปลายนิ้วของเขาเปื้อนไปด้วยเหงื่อก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นและเอ่ยออกไปว่า “ทำไมเหงื่อของคุณถึงได้เยอะขนาดนั้น?”
อันโหรวในใจของเธอนั้นอยากจะฉีกปากเขาทิ้งเสียจริงๆ
ตั้งแต่ที่คลอดลูกสองคนออกมา เวลาออกกำลังกายก็น้อยลง ตอนนี้ยังมาเต้นรำอีก เต้นแบบนี้นับได้ว่ากินพลังงานไปมากจริงๆ
เพียงแต่ว่า เรื่องพวกนี้เธอก็ไม่พูดอะไรมาก ทั้งยังเอ่ยไปด้วยน้ำเสียงเย็นชาก่อนจะโบกมือของเขาไป “ประธานจิ่ง ในเมื่อตอนนี้ตกลงกับสกุลเห่อไม่ได้งานเต้นรำก็เต้นไปแล้ว ตอนนี้ฉันขอตัวกลับก่อนได้เลยไหมคะ?”
เธอต้องการที่จะรีบกลับไปอยู่กับเด็กๆทั้งสองของเธอ
“ไม่ได้ ตอนนี้แหล่ะกำลังจะเริ่มต้นขึ้น” จิ่งเป่ยยกปากของเขาเบาๆขึ้นเล็กน้อย ดวงตาเต็มไปด้วยความสนใจแบบนี้มีหรือจะปล่อยเธอไปง่ายๆเร็วๆแบบนี้ได้ยังไงกัน?
อันโหรวกัดริมฝีปากล่าง ดวงตาของเธอพลันเปลี่ยนไปอย่างช้าๆ และก็รู้ได้ว่าราชาปีศาจคนนี้ไม่ใจดีเลยแม้แต่น้อย
ไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากจะต้องตกตายไปพร้อมกันกับคนๆนี้
จังหวะแทงโก้เป็นจังหวะการที่เต้นที่ค่อนข้างหนักและยากที่จะเข้าใจ ในขณะที่ทุกๆคนกำลังลังเลต่างมองหน้ากันและกัน ไม่กล้าที่จะขยับเขยื้อนไปข้างหน้า
อันโหรวที่ดูเย่อหยิ่งในยามนี้ แต่ท่าทางที่เป็นมาตรฐานมากนัก แทงโก้ล้วนแล้วเป็นท่าที่เธอชอบเต้นมากที่สุด ก่อนหน้านี้เธอใช้เวลามากมายไปกับการศึกษาเรื่องพวกนี้
สำหรับเธอที่จะเอ่ยออกมา เรื่องพวกนี้ก็ค่อนข้างง่าย
“ประธานจิ่ง ท่านต้องใส่ใจ อย่าบิดเอวไปมานะ” อันโหรวกระพริบตาเล็กน้อยอย่างมีเจ้าเล่ห์ เมื่อปลอมเป็นอันอีหานมานาน เธอก็เกือบจะลืมนิสัยของอันโหรวไป
“โหรวโหรว………” จิ่งเป่ยเฉินถูกความเจ้าเล่ห์ในดวงตาความเจ้าเล่ห์ของอันอีหานดึงดูดเข้า ก่อนจะเอ่ยร้องด้วยความงุนงงส่งผลให้เขานึกว่าโหรวโหรวนั้นกลับมาแล้ว
“ประธานจิ่ง ได้เวลาเริ่มแล้ว” อันโหรวยื้มและลดเสียงของเธอลง การเต้นของเธอในตอนนี้กลับเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว
จิ่งเป่ยเฉินกลับมาได้สติอย่างรวดเร็ว ก่อนจะก้าวเดินออกไปข้างหน้า ทั้งสองคนสลับสับเปลี่ยนกันไปมา ราวกับให้ความร่วมมือกันเป็นอย่างดี
