อัจฉริยะตัวน้อยกับคุณพ่อสุดโฉด – ตอนที่ 87 ลูกพี่ใหญ่รู้สึกชื่นชอบ + ตอนที่ 88 มีหรือที่เขาจะนิ่งเฉยเอาไว้

ตอนที่ 87 ลูกพี่ใหญ่รู้สึกชื่นชอบ

อันโหรวตกใจเล็กน้อย ก่อนจะรีบเอ่ยปฏิเสธ “วันนี้ค่อนข้างดึกแล้ว สามีกับลูกของฉันน่าจะรอฉันกลับบ้านอยู่ เอาไว้โอกาสหน้าจะเชิญประธานจิ่งนะคะ”

หลังจากพูดจบ เธอก็รีบปลดเข็มขัดนิรภัยออกด้วยความรวดเร็ว ก่อนจะเตรียมพร้อมลงจากรถไป

“อย่าขยับนะ”

เสียงที่เย็นยะเยือกดังชัดเจนจนทำให้ผู้คนที่ได้ฟังต่างก็รู้สึกกดดัน

อันโหรวถึงกับหยุดการเคลื่อนไหวราวกับเชื่อฟังทันที

ชายคนนั้นเปิดประตูรถลงและเดินไปยังทิศทางของอันโหรว ก่อนจะเปิดประตูรถฝั่งเธอขึ้น ไม่ช้าก็ก้มลงอุ้มเธอลงออกจากรถโดยทันที ท่วงท่าและการกระทำล้วนแล้วเกิดขึ้นในพริบตา

“ขาของคุณเจ็บ ควรจะพักฟื้นให้ดีๆ ส่วนพรุ่งนี้ก็…..”

เขากำลังจะพูดบอกไปว่าพรุ่งนี้ก็พักผ่อนอยู่บ้านเถอะ แต่อันโหรวก็รีบโบกไม้โบกมือไปมาและเอ่ยประโยคขึ้น “แค่เจ็บตรงผิวหนัง ไม่ได้ร้ายแรงอะไร พักผ่อนสักเล็กน้อยก็ดีขึ้นแล้วค่ะ”

จิ่งเป่ยเฉินเม้มรีมฝีปาก เขารู้ดีว่าผู้หญิงคนนี้ค่อนข้างดื้อรั้น พูดเท่าไหร่ก็ไม่เคยฟัง เขาจึงไม่เอ่ยอะไรอีก

“ประธานจิ่งค่ะ ฉันจะกลับแล้ว คุณก็รีบกลับไปเถอะ ขับรถดีๆนะคะ” อันโหรวยิ้มและโบกมือให้ ก่อนจะเดินไปยังอพาร์ตเมนต์ นี่เป็นครั้งแรกที่เธอพูดกับจิ่งเป่ยเฉินเยอะขนาดนี้

มันปิดบัง ซ่อนความกังวลเอาไว้ไม่ได้

ริมฝีปากของจิ่งเป่ยเฉินโค้งขึ้นมาเล็กน้อย รอยยิ้มปรากฏมาบนใบหน้า มันเป็นรอยยิ้มที่เขาหลงใหลเคลิบเคลิ้ม

มันปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ตัวเขาที่เป็นเจ้านายที่ดูโหดเหี้ยม ตอนนี้เหมือนกับว่าจะพ่ายแพ้เพราะความห่วงใจที่ถูกเอ่ยออกมาแค่นี้

เมื่อเขามองไปยังร่างของเธอที่กำลังเดินขึ้นไปที่ประตูอพาร์ทเมนต์ และทำท่าที่จะหยิบกุญแจออกมาไข เขาเองก็เตรียมพร้อมที่จะกลับไปนั่งบนรถทันที

แต่ในช่วงเวลาต่อมานี่เอง…..

