ตอนที่ 170 ถูกลักพาตัว
“ฉันอยู่บนถนนค่ะ กำลังเดินทางเพื่อไปดูที่โรงพยาบาลว่าเหอเฉ่าเธอประสบอุบัติเหตุอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า” เธอหวังว่านี่จะเป็นวิธีที่ดีที่สุด ถ้าเกิดถูกลักพาตัวไปจริง ๆ ความรู้สึกที่เธอเคยพบมาก่อนนั้น มันก็ชวนให้เจ็บปวดมากพอแล้ว
จิ่งเป่ยเฉินกำลังเดินเข้าไปในรถ เสี่ยวหยางรีบขับออกไปทันที เมื่อเห็นสีหน้าของบิ๊กบอสแล้ว ดูท่านี่คงไม่ใช่เรื่องดีเท่าไรนัก!
จิ่งเป่ยเฉินยังคงถามต่อด้วยสีหน้าที่เย็นชาว่า “โรงพยาบาลไหน?”
“โรงพยาบาลเพื่อประชาชนแห่งที่หนึ่ง” เธอตอบอย่างตรงไปตรงมาโดยไม่กล้าโกหกเขาแม้แต่คำเดียว
“ผมจะรีบไปที่นั่นทันที!” เขาวางโทรศัพท์หลังจากที่พูดจบ พร้อมกับเหลือบไปมองที่ด้านหน้าของเสี่ยวหยางและพูดว่า “ไปโรงพยาบาลเพื่อประชาชนแห่งที่หนึ่ง”
“ครับ!” เสี่ยวหยางตอบรับโดยทันที บางครั้งที่เขาเงยหน้าขึ้นไปมองจิ่งเป่ยเฉินที่อยู่ด้านหลัง เขาแอบคิดว่ามีใครป่วยอย่างนั้นเหรอ ประธานจิ่งถึงได้ดูมีสีหน้าที่เป็นกังวลขนาดนั้น
ในอีกด้านหนึ่งอันโหรวก็กำลังก้าวเดินไปด้วยความรวดเร็ว หลังจากที่ถึงโรงพยาบาลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เธอก็รีบตรงไปยังแผนกผู้ป่วยใน ซึ่งแม่ของเหอเฉ่าพักอยู่
กลิ่นของน้ำยาฆ่าเชื้อในโรงพยาบาลค่อนข้างแรงพอสมควร ที่ชั้นห้าของแผนกผู้ป่วยในเองก็ดูเงียบสงบเป็นอย่างมาก มันเงียบสงบจนชวนทำให้ผู้คนเกิดความรู้สึกง่วงนอน
แต่ในขณะนั้นอันโหรวก็ได้สติทันที เธอรีบตรงไปที่ห้องผู้ป่วยก่อนจะหยุดและเคาะประตูอย่างสุภาพ
ไม่ช้าก็มีเสียงที่อ่อนโยนและดูอ่อนแอเอ่ยมาจากข้างใน “เข้ามาค่ะ”
เธอเปิดประตูเข้าไปด้วยรอยยิ้ม ก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่งที่ดูมีใบหน้าซีดเซียวกำลังนอนอยู่บนเตียง ที่ห้องของโรงพยาบาลนั้นดูสะอาดอะอ้านมาก ทั้งยังมีดอกเบญจมาศสีเหลืองที่บานอยู่สองสามดอกอยู่ในแจกัน เพราะฤดูนี้เป็นฤดูใบไม้ร่วง เป็นช่วงเวลาที่ดอกเบญจมาศจะผลิบาน
“คุณน้าสวัสดีค่ะ ฉันคือเพื่อนของเหอเฉ่า วันนี้ฉันผ่านมาที่นี่พอดี เลยคิดอยากจะมาเยี่ยม แต่พอดีรีบร้อนมากไปหน่อยเลยไม่ได้ซื้อข้าวของติดมือมา ไม่ทราบว่าสุขภาพร่างกายเป็นอย่างไรบ้างคะ?” เธอไม่สามารถพูดโดยตรงและเอ่ยถามตรง ๆ ออกมาได้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น เพราะเธอไม่อยากให้คนที่ป่วยอยู่ต้องเป็นกังวล
“เพื่อนของเฉ่าเอ๋อร์อย่างนั้นเหรอ? นั่งลงสิ! เธอเพิ่งจะออกไปเอง เห็นบอกว่าไปทำงานนะ“ คุณนายเหอยิ้มอย่างอ่อนโยน แม้สีหน้าจะดูซีดเซียวแต่ก็ไม่ได้โทรมอะไรขนาดนั้น
อันโหรวเดินเข้าไป ก่อนจะหยิบกาต้มน้ำขึ้นมาเทน้ำหนึ่งแก้ว และค่อย ๆ ประคองเธอให้ลุกขึ้น ก่อนจะพูดว่า “คุณน้าดื่มน้ำก่อนค่ะ”
“ขอบคุณนะ รบกวนเธอแล้วจริง ๆ” คุณนายเหอรับแก้วน้ำมาไว้ในมือ ก่อนจะค่อย ๆ จิบทีละเล็กละน้อย และส่งมันคืนให้กับอันโหรว
อันโหรววางแก้วน้ำลง ก่อนจะนั่งลงข้าง ๆ เตียง และพูดว่า “คุณน้า เฉ่าเอ๋อร์เร็ว ๆ นี้เธอยุ่งมากเรื่องงานหรือเปล่า? ฉันได้ยินมาว่าเธอถูกรับเลือกให้เป็นโฆษกโฆษณา วันนี้เธอคงออกไปถ่ายแบบโฆษณาใช่หรือเปล่าคะ?”
