ตอนที่ 95 แม่จ๋าไม่รักหน่วนหน่วนแล้ว
อันโหรวขมวดคิ้วยุ่ง หัวใจพลันเต้นแรงขึ้นมาซะดื้อ ๆ จึงได้เอ่ยถามลูกชายไปเบา ๆ ว่า “ก่อนหน้านั้นหน่วนหน่วนได้พูดอะไรแปลก ๆ บ้างหรือเปล่า?”
อันหยางเริ่มคิดอย่างจริงจัง ก่อนจะพยักหน้าแบบไม่ลังเล “ก่อนหน้านั้นหน่วนหน่วนบอกให้ผมพาน้องไปหาคุณลุง แต่ผมไม่ได้ตอบอะไร จากนั้นน้องก็ไม่ได้พูดอะไรอีก แล้วทุกอย่างก็เป็นแบบนี้”
อันโหรวเข้าใจทันทีที่ได้ฟังจบ บางทีหน่วนหน่วนอาจจะไปหาจิ่งเป่ยเฉิน !
แต่เธอก็เพิ่งจะออกมาจากบริษัทจิ่ง ก่อนหน้านั้นก็ไม่เห็นหน่วนหน่วนเลยนะ
ในขณะที่อันโหรวกำลังขมวดคิ้ว หลินจื่อเซี๋ยวก็ได้โทรเข้ามาพอดี นั่นน่าจะเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงอะไรบางอย่าง
“โหรวโหรว เธอรีบมาหาฉันเร็ว หน่วนหน่วนไม่รู้ว่ามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง!” หลินจื่อเซี๋ยวจับอันหน่วนไว้ด้วยมือหนึ่งข้าง ส่วนอีกข้างก็ถือโทรศัพท์พูดคุยกับอันโหรว
หลินจื่อเซี๋ยวไม่รู้เลยว่าอันโหรวกลับบ้านไปนานแล้ว
อันหน่วนที่ตอนนี้กำลังดิ้นไปมาอยู่ในอ้อมแขนของหลินจื่อเซี๋ยวเอ่ยด้วยเสียงอันดังขึ้นว่า “แม่จ๋า หนูมาหาแม่กับน้าจื่อเซี๋ยว และคุณลุงก็อยู่ที่นี่ด้วยแหละ”
ถูกต้อง จิ่งเป่ยเฉินเองก็อยู่ที่นี่ด้วย เมื่อเขาทราบเรื่องก็ได้ออกมาหาอันหน่วนทันที ภูเขาน้ำแข็งที่เย็นชาสุดท้ายก็ละลายลง เขาเข้าไปอุ้มอันหน่วนมาจากอ้อมแขนของหลินจื่อเซี๋ยว เขาไม่รู้เลยว่ายัยหนูตัวเล็กคนนี้อยากได้อะไรกันแน่ แต่ภาพที่เกิดขึ้นนี้ทุกคนล้วนเห็นได้อย่างชัดเจน
หลินจื่อเซี๋ยวรู้สึกเหมือนมีเหงื่อเย็น ๆ ไหลลงมาจากหน้าผาก ก่อนจะกระซิบกับคนในสายเบา ๆ ว่า “เธอรีบมาหน่อย ตอนนี้ประธานจิ่งอุ้มหน่วนหน่วนเข้าไปในห้องทำงานแล้ว”
อันโหรวกัดฟันแน่น ก่อนจะมองไปที่อันหยาง “หยางหยาง เจอน้องสาวแล้ว น้องอยู่ที่บริษัทแม่ หนูเฝ้าบ้านไปก่อนนะ วางใจได้เลย แม่จะไปรับหน่วนหน่วนกลับมาเดี๋ยวนี้”
อันหยางส่ายหน้าพลางพูดว่า “ผมก็จะไปกับแม่จ๋าด้วย”
อันโหรวอุ้มลูกชายของตนเข้าไปในห้องและวางลงบนโซฟา ก่อนจะทำหน้าบูดบึ้งออกไป “แม่จ๋าเหนื่อยมากแล้วนะลูก หยางหยางช่วยฟังแม่หน่อยได้ไหมคะ อยู่บ้านไปก่อนนะ”
อันหยางเม้มริมฝีปากแน่น แต่สุดท้ายก็ยอมพยักหน้าแต่โดยดี
เมื่อจัดการเรื่องลูกชายเสร็จแล้ว อันโหรวก็รีบกลับไปที่บริษัท ความโกรธในใจเริ่มทวีคูณมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อถึงบริษัทเธอจึงรีบเดินกะเผลก ๆ ขึ้นลิฟต์ไปที่ชั้น 15 อย่างรวดเร็ว
