ตอนที่ 73 ผมทั้งเท่และดูน่ารัก
อันหยางก่อนหน้านั้นชื่นชอบถังซั่วพอสมควร บวกกับเรื่องในวันนี้มันทำให้เขาได้รับคะแนนเพิ่มขึ้นไปอีก ดวงตาของเด็กน้อยตัวนี้พลันเป็นประกาย ภายในใจเริ่มมีความคิดอะไรบางอย่างปรากฎขึ้น
“แม่จ๋า ผมกับน้องได้เข้าโรงเรียนด้วยกัน คุณลุงนับได้ว่าเป็นฮีโร่ พวกเราพาคุณลุงไปทานสเต็กกันดีไหมครับ” อันหยางกำลังเอ่ยช่วยเหลือ ในใจเขานั้นคิดว่าร้านอาหารฝรั่งมักจะเงียบๆ ซึ่งเหมาะสมกันมากที่จะช่วยให้คุณลุงกับคุณแม่ได้สร้างความสัมพันธ์ที่ดี
ซึ่งไม่เลวนัก เนื่องจากอันหยางที่กำลังจ้องมองถังซั่วอยู่ เขารู้สึกว่าคุณลุงคนนี้มีเสน่ห์พอตัวถึงแม้ว่าทำท่าทางจะดูเหมือนคนใจร้ายไปบ้าง แต่ก็ดูๆแล้วเขานั้นก็ค่อนข้างมีความรับผิดชอบมากพอสมควร มันเหมาะที่จะช่วยให้เขาพิจารณาถูกเลือกในการเป็นพ่อของตนได้
อันโหรวไม่ได้รู้ความคิดของลูกชายเท่าไหร่ แต่ในเมื่อลูกชายและลูกสาวของตนเอ่ยปากช่วยเหลือถังซั่วขนาดนี้ มีหรือที่เธอจะพูดอะไรได้ ก่อนจะพยักหน้าตอบรับไป
“เพื่อแสดงการขอบคุณ คุณอยากจะกินอะไรบ้างไหม เดี๋ยวฉันเลี้ยงเองค่ะ” อันโหรวเอ่ยอย่างไม่เต็มใจ เพียงแต่ค่อยๆสงบใจตัวเองอย่างช้าๆ อยู่ต่อหน้าถังซั่วเช่นนี้ทางที่ดีพยายามอย่าให้เขาจำเธอได้จะดีกว่า
ในที่สุด ถังซั่วก็เลือกทำตามอันหน่วนไป ทั้งสี่คนเดินไป KFC ที่ใกล้ที่สุดในที่โรงเรียนอนุบาลสีรุ้งจะมีได้
ภายในร้าน KFC อันหน่วนกำลังถือขาไก่อ้วนๆด้วยมือน้อยๆของเธอ ก่อนจะกินมันเสียจนเลอะมูมมาม ส่วนอันหยางก็กินโดยรักษาความสง่างามเข้าไว้ ในขณะเดียวกันตัวของเขาเองก็กำลังสร้างโอกาสให้แม่กับลุงคนนี้เป็นครั้งคราว
ยกตัวอย่างเช่น ให้แม่จ๋ากับลุงกินอาหารอยู่นั้น ‘บังเอิญมือสัมผัสโดนกัน’ แค่นั้น
อันโหรวมองความคิดของลูกชายตัวเองออก ก่อนจะมองไปที่อันหยาง เธอถลึงตาเล็กน้อยให้ ซึ่งการที่ลูกของเธอทำเช่นนี้ มันแทบจะทำให้หัวใจของเธอแตกสลาย มองดูแล้วลูกชายของตนน่าจะชื่นชมถังซั่วพอสมควร
ส่วนทางด้านลูกสาวเองก็กลับชื่นชมจิ่งเป่ยเฉิน ส่วนมามองลูกชายเองก็ชื่นชมถังซั่ว ดูท่าลูกๆทั้งสองคนนี่คงกังวลเรื่องแต่งงานใหม่ของเธอยังงั้นเหรอ?
หลังจากสัมผัสโดนมือเป็นรอบที่สามกับถังซั่ว อันโหรวก็ตัดสินใจที่จะไม่กินอีก หลังจากเช็ดมือด้วยทิชชู่เปียกจนแห้ง เธอก็ค่อยๆขยับปากพูดขึ้นมาว่า “คุณ…..”
