ฟ่านเฉี่ยวเฟิงคิดว่าฟ่านเฉี่ยวฉูกำลังพยายามฝึกฝนตัวเขา ซึ่งหากเขาต้านทานไม่ไหว อีกฝ่ายก็คงจะเข้ามาช่วย แต่กลับตรงกันข้าม ฟ่านเฉี่ยวฉูพูดชัดเจนว่าจะไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวกับการต่อสู้ แถมยังจะปล่อยให้วัยรุ่นทั้ง 3 รอดตัวไปได้หากสามารถเล่นงานเขาจนพ่ายแพ้
เขาจะเอาปัญญาที่ไหนมาเอาชนะ 3 คนนั้น?
แค่ไม่ถูกซ้อมจนตายก็ถือว่าบุญโขแล้ว!
เขานึกว่าฟ่านเฉี่ยวฉูมาช่วย แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายกำลังขุดหลุมขนาดใหญ่ให้เขากระโจนลงไปมากกว่า
ฟ่านเฉี่ยวเฟิงมีสีหน้าสับสน ร่ำๆจะปล่อยโฮออกมา
เห็นสีหน้า ‘แบบนี้ก็จบเห่สิ’ ของฟ่านเฉี่ยวเฟิง จางเซวียนอดหัวเราะไม่ได้ “เลิกลังเลเสียที แล้วทำตามที่ผมบอก ขอแค่คุณทำตามคำสั่งของผม คุณจะเอาชนะการต่อสู้ครั้งนี้ได้อย่างแน่นอน ไม่อย่างนั้น ถ้าคุณถูกคัดออก อย่ามาต่อว่าผมก็แล้วกันว่าผมไม่ช่วย!”
ฟ่านเฉี่ยวเฟิงไม่มีทางพ่ายแพ้หากเชื่อฟังคำชี้แนะของเขา
“อย่างนั้นก็ได้…” เห็นฟ่านเฉี่ยวฉูไม่ได้พูดเล่น ฟ่านเฉี่ยวเฟิงสาปแช่งอีกฝ่ายในใจเป็นร้อยเป็นพันครั้ง ก่อนจะสูดหายใจลึกและกระเสือกกระสนลุกขึ้นยืน
อย่างแย่ที่สุด เขาก็แค่ถูกคัดออก และเขาจะต้องรายงานทุกอย่างที่เกิดขึ้นที่นี่ให้ท่านหัวหน้าตระกูลรับรู้เมื่อเขากลับไป
ส่วนอีกด้านหนึ่ง วัยรุ่นทั้ง 3 ก็รู้สึกได้ถึงความเหลื่อมล้ำของพละกำลังระหว่างพวกเขากับจางเซวียนและรู้ดีว่าไม่มีทางหนีพ้นอีกฝ่าย จึงได้แต่สบตากันก่อนจะหันกลับไปจ้องฟ่านเฉี่ยวเฟิงอย่างเย็นชา
ฟึ่บ!
ทั้ง 3 ปล่อยการโจมตีพร้อมกัน เกิดเป็นพายุอันทรงพลังที่พัดกระหน่ำโดยรอบ
แขน 6 ข้างกวัดแกว่งอยู่กลางอากาศอย่างรวดเร็ว แต่ละข้างมีพละกำลังทำลายล้างของสายฟ้า สกัดกั้นทุกวิถีทางที่ฟ่านเฉี่ยวเฟิงจะหนีพ้น
“มันจบแล้วหรือ?” เลือดในกายของฟ่านเฉี่ยวเฟิงเย็นเฉียบ
ก่อนหน้านี้ เขาคิดว่าอย่างแย่ที่สุดก็แค่ได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่ตอนนี้ หากเอาชีวิตรอดได้ก็ถือเป็นความโชคดีครั้งใหญ่แล้ว
ขณะที่เขากำลังถอดใจยอมรับความตาย เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นในหู
“ทำตามที่ผมบอกนะ ใช้รูปแบบที่ 3 ของเทคนิคการเคลื่อนไหวก้าวเดิน ผนวกกับการเคลื่อนไหวขั้นตอนที่ 5 ของฝ่ามือรู้แจ้ง รวมทั้งรูปแบบที่ 2 ของเพลงหมัดเจ็ดชีพจร”
ฟ่านเฉี่ยวเฟิงรู้ทันทีว่าเสียงนั้นมาจากฟ่านเฉี่ยวฉู แม้เขาจะไม่เข้าใจว่าทำไมอีกฝ่ายถึงอยากให้เขาสำแดงกระบวนท่าเหล่านั้นออกไป แต่ก็รู้ตัวว่าตอนนี้ไม่มีทางเลือก จึงกัดฟันและคิดว่า เราจะเอาชีวิตเข้าแลก!
