“รอเดี๋ยว…” ปรมาจารย์คนหนึ่งที่กำลังโค้งคำนับอยู่กับพื้นรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ “ปรมาจารย์ฟ้าประทานคือผู้ที่ได้การยอมรับจากสวรรค์ไม่ใช่หรือ? ทำไมถึงดูเหมือนว่าคนผู้นั้น…กำลังดูถูกสวรรค์เสียมากกว่า?”
พูดกันตามตรง เมื่อปรมาจารย์ฟ้าประทานคนหนึ่งได้การยอมรับจากสวรรค์ เขาก็ควรจะน้อมรับมันไว้ด้วยความยินดีและภาคภูมิใจสูงสุด แต่ร่างสูงตระหง่านนั้นกำลังพยายามสุดชีวิตที่จะสลัดมันออกไป ราวกับมีบางอย่างที่น่าขยะแขยงเข้ามาเกาะกุมเขา
“ดูถูกสวรรค์?”
ผู้อาวุโสอึ้งกับข้อสังเกตนั้น เขาเงยหน้ามอง เห็นร่างสูงตระหง่านกำลังส่ายไปมาอย่างรุนแรง ร่างนั้นพยายามสุดชีวิตที่จะปัดป้องรังสีใดๆก็ตามที่มาจากสวรรค์ไม่ให้พุ่งเข้าใส่เขา
ผู้อาวุโสกลืนน้ำลายก่อนจะพึมพำด้วยนัยน์ตาแดงก่ำ “เขากำลังปฏิเสธการยอมรับจากสวรรค์จริงๆ…ไม่อยากเป็นปรมาจารย์ฟ้าประทานอีกต่อไปแล้วหรือ?”
ประวัติศาสตร์ของปรมาจารย์ขงเมื่อครั้งที่เขาได้การยอมรับให้เป็นปรมาจารย์ฟ้าประทานนั้นมีรายละเอียดยืดยาวระบุไว้ในบันทึกของสภาปรมาจารย์ และส่งต่อกันมาหลายรุ่น แม้เวลาจะผ่านไปเนิ่นนานแล้ว ความสำคัญของปรมาจารย์ฟ้าประทานก็ยังไม่เลือนหายไปจากใจของผู้คน แต่ด้วยเหตุผลอะไรสักอย่าง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นดูเหมือนจะไม่เป็นไปตามที่พวกเขาคิดไว้
ในเวลาเดียวกัน เมื่อปรมาจารย์คนอื่นๆที่อยู่รอบตัวผู้อาวุโสได้ยินคำพูดนั้น พวกเขาก็น้ำตาปริ่มขอบตา
พี่ชาย…ถ้าคุณไม่อยากเป็นปรมาจารย์ฟ้าประทาน ส่งต่อตำแหน่งนั้นให้พวกเราก็ได้! เราคงมีความสุขจนหัวเราะได้แม้ในความฝันหากวันหนึ่งโอกาสนั้นได้ตกมาถึงพวกเรา!
เอาจริงๆสิ คุณคิดว่ามันถูกแล้วหรือที่จะปฏิเสธสวรรค์หน้าตาเฉยแบบนั้น? ไม่รู้สึกว่ากำลังทำตัวเป็นศัตรูของโลกหรือไง?
“ไปให้พ้น!”
ขณะที่พวกเขากำลังจังงังกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ร่างที่อยู่กลางอากาศก็ตวาดก้องก่อนจะเตะสวรรค์ที่มาพัวพันบริเวณขาของเขา
ฟึ่บ!
เกิดรอยแยกขึ้นกลางอากาศ
“เขาจงใจปฏิเสธตำแหน่งปรมาจารย์ฟ้าประทานจริงๆ…”
ถ้าก่อนหน้านี้พวกเขายังสงสัยอยู่บ้าง ตอนนี้ความสงสัยนั้นก็หายวับไปไม่มีเหลือ
เห็นได้ชัดว่าร่างสูงตระหง่านนั้นไม่ต้องการเป็นปรมาจารย์ฟ้าประทานอีกแล้ว แต่สวรรค์ก็ไม่ยอมล่าถอย ยังคงตามติดอย่างไม่ลดละและพยายามปล่อยรังสีให้ซึมซาบเข้าสู่ร่างนั้น
“หมอนั่นเป็นใครกัน?”