ช่วงเวลานั้นถังซั่วจู่ๆก็ยกมือขึ้นเพื่อขัดจังหวะเธอ “ผมชื่อถังซั่ว แค่เรียกชื่อผมก็เพียงพอแล้ว”
ในเวลานี้ถังซั่วเองก็จำไม่ได้ว่าผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้า นี่ คือคนที่จิ่งเป่ยเฉินคอยมองหามาตลอดเวลาห้าปี แน่นอนเขาก็ยังจำไม่ได้อีกด้วยว่าผู้หญิงคนนี้ ก็คืออันอีหานด้วยเช่นกัน
เพียงแค่ตัวเองกลับสนใจว่าเป็น ผู้ใหญ่หนึ่งคนกับเด็กสองคนเท่านั้น
อันโหรวยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะคิดพิจารณาและเอ่ยอย่างมีมารยาทว่า “ประธานถัง เชิญคุณมากินอาหารพวกนี้ ดูแล้วไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่ หวังว่าคุณจะไม่รังเกียจนะคะ”
โดยพื้นฐานของถังซั่วแล้วคงไม่กินอาหารพวกนี้ แต่เมื่อได้ยินอันโหรวพูดขึ้น การแสดงออกของเขาก็พลันเปลี่ยนไป เขาไม่รู้สึกอับอายหรืออะไรทั้งนั้น กลับรู้สึกแปลก ที่เขาต้องมาสถานที่นี้เป็นครั้งแรก
“คุณลุงถัง ขาไก่ทอดอันนี้อร่อยมาก คุณกินสิ” อันหน่วนยืนครึ่งตัวและยื่นมือออกไป ในมือมีขาไก่ทอดชิ้นหนาที่ดูน่ากิน ที่ตอนนี้เหลือมันแค่ครึ่งนึง เมื่อเห็นถังซั่วไม่ยอมกินอะไร ก็ได้แต่คิดว่า ต้องทำให้ตัวดีๆให้เขากินแล้วล่ะ
“หน่วนหน่วน แบบนี้ไม่เหมาะสมนะ หนูควรกินสิ่งที่หนูกินให้หมดสิ”
แต่เมื่อเธอดุเสร็จ ถังซั่วก็แอบสังเกตพฤติกรรมของเธอจนเขาประหลาดใจพอสมควร
เขายื่นมือออกไป ก่อนจะเลิกคิ้วอย่างเกียจคร้านและเอื้อมมือไปลูบผมของเธออย่างเอ็นดูและพูดขึ้น “ขอบคุณนะ หน่วนหน่วน”
เมื่อเทียบกันแล้ว เขาก็อยากจะรู้มากนักว่าเด็กชายคนนี้ เป็นยังไงกันแน่
เขามองไปที่ดวงตาของอันหยางและเอ่ยขึ้น “เด็กคนนี้เหมือนเพื่อนของฉันจริงๆ”
“ลุงถัง ผมชื่ออันหยาง เพื่อนของคุณเหมือนกับผมขนาดนั้นเลยเหรอ? เช่นนั้นเขาก็ต้องเท่เหมือนหยางหยางแล้วสิ!” อันหยางพูดด้วยน้ำเสียงที่ร่าเริงและเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจที่ปนไปกับความหยิ่งบนใบหน้าเล็กๆของเขา
ถังซั่วทนไม่ไหวจนหัวเราะออกมา ก่อนจะเผ่ยรอยยิ้มเล็กๆละพูดมาว่า “เขาเท่กว่าเธออีก อีกทั้งก็เท่เสียจนอยากจะตีเขาเลยล่ะ”
“เอ๋?” อันหยางอ้าปากกว้างด้วยความประหลาดใจ ก่อนน้ำเสียงเขาจะเปลี่ยนไปทันที “ถ้าอย่างงั้นก็ไม่เหมือนผมแล้วล่ะ แม่จ๋าบอกว่าผมนั้นเท่ อีกทั้งก็ยังดูน่ารักอีก คุณลุงถังอย่าได้คิดตีหยางหยางเชียวนะ”
“พรืด!” เสียงหัวเราะดังขึ้นอีกครั้งเผยดวงตาสีพีชที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม มันไม่ใช่รอยยิ้มที่เชิงดูถูกเหยียดหยาม แต่เป็นรอยยิ้มที่ดูเป็นกันเองเสียมากกว่า
อันโหรวรีบเอามือไปอุดปากของลุกชาย ไม่ให้เขาพูดจาไร้สาระมากกว่านี้ ก่อนจะที่เธอจะกระตุกมุมปากอย่างกระอักกระอ่วน
……
ตอนที่ 74 ฉันจะไปหาเธอ
อันโหรวกำลังครุ่นคิดถึงอะไรบางอย่างในหัว เพื่อหาข้ออ้างอะไรก็ได้ที่จะทำให้พวกเธอนั้นกลับบ้าน ไม่ช้ามือถือของถังซั่วก็ดังขึ้นอย่างกะทันหัน
มันเป็นสายโทรศัพท์ของจิ่งเป่ยเฉิน
เมื่อเช้าตั้งแต่ที่เขารู้จากปากของเลขาหลินว่าอันโหรวขอลา เขาก็อยู่แทบไม่เป็นสุข
เขารู้ดีว่า เธอนั้นพยายามหลบซ่อนตัวจากเขา ก่อนจะเอ่ยปากไม่กี่คำ ก็ได้คำตอบเชิงนัยๆมา
ว่าวันนี้เธอคิดจะใช้ประโยชน์ของการลาหยุดไปลงทะเบียนเรียนให้กับลูกๆของเธอให้เสร็จสิ้น
นี่เป็นโอกาสของเขา แล้วเขานั้นจะปล่อยมันไปได้ยังไง
ดังนั้น เขาเลยคิดจะโทรหาถังซั่ว
แต่ทว่าจิ่งเป่ยเฉินไม่ได้คิดเลยว่า เขานั้นยังก้าวช้าไปหนึ่งก้าว ก่อนคิดจะทำเรื่องพวกนี้ อันโหรวก็จัดการไปเรียบร้อยหมดแล้ว
ถังซั่วรับโทรศัพท์และพูดด้วยน้ำเสียงที่เชิงมีอารมณ์นิดหน่อย “หายากนะที่คนยุ่งๆแบบนี้จะโทรหาฉันได้ ว่าแต่มีธุระอะไร มีเรื่องด่วนอะไรงั้นเหรอ?”
