ยอมรับเจ้านายใหม่
ถึงโครงกระดูกมังกรจะลดระดับวรยุทธลงมา แต่ก็แน่นอนว่ามันคือที่สุดของสุดยอดในบรรดานักรบระดับเซียนขั้น 9 สูงสุด ลำพังแค่ข้อเท็จจริงที่ว่าร่างกายของมันได้รับการบ่มเพาะจนเหนือกว่าขั้นนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ แถมสัญชาตญาณการต่อสู้ก็ได้รับการขัดเกลาตลอดระยะเวลาหลายปีในการสู้รบเคียงบ่าเคียงไหล่กับนักปราชญ์โบราณหรันชิว มันได้เผชิญหน้ากับนักรบมากมายและเทคนิคขั้นสูงที่แตกต่างกันไปนับไม่ถ้วน ว่าแต่…นี่มันบ้าบออะไร?
ทั้งที่ดูเหมือนจะด้อยทักษะ แต่ชายหนุ่มก็สามารถปล่อยการโจมตีใส่มันได้เป็นชุดๆราวกับนักเลงหัวไม้ข้างถนน
และที่ทำให้ปวดใจกว่านั้นก็คือมันไม่อาจหลบเลี่ยงได้เลย!
นี่เป็นการถูกเหยียดหยามครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดที่มันได้รับตั้งแต่เกิดมา!
ด้วยหมัดและลูกเตะรัวๆที่ประเคนเข้าใส่ศีรษะของมันราวกับห่าฝน ในที่สุดโครงกระดูกมังกรก็หมดความอดทน มันคำรามก้องและบีบอัดร่างของตัวเองให้เล็กลง
ฟึ่บ!
โครงกระดูกที่ประกอบกันเป็นร่างกายอันใหญ่โตนั้นแปรสภาพเป็นหอกสีดำเล่มหนึ่ง
“ลุย!”
ด้วยการจ้วงแทงอันทรงพลัง ราวกับก้อนน้ำแข็งที่ถูกค้อนทุบ มิติที่ถูกสกัดกั้นไว้แตกสลายไปในทันทีพร้อมกับเสียงระเบิดดังสนั่น
แรงปะทะนั้นทำให้จางเซวียนต้องถอยไปหลายก้าวขณะที่รู้สึกเจ็บหน้าอกเล็กน้อยจากแรงกดดันที่ได้รับ
ความสามารถในการสกัดกั้นมิติของจางเซวียนนั้นจัดว่าทรงพลัง แต่เมื่อเผชิญหน้ากับผู้เชี่ยวชาญตัวจริง ประสิทธิภาพของมันก็ลดลง
แม้พละกำลังที่หอกสวรรค์กระดูกมังกรสำแดงออกมาจะยังอยู่ในขอบเขตของนักรบระดับเซียนขั้น 9 สูงสุด แต่มันก็สามารถรวบรวมพลังที่ทำให้เกิดการระเบิดรุนแรงเกินกว่าขีดจำกัดของมิติที่ถูกสกัดกั้นไว้
แน่นอนว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับการที่จางเซวียนเพิ่งสำเร็จความเข้าใจในแก่นสารแห่งมิติและการสกัดกั้นมิติ หากเขามีเวลามากกว่านี้และสามารถยกระดับความเชี่ยวชาญในศาสตร์แห่งมิติของตัวเองได้ ก็คงจะใช้มันได้อย่างไหลลื่น หอกสวรรค์กระดูกมังกรคงไม่สามารถทำลายมันได้ง่ายดายอย่างที่เห็น
“คุณกล้าดูถูกผมได้อย่างไร? คุณจะต้องชดใช้!”
หลังจากทำลายมิติที่ถูกสกัดกั้นและได้รับอิสระอีกครั้ง โครงกระดูกมังกรร้องโหยหวนอย่างคลุ้มคลั่ง มันแปรสภาพจากหอกกลับสู่โครงกระดูกมังกรดังเดิมขณะพุ่งเข้าใส่จางเซวียนพร้อมกับอ้าปากกว้าง
ฟึ่บ!
ทันทีที่มันมาอยู่ตรงหน้าชายหนุ่ม ภาพที่มันมองเห็นก็พร่าเลือนไปอีกครั้ง ชายหนุ่มหายวับไป มันรีบเหลียวมองโดยรอบ แต่ก็เห็นเพียงขาข้างหนึ่งพุ่งเข้าใส่ใบหน้าของมัน
พลั่ก! พลั่ก! พลั่ก! พลั่ก!
ลูกเตะ 4 ลูกซ้อนพุ่งเข้าใส่โครงกระดูกมังกร กะโหลกของมันเกือบจะเคลื่อนออกจากลำคอ
“ไปตายซะ…” โครงกระดูกมังกรตวาดก้อง
ในเมื่อนี่เป็นการดวล เราก็ควรจะต่อสู้อย่างชอบธรรมใช่ไหม มันเรื่องอะไรถึงจ้องจะเล่นงานแต่ใบหน้าของผม? คุณแน่ใจหรือเปล่าว่าตัวเองยังเป็นปรมาจารย์?
ไม่รู้หรือไงว่าเขาไม่โจมตีใบหน้ากัน?
ควั่บ!
โครงกระดูกมังกรฟาดหางหนักอึ้งของมันเข้าใส่ชายหนุ่มที่อยู่กลางอากาศด้วยแรงโทสะ หวังจะทำลายร่างของเขาให้แหลกเป็นชิ้นๆ แต่ทันทีที่ยกหางขึ้น ก็พลันรู้สึกได้ถึงแรงฉุดที่หาง
ชายหนุ่มเข้าไปอยู่ใต้ร่างของมันตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ และคว้ากระดูกส่วนหางของมันเอาไว้แน่น
พลั่ก! พลั่ก! พลั่ก! พลั่ก!
ด้วยพละกำลังอันน่าทึ่ง จางเซวียนเหวี่ยงมันไปทางซ้ายทีทางขวาทีราวกับแส้ ทำให้ศีรษะของมันกระแทกกับพื้นไม่หยุดหย่อน เกิดหลุมยุบมากมายกระจายไปทั่ว
…..
“โครงกระดูกมังกร…ถูกซ้อมหรือ?”
รูปปั้นเด็กชายที่กำลังเฝ้ามองเหตุการณ์ผ่านจอเรืองแสงถึงกับตัวสั่นด้วยความพรั่นพรึงเมื่อเห็นภาพนั้น เขาตกตะลึงเสียจนศีรษะร่วงลงไปและกลิ้งไปกับพื้น
เด็กชายรีบเก็บมันขึ้นมาและต่อกับคอดังเดิมก่อนจะหันกลับไปมองจอภาพ ยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกหวาดผวามากขึ้นเรื่อยๆ
แม้โครงกระดูกมังกรจะลดระดับวรยุทธลงจนเป็นนักรบระดับเซียนขั้น 9 แต่ก็ยังคงเป็นสุดยอดในหมู่นักรบระดับเดียวกัน แต่ชายหนุ่มก็สามารถทำให้มันอับจนหนทางได้ ราวกับผู้ใหญ่รังแกเด็ก
คุณจะต้องโหดร้ายถึงขนาดนี้เชียวหรือ?
ถ้าไม่ใช่เพราะโครงกระดูกมังกรได้รับการบ่มเพาะจนถึงระดับที่เรียกว่าแทบไม่มีอะไรทำลายมันได้ การถูกซ้อมอย่างโหดเหี้ยมครั้งนี้คงจะทำให้มันแหลกสลายแน่
รูปปั้นเด็กชายวัยรุ่นครุ่นคิดถึงความเป็นไปได้มากมายที่จะเกิดขึ้น รวมถึงการที่ชายหนุ่มจะถูกโครงกระดูกมังกรเล่นงานจนยับเยินด้วย แต่ไม่เคยมีสักครั้งที่เขาคิดว่าผลจะออกมาเป็นแบบนี้
มันเป็นไปได้อย่างไร?
นี่คืออาวุธคู่กายของนักปราชญ์โบราณหรันชิวนะ…หอกสวรรค์กระดูกมังกร!
…..
“โว้ยยยย! บ้าที่สุด! บ้าไปแล้ว! ผมจะฆ่าคุณ!”
เมื่อถูกเหวี่ยงอย่างไม่หยุดหย่อนจนหัวหมุนติ้ว ในที่สุดโครงกระดูกมังกรก็ทนไม่ไหวและปลดปล่อยการสกัดกั้นวรยุทธ พละกำลังของมันพุ่งขึ้นสู่สวรรค์ ในชั่วพริบตา ระดับวรยุทธของมันก็เพิ่มขึ้นจากนักรบระดับเซียนขั้น 9 ไปเป็นนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ขั้น 1-การพักฟื้นภายใน!
เมื่อมีพละกำลังเพิ่มขึ้นอีกมาก โครงกระดูกมังกรก็สะบัดตัวหลุดจากการเกาะกุมของจางเซวียนได้สำเร็จ มันบิดร่างของมันอย่างแรงและอ้าปากเตรียมงับจางเซวียน!
ฟึ่บ!
เกิดลมพัดวูบหนึ่ง แล้วชายหนุ่มก็หายวับไปจากสายตาของมันอีกครั้ง พริบตาต่อมา เขาก็ปรากฏตัวเหนือศีรษะของมันและปล่อยลูกเตะอันทรงพลังเข้าใส่ขมับ
“…..” โครงกระดูกมังกรคลุ้มคลั่งจนพูดอะไรไม่ออก
การที่มันสู้กับชายหนุ่มไม่ได้โดยที่มีวรยุทธระดับเดียวกันก็เป็นเรื่องหนึ่ง แต่ตอนนี้มันยกระดับวรยุทธขึ้นอีกขั้นหนึ่งแล้ว แต่ชายหนุ่มก็ยังหลบการโจมตีของมันได้อย่างง่ายดาย เขาจะต้องเก่งกาจขนาดไหน?
แม้แต่นักปราชญ์โบราณหรันชิวผู้ทรงพลังก็ยังไม่มีประสิทธิภาพการต่อสู้เท่านี้ หากเป็นการต่อสู้ในระดับวรยุทธเดียวกัน แน่นอนว่าต่อให้นักปราชญ์โบราณหรันชิวก็คงสู้กับชายหนุ่มคนนี้ไม่ไหว!
โครงกระดูกมังกรรีบล่าถอยเพื่อหลบการโจมตีนั้น
แม้ความว่องไวและความรวดเร็วของปฏิกิริยาตอบสนองของมันจะเพิ่มขึ้นอีกมากหลังจากการยกระดับวรยุทธมาเป็นขั้นการพักฟื้นภายใน แต่ก็ยังไม่อาจเทียบได้กับความเร็วของชายหนุ่ม
ถ้าชายหนุ่มสำแดงความสามารถของสายเลือดอีกครั้ง มันคงต้องยอมแพ้ ไม่มีกระบวนท่าไหนที่จะเอาชนะกาลเวลาได้
แต่…ชายหนุ่มก็ใช้เพียงศิลปะการเคลื่อนไหวพิเศษบางอย่างและความเข้าใจในกฎเกณฑ์แห่งมิติของเขาเพื่อทำให้มันอับจนหนทาง
พูดกันตามตรง โครงกระดูกมังกรยังคงพยายามค้นหาอยู่ว่าสิ่งนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร!
อย่างกับอีกฝ่ายรู้ล่วงหน้าว่ามันจะโจมตีที่จุดไหน แถมยังรู้ทั้งจุดอ่อนและข้อบกพร่องทั้งหมดในการโจมตีของมันด้วย!
ยิ่งโครงกระดูกมังกรสู้ต่อไป มันก็ยิ่งคับอกคับใจขึ้นเรื่อยๆ
พลั่ก! พลั่ก! พลั่ก! พลั่ก!
หลังจากเจอกับลูกเตะ 4 ครั้งซ้อน อารมณ์ของมันก็เดือดถึงขีดสุด ระดับวรยุทธพุ่งพรวดอีกครั้ง
ทั้งที่ตัวเองมีพละกำลังระดับนี้ แต่ชายหนุ่มก็ยังหวานล้อมให้มันลดระดับวรยุทธ แน่นอนว่านี่เป็นการสร้างภาพอย่างร้ายกาจ และเมื่อเจอกับการสร้างภาพแบบนี้ มันก็ไม่จำเป็นต้องยึดถือหลักการอีกแล้ว!
ดังนั้นโครงกระดูกมังกรจึงตัดสินใจไม่สกัดกั้นวรยุทธของตัวเองอีก ในชั่วพริบตา ระดับวรยุทธของมันก็ฝ่าด่านคอขวดจากการพักฟื้นภายใน ไปสู่ร่างอันทรงเกียรติ แรงผลักดันสัญชาตญาณ และชั่วกัลปาวสาน…
ในช่วงเวลาเพียงไม่ถึงอึดใจ มันก็กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญที่มีพละกำลังมหาศาลดังเดิม
“เจ้าหนุ่ม ซ้อมผมนี่สนุกมากไหม? ได้เลย…มาดูกันว่าคุณจะรับมือกับสิ่งนี้อย่างไร!” โครงกระดูกมังกรคำรามก้อง
แต่ถึงอย่างนั้น ชายหนุ่มก็หายวับไปจากสายตาของมันอีกครั้ง มันรีบเงยหน้าขึ้น และเห็นอีกฝ่ายนั่งอยู่บนม้าหินที่ไม่ห่างจากทะเลสาบมากนัก แถมยังถือถ้วยชาไว้ในมือราวกับสุภาพบุรุษ มารยาทงาม
“ฮะ?” ได้ยินเสียงคำรามของโครงกระดูกมังกร จางเซวียนวางถ้วยชาลงอย่างสุขุมและตอบว่า “คุณไม่คิดว่ามันออกจะไม่สุภาพไปสักหน่อยหรือที่จะพูดถึงเรื่องการซ้อมและการฆ่าฟัน? ในเมื่อคุณเป็นอาวุธคู่กายของนักปราชญ์โบราณหรันชิว ก็ควรจะเข้าใจถึงความเหมาะสมในเรื่องการให้ความเคารพและความเมตตากรุณานะ แต่ในเมื่อคุณไม่มีมัน ก็ควรจะยอมรับผมเป็นเจ้านายของคุณเสียดีๆ!”
“คุณต้องการให้ผมรับคุณเป็นเจ้านาย? คนหนุ่มโอหังอย่างคุณช่างกล้า…”
ถ้าอารมณ์ของมันเป็นสิ่งที่จับต้องได้ โครงกระดูกมังกรคงจะระเบิดเป็นไฟแล้ว
ก่อนหน้านี้คุณซ้อมผมอย่างไม่บันยะบันยัง แต่พอผมเรียกวรยุทธกลับคืนมา คุณก็กลับพูดว่าไม่อยากต่อสู้อีกแล้ว…โลกนี้มีอะไรง่ายๆแบบนั้นด้วยหรือ?
ฝันไปเถอะ!
ถ้าผมไม่ได้อัดคุณให้และเป็นเนื้อบดล่ะก็ อย่ามาเรียกผมว่าหอกสวรรค์กระดูกมังกรอีกต่อไป!
“คุณแน่ใจหรือว่าไม่อยากรับผมเป็นเจ้านาย?” ชายหนุ่มถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“เฮ่อออ! ก็ถ้าอยากให้ผมยอมรับคุณเป็นเจ้านายล่ะก็ ทำไมไม่เอาชนะผมให้ได้…?” โครงกระดูกมังกรคำราม
แต่ยังไม่ทันที่มันจะพูดจบ เสียงคำรามกึกก้องก็ดังขึ้นในหัวของมัน
“มู! มูว!”
พลั่ก!
ทันใดนั้น โครงกระดูกมังกรพลันรู้สึกว่าร่างของมันแข็งทื่อ ราวกับมีบางสิ่งบางอย่างที่มีอำนาจควบคุมมาข่มขู่มันให้ยอมจำนน และเมื่อไม่อาจเคลื่อนไหวได้ มันก็ร่วงลงมาจากกลางอากาศ
“ผมให้เกียรติคุณหรอกนะ ถึงยอมให้คุณสู้กับผม แต่ดูเหมือนคุณจะล้ำเส้นไป!”
จางเซวียนคำรามขณะลุกขึ้นยืน จากนั้นก็เอาสองมือไพล่หลัง “ยอมรับผมเป็นเจ้านายของคุณเสียเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้น ก็เผชิญหน้ากับผลที่ตามมาจากความโอหังของตัวเองเถอะ!”