ตอนที่ 105 ราวกับคนปัญญาอ่อนคนหนึ่ง
เมื่อเหอเฉ่าแต่งหน้าเสร็จเรียบร้อยก็เปลี่ยนชุดเป็นชุดกี่เพ้าสีเขียวอ่อน พร้อมใส่เครื่องประดับให้เหมาะสมกับฉากที่คล้ายกับอยู่หมู่บ้านกลางน้ำในเจียงหน่าน รูปร่างที่ดูบอบบางและท่าทางอ่อนโยนโอบเอื้ออารีล้วนเข้ากันเป็นอย่างดี
อันโหรวจึงอดไม่ได้ที่จะคิดสุภาษิตหนึ่งขึ้นมา “ไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่ง” จริง ๆ
“สวยมาก” เธออุทานขึ้นมาหนึ่งประโยคอย่างจริงใจ “ไปกันเถอะ! เก็บความทรงจำแบบนี้ไว้ อย่าได้หลงลืมมันเชียว”
“ขอบคุณนะคะคุณอัน” เธอยิ้มและยิ้มกว้างมากขึ้น
เมื่อเหอเฉ่าออกไปก็ดึงดูดสายตาผู้คนกลุ่มใหญ่ได้อย่างไม่ยากนัก อันโหรวที่ยืนมองจากไกลๆ รีบหยิบโทรศัพท์ออกมาเพื่อถ่ายรูปเก็บไว้ ทันทีที่รู้สึกนึกคิดเช่นนี้ เมื่อบวกเข้ากับผลิตภัณฑ์น่าจะตรงกับความต้องการของจิ่งเป่ยเฉินแน่ ๆ
ไม่ช้าเหอเฉ่าก็ถ่ายภาพโฆษณาชุดแรกเสร็จ เธอจึงกลับเข้าไปเพื่อเปลี่ยนชุดอีกครั้ง
อันโหรวเดินเข้าไปหาช่างภาพเพื่อดูรูปที่ถ่ายออกมา ผลลัพธ์ค่อนข้างดีมาก เธอรู้สึกพอใจเป็นอย่างยิ่ง ก่อนจะพูดคุยกับช่างภาพคนนั้น ไม่ช้าก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเดินเข้ามา
เธอหันหน้าไปมองเล็กน้อยก็พบว่าฉิวซีกำลังเดินอยู่ข้างหลังของเหอเหมียว นับตั้งแต่ที่ได้เห็นเหตุการณ์เมื่อครั้งนั้น อันโหรวเองก็ไม่ได้เห็นฉิวซีอีกเลย เพียงแต่ว่าตอนนี้ดูเหมือนเธอมีสภาพอารมณ์ที่ไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่นัก
“อันอีหาน นี่เธอกำลังทำอะไรอยู่?” ฉิวซีเอ่ยถามขึ้นมาทันที
“ดูรูปถ่าย” เธอตอบไปอย่างลวก ๆ โดยไม่ได้สนใจแม้แต่ตัวเหอเหมียว
เมื่อเหอเหมียวได้เห็นหน้าอันโหรวอีกครั้ง มือของเธอก็กำหมัดแน่นขึ้น ราวกับว่าอยากจะฉีกอันโหรวออกเป็นชิ้น ๆ
เพราะผู้หญิงคนนี้เพียงคนเดียวที่ทำให้โอวหยางลี่ไม่ต้องการเธออีกต่อไป!