จิ่งเป่ยเฉินเอนหลังพิงเก้าอี้ที่ทำงาน “ถังซั่ว ฉันจำได้ว่านายมีโรงเรียนอนุบาลเอกชนอยู่ ฉันอยากจะส่งเด็กสองคนไปเรียนหน่อย”
อันโหรวตอนนี้ได้สติขึ้นมา ก่อนจะรีบเช็ดปากและมือของเด็กๆทั้งสองและเอ่ยยิ้มกล่าวคำอำลาไป “ประธานถัง ฉันมีเรื่องต้องจัดการอยู่อีก ยังไงขอตัวก่อนนะคะ”
เสียงของเธอคมชัดและหวาน มันไม่ได้ปิดบังเสียงเลยแม้แต่น้อย เพียงแต่เสียงนี้มันไหลเข้าไปในหูของจิ่งเป่ยเฉิน ลมหายใจของเขาก็แทบหยุดลงชั่วขณะทันที
นี่มันคือเสียงของโหรวโหรว!
“โหรวโหรว โหรว โหรว….” จิ่งเป่ยเฉินลุกขึ้นยืนขึ้นก่อนจะพึมพำกับตัวเองจนชนิดที่ไม่อาจควบคุมตัวเองได้ มือใหญ่ๆที่ถือโทรศัพท์ก็สั่นสะท้านขึ้นโดยทันที
เขาได้ยินไม่ผิดอย่างแน่นอน
เป็นชื่อนี่อีกครั้ง ถังซั่วก็รีบดูที่เด็กสองคนกับผู้หญิงคนหนึ่งออกประตูไป ก่อนจะขมวดคิ้วขึ้นและพูดไปว่า “โหรวโหรวที่นายบอกหายไปห้าปีก่อนเนี่ยนะ แล้วนี่นายเป็นบ้าอะไรอยู่ไม่ทราบ?”
“ไม่ ฉันได้ยินเสียงของโหรวโหรว!” จิ่งเป่ยเฉินไม่อาจสงบจิตใจลงได้ เขารีบคว้าเสื้อสูทที่ถอดไว้ด้านหลังของเก้าอี้และพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ “ตอนนี้นายอยู่ไหน? ฉันจะไปหา!”
ถังซั่วลุกขึ้นและเหลือบมองไปที่ป้ายด้านหน้าของเขา ก่อนที่จะยกมุมปากขึ้นและพูดไปว่า “อยู่ที่ KFC ทางด้านขวาของโรงเรียนอนุบาลสีรุ้งประมาณร้อยเมตร ทิศทางซ้ายของถนนจือเหยียน จะมาเหรอ?”
ทันทีที่รายงานที่อยู่ไป ไม่นานก็มีเสียงโวยวายที่ปลายสายของโทรศัพท์ดังขึ้น ไม่ช้าสายก็ถูกวางไปดังบี๊บ
ถังซั่วไม่เข้าใจว่าพี่ชายของตนคิดจะทำอะไรกันแน่ ก่อนจะครุ่นคิดภายในดวงตาที่เป็นสีพีชเหมือนดอกท้อก็เต็มไปด้วยความสงสัย สุดท้ายก็นั่งรอในร้าน KFC รอให้คนๆนั้นมาถึงเท่านั้นเอง
ในบริษัทสกุลจิ่ง จิ่งเป่ยเฉินกำลังเปิดประตูห้องทำงานด้วยสีหน้าที่จริงจังและเดินออกไปด้วยท่าที่เคร่งเครียด
เลขาหลินรีบเดินไปข้างหน้าและพูดกับเขาว่า “ประธานจิ่ง อีกสิบนาทีจะถึงช่วงเวลาเจรจากับผู้อำนวยการหลี่แห่งสกุลเห่อแล้วนะคะ ไม่ทราบว่าคุณจะไปไหนเหรอ?”