เมื่อประตูของอพาร์ทเมนต์ก็ถูกเปิดออกขึ้น อันหยางที่อยู่ด้านในก็รีบวิ่งออกมาอย่างรวดเร็ว ก่อนจะกระแทกเข้าไปที่แขนของอันโหรว

อันหน่วนที่หลับไปแล้ว อันหยางก็ทนรออย่างใจจดใจจ่อ แต่ก็เริ่มจะทนไม่ไหว คิดจะออกไปดูสักครั้งว่าแม่ของตนนั้นกลับมาแล้วรึยัง

เด็กชายตัวน้อยเงยหน้าขึ้นมา ก่อนจะขยี้ตาอย่างช้าๆ ราวกับไม่เชื่อสิ่งที่เห็นตรงหน้า “แม่จ๋า ในที่สุดแม่จ๋าก็กลับมาเสียที ถ้าแม่ไม่กลับมาอีกละก็ น้าจื่อเซี๋ยวได้ร้องไห้ตายแน่ๆ”

เสียงของอันหยางดังเข้ามาในหูของจิ่งเป่ยเฉิน ที่กำลังจะเปิดประตูรถขึ้น ไม่ช้ามือของเขาก็หยุดจับทันที ก่อนที่หัวใจของเขานั้นจะพลันเต้นขึ้นอย่างรวดเร็ว

มันเหมือนกับว่ามีอะไรบางอย่าง ทำให้เขารู้สึกวูบวาบขึ้นในใจ

จิ่งเป่ยเฉินคิดจะหันกลับไปมอง ก็เห็นเพียงแค่ขาของเด็กน้อยตัวเล็กที่ถูกอันโหรวบัดบังเอาไว้

“หยางหยาง รีบเข้าไปข้างในเร็วเข้า” อันโหรวรู้ว่าจิ่งเป่ยเฉินยังไม่ได้ไปไหน เธอก็รีบตื่นตัว ก่อนจะเอื้อมมือผลักไปยังลูกชายของเธอให้เข้าไปในบ้าน

อันหยางแน่นอนไม่ได้รู้เรื่องอะไรก็ถูกดันเข้ามาเสียแล้ว เมื่อเข้ามาข้างในทั้งคู่ ประตูบ้านก็ถูกปิดขึ้น ช่วงขณะที่ประตูกำลังจะถูกปิดนั้นเอง อันหยางได้เหลือบเห็นจิ่งเป่ยเฉินที่ช่องว่างๆแคบของประตูเข้า

ที่แท้เป็นเจ้าลุงนิสัยไม่ดีคนนั้น นี่เขาถึงขนาดมาส่งแม่จ๋าเลยยังงั้นเหรอ?

เด็กชายตัวน้อยขมวดคิ้วขึ้น ก่อนจะตกอยู่ในห้วงความคิด

ที่นอกอพาร์ทเม้นท์ จิ่งเป่ยเฉินยังไม่ทันได้เห็นตัวของอันหยาง เขาก็เริ่มส่ายหัวไปมา สลัดความรู้สึกนึกคิดแปลกๆในใจของตน ก่อนจะเปิดประตูขึ้นรถ เมื่อมานั่งอยู่ในรถ เขาก็รู้สึกว่าตัวเองพลาดอะไรไปรึเปล่า ก่อนจะเหลือบหันกลับมามอง

ภายในอพาร์ตเมนต์ หลินจื่อเซี๋ยวเมื่อเห็นอันโหรว ดวงตาของเธอก็เป็นสีแดงและมีน้ำตาคลอไหลออกมา “โหรวโหรว ในที่สุดเธอก็กลับมาเสียที นึกว่าเธอจะไม่กลับมาซะแล้ว ถ้าเธอไม่กลับมาฉันจะแจ้งตำรวจจริงๆด้วย”

อันโหรวรู้ดีว่าหลินจื่อเซี๋ยวนั้นเป็นห่วงมากแค่ไหน เพื่อนของเธอคนนี้ค่อนข้างกังวลเกี่ยวกับตัวเธอเป็นอย่างมาก อันโหรวเอื้อมมือเข้าไปกอดหลินจื่อเซี๋ยว ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ฉันไม่เป็นไรแล้ว จื่อเซี๋ยวผ่อนคลายลงนะ ฉันผ่านอะไรมาตั้งเยอะแยะแล้ว ไหนเลยจะตายง่ายๆกันล่ะ”

หลังจากที่เธอพูดจบ ก็ค่อยๆเอามือมาซับน้ำตาที่ไหลหลินออกมาจากเบ้าตาของหลินจื่อเซี๋ยว และเอนตัวไปกระซิบที่หูของเพื่อนรักตน “เรื่องที่ฉันถูกลักพาตัว หยางหยางกับหน่วนหน่วนรู้รึเปล่า?”

