อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆
ตอนที่ 1695 ระดับความล้ำลึกของจิตวิญญาณพุ่งพรวด
“โดมหัวใจ?” จางเซวียนพยักหน้า “พวกเราไปดูกันเถอะ!”
ในเมื่อวิหารแห่งขงจื๊อยังไม่เปิด จึงยังพอมีเวลาเหลือ ถ้าโดมหัวใจช่วยบ่มเพาะสภาวะจิตของเขาได้ การไปดูมันสักหน่อยก็ไม่เสียหายอะไร
ที่ผ่านมา การยกระดับความล้ำลึกของจิตวิญญาณของเขาขึ้นอยู่กับโชคดีที่ผ่านเข้ามา แต่การจะพึ่งพาเพียงโชคชะตาในการบ่มเพาะสภาวะจิตนั้นก็คงไม่ถูกต้อง น่าจะดีกว่าถ้าเขาหาเทคนิควรยุทธที่เหมาะสมเพื่อใช้ยกระดับความล้ำลึกของจิตวิญญาณได้
หลังจากเดินไปได้ครู่หนึ่ง อาคารหลังหนึ่งก็ปรากฏตรงหน้า พวกเขาเดินเข้าไปและได้รับการทักทายจากชายวัยกลางคน
“คารวะทุกท่าน พวกคุณตั้งใจจะเข้ามาบ่มเพาะสภาวะจิตหรือทดสอบมัน?”
“พวกเราอยากบ่มเพาะสภาวะจิต” จางเซวียนตอบ
“เชิญทางนี้…” ชายวัยกลางคนผู้นั้นยิ้มให้ “อันดับแรก โดมหัวใจของเราไม่รับหินวิเศษหรือ สิ่งของแลกเปลี่ยนอื่นๆ เรารับเฉพาะของล้ำค่าระดับเซียนขั้นสูงสุดเป็นของแลกเปลี่ยนเท่านั้น ของล้ำค่าระดับเซียนขั้นสูงสุดชิ้นหนึ่งแลกกับการใช้เวลาอยู่ที่นี่ 2 ชั่วโมง”
“แพงจริงๆ…” จางเซวียนถึงกับชะงัก
หลังจากการปล้นสะดมที่ผ่านมา เขาก็ไม่ขาดแคลนของล้ำค่าระดับเซียนขั้นสูงสุด แต่ถึงอย่างนั้น มันก็ยังเป็นราคาค่างวดที่นักรบส่วนใหญ่ต้องกระเสือกกระสนเพื่อให้ได้มันมา ต่อให้เป็นผู้ที่มาจากตระกูลใหญ่ก็ตาม
นักรบระดับเซียนขั้น 9 ส่วนใหญ่ไม่มีของล้ำค่าระดับเซียนขั้นสูงสุดอยู่กับตัวด้วยซ้ำ แต่ระยะเวลาเพียง 2 ชั่วโมงในโดมหัวใจก็ต้องแลกมาด้วยของล้ำค่า 1 ชิ้น
“ก็ช่วยไม่ได้นะ ค่าใช้จ่ายในการสร้างค่ายกลและมิติที่ปลอดภัยสำหรับการบ่มเพาะสภาวะจิตนั้น สูงมาก การดูแลรักษามันก็ต้องใช้เงินมหาศาล” ชายวัยกลางคนผู้นั้นตอบ
“ก็จริง ผมพอเข้าใจ” จางเซวียนพยักหน้า
นักรบส่วนใหญ่ที่มาชูฝู่เพื่อบ่มเพาะสภาวะจิตของพวกเขาล้วนเป็นปรมาจารย์ระดับ 9 ดาว แต่ละคนมีระดับความล้ำลึกของจิตวิญญาณที่ 27.0 หรือสูงกว่า สำหรับวรยุทธระดับนี้ ค่ายกลภาพลวงตาและค่ายกลล่อลวงโดยทั่วไปไม่อาจทำอะไรพวกเขาได้ เพื่อสร้างความกดดันให้กับคนเหล่านั้น ค่ายกลและของล้ำค่าต่างๆที่มีคุณภาพสูงสุดจึงต้องถูกนำมาใช้ ดังนั้น จึงเป็นธรรมดาที่ราคาค่างวดของการเข้าสู่โดมหัวใจจะต้องแพงขึ้น
“คุณรับไว้เลย!” จางเซวียนยื่นอาวุธระดับเซียนขั้นสูงสุดชิ้นหนึ่งให้ “ผมอยากทดสอบอานุภาพของมันด้วยตัวเองก่อน ถ้ามันใช้การได้ดีล่ะก็ พวกเราจะเข้าไปฝึกฝนวรยุทธด้วยกัน!”