หลินจื่อเซี๋ยวไม่อาจวางใจลงได้ เมื่อเห็นอันโหรวมาจึงรีบวิ่งเข้าไป “เป็นยังไงบ้าง นี่แค่ผ่านไปครึ่งชั่วโมงเองนะ”
“หยางหยางกลัวมาก ฉันเลยต้องกลับบ้านไปก่อน” อันโหรวพูดอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องทำงานของท่านประธาน เธอเคาะประตูสองครั้งพลางเอ่ยบอกคนที่อยู่ด้านใน “ประธานจิ่งคะ ฉันอันอีหาน ขออนุญาตเข้าไปในห้องนะคะ”
“เชิญ”
เมื่ออันโหรวเปิดประตูเข้าไปก็เห็นอันหน่วนนั่งอยู่บนตักของจิ่งเป่ยเฉิน และเมื่อเด็กตัวน้อยเห็นอันโหรว ใบหน้าก็พลันเปลี่ยนเป็นยิ้มแย้มและพูดขึ้นทันทีว่า “แม่จ๋า…….”
อันโหรวโกรธจนแทบลืมหายใจ เธอไม่รอช้ารีบเดินเข้าไปหาประธานจิ่งและอุ้มอันหน่วนออกมาจากตักของเขา วางให้เธอยืนบนพื้นก่อนจะดุอย่างเข้มงวด “หนูออกมาโดยไม่บอกพี่ชาย ไม่บอกแม่ พี่ชายของหนูกังวลจนร้องไห้ใหญ่โต ทำไมหนูถึงได้มีนิสัยเอาแต่ใจแบบนี้”
อันหน่วนเมื่อได้ยินแม่ดุ น้ำตาก็พลันไหลออกมาทันที จมูกเล็ก ๆ กลายเป็นสีแดงก่ำ “แม่จ๋า แม่ดุหนูอีกแล้ว แม่จ๋าไม่รักหน่วนหน่วนแล้ว”
จิ่งเป่ยเฉินใบหน้าเคร่งเครียดลงเล็กน้อย เขามองไปที่อันโหรวด้วยท่าทีที่เย็นชา ก่อนจะลุกขึ้นมาอุ้มอันหน่วนเข้าไปไว้ในอ้อมแขนอีกครั้ง และพูดขึ้นว่า “หน่วนหน่วน วันนี้แม่หนูคงกินดินปืนเข้าไป อย่าสนใจแม่เขาเลย”
“ประธานจิ่ง อันหน่วนคือลูกสาวของฉัน คุณช่วยเว้นระยะห่างกับเธอด้วยค่ะ” อันโหรวเอ่ยขึ้นโดยไม่สนใจลูกสาวของเธอที่อยู่กับจิ่งเป่ยเฉินเลยแม้แต่น้อย จากนั้นจึงดึงอันหน่วนออกจากอ้อมแขนของเขา
อันหน่วนยื่นมือมาผลักอันโหรวออก ก่อนจะคว้าตัวจิ่งเป่ยเฉินและกอดเขาไว้แน่น พลางทำท่าออดอ้อน “คุณลุง คุณลุงขา อุ้ม ๆ หนูไม่อยากไปกับแม่จ๋าแล้ว”
จิ่งเป่ยเฉินเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะมองไปที่อันหน่วนอย่างมีชัย เขาอุ้มอันหน่วนไว้ในอ้อมแขน พร้อมกับกวัดแกว่งไปมาอย่างช้า ๆ และนุ่มนวล
อันโหรวกัดเม้มริมฝีปากล่างแน่น หัวใจของเธอพลันเต้นอย่างรุนแรง นี่เป็นอีกครั้งที่เธอได้เห็นภาพแบบนี้ หน่วนหน่วนดูจะชื่นชอบจิ่งเป่ยเฉินมากจริง ๆ
เมื่อเห็นภาพตรงหน้า เธอก็คิดว่าสักวันลูกสาวของเธอคงจะไปจากเธอแน่ ๆ
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ มือไม้ก็พลันสั่นเทาขึ้นมาทันที เธอสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะเอ่ยประโยคที่จริงจังออกไปว่า “อันหน่วน แม่จะนับถึงสาม ถ้าหนูไม่มา แม่จะออกไป ส่วนหนูก็ไปอยู่บ้านคุณลุงเลย”
“หนึ่ง สอง….” ช่วงที่จะนับหนึ่งถึงสาม เธอพยายามลากเสียงให้นานที่สุด
………………….