“หลีกไป! เรื่องคุยกับผอ.หลี่อะไรนั้น เธอก็จัดการแทนฉันซะ” จิ่งเป่ยเฉินขมวดคิ้วขึ้นดวงตาแทบไม่มองสบตา และรีบเดินเข้าไปในลิฟต์ส่วนตัวทันที
“ประธานจิ่ง ไม่ได้นะคะ ประธานจิ่ง….” เลขาหลินหัวใจแทบกระโดดรุนแรง ก่อนหน้านั้นรีบจัดการสถานที่ประชุมหลายๆครั้ง จนกระทั้งเมื่อได้ยินก็ทำตัวอะไรไม่ถูก
ซึ่งครั้งนี้การประชุมก็ค่อนข้างที่จะสำคัญ และก็ได้เตรียมตัวมาเป็นเวลานานพอสมควร แต่เมื่อหัวหน้าของเธอคิดจะหายไป เธอที่เป็นเลขาจะได้ทำอะไรได้อีกกัน!
……
จิ่งเป่ยเฉินลงมาที่ลานจอดรถ และบังเอิญได้พบพบกับฉีเซิ่งเทียนเข้า เขาเข้ามาที่นี่เพื่อมารายงานเรื่องภายในบริษัทจิ่ง เมื่อฉีเซิ่งเทียนเห็นจิ่งเป่ยเฉิน ก็กำลังจะเอ่ยปากหยอกล้อพูดคุย แต่กลับพบเห็นเพียงแค่จิ่งเป่ยเฉินเดินผ่านเขาไปเท่านั้น
ฉีเซิ่งเทียนขมวดคิ้วขึ้น ยื่นมืออกไปที่เพื่อจะหยุดเขา “นี่นายรีบไปทำอะไรเนี่ย”
เขาก้มศีรษะลงและเล็กน้อย ก่อนจะมองที่ตัวเอง วันนี้เป็นวันที่พูดคุยเรื่องการค้าหยก มันไม่ควรจะปล่อยให้ตัวหลักหายไปแบบนี้
“เซิ่งเทียน โหรวโหรวกลับมาแล้ว ฉันกำลังจะไปหาเธอ!”
จิ่งเป่ยเฉินทนรอแทบไม่ไหว ก่อนจะสลัดแขนของฉีเซิ่งเทียนและรีบเดินไปที่รถเพื่อเปิดประตูเข้าไป
มีเพียงตัวเขาเองเท่านั้นที่รู้ ว่าฝ่ามือของเขาในยามนี้ชุ่มไปด้วยเหงื่อที่เกิดจากความประหม่า
“ผู้หญิงคนนี้ไม่น่าจะกลับมาหรอก นายมีสติได้แล้ว!” ฉีเซิ่งเทียนรีบหยุดอยู่ที่หน้ารถของเขา ไม่สนใจว่าจิ่งเป่ยเฉินจะฝ่าชนออกไปหรือไม่
จิ่งเป่ยเฉินเองก็สตาร์ทรถขึ้น สีหน้าเคร่มขรึมและกัดปากก่อนจะพูดไปว่า “หลีกไป!”
“ฉันไม่ปล่อยให้นายไปหรอก ถ้านายจะไปก็ขับผ่านฉันไปสิ!”
ฉีเซิ่งเทียนขบฟันแน่น ในใจคิดว่า จะปล่อยให้น้องชายของตนเจอแบบนี้ เขาก็ต้องงัดมันสักครั้งนึงดู
จิ่งเป่ยเฉินหรี่ตาลงเล็กน้อย ก่อนจะเอามือทั้งสองข้างจับไปที่พวงมาลัยอย่างแน่นหนา และถอยรถออกไปก่อนชั่วคราว และเตรียมที่จะพุ่งไปข้างหน้า
รถถูกเร่งออกไปเสียจนแทบจะไม่มีจังหวะเหยียบเบรกเลยแม้แต่น้อย
“บ้าเอ้ย!” ฉีเซิ่งเทียนรีบพลิกหลบตัวเองโดยทันที ก่อนจะลุกขึ้นมาตั้งหลัก “จิ่งเป่ยเฉิน แม่เอ็งเถอะทำเพื่อผู้หญิงคนเดียวแบบนี้ นายคิดจะทำตัวแบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่”
*****