“เหอเฉ่าอยู่ไหน! มีคนมาหา!” ฉิวซีเดินผ่านหน้าเธอไป
“เธอไม่มีเวลามาพูดคุยไร้สาระกับคนอื่นหรอกนะ” อันโหรวพูดจบก็หันไปมองเหอเหมียวที่กำลังโกรธเคือง ไม่รู้เลยว่าโอวหยางลี่ทำอะไรกับเธอไปบ้างจริง ๆ ส่วนเหลียวเว่ยอะไรนั่นก็ช่างเถอะ อย่างน้อยก็ให้รู้เสียบ้างว่าควรทำตัวมีมารยาทอย่างไร ไม่ใช่คิดแต่เรื่องร้าย ๆ เพียงอย่างเดียว
แต่ว่าเหอเหมียวเมื่ออยู่ต่อหน้าเธอก็ไม่ต่างอะไรกับคนปัญญาอ่อนคนหนึ่งในสายตาของอันโหรว แม้ว่าโอวหยางลี่จะชอบเล่นสนุกกับของใหม่ ๆ เหอเหมียวเองก็ไม่ใช่พวกสไตล์กระต่ายขาวที่เขาชื่นชอบ ดูท่าน่าจะโง่เง่าไม่เบา
“นี่เธอหมายความว่ายังไง?” เหอเหมียวเมื่อได้ยินคำพูดของอันโหรวก็เริ่มรู้สึกโกรธมากขึ้น
อันโหรวเดินเข้าไปหาเธอด้วยท่าทีเฉยเมย ก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า “นี่คุณผู้หญิง ที่นี่เป็นสถานที่ถ่ายภาพของบริษัทจิ่ง ไม่ใช่ที่ที่คุณอยากจะมาก็มาได้ง่าย ๆ แม้ว่าหัวหน้าทีมจะไม่เข้าใจ แต่อย่างน้อยก็ควรมีคนเตือนคุณบ้าง”
เมื่อฉิวซีได้ยินคำพูดของอันโหรว ตัวของเธอก็เริ่มที่จะโกรธ คำพูดของอันโหรวมันดูเย่อหยิ่งเสียเกินกว่าจะให้อภัยได้จริง ๆ มันเหมือนกับว่าตัวของเธอไม่ได้สนใจพวกเขาแต่อย่างใด
เพียงแต่ว่าตอนนี้พวกเขาก็เหมือนกับหมากัดกับหมา เธอคงไม่โง่พอที่จะยื่นมือเข้าไปแทรกแซงหรอก
ถ้าหากอันโหรวรู้ว่าตอนนี้เธอกำลังคิดอะไรอยู่ พอถึงตอนนั้นเธอคงจะปล่อยให้ฉิวซีได้กัดกับหมาบ้างเช่นกัน กัดเข้าไปอย่างช้า ๆ
“ฉันมาหาลูกพี่ลูกน้องของฉัน!” เหอเหมียวเงยหน้าขึ้น พลางอวดอ้างด้วยความภาคภูมิใจ
แต่ทว่าน่าเสียดายที่ในเวลานี้เธอไม่อาจแสดงความหยิ่งผยองออกมาได้ ใครจะสนใจกันว่าเธอเป็นใครมาจากที่ไหน?
เหอเฉ่าที่เปลี่ยนชุดเป็นชุดกระโปรงสีขาวกำลังเดินออกมา ด้านหน้ามีภาพวาดลวดลายน้ำหมึกสีดำตวัดตัดกับสีเทา ดูสง่างามและนิ่งสงบ เป็นสไตล์ที่อันโหรวชื่นชอบเป็นอย่างมาก
“ขอโทษด้วยค่ะ เธอเป็นลูกพี่ลูกน้องของฉันเอง” เหอเฉ่าเดินเข้ามาอย่างเขินอายพลางกล่าวขอโทษไปด้วย ก่อนจะรีบดึงเหอเหมียวออกไปเล็กน้อยและพูดว่า “เหอเหมียวมีธุระอะไรเหรอ?”
“ไม่มีธุระอะไร แค่มาดูพี่ไม่ได้เลยเหรอไง?” เหอเหมียวพูดพร้อมกับยิ้มบาง ๆ
โอวหยางลี่แม้ว่าจะทิ้งเธอไปแล้ว แต่เธอก็ไม่คิดจะยอมแพ้ง่าย ๆ หากไม่มีโอวหยางลี่ก็ช่าง เธอก็แค่หาผู้ชายคนใหม่ ภายในสกุลจิ่งก็มีชายโสดเยอะแยะ ยังไงวันนี้หากได้พบสักคน เธอจะจับเอาไว้ให้ได้
แต่น่าเสียดายมากที่วันนี้คนที่มาทำงานล้วนแต่ป็นเจ้าหน้าที่ระดับเล็ก เป็นพวกพนักงานตัวเล็ก ๆ ทั้งนั้น คงไม่มีผู้ชายคนไหนมาให้เธอสนใจแน่ ๆ
……………………….