หลินจื่อเซี๋ยวเมื่อได้ยิน หัวใจก็กลับเต้นรัวๆมากขึ้นทันที

“ลูกของเธอฉลาดมาก ทันทีที่ฉันรู้สึกเป็นกังวล ก็เลย…” หลินจื่อเซี๋ยวรู้สึกอึดอัด ก่อนจะขยำไปที่เสื้อผ้าของตนอย่างไม่สบายใจ “ฉันบอกแค่หยางหยางคนเดียว ส่วนหน่วนหน่วนไม่ได้พูดอะไรเลย”

อันโหรวใจเต้นรัวๆ เมื่อลูกชายของตนรู้เรื่องที่เธอถูกลักพาตัว มีหวังคืนนี้คงได้ถูกสอบสวนแน่ๆ

แต่ทว่าเรื่องราวกลับไม่ใช่อย่างที่คิด อันหยางไม่ได้เอ่ยถามอะไรสักคำ แต่กลับดูแลแม่จ๋าอย่างเป็นห่วง ทั้งยังคอยเอาน้ำอุ่นมาให้ และจัดเตรียมจานผลไม้เอาไว้ให้แม่จ๋ากินอีกที่ห้องครัว

“แม่จ๋า แม่เจ็บเท้ารึเปล่าครับ?” เด็กชายตัวน้อยนั่งข้างๆอันโหรว ดวงตาของเขากลมโตแฝงไว้ด้วยความเป็นกังวล

อย่างไรก็แล้วแต่ตัวของเขานั้นยังเป็นแค่เด็กน้อย แม้ตัวเองจะกำหมัดแน่น คิดอยากดูบาดแผลที่แม่ของตนบาดเจ็บ แต่ก็กลับว่ายิ่งดูก็จะยิ่งทำให้แม่ของตนต้องบาดเจ็บมากขึ้น

หลินจื่อเซี๋ยวพยักหน้าและเห็นด้วย “ผ้าก็อชหนาซะขนาดนี้ ดูท่าคงได้รับบาดเจ็บหนักเลยสินะ เจ็บรึเปล่า?”

อันโหรวเหลือบมองไปยังเท้าของเธอ ที่ตอนนี้ถูกผ้าก๊อซพันเอาไว้ด้วยฝีมือของจิ่งเป่ยเฉิน ที่ดูค่อนข้างหนาพอสมควร ตัวเธอเองรับรู้ได้ว่าไม่ได้บาดเจ็บร้ายแรงมากอะไร แต่ลูกพี่ใหญ่เล่นพันให้เธอซะแบบนี้มันก็ออกจะเกินไปด้วยซ้ำ

แต่คำพูดที่อยู่ในใจตน ถ้าหากถูกจิ่งเป่ยเฉินได้ยินเข้าละก็….

เธอคงตัวสั่นทำอะไรไม่ถูกแน่ๆ

…………………………..

ตอนที่ 88 มีหรือที่เขาจะนิ่งเฉยเอาไว้

“ไม่ต้องกังวลไปหรอก เพียงแค่ตกหลุมเท่านั้นเอง” อันโหรวลุกขึ้น ก่อนจะลูบหัวของเด็กชายตัวเล็ก อันโหรวพูด “หยางหยาง รีบไปนอนได้แล้ว เด็กดีไม่ควรนอนดึกนะ”

เจ้าเด็กตัวเล็ก เลิกคิ้วขึ้นแล้วลงจากโซฟาอย่างเชื่อฟัง “แม่จ๋าฝันดีครับ น้าจื่อเซี๋ยวฝันดีครับ”

