อัจฉริยะสมองเพชร – ตอนที่ 1807 คารวะท่านประธานสมาคม

อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆

ตอนที่ 1807 คารวะท่านประธานสมาคม

“อะไรกัน?”

เห็นแขนคู่หนึ่งโผล่ออกมาจากหนังสือและคว้าไม้บรรทัดปะทะวิญญาณของเขาไว้ได้ในชั่วพริบตา นักปราชญ์โบราณโม่หลิงขนลุกขนชันไปทั้งตัว

เขารู้สึกได้ถึงกลิ่นอายของอันตราย

นักปราชญ์โบราณโม่หลิงรู้ทันทีว่าแขนสองข้างที่อยู่ในหนังสือแข็งแกร่งกว่าตัวเขามาก ถึงขนาดที่ต่อให้เขาสำแดงพละกำลังเต็มพิกัดก็ยังไม่อาจต่อกรกับมันได้

ฟึ่บ!

เขาถอดจิตวิญญาณออกจากหว่างคิ้วโดยไม่ลังเล แล้วร่างขนาดมหึมาที่ประกอบขึ้นจากพลังจิตวิญญาณก็ปรากฏ รังสีโหดเหี้ยมแผ่ซ่านออกไปโดยรอบ ทำให้เกิดความเย็นเยือกที่พุ่งตรงเข้าใส่จิตวิญญาณของอีกฝ่าย

“ไปได้!” นักปราชญ์โบราณโม่หลิงคำรามกร้าวขณะพุ่งเข้าคว้าไม้บรรทัดปะทะวิญญาณ ตั้งใจจะดึงมันออกจากมือของอีกฝ่าย

“ฮ่า!”

แต่ไอ้โหดก็รู้แต่แรกแล้วว่านักปราชญ์โบราณโม่หลิงจะเคลื่อนไหวอย่างไร ด้วยการสะบัดข้อมือ ไม้บรรทัดปะทะวิญญาณก็ตรงเข้าเล่นงานนักปราชญ์โบราณโม่หลิงแทน

พลั่ก!

เมื่อถูกกระแทกเข้าที่ศีรษะ จิตวิญญาณขนาดใหญ่ของนักปราชญ์โบราณโม่หลิงก็ซวนเซและร่วงลงจากกลางอากาศ มันเกิดขึ้นในชั่วพริบตาเดียว แต่เขาก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส

หลังจากซึมซับแขนสองข้างแล้ว ไอ้โหดก็มีวรยุทธขั้นการฟื้นคืนชีพของสายเลือด โลกจารึก ถ้าไม่ใช่เพราะข้อเท็จจริงที่ว่ามันยังไม่ได้เลือดเนื้อกลับคืนมา พละกำลังของมันคงเทียบชั้นกับอำมาตย์เฉินหย่งในสภาวะที่อีกฝ่ายแข็งแกร่งสูงสุดได้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าแม้นักปราชญ์โบราณโม่หลิงจะทรงพลัง แต่ก็ไม่มากพอจะรับมือกับไอ้โหด

เมื่อเห็นว่าเล่นงานได้สำเร็จ ไอ้โหดรุกคืบ ตั้งใจจะใช้โอกาสนี้โจมตีนักปราชญ์โบราณโม่หลิง

แต่จางเซวียนยืดแขนออกมาห้ามไอ้โหดไว้ “ช้าก่อน!”

แน่นอนว่าหากเขาจะสังหารนักปราชญ์โบราณโม่หลิงเดี๋ยวนั้นก็ไม่ใช่เรื่องยาก แต่ถ้ามันจะทำให้นักปราชญ์โบราณคนอื่นๆเข้ามาร่วมวง ก็อาจเกิดปัญหาใหญ่

ไอ้โหดไม่กล้าฝ่าฝืนคำสั่งของจางเซวียน จึงรีบยับยั้งการโจมตี

จางเซวียนกระดิกนิ้วและสร้างรอยแยกแห่งมิติขึ้นมา ตั้งใจจะหลบหนีไปจากบริเวณนั้น แต่ยังไม่ทันจะได้จากไป นักปราชญ์โบราณโม่หลิงก็ลุกขึ้นยืนอีกครั้ง

“ผู้น้อยโม่หลิงคารวะท่านประธานสมาคม!”

“ท่านประธานสมาคม?”