ทรวดทรงเอว กลับหมุนไปมากลางอากาศ ก่อนที่จะพยุงเอวการเคลื่อนไหวที่เปรียบดั่งเมฆและสายน้ำ จิ่งเป่ยเฉินกำลังจับไปที่เอวของอันโหรว เพลงเต้นเองก็เริ่มท่วงทำนอง ในยามนี้แทบไม่มีอะไรขัดแย้ง
สุดท้ายการเต้นรำครั้งสุดท้าย ก็เต้นแบบผ่านของวอลซ์ไม่ต้องใช้แรงอะไรมาก แต่นี่นับว่าเป็นการเต้นที่ทำให้อันโหรวอึดอัดมากที่สุด
“เต้นได้ดีนี่หน่า!” จิ่งเป่ยเฉินกล่าวชมอย่างไม่ลังเล ค่ำคืนนี้เขากับอันอีหานทำให้ประหลาดใจ
อันโหรววางมือทั้งสองข้างไปพันไว้ที่คอของจิ่งเป่ยเฉิน ไม่นาน เธอก็รู้สึกว่ามีมือใหญ่สองข้างมาพันรอบที่เอวเช่นกัน การเต้นรำบอลรูม[1]ค่อยๆขยับไปอย่างเชื่องช้า แต่มันทำให้ผู้คนรู้สึกคลุมเครือมากจริงๆ เหมือนกับตอนนี้
ลมหายใจของเขานั้นร้อนผ่าว พ่นไปที่ข้างหูของเธอ อุณภูมิร้อนๆบนฝ่ามือของเขาค่อยๆสัมผัสไปยังผิวหน้า ผ่านผ่าโปร่งความรู้สึกเหมือนเหล็กทำให้ใบหน้าของเธอแดงขึ้นเล็กน้อย
“ทำไมไม่พูดอะไรเหรอ? หือ?” จิ่งเป่ยเฉินรู้สึกแปลกๆ เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมาริมฝีปากของเขาก็เฉียดไปยังปลายหูของเธอส่งผลให้เกิดอาการสั่น
เสียงที่เอ่ยจบที่พูดขึ้นอย่างสั่นเล็กน้อยอย่างรุนแรง
เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมาก็มองเห็นอันอีหานใบหน้าที่แดงระเรื่อของอันอีหาน สีหน้าของเขาก็ตกใจเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยหัวเราะอย่างสุดซึ้งละพูดว่า “เธอเขินยังงั้นเหรอ?” ไม่นานเขาก็ก้มหัวลงอีกครั้ง ก่อนจะเอ่ยริมฝีปากขยับไปใกล้หูเธออีกครั้งและพ่นลมหายใจไปว่า “แบบนี้จะเก้อเขินอยู่อีกไหม”
อันโหรวรู้สึกอับอายเล็กน้อย เธออธิบายไม่ถูก กัดริมฝีปากด้านล่างของเธอและทันใดนั้นก็ยื่นมือผลักไปยังจิ่งเป่ยเฉินให้ถอยออกไป และเธอก็พูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นเฉียบราวกับมีดที่ขูดไปมาดัง “ฉึบฉึบ” “ประธานจิ่ง ดูแลตัวเองด้วยนะคะ ฉันไม่โสดแล้ว มีลูกชนิดที่โตแล้วทำอาหารเป็น”
ทันทีที่เธอเอ่ยขึ้น ตาของชายผู้นั้นก็พลันจมลง ก่อนจะเอ่ยความหนาวเย็นขึ้นไปทั่วกาย
สถานการณ์บรรยากาศที่ดูคลุมเครือกลับถูกทำลายลงโดยทันที
[1] การเต้นแบบบอลรูม มันคือการเต้นลีลาศชนิดหนึ่ง ซึ่งแพร่หลายอยู่ในต่างประเทศ มีการเต้นอยู่หลายจังหวะมากเช่น QuickStep (ควิกซ์สเต็ป) Tango(แทงโก้) Waltz(วอลซ์)