ตอนที่ 106 เธอไม่อยากจะถูกคนคนนี้เชือดทิ้ง
“ถ้าอย่างนั้นก็อย่าวิ่งไปวิ่งมา ฉันขอทำงานก่อน น่าจะใช้เวลาไม่นาน” เหอเฉ่อบอก ก่อนจะเดินไปทำงานต่อ และเมื่อเดินไปสักพักก็หันกลับมามองด้วยความไม่สบายใจ
อันโหรวและฉิวซีตอนนี้ยืนอยู่เคียงข้างกัน ทั้งคู่กำลังดูการถ่ายแบบที่ด้านหน้า เพราะว่าเหอเหมียวอยู่ที่นี่ด้วย เธอก็เลยไม่รู้สึกสบายใจเท่าไรนัก
“หัวหน้าทีม เหอเหมียวคนนั้นเป็นคนรักของโอวหยางลี่ ทางที่ดีให้เธอออกไปจะดีกว่านะ” ในเมื่อที่นี่เป็นสตูดิโอถ่ายภาพของบริษัทจิ่ง ถ้าหากเหอเหมียวดูแล้วเอาไปบอกโอวหยางลี่ละก็ แผนที่เธอวางไว้มีหวังต้องถูกคนอื่นชิงเอาไปแน่ ๆ
“ในเมื่อเธอมาหาคน และฉันก็เป็นคนพาเธอเข้ามา แล้วจะให้ฉันไล่เธอออกไปเนี่ยนะ?” ฉิวซีเอ่ยโดยไม่ได้หันไปมองตอบเพราะสายตากำลังจับจ้องไปที่เหอเฉ่า
“รูปภาพพวกนี้ก็ค่อนข้างสำคัญ” อันโหรวเดินไปรอบ ๆ ก่อนจะตัดสินใจพลางหันไปมองเหอเหมียวที่ตอนนี้กำลังนั่งอยู่ด้วยความสบายใจ
เธอไม่คิดว่าตัวเองเป็นคนนอกเลยสินะ ต่อให้เป็นคนในครอบครัวก็ควรจะรู้จักสำรวมบ้างสิ
“คุณเหอ เมื่อครู่ฉันพูดอะไรไปไม่ได้ยินเลยเหรอคะ หรือว่าคุณจะหูหนวกตาบอด ไม่เข้าใจสิ่งที่คนอื่นพูดกัน?” เธอเดินเข้าไปถามด้วยท่าทีนิ่งสงบ เธอทำงานมาอย่างหนัก จึงไม่อยากปล่อยให้ความผิดพลาดเล็ก ๆ นี้เกิดขึ้น
“ระวังคำพูดหน่อย อย่าคิดว่าตัวเองมีประธานจิ่งแล้วจะพูดแบบนี้ได้!” เหอเหมียวลุกขึ้นยืนด้วยความโกรธ พลางเงยหน้าขึ้นมองเธอเล็กน้อย “เธอรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร?”
“เพราะรู้ถึงต้องทำให้คุณออกไปยังไงล่ะ” เธอพูดขณะชี้นิ้วไปยังประตู “เชิญค่ะ!”
“นี่เธอ…….” เหอเหมียวมองเธอด้วยความโกรธ ที่นี่เป็นบริษัทจิ่ง ถ้าหากมีความขัดแย้งหรือทะเลาะกันขึ้นมา เหอเหมียวรู้ดีว่าเธอคงจะเสียเปรียบแน่ ๆ และคงมีน้อยคนที่จะยอมช่วยเหลือเธออีกด้วย
เหอเหมียวกำลังจะหันหลังกลับเพื่อเดินออกไป แต่ไม่ช้าก็ต้องถอยหลังกลับมาและรีบหาที่ซ่อนตัว โดยไปหลบอยู่ด้านหลังอันโหรวอย่างรวดเร็ว
อันโหรวหันหน้าไปมองด้วยความสงสัย ก่อนจะมองเห็นเหลียวเว่ยที่กำลังเดินเข้ามา หนำซ้ำยังกำลังเดินตรงมาทางเธออีกด้วย
ไม่ได้เจอหลายปี ดูเธอโตเป็นผู้ใหญ่และมีเสน่ห์มากขึ้น ร่างกายก็เผยให้เห็นความเปลี่ยนแปลงที่ไม่อาจอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้
กระโปรงรัดรูปสีแดงที่สวมใส่เผยให้เห็นรูปร่างที่เรียวยาว ทั้งยังสวมผ้าคลุมไหล่มาอีก ทรงผมดูหยิกเล็กน้อย การแต่งหน้าก็ดูละเอียดอ่อน แต่เธอกลับปรากฏตัวด้วยใบหน้าที่ไม่ได้มีรอยยิ้มสดใสเลยสักนิด มีแต่ความน่ากลัวและรอยยิ้มจาง ๆ ที่ค่อนข้างเจ้าเล่ห์
“เหอเหมียวออกมาซะ!” เท้าของเหลียวเว่ยหยุดลงตรงหน้าของอันโหรว
“ช่วยฉันด้วยเถอะ!” เหอเหมียวกระซิบอยู่ข้างหลังของอันโหรว
อันโหรวไม่เคยคิดเลยว่าทั้งสองคนนี้จะมายืนอยู่ตรงหน้าเธอได้ จากนั้นเธอจึงขยับตัวออกไปและเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่นิ่งสงบว่า “ไม่ว่าพวกคุณจะมีเรื่องอะไร แต่ที่นี่เป็นสตูดิโอถ่ายภาพ ช่วยออกไปพูดคุยกันข้างนอกด้วย”
“ฉันไม่ไป!” เหอเหมียวเหลือบมองเหลียวเว่ยพลางเอ่ยเสียงดัง ทันใดนั้นก็รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา แต่ก่อนโอวหยางลี่มักจะปกป้องเธอเสมอ แต่ตอนนี้ไม่มีเขาคอยคุ้มครองแล้ว แน่นอนว่าเธอเองก็ไม่อยากถูกจัดการด้วยน้ำมือของเหลียวเว่ยหรอก เธอไม่อยากจะถูกคนคนนี้เชือดทิ้ง
เหลียวเว่ยเหลือบสายตามองอันโหรว ก่อนจะคิดรู้สึกคุ้นเคยแปลก ๆ โดยเฉพาะดวงตาคู่นั้น มันเหมือนกับว่า…..
แต่ด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้ง มองยังไงก็ไม่เหมือนกับผู้หญิงคนนั้น เพียงแต่ยังไงซะวันนี้เธอก็ไม่ได้มาหาคนอื่น เธอมาหาคนคนหนึ่งที่เธอต้องจัดการให้ได้
“เหอเหมียว เธอครอบครองสามีของฉันอยู่ตั้งนาน คิดเหรอว่าฉันจะปล่อยเธอไปง่าย ๆ” เหลียวเว่ยเค้นเสียงออกมาดัง ๆ ใบหน้าสวยยังคงสงบนิ่ง ก่อนจะเอ่ยออกมาอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่ดังขึ้นว่า “พูดตามตรงถ้าออกมา ฉันจะปล่อยให้เธอมีชีวิตอยู่ก็ได้”
เมื่อใดที่เหลียวเว่ยจับจ้องชีวิตหรือใครก็ตาม ถ้าหากเธอต้องการ ทำไมเธอจะทำไม่ได้?
“นั่นเป็นเพราะว่าเธอมันไร้น้ำยายังไงล่ะ พี่ชายโอวหยางชอบฉันจริง ๆ และฉันเองก็ชอบเขาด้วย เธอมีสิทธิ์ก็เพราะว่ายังไม่ได้หย่ากับเขาเท่านั้นแหละ!” เธอกล้าพูดจาแบบนี้เพราะเธอคิดว่าที่นี่มีคนอยู่เยอะ เหลียวเว่ยคงไม่กล้าทำอะไรตัวเธอแน่ ๆ