จางเซวียนชะงักกับคำเรียกขาน เขาหยุดกึกแล้วหันกลับไปมองนักปราชญ์โบราณโม่หลิงอย่างงุนงง

“ถ้าผมเข้าใจไม่ผิด คุณไม่ได้เป็นเผ่าพันธุ์ปีศาจจากโลกอื่น แต่คือจางเซวียนจากทวีปแห่งปรมาจารย์ ถูกไหม? นั่นหมายความว่าคุณคือท่านประธานสมาคมผู้พยากรณ์จิตวิญญาณของเรา!” นักปราชญ์โบราณโม่หลิงอธิบายขณะโค้งคำนับอย่างงามเพื่อแสดงการคารวะ

“คุณรู้จักผมด้วย?” จางเซวียนงง

จริงอยู่ว่าเขาทำให้ฉนวนแห่งจิตวิญญาณของสมาคมผู้พยากรณ์จิตวิญญาณยอมจำนนได้ ซึ่งนั่นส่งผลให้เขากลายเป็นประธานสมาคม แต่เขาก็มอบฉนวนแห่งจิตวิญญาณให้ลู่ชงซึ่งเป็นศิษย์ไปแล้ว มันจึงไม่ได้อยู่ในมือของเขาอีกต่อไป

“เจียงฟังโหย่วบอกผมแล้วว่า ในหมู่ผู้พยากรณ์จิตวิญญาณของพวกเรามีประธานสมาคมคนใหม่ และเมื่อไม่นานมานี้ ตอนที่เจียงฟังโหย่วบอกผมว่าคุณเลือกจบชีวิตของคุณในทวีปแห่งปรมาจารย์ ผมก็คิดว่าคุณน่าจะมุ่งหน้ามาที่ดินแดนเผ่าพันธุ์ปีศาจ และเท่าที่เห็น ดูเหมือนผมจะเดาถูก!” นักปราชญ์โบราณโม่หลิงอธิบายอย่างนอบน้อม

ได้ยินคำนั้น จางเซวียนเงียบกริบ เขาพลันนึกได้ถึงประวัติศาสตร์ของสมาคมผู้พยากรณ์จิตวิญญาณ

จางเซวียนได้รู้จากเจียงฟังโหย่วว่าผู้นำคนก่อนของเหล่าผู้พยากรณ์จิตวิญญาณได้เลือกจบชีวิตเพื่อหว่านล้อมให้เผ่าพันธุ์ปีศาจเข้าใจว่าเขาทรยศมวลมนุษย์ ทำให้แทรกซึมเข้าไปในหมู่พวกมันได้สำเร็จ

นี่เป็นหนึ่งในความลับสุดยอดของทวีปแห่งปรมาจารย์ ซึ่งเป็นไปได้ว่าแม้แต่สมาชิกรุ่นปัจจุบันของสภาปรมาจารย์สำนักงานใหญ่ก็ไม่รู้เรื่องนี้ แต่ในฐานะหนึ่งในนักปราชญ์โบราณของสมาคมผู้พยากรณ์จิตวิญญาณ แน่นอนว่านักปราชญ์โบราณโม่หลิงล่วงรู้ความลับ

ก็เพราะเหตุนี้ที่ทำให้โม่หลิงปะติดปะต่อเรื่องราวได้ทันทีหลังจากที่ได้รู้ว่าจางเซวียนเลือกจบชีวิตลงที่สภาปรมาจารย์สำนักงานใหญ่

จางเซวียนเงียบงันไปครู่หนึ่ง ก่อนจะโบกมือเพื่อสร้างปราการที่แยกตัวออกจากสภาพแวดล้อม จากนั้นก็หันมาถามนักปราชญ์โบราณโม่หลิง “คุณมาทำอะไรที่วังของอำมาตย์เฉินหลิง?”