กว่าเขาจะเอาตัวรอดจากบททดสอบอันโหดเหี้ยมของตระกูลฟ่านและก้าวขึ้นมาได้ทีละขั้นนั้น ความอดทนที่ผลักดันเขาอยู่ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาสามัญจะเข้าใจและจินตนาการได้ ฟ่านเฉี่ยวเฟิงใช้เวลาเพียงชั่วพริบตาในการสงบจิตใจ จากนั้นก็สำแดงเทคนิคการต่อสู้ทั้งสาม ก่อนที่ร่างของเขาจะเคลื่อนไหวอย่างลื่นไหลราวกับสายน้ำ
ฟึ่บ!
รูปแบบที่ 3 ของเทคนิคการเคลื่อนไหวก้าวเดินทำให้เขาเข้าถึงจุดอ่อนในการผนึกกำลังกันของวัยรุ่นทั้ง 3 ส่วนการสำแดงฝ่ามือรู้แจ้งด้วยมือซ้ายและเพลงหมัดเจ็ดชีพจรด้วยมือขวาก็ทำให้เขาเล่นงานแผงอกของวัยรุ่น 2 คนได้
เคร้ง! เคร้งงง!
ตราหยกที่ติดอยู่ตรงหน้าอกของพวกเขาแตกสลาย วัยรุ่นทั้งสองมีสีหน้าไม่อยากเชื่อ พวกเขาถูกลำแสงที่ระเบิดออกมากลืนกิน จากนั้นก็หายวับไป
“เฮ้ย…” ฟ่านเฉี่ยวเฟิงถึงกับผงะกับสิ่งที่เพิ่งทำลงไป
เขาก้มลงมองมือของตัวเองอย่างงงๆ ราวกับกำลังจ้องมองปีศาจ
การทำตามคำสั่งของฟ่านเฉี่ยวฉูทำให้เขาฝ่าวงล้อมได้ภายในกระบวนท่าเดียว แถมกำจัดวัยรุ่น 2 คนได้อย่างง่ายดายด้วย
จู่ๆเขาก็ไร้เทียมทานขึ้นมาขนาดนี้ได้อย่างไร?
“คะ-คุณ…”
เห็นเพื่อนร่วมทีม 2 คนหายวับไปในชั่วพริบตา วัยรุ่นที่เป็นหัวหน้ากลุ่มถอยกรูดด้วยสีหน้าพรั่นพรึง
ไม่ว่าจะเป็นในแง่ความเฉียบคมของกระบวนท่า การทำเวลา หรือความรวดเร็วของปฏิกิริยาตอบสนองของเขา กระบวนท่าของฟ่านเฉี่ยวเฟิงเมื่อครู่นี้เยี่ยมยอดเสียจนแทบจะเรียกได้ว่าเป็นศิลปะ เพราะถ้าไม่ใช่อย่างนั้น ก็ไม่มีทางที่อีกฝ่ายจะกำจัดพวกเขาถึง 2 คนได้ภายในระยะเวลาอันสั้นขนาดนั้น มันเป็นวีรกรรมน่าทึ่งที่เขารู้ดีว่าตัวเขาในสภาพที่เป็นอยู่ไม่มีทางทำสำเร็จ!
เมื่อสิบอึดใจก่อน ฟ่านเฉี่ยวเฟิงยังอยู่ในกำมือของพวกเขา แต่ในชั่วพริบตา สถานการณ์ก็พลิกผัน ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเพราะเขาทำตามคำสั่งของชายหนุ่มคนนั้นหรือเปล่า?
วัยรุ่นที่เป็นหัวหน้าทีมอดไม่ได้ที่จะหันไปมองชายหนุ่มที่กำลังนั่งอยู่บนโขดหิน อาการตกตะลึงเข้าจู่โจมหัวใจของเขาราวกับคลื่นสึนามิ
แค่คำชี้แนะง่ายๆของอีกฝ่ายก็ทำให้ฟ่านเฉี่ยวเฟิงพัฒนาขึ้นได้มากมายภายในระยะเวลาอันสั้น…ชายหนุ่มคนนี้จะต้องทรงพลังและน่าสะพรึงสักแค่ไหน?