อันโหรวมองดูลูกชายเธอเข้าไปในห้อง ก่อนจะหันหน้าไปยังหลินจื่อเซี๋ยว ก่อนจะคิดเอ่ยปากบอกให้เธอไปพักผ่อน เพียงแต่หลินจื่อเซี๋ยวก็รีบยื่นมือออกมา ก่อนจะเกาหัว แกร่กๆ และพูดขึ้น “ต่อให้ทำตัวเข้มแข็งกับคนอื่นก็ช่างเถอะ อยู่กับฉันไม่ต้องเกรงใจนักหรอก อยากไปอาบน้ำรึเปล่า? ฉันจะได้พาเธอไป หรือจะให้ฉันอาบน้ำให้เธอด้วยเลย?”

อันโหรวภายในรู้สึกซาบซึ้ง เธอคิดอยากจะไปอาบน้ำอยู่แล้ว เธอค่อนข้างรู้สึกอึดอัด เนื่องจากตอนนี้เนื้อตัวก็มอมแมมสกปรก เหงื่อก็ไหลไปทั่วตัว เหนียวเหนอะหนะไปหมด

“ไปเถอะ ฉันจะใส่น้ำให้เธอแล้วค่อยออกมา”

หลินจือเซี๋ยวพูดไปขณะที่ประคองอันโหรวเข้าไปในห้องอาบน้ำ ในห้องมีอ่างอาบน้ำอยู่ เธอเปิดน้ำก่อนจะปรับอุณหภูมิให้คงที่ หลังจากนั้นหลินจือเซี๋ยวก็ประคองตัวเธอเข้าไปในห้องต่อ ก่อนจะถอนหายใจออกมาหนึ่งครั้ง “น้ำอุ่นได้ที่แล้ว เธออาบเสร็จแล้วเรียกฉันนะ”

อันโหรวจับมือของเพื่อนเธอ และพูดขึ้นว่า “ไม่ต้องหรอก ขอแค่….”

สีหน้าของหลินจื่อเซี๋ยวพลันเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียด ก่อนจะขัดคำพูดของอันโหรวขึ้น “อยู่กับฉันไม่ต้องเกรงใจหรอก หลังจากนี้ฉันอาจจะเจอเรื่องแบบนี้เข้า พอถึงตอนนั้นค่อยเปลี่ยนให้เธอมาดูแลฉันก็พอ”

เมื่อพูดจบ เธอก็ดึงมือออกมา ก่อนจะเดินออกไปจากประตูห้องน้ำ

อันโหรวเมื่ออยู่ข้างใน ก็ถอดเสื้อผ้าออก ก่อนจะแตะไปยังกระเป๋าเสื้อ จู่ๆเธอก็นึกขึ้นได้ว่าโทรศัพท์ของเธอนั้นหายไปแล้ว!

อันโหรวที่นั่งรออยู่ในอ่างอาบน้ำ เธอหลับตานึกถึงครั้งสุดท้ายที่หยิบโทรศัพท์ออกมา ตอนนั้นเธอกำลังโทรคุยกับหลินจื่อเซี๋ยว และหลังจากนั้นก็เป็นลมหมดสติไป

ยิ่งคิดเท่าไหร่ก็ยิ่งวิตกกังวลมากขึ้น ในโทรศัพท์ของเธอมีหลายสิ่งหลายอย่างอยู่เยอะมาก ถ้าหากมีคนอื่นหยิบไปเธอเองก็ไม่ได้กังวลเท่าไหร่นักหรอก แต่ถ้าหากเป็นคนรู้จักหยิบไปนี่สิ….

เพราะในนั้นมีรูปภาพที่เธอถ่ายออกมา โดยไม่ได้ผ่านการแต่งหน้าปรับแต่งหน้าตาแต่อย่างใด…..

เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ เธอก็รีบลุกขึ้น ดึงผ้าขนหนูพันรอบตัว ก่อนจะกระโดดออกไปจากห้องน้ำด้วยเท้าข้างเดียว

หลินจื่อเซี๋ยวที่กำลังรออยู่ด้านนอก เมื่อเห็นอันโหรวออกมา เธอก็รีบลุกขึ้นเพื่อพยุงตัวเพื่อนทันที “ทำไมอาบน้ำเร็วจัง ถ้าทำไม่ได้ทำไมไม่เรียกฉันไปช่วย?”