“อำมาตย์เฉินหย่งทรงพลังมาก ตราบใดที่เขายังมีชีวิตอยู่ ไม่ช้าไม่นานเผ่าพันธุ์มนุษย์จะต้องพ่ายแพ้ให้เขาแน่ ดังนั้นผมจึงแสร้งทำเป็นภักดีกับอำมาตย์เฉินหลิง และแนะนำให้เขาก่อการปฏิปักษ์กับอำมาตย์เฉินหย่ง!” นักปราชญ์โบราณโม่หลิงอธิบาย

“คุณคือผู้วางแผน?” จางเซวียนตาโตด้วยความประหลาดใจ

“ผมรู้แต่แรกแล้วว่าอำมาตย์เฉินหลิงเป็นคนทะเยอทะยาน ทั้งหมดที่ผมทำก็แค่หนุนเขาเล็กน้อยด้วยการช่วยให้เขาได้ร่วมมือกับ 100 สำนักแห่งนักปราชญ์” นักปราชญ์โบราณโม่หลิงตอบ

จางเซวียนตาโตเมื่อพลันเข้าใจ

ก่อนหน้านี้ เขายังคิดอยู่ว่ามันออกจะประหลาดสักหน่อยที่ 100 สำนักแห่งนักปราชญ์ไปเยือนตระกูลเจียงเพื่อร่วมมือกับเหล่าผู้พยากรณ์จิตวิญญาณ แต่เท่าที่ดูตอนนี้ ก็ดูเหมือนว่าผู้พยากรณ์จิตวิญญาณจะทำตัวเป็นสื่อกลางเพื่อส่งข้อมูลระหว่าง 100 สำนักแห่งนักปราชญ์กับเผ่าพันธุ์ปีศาจจากโลกอื่น ด้วยวิธีการสื่อสารแบบนี้ พวกเขาจึงสามารถร่วมมือกันเพื่อลอบโจมตีอำมาตย์เฉินหย่งได้

“ผมเข้าใจ…เข้าใจเหตุผลเบื้องหลังการกระทำของคุณแล้ว แต่คุณคิดบ้างหรือเปล่าว่าถ้าอำมาตย์เฉินหลิงไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัสในการต่อสู้กับอำมาตย์เฉินหย่งล่ะก็ ตอนนี้คุณอาจเสียชีวิตไปแล้วก็ได้!” จางเซวียนพูดอย่างเคร่งขรึม

เขายังไม่เคยเข้าใกล้อำมาตย์เฉินหลิง แต่เท่าที่ได้ยินมา ก็ดูเหมือนว่าอำมาตย์เฉินหลิงจะเป็นผู้นำที่กระหายสงคราม

จริงอยู่ว่าอำมาตย์เฉินหย่งคือคู่ต่อสู้ที่น่าพรั่นพรึงและรับมือด้วยได้ยาก แต่เขาก็เป็นคนที่ใช้เหตุผล และเป็นผู้ยับยั้งกองกำลังเผ่าพันธุ์ปีศาจไว้ไม่ให้โจมตีเผ่าพันธุ์มนุษย์ ถ้าอำมาตย์เฉินหลิงยึดครองอำนาจได้จริงๆ สถานการณ์จะต้องแปรเปลี่ยนกลายเป็นการสู้รบอันน่าขมขื่นที่ทั้งสองเผ่าพันธุ์จะต้องห้ำหั่นกัน จนกระทั่งทหารคนสุดท้ายของแต่ละฝ่ายถูกกำจัดไป!

ที่สำคัญกว่านั้นคือ ข้อเท็จจริงที่ว่านักปราชญ์โบราณโม่หลิงสามารถร่วมมือกับ 100 สำนักแห่งนักปราชญ์ได้ ก็หมายความว่าเหล่าผู้พยากรณ์จิตวิญญาณเป็นสายลับในหมู่เผ่าพันธุ์ปีศาจจากโลกอื่นจริงๆ

เหตุผลที่อำมาตย์เฉินหลิงยังไม่ได้เล่นงานพวกเขาก็อาจเป็นเพราะอยากใช้ประโยชน์จากพละกำลังและสายสัมพันธ์ครั้งนี้เพื่อโค่นล้มอำมาตย์เฉินหย่งให้ได้ก่อน ซึ่งเมื่อไหร่ก็ตามที่อำมาตย์เฉินหย่งพ้นจากอำนาจ คนเหล่านี้ก็จะเป็นรายต่อไปที่ถูกสังหาร!