เมื่อทนไม่ไหวอีกต่อไป ผู้อาวุโสโน้มตัวเพื่อพิจารณาใกล้ๆ อยากรู้ตัวตนของชายผู้ปฏิเสธการเป็นปรมาจารย์ฟ้าประทานอย่างไร้เยื่อใย!
ตลอดหลายหมื่นปีที่ผ่านมา ไม่มีปรมาจารย์คนไหนที่ไม่ปรารถนาจะได้การยอมรับจากสวรรค์ เพราะนั่นหมายความว่าชื่อเสียงของพวกเขาจะลือกระฉ่อนไปอีกหลายยุคสมัย และสืบทอดไปยังเชื้อสายในตระกูลของพวกเขาไปอีกหลายชั่วคน
แต่หมอนั่นกำลังพยายามสลัดสวรรค์ออกไป ราวกับสวรรค์เป็นแมลงน่ารำคาญที่มาเกาะมือของเขา เลยเถิดไปถึงขั้นแทบจะกระทืบเท้าใส่
คุณจะตายไหมถ้าไม่ทำแบบนี้?
ในตอนนั้นเอง ร่างสูงตระหง่านที่อยู่กลางอากาศก็หันมา เผยให้เห็นรูปลักษณ์หน้าตาของเขา เขาคือชายหนุ่มคนหนึ่งที่มีอายุราว 20 ต้นๆกับดวงตาคมกริบ
“นั่น…จางเซวียนไม่ใช่หรือ? ตะ-แต่…ผมนึกว่าเขาตายไปแล้ว!” ผู้อาวุโสถึงกับผงะ
ครั้งหนึ่งสภาปรมาจารย์เคยออกประกาศจับชายหนุ่มไปทั่วทั้งทวีปแห่งปรมาจารย์ จึงไม่มีปรมาจารย์คนไหนที่ไม่รู้จักชื่อนี้ หลังจากนั้นทุกอย่างก็เลวร้ายลงไปอีก จนในที่สุดชายหนุ่มก็ตัดสินใจจบชีวิตของเขาที่สภาปรมาจารย์สำนักงานใหญ่
คนที่ควรจะตายไปแล้วตั้งแต่เมื่อ 3 เดือนก่อน…เขาฟื้นคืนชีพได้อย่างไร และแถมยังได้เป็นปรมาจารย์ฟ้าประทานด้วย?
เกิดอะไรขึ้นระหว่างนั้น? ราวกับเรื่องราวต่างๆได้กระโดดจากจุดเริ่มต้นไปสู่การเป็นมหากาพย์ในทันที!
เหล่าปรมาจารย์ในพื้นที่นั้นต่างก็จังงังกับเหตุการณ์อันคาดไม่ถึง
ภาพเดียวกันนี้เกิดขึ้นในสภาปรมาจารย์ทุกแห่งทั่วโลก
ปรมาจารย์มากมายนับไม่ถ้วนจ้องมองร่างสูงตระหง่านที่อยู่กลางอากาศด้วยนัยน์ตาแดงก่ำ บางคนถึงกับร้องออกมาอย่างสิ้นหวัง ร่ำร้องคร่ำครวญว่าพวกเขาใช้ชีวิตไปอย่างสูญเปล่า
มันมากเกินไปแล้ว
ใครคนหนึ่งกล้าปฏิเสธการเป็นปรมาจารย์ฟ้าประทาน…
จะมีใครเย่อหยิ่งจองหองกว่านี้ได้อีกไหม?
…..