หลังจากค้นตัวกองกำลังเผ่าพันธุ์ปีศาจกว่า 110000 ตัว จางเซวียนก็มีของล้ำค่าระดับเซียนขั้นสูงสุดมากกว่า 1000 ชิ้นอยู่ในแหวนเก็บสมบัติของเขา ในเมื่อเขาไม่มีความจำเป็นต้องใช้ของล้ำค่าระดับนั้นแล้ว จึงไม่เดือดร้อนที่จะนำพวกมันมาใช้ที่นี่
คนอื่นๆพากันพยักหน้า
“เชิญทางนี้…” ชายวัยกลางคนรีบนำพวกเขาเข้าสู่ห้องโถงใหญ่
ที่ใจกลางห้องโถงมีลูกบอลคริสตัลลูกหนึ่ง มันหมุนอย่างเงียบๆอยู่บนแท่นหิน แผ่แสงเรืองเจิดจ้าออกมา ผนังที่อยู่รอบห้องโถงนั้นถูกจารึกไว้ด้วยภูมิปัญญาและเทคนิควรยุทธที่ช่วยยกระดับความล้ำลึกของจิตวิญญาณ
“สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญที่เคยเข้าสู่โดมหัวใจเพื่อบ่มเพาะสภาวะจิตได้ทิ้งไว้ เราได้ทดสอบพวกมันแล้ว พวกมันล้วนแต่มีอานุภาพสูงในการยกระดับความล้ำลึกของจิตวิญญาณ แต่ก็ควรใช้ความระมัดระวังด้วย หากคุณทุ่มเทกับมันมากเกินไป มันอาจลงเอยด้วยการปิดกั้นสภาวะจิตของคุณแทน ใช้มันอย่างระมัดระวัง แล้วระดับความล้ำลึกของจิตวิญญาณของคุณจะพุ่งพรวดอย่างแน่นอน!” ชายวัยกลางคนพูดยิ้มๆ
ความสำคัญของเทคนิควรยุทธนั้นอยู่ที่คุณภาพ ไม่ใช่ปริมาณ
หากพยายามทุ่มเทกับมันมากเกินไป ก็อาจลงเอยด้วยความสับสน
นักรบแต่ละคนมีเส้นทางการฝึกฝนวรยุทธของตัวเอง ยิ่งพวกเขาพยายามเดินตามรอยคนอื่น ก็มีแต่จะออกห่างไปจากเส้นทางของตัวเองมากขึ้นเท่านั้น หากนักรบคนหนึ่งหลงทางอยู่ในภูมิปัญญาของนักรบคนอื่น ไม่เพียงแต่การพัฒนาของเขาจะด้อยลง วรยุทธยังอาจถูกธาตุไฟเข้าแทรกด้วย
ก็เพราะเหตุผลนี้ที่ทำให้สภาปรมาจารย์ไม่อนุญาตให้นักรบคนหนึ่งศึกษาเทคนิควรยุทธจำนวนมากเกินไป
แต่แน่นอนว่าเรื่องนี้ก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย
หากนักรบคนหนึ่งประสบความสำเร็จในการใช้ภูมิปัญญาของคนอื่นเพื่อแผ้วถางเส้นทางของตัวเอง พวกเขาก็จะประสบความสำเร็จสูงกว่าเหล่าบรรพบุรุษ
“เมื่อคุณพร้อม ทาบฝ่ามือของคุณลงบนลูกบอลคริสตัลที่อยู่ตรงหน้าและเพ่งสมาธิไปที่จิตใต้สำนึกของคุณ ลูกบอลคริสตัลจะสร้างความปั่นป่วนให้กับสภาวะจิตของคุณเอง หากคุณรู้สึกว่าถึงขีดสุดที่เกินจะทนทานแล้ว เราก็จะตัดการเชื่อมต่อของค่ายกลเสีย เพื่อที่คุณจะได้ไม่บาดเจ็บ” ชายวัยกลางคนอธิบาย
“ผมเข้าใจ!” จางเซวียนพยักหน้า
เขาเดิน 2 ก้าวเข้าหาลูกบอลคริสตัล แต่ไม่รีบร้อนที่จะทาบฝ่ามือลงไป จางเซวียนกวาดสายตาไปทั่วผนังที่อยู่ตรงข้ามเขา
วิ้ง!
หนังสือใหม่เอี่ยมเล่มหนึ่งปรากฏขึ้นในหอสมุดเทียบฟ้า
จางเซวียนแตะนิ้วที่หนังสือ แล้วรายละเอียดของมันก็ลอยเข้าสู่หัวสมองของเขาอย่างรวดเร็ว นัยน์ตาของเขาค่อยๆเบิกโพลงขึ้นด้วยความตื่นเต้น
ด้วยการประมวลเทคนิควรยุทธกับรายละเอียดของภูมิปัญญาที่อยู่บนผนังเข้าด้วยกัน จางเซวียนก็ประสบความสำเร็จในการประมวลศิลปะการบ่มเพาะหัวใจเทียบฟ้า แม้ก่อนหน้านี้เขาจะเคยอ่านหนังสือมากมายที่เกี่ยวข้องกับการบ่มเพาะสภาวะจิต แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจมากนัก แต่เมื่ออ่านรายละเอียดของศิลปะการบ่มเพาะหัวใจเทียบฟ้า จางเซวียนก็รู้ทันทีว่าการยกระดับความล้ำลึกของจิตวิญญาณไม่ใช่เรื่องง่าย ในแง่ของความยากนั้น ยากกว่าการยกระดับวรยุทธเสียอีก โดยเฉพาะเมื่อคำนึงถึงความเป็นนามธรรมของมัน
วิธีการทั่วไปในการบ่มเพาะสภาวะจิตที่ใช้กันทั่วทั้งทวีปแห่งปรมาจารย์คือการใช้ค่ายกลภาพลวงตาเพื่อผลักดันจิตใต้สำนึกของผู้นั้นให้เกิดความปั่นป่วน เมื่อผ่านการทดสอบไปได้ สภาวะจิตของผู้นั้นก็จะค่อยๆมั่นคงและแข็งแกร่งขึ้น
แต่ ‘วิธีการทั่วไป’ นี้จัดว่าไม่ตรงประเด็น มันต้องอาศัยดวงและความบังเอิญ ต่อให้นักรบผู้นั้นเพิ่มเทคนิควรยุทธและของล้ำค่าเข้าไปในกระบวนการบ่มเพาะสภาวะจิต โอกาสที่มันจะพัฒนาสูงขึ้นก็ยังไม่เด่นชัด
แต่โชคดีที่ศิลปะการบ่มเพาะหัวใจเทียบฟ้าที่จางเซวียนเพิ่งประมวลขึ้นผ่านหอสมุดเทียบฟ้านั้นแก้ไขปัญหานี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ทำให้เขาฝึกฝนสภาวะจิตได้โดยตรง เช่นเดียวกับการฝึกฝนพลังปราณและจิตวิญญาณ
“เริ่มเลยดีกว่า…” จางเซวียนศึกษาเทคนิควรยุทธการบ่มเพาะหัวใจที่อยู่ในสมอง ก่อนจะทาบฝ่ามือลงบนลูกบอลคริสตัล
วิ้ง!
แสงเจิดจ้าเรืองออกมาจากลูกบอลขณะที่ตัวเลขปรากฏ-29.1
เหมือนอย่างที่จางเซวียนเคยคำนวณไว้ ระดับความล้ำลึกของจิตวิญญาณของเขาเทียบเท่ากับปรมาจารย์ระดับ 9 ดาวขั้นสูงสุดแล้ว
“เขา…เป็นปรมาจารย์ระดับ 9 ดาวหรือ?” ชายวัยกลางคนถึงกับอึ้งตะลึง
เขาคิดว่าด้วยอายุของจางเซวียน ระดับความล้ำลึกของจิตวิญญาณของชายหนุ่มน่าจะต่ำที่สุดในกลุ่ม และนั่นคือเหตุผลที่ทำให้อีกฝ่ายมาที่นี่เพื่อบ่มเพาะสภาวะจิต แต่ใครจะไปคิดว่า… 29.1! ต่อให้ค้นหาทั่วทั้งชูฝู่ ก็คงมีปรมาจารย์ไม่กี่คนที่เทียบชั้นกับเขาได้
“อือ” เห็นชายวัยกลางคนอึ้งตะลึง เซียนดาบเหมิงพยักหน้าอย่างภูมิใจ “มีใครที่ได้รับแรงบันดาลใจอย่างปุบปับขณะบ่มเพาะสภาวะจิตที่นี่บ้างหรือเปล่า?”
“มีนะ เมื่อหลายปีก่อน ปรมาจารย์หยางมาเยือนโดมหัวใจของเรา ระดับความล้ำลึกของจิตวิญญาณของเขาในขณะนั้นคือ 28.2 ระหว่างที่กำลังบ่มเพาะสภาวะจิต เขาเกิดภูมิปัญญาบางอย่างขึ้นมากะทันหัน และระดับความล้ำลึกของจิตวิญญาณของเขาก็เพิ่มขึ้นอีก 0.2 กลายเป็น 28.4 เรื่องนี้กลายเป็นตำนานของโดมหัวใจของเราเลยทีเดียว!” ชายวัยกลางคนพูด
ความยากในการยกระดับความล้ำลึกของจิตวิญญาณนั้นจะเพิ่มสูงขึ้นอีกมากเมื่อระดับความล้ำลึกของจิตวิญญาณสูงกว่า 27.0 ที่ระดับนั้น กว่าจะเพิ่มขึ้นได้สัก 0.1 ก็ต้องใช้ความพยายามอย่างหนักยาวนานหลายปี ถือเป็นวีรกรรมอันน่าทึ่งของปรมาจารย์หยางที่ยกระดับความล้ำลึกของจิตวิญญาณได้ทีเดียวถึง 0.2 ภายในเวลาไม่ถึง 2 ชั่วโมง น้อยคนที่จะประสบความสำเร็จแบบเขา
“ปรมาจารย์หยางช่างเก่งกาจจริงๆ…แล้วที่นี่มีป้ายชื่อหรือการจัดอันดับบ้างหรือเปล่า? อัตราสูงสุดที่ปรมาจารย์คนหนึ่งยกระดับความล้ำลึกของจิตวิญญาณของเขาได้คือเท่าไหร่?” เซียนดาบเหมิงยังคงถามต่อ
“เรามีบันทึกไว้ การยกระดับความล้ำลึกของจิตวิญญาณที่รวดเร็วที่สุดเป็นผลงานของปรมาจารย์ระดับ 8 ดาวคนหนึ่ง ระดับความล้ำลึกของจิตวิญญาณของเขาแต่เดิมคือ 24.7 แต่เมื่อเข้ารับการทดสอบไป 2 ชั่วโมง ก็เพิ่มขึ้นเป็น 25.7 สูงขึ้นถึง 1.0 เต็มๆ! แต่ก็แน่นอนว่าไม่อาจเทียบกับวีรกรรมของปรมาจารย์หยางได้ เพราะยิ่งระดับความล้ำลึกของจิตวิญญาณสูงขึ้น การยกระดับมันก็ยากขึ้นตามไปด้วย” ชายวัยกลางคนพูด
การยกระดับความล้ำลึกของจิตวิญญาณนั้นเหมือนการสร้างหอคอย การสร้างหอคอยชั้นล่างๆนั้นยังง่าย แต่หลังจากถึงความสูงระดับหนึ่งแล้ว ความยากก็จะพุ่งพรวด
“ที่รัก คุณคิดว่าเซวียนเอ๋อของเราจะทำลายสถิติหรือ?” เซียนดาบชิงตั้งคำถาม
การที่เขาจะคาดเดาความคิดของภรรยาได้ก็ไม่ใช่เรื่องยากเกินไป
“ลูกชายของฉันเป็นผู้ปราดเปรื่อง เป็นธรรมดาไม่ใช่หรือที่เขาจะต้องทำลายสถิติได้สำเร็จ” เซียนดาบเหมิงตอบตามความจริง
“ผมว่าคุณมั่นใจในตัวลูกชายของเรามากไปแล้วล่ะ การบ่มเพาะระดับความล้ำลึกของจิตวิญญาณน่ะไม่เหมือนกับการยกระดับวรยุทธนะ ไม่มีทางบังคับมันได้” เซียนดาบชิงส่ายหน้า
การยกระดับความล้ำลึกของจิตวิญญาณไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างการซึมซับพลังจิตวิญญาณเข้าสู่ร่างกายและแปรเปลี่ยนเป็นพละกำลัง มันเป็นกระบวนการที่ซับซ้อนกว่ากันมาก แถมยังขึ้นอยู่กับโชคชะตา ต่อให้ลูกชายของเขาเป็นผู้ปราดเปรื่อง ก็อาจมีบางอย่างในชีวิตที่ความปราดเปรื่องไม่สามารถช่วยได้!
“ดูนั่นสิ!” ยังไม่ทันที่เซียนดาบชิงจะพูดจบ เสียงสั่นๆก็ดังขึ้น
เซียนดาบชิงหันขวับไปมอง บนลูกบอลคริสตัลนั้น เขาเห็นตัวเลข ‘29.1’ กำลังกระพริบ และเปลี่ยนเป็น ‘29.2’, ‘29.3’, ‘29.4’…
“เฮ้ย…” เซียนดาบชิงถึงกับจังงัง