ตอนที่ 97 เรื่องของงานแต่งงาน ผมเองก็กังวลไม่แพ้พวกคุณหรอก
เขาหยิบโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่ด้านข้างขึ้นมา พลางมองไปที่หน้าจอโทรศัพท์ของตนเองที่ดังขึ้น เมื่อเห็นว่าสายที่โทรเข้ามาคือ เขาก็รีบกดรับทันที
“เป่ยเฉิน คืนนี้ว่างไหม? แม่นัดบอดไว้ให้ลูก” สายที่โทรเข้ามาเป็นคุณหญิงแห่งสกุลจิ่ง ซูรั่วหย่าเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูแล้วอ่อนโยนไม่ใช่น้อย
จิ่งเป่ยเฉินยังคงถือกล่องโทรศัพท์ที่ยังไม่ได้ถูกแกะไว้ในมือ พลางหมุนมันเล่นไปมา และช่วงเวลานั้นเองภายในใจเขาก็ปรากฏภาพของอันโหรวขึ้นมา จึงพูดให้ผู้เป็นแม่ได้ยินว่า “ไม่ไป”
“แกก็ใกล้จะอายุเลขสามสิบแล้ว ยังไม่คิดเรื่องนัดบอดอีก อย่าบอกนะว่าแกคิดจริงจังกับแฟนสาวข่าวลืออะไรนั่น รู้ไหมแกทำแบบนั้นจะทำให้พ่อของแกโกรธจนตายได้เลยนะ!” ซูรั่วหย่ากังวลเรื่องนี้มากพอสมควร เพราะหลายปีก่อนเคยเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น คิดไม่ถึงเลยว่าพอผ่านมาหลายปี เขาจะยังไม่เปลี่ยนความคิดที่จะไม่แต่งงาน
“อยากจะอุ้มหลานขนาดนั้น ถ้าเกิดว่ามีหลานขึ้นมาจริง ๆ ก็อุ้มกลับมา ถึงตอนนั้นคงตกใจน่าดู” จิ่งเป่ยเฉินกำโทรศัพท์แน่นขึ้น ก่อนจะเหม่อมองไปข้างหน้าด้วยสายตาที่ยากจะคาดเดา
ถ้าหากอันอีหานเป็นอันโหรวจริง ๆ อันหน่วนก็ต้องเป็นลูกของเขา ซึ่งพอถึงตอนนั้นทุกอย่างที่เกิดขึ้นก็คงน่าตกใจอยู่ไม่น้อย
“ไม่ต้องพูดให้อ้อมค้อมหรอก อีกอย่างฉันเองก็เบื่อที่จะฟังแกพูดแบบนี้แล้ว คืนนี้ไม่ว่ายังไงแกก็ต้องไปนัดบอด” ซูรั่วหย่าพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
จิ่งเป่ยเฉินพูดแบบนี้มาหลายครั้งต่อหลายครั้งแล้ว เห็นทีจะต้องพูดกันอย่างตรง ๆ เสียบ้าง
“งานผมค่อนข้างยุ่ง ผมคงต้องทำงานล่วงเวลา”
ก่อนที่เขาจะเอ่ยต่อไปอีกว่า “เรื่องของงานแต่งงาน ผมเองก็กังวลไม่แพ้พวกคุณหรอก”
“จริงเหรอ? ลูกพูดแบบนี้ค่อยวางใจหน่อย ชอบผู้หญิงคนไหนก็แค่ตามไปก็พอ สุดท้ายเขาจะอยู่ในมือลูกหรือเปล่านั้นก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของลูก” ซูรั่วหย่าเอ่ยกำชับเสร็จก็วางสายไป