ที่สภาปรมาจารย์สำนักงานใหญ่ นักปราชญ์โบราณและปรมาจารย์ระดับ 9 ดาวกลุ่มหนึ่งรวมตัวกันอยู่ในห้อง
“นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้น” ปรมาจารย์หยางพูด “เผ่าพันธุ์ปีศาจจากโลกอื่นรวมตัวกันเป็นหนึ่งแล้ว เราจึงแน่ใจได้ว่าพวกมันจะไม่เป็นภัยคุกคามต่อเราอีก สิ่งนี้หมายความว่าถึงเวลาที่สภาปรมาจารย์ของเราจะได้ปรับเปลี่ยนยุทธศาสตร์และพัฒนาพละกำลังของเผ่าพันธุ์มนุษย์เสียที เราควรทุ่มเททรัพยากรให้มากขึ้นในการถ่ายทอดภูมิปัญญาของเหล่าบรรพบุรุษและบ่มเพาะอัจฉริยะรุ่นใหม่”
“ปรมาจารย์หยาง ถ้าผมเข้าใจคำพูดของคุณไม่ผิด คุณกำลังบอกว่าไม่เพียงแต่ปรมาจารย์จางจะไม่ได้ทรยศเผ่าพันธุ์มนุษย์ แต่เขายังเป็นปรมาจารย์ฟ้าประทานด้วย และเหตุผลที่เขาเลือกจบชีวิตที่สภาปรมาจารย์สำนักงานใหญ่ก็เพื่อใช้เรื่องนั้นเป็นฉากบังหน้าในการลักลอบเข้าสู่เผ่าพันธุ์ปีศาจ เพื่อแก้ไขภัยคุกคามให้เบ็ดเสร็จเด็ดขาดไปในคราวเดียว ใช่ไหม?” ปรมาจารย์ระดับ 9 ดาวคนหนึ่งตั้งคำถาม เขาย่นหน้าผากเป็นร่องลึก ดูเหมือนไม่ค่อยเต็มใจจะเชื่อเรื่องยืดยาวทั้งหมดที่เกิดขึ้น
“ถูกต้อง” ปรมาจารย์หยางพยักหน้า “แต่สิ่งที่ผมพูดออกไปก็ยังเป็นแค่ข้อสรุปในส่วนของผม เรายังต้องการการยืนยันที่ชัดเจนกว่านี้ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็แน่ใจถึง 90%!”
“ตราบใดที่เรายังยืนยันเรื่องนี้ไม่ได้ชัดเจน ก็ยังมีโอกาสที่ข้อสันนิษฐานของคุณอาจผิดพลาด ด้วยความเคารพนะ, ปรมาจารย์หยาง เรื่องเล่าของคุณน่ะเหลือเชื่อเหลือเกิน ถ้าปรมาจารย์จางเป็นปรมาจารย์ฟ้าประทานจริงๆ เขาก็ควรจะรายงานเรื่องนี้ให้สภาปรมาจารย์รับรู้ ทำไมถึงปกปิดตัวตนไว้?”
“ผมไม่ปฏิเสธหรอกนะว่าเขามีวิธีการในการถ่ายทอดความรู้ให้กับคนอื่นๆได้ดี แต่หากจะพูดเกินเลยไปถึงขนาดที่ว่าเขาเป็นปรมาจารย์ฟ้าประทานล่ะก็ มันออกจะเหลือเชื่อเกินไปสักหน่อย!”
“จริงด้วย พวกเราทุกคนที่นี่คุ้นเคยกับบุคลิกประนีประนอมและหัวใจที่เปี่ยมความเมตตากรุณาของปรมาจารย์ขง ผมตรวจสอบประวัติของปรมาจารย์จางแล้ว และไม่คิดว่าเขามีนิสัยและบุคลิกที่คู่ควรพอจะได้การยอมรับจากสวรรค์”
…..