“กําจัดเขาด้วย” จางเซวียนสั่งการ
“ได้”
ถ้าก่อนหน้านี้ฟ่านเฉี่ยวเฟิงยังสงสัยแคลงใจอยู่บ้าง ตอนนี้ก็ไม่เหลือความรู้สึกเหล่านั้นแล้ว ในหัวใจของเขามีแต่ความชื่นชมยกย่องเท่านั้น เขาพุ่งเข้าหาอีกฝ่ายด้วยความตื่นเต้นและปล่อยพลังฝ่ามือเข้าใส่วัยรุ่นคนสุดท้ายที่ยังเหลืออยู่
ทั้งสองเริ่มแลกหมัดกัน
คราวนี้จางเซวียนไม่ได้สั่งการอะไรกับฟ่านเฉี่ยวเฟิง แต่สิ่งที่เขาทำคือจัดรูปแบบรายละเอียดของกระบวนท่าของอีกฝ่ายอย่างเป็นขั้นตอน ทำให้ฟ่านเฉี่ยวเฟิงมีอิสระในการเลือกรูปแบบกระบวนท่าที่เขาจะใช้ในการโจมตี
ในช่วงแรกการเคลื่อนไหว ฟ่านเฉี่ยวเฟิงยังคงสับสนปั่นป่วนเพราะความคิดของเขายังตามกระแสของการต่อสู้ไม่ทัน แต่เมื่อถึงการแลกหมัดครั้งที่ 21 เขาก็คุ้นชินกับจังหวะนั้น และไม่ช้าก็ปัดป้องการโจมตีของอีกฝ่ายได้โดยใช้ความพยายามเพียงเล็กน้อย
วัยรุ่นที่เคยต้อนเขาให้จนมุมก่อนหน้านี้ไม่เป็นอันตรายกับเขาอีกแล้ว
พลั่ก! พลั่ก! พลั่ก!
ฟ่านเฉี่ยวเฟิงปล่อยพลังออกจากปลายนิ้ว ตราหยกของอีกฝ่ายแตกสลาย
เขาเห็นสีหน้าผิดหวังของวัยรุ่นคนนั้น ก่อนที่ร่างของอีกฝ่ายจะถูกลำแสงเจิดจ้าที่ระเบิดออกมาโอบล้อมไว้และหายวับไป
“เฉี่ยวฉู…”
ฟ่านเฉี่ยวเฟิงแทบไม่อยากเชื่อว่าเขาเพิ่งเล่นงานนักรบระดับกึ่งนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ได้สำเร็จด้วยพละกำลังของตัวเอง เขาหันไปมองฟ่านเฉี่ยวฉูด้วยนัยน์ตาที่บ่งบอกความยำเกรง
ไม่แปลกใจแล้วที่ฟ่านเฉี่ยวฉูบอกให้รอก่อน แล้วเขาจะมาตามหา ใครจะไปรู้ว่าหลังจากผ่านไปเพียง 2-3 วัน อีกฝ่ายจะทรงพลังขึ้นได้ขนาดนี้?
ขณะที่ฟ่านเฉี่ยวเฟิงกำลังจะแสดงความสำนึกในบุญคุณต่อชายหนุ่มที่นั่งอยู่บนโขดหิน อีกฝ่ายก็หันขวับไปมองลำธารที่อยู่ไม่ห่างออกไปและโบกมืออย่างสบายใจ “พวกคุณเฝ้าดูนานพอหรือยัง? ไม่คิดบ้างหรือว่าได้เวลาปรากฏตัวแล้ว?”
เสียงปรบมือดังกึกก้องไปทั่ว ร่างของนักรบ 7 คนโผล่ออกมาจากเงาของลำธาร
เห็นภาพนั้น ฟ่านเฉี่ยวเฟิงใจหายวาบ เขาไม่รู้เลยว่าบริเวณนี้ยังมีผู้คนซ่อนตัวอยู่อีกมากมาย!
ยิ่งไปกว่านั้น เท่าที่เห็น พวกเขาดูเหมือนจะเป็นพันธมิตรกันด้วย
เขาเข้าใจกระจ่างแล้วว่าทำไมฟ่านเฉี่ยวฉูถึงไม่เปิดการโจมตี คงเป็นเพราะว่าอีกฝ่ายรู้ว่ามีคนอื่นซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่ จึงเฝ้าจับตาคนเหล่านั้นไว้ เผื่อจะมีใครเคลื่อนไหว
“ผมขอบอกเลยนะ, ฟ่านเฉี่ยวฉู คุณพัฒนาตัวเองขึ้นอีกมากนับจากวันนั้น คุณทำให้หมอนี่เล่นงานนักรบ 3 คนได้พร้อมกันด้วยคำชี้แนะเพียงสองสามคํา สำหรับพละกำลังของคุณในตอนนี้น่ะ ถือว่าคุณมีคุณสมบัติเพียงพอที่จะเข้าร่วมทีมของเรา!” ชายหนุ่มเสื้อคลุมสีขาวที่ยืนอยู่แถวหน้า ในบรรดาวัยรุ่นทั้ง 7 พูดขึ้น
เขาคือคนที่ปรบมือเมื่อครู่ก่อน
“เขาคือ…ทายาทของนักปราชญ์โบราณจื่อหยวน, เหยียนอี้เฉี่ยว!”
เมื่อพิจารณาชายหนุ่มที่สวมเสื้อคลุมสีขาวอย่างถี่ถ้วน ฟ่านเฉี่ยวเฟิงพลันรู้สึกเหมือนมีใครบีบหัวใจของเขา “เขาคือนักรบที่แข็งแกร่งที่สุดในการทดสอบครั้งนี้ ไม่มีใครในภูเขาแห่งนี้ที่เทียบชั้นกับเขาได้”
ตระกูลส่วนใหญ่จะรวบรวมสมาชิกที่ปราดเปรื่องที่สุดเอาไว้เพื่อให้เป็นผู้เข้าทดสอบในการทดสอบของสำนักแห่งขงจื๊อในแต่ละปี เพื่อที่คนของพวกเขาจะได้เข้าใจแจ่มแจ้งว่าการแข่งขันที่แท้จริงเป็นอย่างไร
หากจะมีใครสักคนหนึ่งในบรรดาผู้เข้าทดสอบทั้งสองพันคนที่ทุกคนไม่อยากเจอ ก็คงไม่ใช่ใครอื่นนอกจากชายหนุ่มเสื้อคลุมสีขาวที่ยืนอยู่ตรงหน้าพวกเขาในตอนนี้, เหยียนอี้เฉี่ยว!
นักปราชญ์จื่อหยวนเป็นศิษย์คนแรกในบรรดา 72 นักปราชญ์ของปรมาจารย์ขง ซึ่งแม้แต่นักปราชญ์โบราณหรันชิวที่มีประสิทธิภาพการต่อสู้สูงสุดในหมู่ 72 นักปราชญ์ก็ยังไม่กล้าขัดคำสั่งของเขา
และเหยียนอี้เฉี่ยวที่ยืนอยู่ตรงหน้าพวกเขาในตอนนี้ก็เป็นเชื้อสายของนักปราชญ์โบราณจื่อหยวน! เพราะความเก่งกาจอย่างน่าทึ่งของเขา ชื่อเสียงของเหยียนอี้เฉี่ยวจึงระบือลือลั่นไปถึงนักรบรุ่นก่อนๆ
ถือเป็นความโชคร้ายแบบสุดขีดที่ต้องมาเจอเขาที่นี่
“คุณอยากให้ผมเข้าร่วมทีมของคุณหรือ?” จางเซวียนดูจะไม่ประหลาดใจแม้แต่น้อยกับการพลิกผันของสถานการณ์ เขามองเหยียนอี้เฉี่ยวด้วยสีหน้าเรียบเฉย ดูจะไม่สะทกสะท้านกับทีท่าและข้อเสนอของอีกฝ่าย
“ใช่ กลุ่มคนที่อยู่ด้านหลังผมล้วนแต่เป็นคนที่ผมให้การยอมรับ และคุณเองก็เข้าตาผมเช่นกัน มาร่วมทีมกับพวกเราและกำจัดผู้เข้าทดสอบคนอื่นๆด้วยกันเถอะ” เหยี่ยนอี้เฉี่ยวเอาสองมือไพล่หลังไว้พร้อมกับหัวเราะหึๆ เสียงของเขาบ่งบอกความเป็นผู้นำที่ไม่เปิดช่องให้ต่อรองหรือโต้แย้ง
“ขอโทษเถอะ ไอ้ความรู้สึกที่ว่าผมเข้าตาคุณน่ะ มันทำให้ผมผวาไปถึงกระดูกสันหลังแล้ว และผมก็ไม่สนใจจะเข้าร่วมทีมของคุณด้วย” จางเซวียนปฏิเสธห้วนๆ
เขานึกไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะหลงตัวเองขนาดนี้ จึงไม่คิดจะรักษามารยาท
เห็นทีท่าของจางเซวียน วัยรุ่นคนหนึ่งที่ยืนอยู่ด้านหลังเหยียนอี้เฉี่ยวอดรนทนไม่ไหวและตวาดก้อง “เป็นเกียรติของคุณแล้วนะที่พี่เหยียนเชิญคุณให้เข้าร่วมกลุ่มของพวกเรา คุณมันอวดดี อย่าคิดนะ ว่าตัวเองสำคัญ หากพวกเราต้องการ เราก็สามารถกำจัดคุณได้เดี๋ยวนี้ และตัดโอกาสในการฝึกฝนวรยุทธของคุณได้ทันที!”