ตอนที่ 96 หนูชอบคุณลุงเป็นอันดับสามเลย
“แม่จ๋า หนูจะไปกับแม่” อันหน่วนดิ้นจนหลุดออกจากอ้อมกอดของจิ่งเป่ยเฉิน ก่อนจะวิ่งไปกอดต้นขาของอันโหรวและเงยหน้าขึ้น ดวงตาของเธอตอนนี้เต็มไปด้วยน้ำตา ดูท่าการแสดงออกของอันโหรวในครั้งนี้จะรุนแรงจนทำให้ลูกสาวตัวน้อยต้องร้องไห้และเสียใจเป็นอย่างมาก
หัวใจที่หนักแน่นของอันโหรวเริ่มผ่อนคลายลง เธอก้มตัวลงและอุ้มลูกสาวขึ้นมา ก่อนจะหยิบทิชชูออกมาเช็ดน้ำตาและขี้มูกให้ลูกสาว พลางพูดด้วยเสียงอันแผ่วเบาว่า “หน่วนหน่วน ครั้งหน้าถ้าหนูจะออกไปไหนมาไหน หนูต้องบอกพี่ชายก่อนนะ หนูเป็นเด็กน้อยตัวคนเดียว ออกมาแบบนี้ แม่กับพี่ชายเป็นห่วงมากนะคะ”
อันหน่วนพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง ดวงตาและจมูกของเธอตอนนี้แดงเหมือนกับกระต่ายน้อย เธอกะพริบตาพยายามอย่างหนักเพื่อจะหยุดน้ำตาที่ไหลออกมา
เมื่อจิ่งเป่ยเฉินเห็นเหตุการณ์นี้ หัวใจของเขาก็พลันเต้นแรงแปลก ๆ ฉากความรักระหว่างแม่ลูก ใช่ว่าเขาจะไม่เคยเห็นมาก่อน แต่นี่กลับเป็นอันอีหานและอันหน่วน หัวใจของเขาจึงอดไม่ได้ที่จะเต้นรัวอย่างบ้าคลั่งแบบนี้
ถ้าหากได้เป็นครอบครัวของพวกเขา…
มันจะดีมากสักแค่ไหนกันนะ
“ประธานจิ่ง ต้องขอโทษด้วยนะคะที่ทำให้คุณเห็นเรื่องน่าขันแบบนี้” อันโหรวอุ้มลูกสาวของเธอ อารมณ์ได้เบาลงมากแล้ว ไม่ได้ขุ่นเคืองเหมือนก่อนหน้านี้ ใบหน้าจึงเผยให้เห็นความสงบก่อนจะยิ้มออกมา
อันหน่วนฟุบไปที่ไหล่ของเธอ เด็กน้อยทำท่าทางออดอ้อน อันโหรวจึงวางมือไว้บนหลังของอันหน่วนและตบเบา ๆ ก่อนจะพูดว่า “ไม่รบกวนเวลางานของประธานจิ่งแล้วนะคะ ฉันจะพาลูกสาวออกไปก่อน”
เมื่อเธอพูดจบก็เตรียมที่จะออกไปทันที แต่จิ่งเป่ยเฉินกลับยื่นมือออกมาเพื่อขวางไว้ “อย่าเพิ่งไป ผมมีอะไรจะให้คุณ”
อันโหรวที่กำลังอุ้มอันหน่วนอยู่นั้นเกิดความงุนงงขึ้นเล็กน้อย พลางมองดูเขาที่กำลังหยิบกล่องสีขาวออกมาจากลิ้นชักใต้โต๊ะทำงาน แวบเดียวเธอก็เข้าใจได้โดยทันที จึงเอ่ยออกไปว่า
“ขอบคุณประธานจิ่งที่กรุณานะคะ เพียงแต่ว่าฉันคิดว่าฉันไม่อยากได้มัน” เมื่อเธอพูดจบก็เตรียมจะเดินออกไปอีกครั้ง
“หน้าจอโทรศัพท์ของคุณแตกและยังไม่ยอมเปลี่ยนอีก คิดจะเก็บมันไว้เป็นที่ระลึกหรือยังไง หรือคิดว่าเงินเดือนของ TE น้อยเกินไป เลยไม่มีแม้แต่เงินจะเปลี่ยนโทรศัพท์ใหม่” จิ่งเป่ยเฉินเลื่อนกล่องไปที่ขอบโต๊ะทำงาน สายตาของเขานั้นดูเฉียบคมราวกับมีด เขาหยิบกล่องนั้นขึ้นมายื่นให้อันโหรว
น้ำเสียงของจิ่งเป่ยเฉินที่ดูสงบนิ่งเริ่มเบาบางลง เขาไม่ได้พูดอะไรมาก แต่ด้วยท่าทีที่นิ่ง ๆ นั้นกลับทำให้อันโหรวรู้สึกเครียดขึ้นมาเล็กน้อย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่ออุ้มอันหน่วนอยู่ในอ้อมแขน เธอรู้ดีว่าลูกสาวของเธอชื่นชอบจิ่งเป่ยเฉินมาก มันเลยทำให้เธอยิ่งกังวลและหวาดกลัวมากขึ้น แต่ในใจลึก ๆ กลับมีความสุขอย่างน่าประหลาด
ลูกสาวชอบพ่อของเธอ แน่นอนนี่นับว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้อง ซ้ำยังเป็นเรื่องที่น่ายินดีเป็นอย่างมากอีกด้วย
เพียงแต่ว่าสถานการณ์ของพวกเขาในตอนนี้มันยังไม่เหมาะสมกับการเปิดเผยฐานะที่แท้จริงออกไป
“ประธานจิ่ง ดูท่านจะว่างเกินไปแล้ว บริษัทจิ่งก็ออกจะใหญ่โต ถ้าหากพนักงานทุกคนได้รับแบบนี้ ประธานจิ่งคงต้องยุ่งอยู่กับการเปลี่ยนมือถือใหม่ทุกวันแน่ ๆ” อันโหรวเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล พร้อมกับตบไปที่หลังของอันหน่วนเบา ๆ
“เพราะงั้นคุณต้องถือว่ามันเป็นเกียรติยังไงล่ะ” จิ่งเป่ยเฉินเอ่ยพลางเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย มุมปากเผยอออก ก่อนจะมองไปที่อันหน่วนและพูดว่า “ทำไมคุณไม่หาสักเครื่องให้หน่วนหน่วนด้วย ถ้าหน่วนหน่วนมีเวลาว่างจะได้โทรหาคุณลุงได้ ดีหรือเปล่า?”
“ดีค่ะ! หนูชอบคุณลุงเป็นอันดับสามเลย!” อันหน่วนหัวเราะเอิ้กอ้ากก่อนจะมองเขาด้วยรอยยิ้ม แต่ก็รู้ได้ว่าแม่ของตนนั้นไม่ชื่นชอบในตัวของลุงเขาเท่าไรนักจึงรีบปิดปากเงียบ พลางเงยหน้ามองไปที่แม่จ๋าของตน “แม่จ๋า….”
ท่าทีที่โมโหของอันโหรวได้หายไปตั้งนานแล้ว เพียงแต่ว่าของที่จิ่งเป่ยเฉินให้มานั้นเธอไม่เคยคิดอยากจะได้
“แม่จะซื้อให้หนูละกัน แล้วก็ต้องซื้อให้พี่ชายด้วย” เธอไม่ได้มองไปที่จิ่งเป่ยเฉินเลยแม้แต่น้อย พูดจบก็อุ้มอันหน่วนและเดินออกไปจากห้องทำงานของเขาทันที
เมื่อประตูห้องทำงานปิดลง จิ่งเป่ยเฉินจึงก้มลงเหลือบมองกล่องโทรศัพท์มือถือที่ตอนนี้ยังไม่ได้ถูกแกะบนโต๊ะทำงานของตนเอง เขารู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาเล็กน้อยจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
แต่เมื่อคิดถึงสิ่งที่อันหน่วนพูดเมื่อครู่ แม้จะชอบเขาเป็นอันดับสาม แต่ก็ทำให้เขามีความสุขมากแล้ว เธอชอบเขารองลงมาจากแม่และพี่ชายเลยนะ
ผ่านไปไม่นาน จู่ ๆโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น