“ผมเข้าใจเรื่องนั้นทั้งหมด แต่ก็รู้ว่าอำมาตย์เฉินหย่งก็มีไม้ตายที่เขาจะนำมาใช้กับอำมาตย์เฉินหลิงและอำมาตย์เฉินชิงหากถูกต้อนให้จนมุม” นักปราชญ์โบราณโม่หลิงตอบพร้อมกับถอนหายใจเฮือกใหญ่

ได้ยินคำนั้น จางเซวียนเลิกคิ้ว

ไม่แปลกใจแล้วที่เหล่าผู้พยากรณ์จิตวิญญาณเป็นที่หวาดกลัวในหมู่มวลมนุษย์ พวกเขาช่างเป็นคู่ต่อสู้ที่น่าสะพรึงจริงๆ

กล้าเล่นกับสามอำมาตย์ใหญ่ของเผ่าพันธุ์ปีศาจ จูงจมูกคนเหล่านั้นไปมาราวกับแต่ละคนเป็นตัวหมากรุก…เรื่องนี้ช่างเหลือเชื่อจริงๆ

จางเซวียนสลัดความประหลาดใจออกไปและตั้งคำถาม “ตอนนี้อำมาตย์เฉินหลิงเป็นอย่างไรบ้าง? อาการบาดเจ็บของเขาสาหัสไหม?”

“อำมาตย์เฉินหลิงกับอำมาตย์เฉินชิงได้รับบาดเจ็บสาหัสและพวกเขายังไม่หายดี แต่ผมไม่แน่ใจนักว่าสถานการณ์ที่แท้จริงตอนนี้เป็นอย่างไร ดูเหมือนพวกองครักษ์จะกีดกันผม ผมจึงไม่อาจเข้าใกล้เขาได้ตั้งแต่เขากลับมาจากวิหารแห่งขงจื๊อ” นักปราชญ์โบราณโม่หลิงตอบ

“ผมเข้าใจ…แล้วพวกนักตรวจสอบสมบัติล่ะ? ทำไมจู่ๆเขาถึงเรียกนักตรวจสอบสมบัติมารวมตัวกันมากมายที่วัง?” จางเซวียนถามต่อ

“ผมเองก็ไม่แน่ใจ แต่ถ้าข้อสันนิษฐานของผมถูกต้องล่ะก็ เขาน่าจะกำลังยื่นข้อเสนอให้กับเทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณ” นักปราชญ์โบราณโม่หลิงตอบด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

“ยื่นข้อเสนอให้เทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณ?”

“ใช่ เพราะอาการบาดเจ็บสาหัสของเขา เขาคงต้องใช้เวลาอย่างน้อยเป็นพันปีกว่าจะหายดี แต่เรื่องนั้นเป็นไปไม่ได้ ดังนั้นสิ่งเดียวที่เขาทำได้ก็คือยื่นข้อเสนอบางอย่างให้เทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณเพื่อแลกเปลี่ยนกับพละกำลัง”

“เทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณอยู่ฝ่ายเดียวกับอำมาตย์เฉินหย่งไม่ใช่หรือ?” จางเซวียนถามอย่างงุนงง

หลัวลั่วชิงคือเทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณ และดูเหมือนเธอจะมีความสัมพันธ์อันดีกับอำมาตย์เฉินหย่ง ถ้าอีกสองอำมาตย์ก็ยื่นข้อเสนอให้เธอ ก็มีโอกาสที่เธอจะสังหารทั้งคู่ในทันทีแทนที่จะมอบพละกำลังให้

“เทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณไม่มีอารมณ์หรือความรู้สึก ในสายตาของเธอ พวกเราไม่ต่างอะไรกับมดที่แสนไร้ค่า วิธีเดียวที่เราจะอยู่ในสายตาของเธอได้ก็คือต้องมอบข้อเสนอให้ แล้วเธอจะตอบแทน ให้กับผู้ที่ยื่นข้อเสนอที่น่าสนใจที่สุด เป็นความจริงที่ว่าอำมาตย์เฉินหย่งเคยมีความสนิทชิดเชื้อกับเทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณมาก่อน แต่เมื่ออำมาตย์เฉินหย่งหายตัวไป เขาก็จัดว่าไร้ประโยชน์อย่างสิ้นเชิงแล้วต่อเทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณ และเพราะเหตุนี้ ทำไมเทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณถึงยังต้องใส่ใจเขาล่ะ?” นักปราชญ์โบราณโม่หลิงตั้งข้อสังเกต

เทพเจ้าคือสิ่งมีชีวิตที่ไร้หัวใจ ถ้าเทพเจ้ามีความรู้สึกจริงๆ จะนิ่งเฉยและเฝ้าดูความอยุติธรรมที่เกิดขึ้นในโลกได้หรือ?