ปรมาจารย์จำนวนหนึ่งแสดงความแคลงใจออกมา
ไม่ใช่ว่าพวกเขาจงใจทำให้อะไรๆยากขึ้นสำหรับปรมาจารย์หยาง แต่มันผ่านมากว่าหลายหมื่นปีแล้วนับตั้งแต่ปรมาจารย์ฟ้าประทานคนแรกปรากฏตัว อีกอย่าง ผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นปรมาจารย์ฟ้าประทานในคราวนี้ก็คือใครคนหนึ่งที่มีความสัมพันธ์กับเทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณ
เป็นเรื่องหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ใครต่อใครจะเกิดความสงสัยแคลงใจ
“ผมเกรงว่าพวกคุณจะเข้าใจเจตนาของผมผิดแล้วล่ะ ผมไม่ได้เปิดเผยเรื่องนี้เพื่อให้มีการหารือ ผมกำลังแจ้งให้พวกคุณทราบต่างหาก ผมจะปล่อยให้พวกคุณหาเรื่องนี้กันลับหลังผมก็ได้ แต่สำหรับตอนนี้ เราจะต้องดำเนินการประชุมครั้งนี้ต่อภายใต้เงื่อนไขที่ผมบอก” ปรมาจารย์หยางตอบอย่างเฉียบขาด
เหตุผลที่เขาเลือกเดินทางตระเวนไปทั่วโลกก็เพราะเขาไม่เห็นด้วยที่สภาปรมาจารย์เบี่ยงเบนไปจากจุดยืนดั้งเดิมของตัวเอง เขาอยากใช้โอกาสนี้แก้ไขอะไรๆให้ถูกต้อง แต่ก็ช่างน่าท้อใจที่ต้องพบอุปสรรคมากมายในทุกย่างก้าว ปรมาจารย์หยางรู้ดีว่าไม่มีทางที่เขาจะหว่านล้อมปรมาจารย์ทุกคนได้ จึงเลือกที่จะใช้ไม้แข็ง
“ผมพร้อมจะดำเนินการประชุมต่อภายใต้เงื่อนไขนั้นหากคุณต้องการ แต่ผมไม่เชื่อว่าเขาจะเป็นปรมาจารย์ฟ้าประทาน เพราะหากเขาได้เป็นปรมาจารย์ฟ้าประทานจริงๆ ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่พวกเราที่เหลือจะเป็นแบบนั้นไม่ได้…” ปรมาจารย์ระดับ 9 ดาวคนหนึ่งฟึดฟัด แต่ยังไม่ทันจะพูดจบประโยค พื้นดินก็สั่นสะเทือนขึ้นมาอย่างปุบปับ
ทุกคนพรวดพราดออกจากห้องเพื่อมองออกไปข้างนอก ไม่ช้าก็เห็นร่างที่ดูคุ้นตาร่างหนึ่งยืนตระหง่านอยู่กลางอากาศ รังสีอันเป็นเอกลักษณ์ที่มีต้นกำเนิดจากโลกกำลังพุ่งเข้าใส่เขา พยายามจะซึมซาบเข้าไปในจุดชีพจรและเติมร่างของเขาให้เต็ม
ร่างอันคุ้นตานั้นจะเป็นใครอื่นได้นอกจากปรมาจารย์จาง ผู้ที่จบชีวิตของเขาที่สภาปรมาจารย์สำนักงานใหญ่ไปแล้วเมื่อ 3 เดือนก่อน?
“นั่นคือ…รังสีที่เหล่าบรรพบุรุษแผ่ออกมาระหว่างพิธีการยอมรับไม่ใช่หรือ?”
“ไม่ใช่นะ นั่นไม่ใช่รังสีจากเหล่าบรรพบุรุษของเรา มันคือรังสีที่โลกแผ่ออกมาให้กับปรมาจารย์ฟ้าประทาน…”
ในฐานะปรมาจารย์ระดับ 9 ดาว แค่มองแวบเดียวพวกเขาก็เข้าใจได้อย่างรวดเร็วว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เพียงเพราะพวกเขาเข้าใจมัน ก็ไม่ได้หมายความว่าจะประมวลเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดได้ภายในระยะเวลาอันสั้น
นั่นคือช่วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์ที่ปรมาจารย์ระดับ 9 ดาวและนักปราชญ์โบราณทั้งกลุ่มยืนนิ่งงัน ทุกคนอ้าปากค้างและนัยน์ตาเบิกโพลง
ก่อนหน้านี้ พวกเขาเพิ่งยืนยันว่าไม่มีทางที่จางเซวียนจะได้เป็นปรมาจารย์ฟ้าประทาน ราวกับอีกฝ่ายตั้งใจทำสิ่งนี้ให้เกิดขึ้นพอดีเพื่อตบหน้าพวกเขาอย่างจัง
“รอเดี๋ยว ดูเหมือนเขาจะไม่ยินยอมรับการยอมรับจากสวรรค์นะ…ตรงกันข้าม…เขากำลังพยายามปลดปล่อยตัวเองให้เป็นอิสระจากตัวตนนั้น!”