คุณนายเหอครุ่นคิดอยู่สักพัก เมื่อผ่านไปครู่ใหญ่จึงค่อย ๆ พูดว่า “น่าจะใช่นะ! ว่าแต่เธอมาหาเขาด้วยเรื่องอะไรอย่างนั้นเหรอ? เขาออกไปได้สักหนึ่งชั่วโมงแล้วนะ!”
“คุณน้าน่าจะเหนื่อยแล้ว! พักผ่อนก่อนนะคะ!” เธอรีบประคองคุณนายเหอให้นอนลงเหมือนเดิมอีกครั้ง ก่อนจะพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นคุณน้าคะ ฉันคงต้องขอตัวก่อน ไว้ครั้งหน้าจะมาเยี่ยมใหม่นะคะ”
“อืม” เสียงของคุณนายเหอเอ่ยอย่างเบาบาง ก่อนนอนลงบนเตียงอีกครั้ง
“ว่าแต่คุณน้าคะ เฉ่าเอ๋อร์ญาติของเธอที่ชื่อเหมียวเอ๋อร์ได้พักอยู่ที่โรงพยาบาลนี้หรือเปล่าคะ?” เธอรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่แน่ว่าอาจจะเกี่ยวข้องกับเหอเหมียว เพราะครั้งที่แล้วเธอถูกเหลียวเว่ยสั่งสอนไป แต่ดูจากท่าทางของเธอแล้ว คงเป็นพวกไม่ชอบยอมแพ้ง่าย ๆ ด้วยสิ
“เหมียวเอ๋อร์เขา…..” คุณนายเหอเมื่อได้ยินชื่อของเหอเหมียวก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนแปลงไป ก่อนจะทำหน้าเศร้าสร้อยและพูดว่า “เธออยู่ที่ห้องข้าง ๆ ก่อนหน้านั้นเห็นว่าบาดเจ็บหนัก อายุแค่นี้กลับต้องมานอนที่เตียงเสียแล้ว ฉันเป็นกังวลจะแย่แล้วจริง ๆ”
“คุณน้าไม่ต้องกังวลนะคะ เธอจะต้องดีขึ้นแน่ ๆ คุณเองก็จะต้องดีขึ้นเช่นกัน” เธอดึงผ้านวมมาห่มให้กับคุณนายเหอ ก่อนจะเดินออกไป
แล้วเหอเฉ่าหายไปไหนกันนะ?
เธอเม้มริมฝีปากเล็กน้อย ก่อนจะปิดประตูห้องคนไข้ มือขวาพยายามที่จะยกลูกบิดประตู เธอก็รู้สึกได้ถึงแรงผลักที่ชัดเจนก่อนจะรู้สึกได้ถึงบรรยากาศที่เย็นยะเยือกและน่าดึงดูดขึ้นมาทันที
เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นก็เห็นจิ่งเป่ยเฉินยืนอยู่ตรงหน้าเธอเสียแล้ว แววตาของเขานั้นจับจ้องมาที่เธอด้วยท่าทีที่เย็นชา ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่กันแน่
“ประธานจิ่ง มาเร็วจังเลย!” เธอคิดว่าเขาอีกเดี๋ยวคงมาถึง!