อันโหรวไหนเลยจะสนใจเรื่องพวกนี้ สักพักเธอก็จับมือเพื่อนของตอย่างแน่น และพูดออกไปอย่างจริงจังว่า “จื่อเซี๋ยว โทรศัพท์มือถือของฉันอยู่กับเธอรึเปล่า?”

“ฉันยังไมได้เห็นโทรศัพท์มือถือเธอเลยนะ” หลินจื่อเซี๋ยวส่ายหัว เมื่อเห็นท่าทีที่จริงจังของเพื่อนรัก มันก็ทำให้อันโหรวเกิดความตึงเครียด หลินจื่อเซี๋ยวเห็นท่าทีแบบนี้จึงรีบไถ่ถามออกไป “เป็นอะไรไป? โทรศัพท์หายก็ซื้อใหม่ได้ ถ้าเธอไม่มีเงิน ฉันซื้อให้ก็ได้นะ”

อันโหรวขมวดคิ้ว ภายในใจรู้สึกกระวนกระวายขึ้นทุกที “ในโทรศัพท์ฉันมีหลายอย่างที่ค่อนข้างสำคัญ แย่แน่ ถ้าหากมีคนรู้จักหยิบไปละก็ซวยแน่ๆ!”

หลินจื่อเซี๋ยวเห็นอันโหรวตื่นตระหนกขนาดนี้เป็นครั้งแรก ก็ไม่รู้จะปลอบเธออย่างไรดี ก่อนจะก้มศีรษะลงเล็กน้อยเพื่อคิดถึงเรื่องนี้ สักพักนึง ดวงตาของหลินจื่อเซี๋ยวก็เป็นประกาย ก่อนจะพูดเสียงดังไปว่า “เป็นประธานจิ่ง! โทรศัพท์มือถือของเธออาจจะถูกประธานจิ่งหยิบไปก็ได้นะ!”

“อะไรนะ?” อันโหรวจับไปที่ไหล่ของเพื่อนรักทันที ก่อนจะเขย่าเล็กน้อย ใบหน้าที่ขาวๆ ตอนนี้กลับมีเส้นเลือดบูดโบนขึ้นมาเล็กน้อย

ถ้าเกิดเป็นจิ่งเป่ยเฉินได้เห็นความลับที่อยู่ในโทรศัพท์แล้วละก็ เป็นไปได้ว่าเขาจะรู้เรื่องทุกอย่าง และพอถึงตอนนั้นเองก็…..

เธอไม่กล้าแม้แต่จะคิด เพราะว่าผลลัพธ์ที่จะตามมาต้องร้ายแรงน่าดู

หลินจื่อเซี๋ยวเมื่อเห็นเพื่อนของตนเคร่งเครียด ทั้งยังดูตึงเครียดอยู่ตลอดเวลา เธอจึงเอ่ยประโยคพูดขึ้น “บางทีอาจจะไม่ใช่ประธานจิ่งหยิบโทรศัพท์ไปก็ได้นะ ฉันแค่เห็นเขาออกจากชั้นใต้ดิน ช่วงเวลานั้นเขาก็ถามว่าคลาดกับเธอตอนไหน บางทีเขาอาจจะเห็นโทรศัพท์ของเธอ แต่ไม่ได้ทำอะไรก็นี่หน่า”

อันโหรวพนมมือก่อนจะหลับตาและอธิษฐานในใจไป

แต่คำอธิษฐานของเธอก็ต้องไร้ผล เพราะตอนนี้โทรศัพท์ของเธออยู่จิ่งเป่ยเฉินไปแล้ว และตอนนี้กำลังจะเปิดมันเล่นออกมา ช่วงเวลาก่อนหน้านั้นเขาก็มัวแต่ยุ่งจนลืมคืนโทรศัพท์คืนให้แก่อันโหรว