ในความคิดของเขาตอนนี้ปรากฏคำว่า ‘อันโหรว’ และ ‘กำลังจะแต่งงาน’ ขึ้นมา เขาเริ่มรู้สึกสนใจคู่หมั้นของเธอมากขึ้น ไม่แน่ว่าคู่หมั้นของเธอนั้นอาจจะไม่มีใครสักคนเลยก็ได้
ตัดภาพมาที่อันโหรวและลูก ๆ
เมื่ออยู่กับลูก ๆ อันโหรวได้บอกกับเด็ก ๆ ว่าพวกเขาจะต้องเตรียมตัวไปโรงเรียนอนุบาล ซึ่งเมื่อมีมือถือก็จะสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น
เมื่อเห็นเด็กตัวเล็กทั้งสองคนจ้องไปที่มือถือ เธอก็ยิ้มบาง ๆ ก่อนจะพูดออกไปว่า “อย่าจ้องใกล้มาก มันจะทำร้ายดวงตา”
“อืม แม่จ๋าผมรู้แล้ว” อันหยางหยุดเล่นโทรศัพท์ก่อนจะวางมันลงและยื่นมือไปรับน้ำผลไม้ที่แม่ยื่นมาให้
“แม่จ๋า…..” อันหน่วนเรียกแม่พลางมองด้วยดวงตากลมโต ก่อนจะออดอ้อนและกะพริบตาปริบ ๆ อันโหรวก็เข้าใจได้ทันทีว่าลูกสาวของตนนั้นอยากร้องขออะไร
“แม่จ๋า หนูอยากได้เบอร์ของคุณลุง หนูรับปากคุณลุงไว้แล้วว่าจะโทรหา แม่จ๋า แม่ไม่อยากให้หนูกลายเป็นคนผิดคำพูดหรอกใช่ไหมคะ?”
อันหน่วนยื่นโทรศัพท์ให้กับอันโหรว
แม้ภายในใจของอันโหรวอยากหัวเราะแต่ก็หัวเราะไม่ออก ก่อนจะบอกให้ลูกอย่าติดต่อกับจิ่งเป่ยเฉิน แต่ลูกของเธอก็กลับไม่ฟัง ทั้งยังขอเบอร์โทรศัพท์ของเขาจากเธออีกด้วย
นิสัยแบบนี้ได้มาจากใครกันนะ?
“หน่วนหน่วน คุณลุงคนนั้น พวกเราไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกัน หลังจากนี้อย่าติดต่ออีกจะดีกว่านะ” อันหยางพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล เขาพยายามไม่ยั่วยุจิตใจของอันหน่วน
อันหน่วนทำหน้ามุ่ย ก่อนจะก้มหัวลงอย่างช้า ๆ “ทำไมแม่จ๋ากับพี่ชายถึงคิดว่าคุณลุงคนนั้นนิสัยไม่ดี หน่วนหน่วนคิดว่าเขาเป็นคนดีมากเลยนะ”
“คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจหรอก หน่วนหน่วน พวกเรายังเล็ก แต่เราก็ต้องมีความคิดในการแยกแยะสิ่งที่ถูกและผิด แม่จ๋าทำสิ่งที่ดีที่สุดให้เรานะ ” อันหยางเดินเข้าไปใกล้ตัวเธอ ก่อนจะเอื้อมมือไปตบที่ไหล่ของเธอเบา ๆ “แม่จ๋าไปกินข้าวเถอะ ผมอยู่นี่เอง”
อันโหรวเข้าใจถึงอารมณ์ของหยางหยาง เมื่อเห็นเธออันหน่วนทำสีหน้าแบบนี้ ภายในใจก็รู้สึกอึดอัดไม่ใช่น้อย
เธอจึงนั่งยอง ๆ ลงข้างตัวหน่วนหน่วนและเอ่ยขึ้นว่า “หน่วนหน่วนใช้โทรศัพท์ของแม่โทรหาคุณลุงคนนั้นก็ได้ นี่ถือว่าไม่ผิดคำพูดนะคะ ดีหรือเปล่า?”
“จริงเหรอคะ?” หน่วนหน่วนเงยหน้าขึ้นมอง ดวงตากลมโตสีฟ้าฉายแววตื่นเต้นออกมาอย่างเห็นได้ชัด
………………..
ตอนที่ 98 ประธานจิ่ง บุคลิกของคุณนี่มันน่ากังวลจริง ๆ
อันโหรวหยิบโทรศัพท์มือถือของเธอออกมา ก่อนจะโทรไปหาจิ่งเป่ยเฉิน เขาหวังว่าจิ่งเป่ยเฉินจะไม่รับสาย แต่แล้วเขากลับรับมันอย่างรวดเร็วอยู่ดี
“คิดถึงผมยังงั้นเหรอ?” น้ำเสียงที่เย่อหยิ่งกล่าวออกมาราวกับไม่ใส่ใจมากนัก
“ประธานจิ่ง คือมันเป็นแบบนี้ค่ะ ฉัน….” เธอยังไม่ทันได้เอ่ยอะไรต่อ หน่วนหน่วนก็พูดแทรกขึ้นมาเสียก่อน
“คุณลุงขา คุณลุง!”
“หน่วนหน่วน เขาอยากคุยกับคุณ” อันโหรวไม่รอให้เขาตอบกลับใด ๆ เธอยื่นโทรศัพท์ไปให้อันหน่วนพูดแทน
ปลายสายอีกด้านก็นั่งนิ่งตั้งใจรอฟังคำพูดของเธออย่างตั้งใจ
“ได้ค่ะ ได้ค่ะ! แต่ว่า………” อันหน่วนเงยหน้าขึ้นก่อนจะมองไปที่อันโหรวอีกครั้ง “แม่จ๋า สุดสัปดาห์หนูขอไปเล่นกับคุณลุงได้ไหมคะ?”
“ไม่ได้!” อันโหรวปฏิเสธแบบไม่ต้องคิด
จิ่งเป่ยเฉินรู้ว่าเธอมีลูกอยู่สองคน คงเป็นไปไม่ได้แน่ที่จะพาหน่วนหน่วนมาคนเดียว อีกอย่างเขายังไม่เคยเห็นหยางหยาง เลย จึงไม่สามารถพูดอะไรได้มาก
เธอจึงรีบแย่งโทรศัพท์จากอันหน่วนมาก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า “ประธานจิ่ง ขอบคุณนะคะ ลาก่อนค่ะ”
“เดี๋ยวก่อน” จิ่งเป่ยเฉินที่กำลังนั่งอยู่ในห้องทำงานรีบเอ่ยปากห้าม คำพูดของเธอยังคงดังกึกก้องอยู่
คำพูดนั้นช่างฟังดูหนักแน่นและรวดเร็ว ไม่มีแม้แต่ร่องรอยความลังเลแต่อย่างใด
การที่เธอรีบปฏิเสธอย่างรวดเร็ว ทำให้เขานั้นรู้สึกผิดหวังมากจนไม่สามารถอธิบายได้
“กังวลว่าผมจะลักพาตัวเขาหรือไง ไม่เชื่อใจผมเลยยังงั้นเหรอ?” จิ่งเป่ยเฉินเหลือบมองเวลาที่หน้าคอมพิวเตอร์ ตอนที่เธอบอกว่าจะไปก็ไม่คิดว่าจะไปจริง ๆ ยังไม่ถึงเวลาเลิกงานด้วยซ้ำ เธอก็กลับบ้านไปซะแล้ว
เธอจำได้ว่าครั้งที่แล้วเกิดอะไรขึ้นที่โรงแรมไค่ฮั่ว เขาก็มีนิสัยแบบนี้ มีหรือเธอจะยอมไปง่าย ๆ
“ขอโทษนะคะ ประธานจิ่ง บุคลิกของคุณนั้นน่ากังวลจริง ๆ เพียงแต่วันนี้ต้องขอบคุณประธานจิ่งที่ช่วยดูแลหน่วนหน่วนนะคะ” เธอพูดจบก็วางหูไปทันที เพราะไม่อยากจะคุยอะไรกับเขาให้มากความ
“แม่จ๋าไปกินข้าวเถอะ พวกเราดูแลตัวเองได้” อันหน่วนยิ้มก่อนจะหันหลังกลับไป คืนนี้ดูท่าเธอต้องเตรียมแผนการอีกเยอะ ต้องทำงานใหญ่มากแน่ ๆ
เมื่อกินข้าวเย็นเสร็จ เธอก็ยุ่งอยู่ในห้องหนังสือ แม้ว่าหลินจื่อเซี๋ยวจะเปิดประตูเข้ามา เธอก็ไม่ได้สนใจมองดูแต่อย่างใด
“อันโหรว วันนี้เกิดอะไรขึ้นเหรอ?” หลินจื่อเซี๋ยวเดินเข้ามาหา ก่อนจะมองเธอด้วยสีหน้าที่จริงจัง ใบหน้าไม่ได้มีความสุขแต่อย่างใด เพราะว่าตอนบ่ายจิ่งเป่ยเฉินให้เธอไปทำงาน เธอจึงไม่รู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นเท่าไรนัก
“ไม่มีอะไรหรอก” อันโหรวตอบกลับโดยไม่เงยหน้าขึ้นมอง ครั้งนี้ฉิวซีกำลังจับจ้องเธออยู่ ดังนั้นแผนการครั้งนี้เธอจะต้องทำโดยไม่ให้มันเกิดข้อผิดพลาดใด ๆ ทั้งสิ้น
“นี่มันไม่สมเหตุสมผลเลย! ประธานจิ่งวันนี้ก็ดูมีความสุขเล็กน้อยก่อนจะออกจากห้องด้วยนะ” หลินจือเซี๋ยวชี้ที่คางของตนและบอกว่า “ฉันดูแล้วประธานจิ่งท่าจะชอบหน่วนหน่วนอยู่นะ”
“เขาน่าจะเป็นโรคประสาท”
“หือ?” จื่อเซี๋ยวมองเพื่อนรักด้วยสายตาชื่นชม คงไม่มีใครกล้าพูดจาแย่ ๆ แบบนี้แน่ นอกจากอันโหรว ขนาดตัวเธอเองยังไม่กล้าที่จะพูดเลย
แต่เพื่อที่จะไม่รบกวนเวลาทำงานของเพื่อนมากนัก หลินจื่อเซี๋ยวจึงตัดสินใจเดินออกจากห้องไป
แม้ว่าหยางหยางจะดูเหมือนจิ่งเป่ยเฉิน แต่หน่วนหน่วนเองก็ไม่ได้แตกต่างกันมาก ทั้งยังดูเหมือนลูกครึ่งอีกด้วย แล้วจะเป็นลูกของประธานจิ่งได้ยังไง พวกเขาที่เป็นเหมือนกับฝาแฝดกัน แต่แฝดที่หน้าตาไม่เหมือนกันนี่มันก็ยังไง ๆ อยู่
เป็นไปได้ไหมที่อันโหรวจะมีผู้ชายสองคนในเวลาเดียวกัน?
นี่มันเป็นไปไม่ได้แน่ ๆ
หลินจื่อเซี๋ยวส่ายหน้าไปมา ก่อนจะหยุดและโยนความคิดของตัวเองทิ้งไป เธอไม่ยอมเป็นโรคประสาทแบบเดียวกับประธานจิ่งแน่ ๆ
เมื่อเวลามาถึงเก้าโมงเช้า อันโหรวเตรียมแผนการเอาไว้เป็นอย่างดีแล้วจึงรีบขึ้นไปยังชั้นสิบห้า เมื่อคืนเธอนอนหลับไปแค่สองชั่วโมง ตอนนี้จึงรู้สึกเหมือนจะวูบอยู่ตลอดเวลา