“เมื่อกี้ผู้กำกับเจียงโทรมาหาผม เขาบอกว่าเขากำลังจะออกไป อันอีหาน ถ้าหากวันนี้การถ่ายแบบของเราไม่สามารถดำเนินการตรงต่อเวลาได้ละก็ คุณคงจะรู้ผลที่ตามมาใช่ไหม?” จิ่งเป่ยเฉินก้าวไปข้างหน้า ก่อนจะดันเธอให้ถอยหลังไปหนึ่งก้าว กระทั่งร่างของเธอชนกับกำแพงสีขาวเพราะไม่มีหนทางให้หลีกหนีได้อีก
ให้ตายสิ ทุกอย่างจะต้องเป็นเพราะฉิวซียัยบ้านั้นแน่ ๆ อีกทั้งยังหาเหอเฉ่าไม่พบ ผู้กำกับเจียงก็จะไป นี่มันโชคร้ายเกินไปแล้ว!
“ประธานจิ่ง ฉันรู้สึกว่าเรื่องนี้ปัญหาใหญ่ที่สุดก็คือการที่เราหาตัวเหอเฉ่าไม่พบ ถ้าหากหาเธอเจอแล้ว ผู้กำกับเจียงก็จะอยู่ที่นั่น ไม่ใช่ว่าเขากำลังอยู่ร้านกาแฟเมื่อตอนบ่ายหรอกเหรอคะ?” เธอรู้สึกว่าตัวเองสบายใจลงไปบ้าง แต่ด้วยสภาวะแรงกดดันที่มากล้นของเขาในตอนนี้ เธอไม่ประหม่าก็คงแปลกแล้ว
จิ่งเป่ยเฉินก้มหน้าก้มตามองไปที่เธอ ความจริงแล้วนี่เป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น เหอเฉ่าหาไม่พบ เขาเองก็ไม่ได้กังวลแต่อย่างใด เขาเพียงแค่นึกถึงเรื่องที่แล้ว ที่เธอนั้นถูกลักพาตัวไป เขากลัวว่าเธอจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นมา แต่เมื่อได้รับโทรศัพท์จากฉิวซี เขาก็ทนไม่ไหวจนต้องออกมาจนได้
ทันใดนั้นเขาก็เอื้อมมือไปกอดไว้ตรงเอวของเธอ ก่อนจะดันแผ่นหลังของเธอออกจากผนังเย็น ๆ และปล่อยมือออกก่อนจะถามว่า “คุณมีเงื่อนงำอะไรบ้าง?”
“ไม่ได้มีเงื่อนงำค่ะ เพียงแต่ว่าฉันคิดว่าถ้าหากได้เห็นเหอเหมียวละก็ ไม่แน่ว่าเธออาจจะรู้ก็ได้ว่าเหอเฉ่าอยู่ที่ไหน ซึ่งตัวเธอเองก็ไม่น่าจะถูกลักพาตัวไป ไม่อย่างนั้นโทรศัพท์คงจะโทรไม่ติดไปนานแล้ว” เธอก้าวเดินออกไปทางด้านขวาของห้องพักคนไข้
ผู้ลักพาตัวเองก็เหมือน ๆ กัน ถ้าหากมีแผนก็ย่อมไม่มีทางที่จะเปิดโอกาสให้โทรศัพท์มือถือถูกเปิดแน่ ๆ พวกเขาคงจะปิดมันตั้งแต่เนิ่น ๆ
จิ่งเป่ยเฉินหมุนตัวเดินไปด้านตรงข้ามกับเธอ ก่อนจะเดินไป อันโหรวเองก็เดินตามไปอย่างรวดเร็ว ร่างของเธอนั้นหมุนตัวมาขวางทางเขาไว้ก่อนล่วงหน้าเพราะรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ “ประธานจิ่ง ให้ฉันไปคนเดียวเถอะค่ะ เรื่องเล็กน้อยพวกนี้ไม่ถึงขนาดต้องรบกวนประธานจิ่งหรอก ไม่ต้องพูดถึงเรื่องคนรักลับ ๆ ของโอวหยางลี่ด้วย ตอนนี้เธอถูกโอวหยางลี่ทิ้งไปนานแล้ว ประธานจิ่งท่าทางของคุณ ตำแหน่งของคุณ ถ้าเกิดว่าเธอชอบคุณขึ้นมา เขาจะรบกวนคุณมาก มากถึงขนาดเยอะจนเกินไปด้วย มันจะไม่ดีนะคะ”
เหอเหมียวผู้หญิงที่ไม่ได้มีหัวคิดอะไร แค่เธอคนเดียวจริง ๆ แล้วก็จัดการได้ ถ้าหากให้จิ่งเป่ยเฉินไปก็เหมือนเอามีดไปหั่นเนื้อให้กลายเป็นชิ้นเล็ก ๆ ป่านนี้ร่างกายของเธอคงไม่เหลืออะไรแล้วแน่ ๆ
เมื่อจิ่งเป่ยเฉินได้ยินก็คิดว่าเขาไม่ควรดูถูกความสามารถของผู้หญิงที่คิดจะแย่งของของคนอื่น ด้วยเหตุนี้เขาจึงได้แต่ยินดีที่จะฟังคำพูดของเธอ
“ก็ได้ งั้นคุณไป!” เขาเผยรอยยิ้มบาง ๆ ก่อนจะหยุดฝีเท้าลงที่เดิมและไม่ขยับเขยื้อนไปไหน
“เอาไว้ฉันจะรีบกลับมาอธิบายให้ประธานจิ่งฟังโดยเร็วที่สุดนะคะ!” เธอหมุนตัวเดินไปยังห้องผู้ป่วยอย่างรวดเร็วโดยไม่รีรอแต่อย่างใด
จิ่งเป่ยเฉินที่ยืนอยู่ที่เดิมมองแผ่นหลังที่รีบร้อนของเธอหายเข้าไปในห้อง ทันใดนั้นเองดวงตาสีดำที่เย็นชาของเขาก็เผยภาพในอดีตปรากฏขึ้น ก่อนจะเผยรอยยิ้มบาง ๆ ออกมา นี่มันก็ผ่านไปหลายปีแล้ว ทำไมเธอถึงยังดูน่ารักขนาดนี้กันนะ!
อันโหรวเคาะประตูห้อง โดยไม่รีรอให้คนข้างในตอบกลับ ปกติแล้วควรให้ความเคารพกันและกัน แต่ก่อนหน้านั้นเหอเหมียวได้ปฏิบัติกับเธอแบบนั้น ในสายตาของเธอแล้ว เหอเหมียวไม่มีค่ามากพอที่จะให้ความเคารพจริง ๆ
“นั่นไม่ใช่คุณอันหรอกเหรอ? มีธุระอะไร?” เหอเหมียวกำลังเล่นโทรศัพท์อยู่ ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงเปิดประตู จึงเงยหน้าขึ้นมองอันโหรว
อันโหรวชำเลืองสายตามองเธอไปหนึ่งครั้ง ก่อนที่สายตาจะจับจ้องไปที่เตียงข้าง ๆ ที่มีผ้าห่มสีขาวนูน ๆ ขึ้น ด้านใต้นั้นดูเหมือนจะมีคนอยู่
“ดูจากท่าทางของคุณแล้ว เหมือนจะฟื้นตัวได้ดีแล้วนี่” เธอยิ้มก่อนจะเดินเข้าไป สีหน้าเองก็ดูดีกว่าคุณนายเหอเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังดูอ้วนขึ้นกว่าเก่ามากจริง ๆ ดูเหมือนจะเหลือแค่รักษาอาการบาดเจ็บเท่านั้นเอง
“แน่นอน” เธอจับจ้องไปที่การเคลื่อนไหวของเธอเรื่อย ๆ และพูดว่า “เธอมาตามหาญาติของฉันอย่างนั้นเหรอ? เธอไม่ได้พักผ่อนมาสองสามวันแล้ว เพิ่งจะหลับไปไม่นานนี่เอง แต่โทรศัพท์ของเธอดังขึ้นเรื่อย ๆ แบบนี้ ฉันเองที่เป็นญาติคิดไม่อยากรบกวนความเป็นส่วนตัวของเขาก็เลยไม่ได้ถือวิสาสะรับโทรศัพท์เธอ”
อันโหรวมองไปที่เตียงที่ตอนนี้มีคนคนหนึ่งกำลังนอนหลับอย่างเงียบ ๆ ท่านอนหลับของเธอนั้นมันดูเหมือนหลับสนิท จนคิดไม่อยากจะรบกวนเธอเท่าไรนัก
เมื่อเหอเหมียวเห็นเธอไม่พูดอะไรก็ก้มหน้าเล่นโทรศัพท์ต่อ ดูเหมือนว่าไม่ว่าอะไรก็ไม่ได้อยู่ในสายตาของเธอเสียแล้ว การที่เธอมานอนอยู่ที่โรงพยาบาลแบบนี้ จะนั่งบนเตียงหรืออะไรก็ตาม เพราะตราบใดที่ไม่มีโอวหยางลี่อยู่ที่นั่น เธอก็ไม่สนใจ