จิ่งเป่ยเฉินตอนนี้ที่กำลังนอนไปบนเตียง ชุดนอนสีดำของเขาเปิดกระดุมขึ้น เผยให้เห็นแผงหน้าอกสีขาวที่ดูบึกบันแข็งแรง ผมสีดำปกปิดไปที่หางคิ้วที่เหมือนกับดาบของเขาเล็กน้อย ท่าทีตอนนี้เหมือนกับคนขี้เกียจในคราบราชสีห์ที่ไม่ยอมขยับไปไหน

เขากำลังถือโทรศัพท์ด้วยมือข้างเดียว ก่อนจะเม้มริมฝีปากอย่างชั่วร้าย และเปิดปุ่มเปิดเครื่อง ทันใดนั้นแสงสีฟ้าจากจอโทรศัพท์ก็กระทบไปที่ใบหน้าของเขาอย่างเจิดจ้า

โทรศัพท์สามารถเป็นที่ที่เก็บซ่อนความลับไว้ทั้งหมดได้ แม้เขาจะรู้สึกไม่ค่อยดี แต่ตอนนี้โทรศัพท์ของอันอีหานอยู่ในมือเขา มีหรือที่เขาจะนิ่งเฉยเอาไว้

บางที ข้างในโทรศัพท์ อาจจะช่วยให้เขาไขข้อสงสัยหลายอย่างได้

อัจฉริยะตัวน้อยกับคุณพ่อสุดโฉด

อัจฉริยะตัวน้อยกับคุณพ่อสุดโฉด

Status: Ongoing
อ่านเรื่อง อัจฉริยะตัวน้อยกับคุณพ่อสุดโฉดตอนที่ 1 ฉันเป็นเจ้าสาวของคุณ ภายในเรือเดินสมุทรที่ค่อนข้างหรูหรา ในตอนนี้ได้มีการจัดพิธีแต่งงานขึ้น อันโหรวกำลังมองไปยังคู่รักคู่หนึ่งด้วยสีหน้าและแววตาที่เย็นชา ชุดเดรสสีฟ้าที่เธอสวมใส่อยู่นั้นพลิ้วไหวไปกับสายลม “หยุดก่อน!” เธอตะโกนหยุดพิธีแต่งงานที่ดูไร้สาระนั่น ทำให้ทุกคนที่อยู่ในงานต่างจับจ้องมาที่ตัวเธอ “ผู้หญิงคนนี้เป็นใครกัน? ทำไมถึงได้มายืนอยู่ตรงหน้าบ่าวสาวแบบนี้?” “หรืออาจจะเป็นคนรักของคุณชายโอวหยาง? แล้วทำไมถึงได้มาอยู่ที่นี่กัน?” ซุ่มสียงทั้งหมดดังเข้ามาในหูของเจ้าสาวอย่างเหลียวเว่ย รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอนั้นแข็งทื่อขึ้นมาทันที หัวใจก็เต้นโครมครามไม่หยุด เมื่อหันหน้าไปสบตากับผู้หญิงที่อยู่ตรงข้าม หัวใจของเธอก็ดำดิ่งลงไปเสียยิ่งกว่าอะไร คงไม่มีใครโง่พอที่จะปล่อยให้อดีตคู่รักมาสร้างปัญหาในพิธีแต่งงานหรอก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงในช่วงเวลานี้ เธอพร้อมที่จะทำลายทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อให้มันพังลง! “โหรวโหรว…” โอวหยางลี่ปล่อยมือของเหลียวเว่ยทันที เขาหันไปอย่างไม่แยแสต่อสายตาของผู้คนภายในงาน รอยยิ้มบนใบหน้าของเขานั้นเต็มไปด้วยความอ่อนโยนอย่างถึงที่สุด ลียวเว่ยรู้สึกเป็นกังวลใจ เธอจึงรีบยื่นมือไปคว้าเขาไว้ “ลี่ ฉันเป็นเจ้าสาวของคุณนะ ในตอนนี้ตระกูลของอันได้ตกต่ำลงไปแล้ว” เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล แต่ทว่ามือที่จับแขนของเขานั้นกลับเต็มไปด้วยแรงที่ค่อนข้างมาก

Comment

Options

not work with dark mode
Reset