ไม่ช้า ใครบางคนก็รู้สึกได้ถึงความผิดปกติ
“พอคุณพูดขึ้นมา ก็ดูเหมือนจะใช่ ดูเหมือนปรมาจารย์จางกำลังพยายามขับไล่รังสีฟ้าประทานภายในร่างของเขา…”
“ปรมาจารย์ฟ้าประทานคนหนึ่งผลักดันรังสีจากสวรรค์ออกไปจากร่างกาย? เขายังสติดีอยู่หรือเปล่า?”
ความเย่อหยิ่งจองหองที่พวกเขาได้เห็นนั้นเกินขีดที่จะใช้ความมีเหตุมีผลมาพิจารณาได้ ทั้งหมดที่พวกเขาทำได้ก็คือส่ายหน้าและพึมพำอย่างไม่เห็นด้วยขณะเฝ้ามองจางเซวียนผลักดันรังสีออกจากร่างของเขาด้วยสีหน้าขยะแขยง ราวกับกำลังผลักดันพิษร้ายบางอย่างออกจากร่างกาย
แม้แต่สวรรค์ก็ดูจะชะงักไปเล็กน้อยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
เรื่องแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน!
“พวกคุณยังคิดว่าเขาไม่ใช่ปรมาจารย์ฟ้าประทานอยู่หรือเปล่า?” ปรมาจารย์หยางตั้งคำถามขณะกลืนน้ำลายอึกใหญ่
ศิษย์พี่ของเขาช่างไม่ธรรมดาจริงๆ ทุกอย่างที่เขาทำล้วนแต่ทำให้ใครๆอึ้งตะลึง
การได้เป็นปรมาจารย์ฟ้าประทานคือสิ่งที่ทุกคนปรารถนา แต่หมอนี่บ้าคลั่งถึงขนาดพยายามปลดปล่อยตัวเองจากสิ่งนั้น ดูเหมือนชายใจร้ายใจดำที่กำลังตั้งใจผลักไสคนรักของเขา
โลกนี้เป็นบ้าไปแล้ว!
“เขาเป็นปรมาจารย์ฟ้าประทานจริงๆ…”
“พวกเราตาบอด…”
บรรดาปรมาจารย์ระดับ 9 ดาวที่เคยข้องใจกับคำพูดของปรมาจารย์หยางก่อนหน้านี้พากันหน้าชา หากมีหลุมมีรูอยู่ที่พื้น พวกเขาคงรีบมุดเข้าไปโดยไม่ลังเล
น่าอับอายเหลือเกินที่พวกเขาต้องกลืนน้ำลายในทันทีหลังจากที่ประกาศอย่างมั่นอกมั่นใจออกไปแล้ว!
ปรมาจารย์หยางถอนหายใจเฮือกใหญ่กับการกระทำของจางเซวียน จากนั้นก็หันไปพูดกับปรมาจารย์ระดับ 9 ดาวคนหนึ่งที่เพิ่งทักท้วงเขาเมื่อครู่ก่อน “เมื่อครู่นี้คุณพูดว่าไม่มีเหตุผลอะไรที่พวกเราที่เหลือจะเป็นปรมาจารย์ฟ้าประทานไม่ได้ถ้าหากปรมาจารย์จางได้เป็น ถูกไหม? แล้วในเมื่อเขากำลังพยายามสลัดตัวตนของเขาอยู่ ทำไมคุณไม่ลองบ้างล่ะ?”
ด้วยปาฏิหาริย์ทั้งหมดที่ศิษย์พี่ของเขาสร้างขึ้น คนกลุ่มนี้ยังกล้าที่จะคลางแคลงใจสถานภาพของเขาในฐานะประมาจารย์ฟ้าประทาน
ถ้าสำคัญตัวเองนัก ทำไมไม่ลองดูบ้างล่ะ?
ปรมาจารย์ระดับ 9 ดาวคนนั้นแทบปล่อยโฮ