“อีกอย่าง อำมาตย์เฉินหลิงก็เตรียมข้อเสนอและประเมินค่ามันเอาไว้แล้ว เขาจะต้องมั่นใจว่าตัวเองจะประสบความสำเร็จก่อนจะเดินหน้า เขาไม่ใช่คนที่จะยอมเสียเวลากับการทำอะไรโดยไร้ผลตอบแทน!”

ได้ยินคำนั้น จางเซวียนกำหมัดแน่น

เขาไม่อยากเชื่อว่าหลัวลั่วชิงจะเป็นคนแบบนั้น แต่ด้วยหลักฐานหลายอย่างที่กลับตาลปัตรอยู่ตรงหน้า เขารู้สึกว่าความเชื่อมั่นในตัวเธอเริ่มคลอนแคลนเล็กน้อย

แต่ไม่ว่าอย่างไร เขาก็จะต้องหาหลัวลั่วชิงจนพบ แล้วถามเธอด้วยตัวเองให้ได้!

“มีเงื่อนไขจำนวนหนึ่งสำหรับเครื่องบรรณาการที่จะเสนอให้เทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณ ดังนั้นจึงมีความจำเป็นต้องประเมินมูลค่าของมันเสียก่อนเพื่อไม่ให้เทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณขุ่นเคือง ตอนนี้เราจึงยังพอมีเวลา พูดก็พูดเถอะ ท่านประธาน…ไม่ทราบว่าก่อนหน้านี้คุณตระเวนอยู่ในวังของอำมาตย์เฉินหลิงเพื่ออะไร?” นักปราชญ์โบราณโม่หลิงตั้งคำถามพร้อมกับขมวดคิ้ว

“ผมกำลังตามหาเลือดมังกร และรู้มาว่าที่วังของอำมาตย์เฉินหลิงมีเลือดมังกรอยู่จำนวนหนึ่ง คุณรู้ไหมว่ามันอยู่ที่ไหน?” จางเซวียนถาม

ก่อนหน้านี้เขาพยายามค้นหาแล้ว แต่ไม่เป็นผล แต่ถ้าได้ความช่วยเหลือของนักปราชญ์โบราณโม่หลิง เรื่องนี้อาจสำเร็จก็ได้

“คุณกำลังตามหาเลือดมังกรหรือ?” นักปราชญ์โบราณโม่หลิงเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อ “ผมเคยได้ยินเรื่องร่ำลือเกี่ยวกับมัน แต่ไม่รู้ว่าจริงๆแล้วมันอยู่ที่ไหน แต่ผมก็ได้เข้าไปในหลายพื้นที่ในวังของอำมาตย์เฉินหลิงแล้ว และไม่พบวี่แววของมันเลย ถ้าเรื่องนี้เป็นความจริง มันก็น่าจะอยู่ที่หอนอนของอำมาตย์เฉินหลิงนั่นแหละ!”

“หอนอนของอำมาตย์เฉินหลิง…” จางเซวียนหรี่ตา

นั่นคือสถานที่ที่เขาเคยคาดเดาไว้ ดูเหมือนไม่น่าจะมีข้อผิดพลาด

Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร

Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร

LOHP, Thiên Đạo Đồ Thư Quán, Tian Dao Tu Shu Guan, 天道图书馆
Score 7.4
Status: Completed Type: Author: , Released: 2016 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชรจางเซวียนข้ามไปอีกโลกหนึ่งโดยบังเอิญ ตื่นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองกลายเป็นครูไปเสียแล้ว ซ้ำยังเป็นครูที่ไม่เก่งและกำลังจะถูกไล่ออกอีกด้วย ทว่าจางเซวียนกลับพบความลับอันยิ่งใหญ่ของร่างใหม่ร่างนี้ นั่นก็คือ… เขามีสมองเพชร! ในสมองของครูหนุ่มคนนี้แอบซ่อน ‘หอสมุด’ ขนาดใหญ่ไว้ด้านใน ไม่ว่าอะไรก็ตามที่จางเซวียนเห็น ไม่ว่าจะเป็นคนหรือสิ่งของ ล้วนถูกเก็บสู่คลังหนังสือในรูปแบบของสมุดเล่มหนึ่ง ก็ถ้าในเมื่อมีไอเท็มสุดยอดนี้อยู่กับตัวแล้ว ใครยังจะกล้าเรียกเขาว่าครูกระจอกอีก?!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset