อัจฉริยะสมองเพชร – ตอนที่ 1901 มาเป็นศิษย์ของผม!

“ระวังหน่อย นั่นเปลวเพลิงสวรรค์นะ!” ขงซือเหยาตะโกนอย่างพรั่นพรึง

เป็นที่รู้กันว่าเปลวเพลิงสวรรค์ขั้นสูงสุดคือสิ่งที่แผดเผาทุกอย่างในโลกได้ ในเมื่อมันทำลายได้แม้แต่ฉนวนที่สร้างขึ้นโดยปรมาจารย์ขง การที่ชายหนุ่มใช้นิ้วแตะมันแบบนั้นก็เท่ากับรนหาที่ตาย!

แต่ยังไม่ทันจะสิ้นเสียงของขงซือเหยา นิ้วของจางเซวียนก็แตะเปลวเพลิงแล้ว เปลวเพลิงสีดำบิดตัวเพราะสัมผัสของเขาราวกับเจ้าสาวที่กำลังเขินอาย ดูเหมือนเปลวเพลิงนั้นได้พบกับเปลวเพลิงที่มีอาวุโสกว่าและพยายามหว่านเสน่ห์ใส่

ขงซือเหยาหน้าตาบิดเบี้ยวเมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น

ทำไมทุกอย่างที่จางเซวียนแตะต้องถึงดูเหมือนจะอ่อนระทวยไปหมด?

ทั้งที่ตัวเองเป็นถึงปรมาจารย์ฟ้าประทาน มีสถานภาพทัดเทียมกับบรรพบุรุษเก่าแก่ของเธอ แต่ก็เป็นเจ้าของก้อนอิฐที่คอยแต่จะตะบันหน้าคนอื่น และยังหอกที่ดูเหมือนชื่นชอบการเล่นงานทุกสิ่งที่ขวางทาง ยิ่งไปกว่านั้น ขณะที่กำลังต่อสู้กับเทพเจ้า ก็ไม่ได้รับบาดเจ็บที่จุดบอบบางจุดไหนเลย ไม่ว่าจะเป็นลูกตา ลำคอ หรือแม้แต่หว่างขา…

และจุดไหนก็ตามที่เขาเล่นงานคู่ต่อสู้ ก็ไม่อาจคาดหวังความปรานีได้ ราวกับเขาไร้มารยาทขั้นพื้นฐานอย่างสิ้นเชิง!

และสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ตอนนี้ก็ทำให้เธอแน่ใจยิ่งขึ้น เพราะขนาดเปลวเพลิงสวรรค์ที่ทุกคนหวาดกลัวก็ยังยอมสยบภายใต้การสัมผัสของเขา…

จางเซวียนคนนี้ช่างน่าสะพรึงเสียจริง!

จางเซวียนไม่แยแสฝูงชนที่กำลังตกตะลึง เขาจ้องมองเปลวเพลิงที่โลมเลียปลายนิ้วของเขาและถามว่า “โหวโหวน้อย เต่าเตาส่งคุณมาที่นี่หรือ?”

เปลวเพลิงสะท้านเล็กน้อย ดูเหมือนจะเข้าใจคำพูดของจางเซวียน

จางเซวียนย่นหน้าผาก

เท่าที่เห็นปฏิกิริยาของเปลวเพลิงสวรรค์ขั้นสูงสุด ชัดเจนว่ามันถูกสวรรค์ส่งมาเพื่อทำลายอาณาจักรคุนฉื่อ

หากจะเปรียบเทียบทวีปแห่งปรมาจารย์เป็นร่างกายมนุษย์ สวรรค์ก็คือระบบภูมิคุ้มกัน ทำหน้าที่ เล่นงานสิ่งแปลกปลอมทุกชนิดเพื่อให้แน่ใจว่าทุกอย่างจะดำเนินไปตามปกติ การบังเกิดของเผ่าพันธุ์มนุษย์ที่มีสภาวะร่างกายเหนือชั้นกว่าธรรมดาในอาณาจักรคุนฉื่อถูกมองว่าเป็นเนื้อร้าย และสำหรับสวรรค์ มันคือสิ่งที่จะต้องถูกทำลายไปให้ได้ ไม่ว่าด้วยวิธีการไหนก็ตาม

จางเซวียนครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนจะผลุบออกจากรอยแยกของฉนวนเพื่อกลับสู่ทวีปแห่งปรมาจารย์ ที่กลางอากาศ หมู่เมฆดำกำลังรวมตัวกันพร้อมกับสายฟ้าและเปลวเพลิงอีกชุดใหญ่ ราวกับสาบานไว้แล้วว่าจะไม่มีวันหยุดพักหากยังไม่ได้ทำลายอาณาจักรคุนฉื่อจนราบคาบ

ภายใต้การคุ้มกันของจางเซวียน นักปราชญ์โบราณเหยียนชิงผ่านรอยแยกของฉนวนกลับสู่ทวีปแห่งปรมาจารย์ด้วย

จางเซวียนหันกลับไปพูดกับชายสูงอายุที่อยู่ด้านหลัง “เมื่อครู่นี้คุณพูดว่าความตายของนักรบขั้นผู้ทำลายล้างมิติสามารถล่อลวงสวรรค์ได้ ถูกไหม?”

“ใช่ นั่นคือแนวคิดที่ใช้กับค่ายกลที่เหล่าบรรพบุรุษของเราสร้างขึ้นในครั้งนั้น” นักปราชญ์โบราณเหยียนชิงตอบขณะยื่นตราหยกอันหนึ่งให้จางเซวียน

จางเซวียนรับตราหยกมาและรีบพิจารณารายละเอียดในนั้น จากนั้นก็สะบัดข้อมือ แล้วร่างมนุษย์คนหนึ่งก็ปรากฏตรงหน้า

“เทพเจ้า? ไม่ ไม่ใช่สิ…คุณหลอมเทพเจ้าให้กลายเป็นหุ่นโลหะไร้วิญญาณหรือ?” นักปราชญ์โบราณเหยียนชิงกลัวแทบขาดใจ

สิ่งมีชีวิตที่เพิ่งปรากฏตรงหน้าแผ่รังสีของประวัติศาสตร์โบร่ำโบราณออกมา เพียงแค่ชำเลืองแวบเดียว ก็เห็นได้ชัดว่าผู้นั้นสำเร็จวรยุทธขั้นผู้ทำลายล้างมิติแล้ว มีพละกำลังทัดเทียมกับเทพเจ้าที่พวกเขาเคยต่อสู้ด้วย!

สังหารเทพเจ้าจากมิติเบื้องบนและหลอมอีกฝ่ายให้กลายเป็นหุ่นโลหะไร้วิญญาณได้…เหลือเชื่อจริงๆ!

“ใช่” จางเซวียนพยักหน้า

ในเมื่อเรื่องราวเลยเถิดมาถึงจุดนี้แล้ว ก็ไม่มีอะไรที่เขาต้องปิดบังอีก จางเซวียนถอดจิตวิญญาณออกจากกายเนื้อและเข้าสู่ร่างของหุ่นโลหะไร้วิญญาณ

ด้วยวิธีการที่จางเซวียนมี เขายังไม่อาจร่ายมนต์ใส่หุ่นโลหะไร้วิญญาณได้ ทำได้แค่ขับเคลื่อนมันขณะที่จิตวิญญาณของเขาอยู่ภายในร่างของหุ่นโลหะไร้วิญญาณเท่านั้น

นี่เป็นโอกาสดีที่จางเซวียนจะได้ซ้อมมือและดูว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่เขาจะเลียนแบบสิ่งที่ปรมาจารย์ขงกับบรรดาศิษย์สายตรงเคยทำไว้เพื่อล่อลวงสวรรค์ในครั้งนั้น

ด้วยกรรมวิธีการขัดเกลาของจางเซวียน เขาสามารถหลอมหุ่นโลหะไร้วิญญาณให้มีความกลมกลืนเป็นหนึ่งเดียวกับจิตวิญญาณของเขา ด้วยเหตุนี้ เงื่อนไขเบื้องต้นของการดำเนินกระบวนการจึงถือว่าสำเร็จลุล่วง

ฟึ่บ!

ทันทีที่จิตวิญญาณของจางเซวียนลอยเข้าสู่ร่างของหุ่นโลหะไร้วิญญาณ เมฆดำก็เข้ารุมล้อมร่างนั้นทันที ทุกคนตาโตขณะกำหมัดแน่นอย่างตื่นเต้น ดูเหมือนในที่สุดทุกอย่างก็ลงตัว!

แต่ครู่หนึ่งหลังจากนั้น หมู่เมฆดำก็สลายตัวไปจากจางเซวียนอย่างปุบปับ ราวกับหมดความสนใจในตัวเขา

“เกิดอะไรขึ้น?” จางเซวียนแปลกใจที่ทุกอย่างไม่เป็นอย่างที่คิด

ตามข้อมูลที่ระบุไว้ในตราหยก การปรากฏตัวของนักรบขั้นผู้ทำลายล้างมิติคนหนึ่งจะดึงดูดความเกรี้ยวกราดของสวรรค์ให้ลงมาเล่นงานผู้นั้น เขาจึงออกแบบยุทธวิธีอย่างระมัดระวังและใช้ตัวเองแทนที่อาณาจักรคุนฉื่อ เพื่อที่สุดท้ายจะได้ตายแทนมัน

แต่ตรงกันข้ามกับที่คิดไว้ การลงทัณฑ์จากสวรรค์เมินเขา ทำเอาถึงกับจนปัญญา

“ผมว่าผมเข้าใจแล้ว…”

หลังจากหายตะลึง นักปราชญ์โบราณเหยียนชิงตาโต เขาส่ายหน้าและอธิบาย “หุ่นโลหะไร้วิญญาณที่คุณเข้ายึดครองคือเทพเจ้าจากมิติเบื้องบน มันไม่ใช่สิ่งมีชีวิตของโลกใบนี้ และสวรรค์สัมผัสความแตกต่างได้…”

จางเซวียนครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนพยักหน้า

เท่าที่เขาได้เห็นมา ดูเหมือนสวรรค์จะมีสองมาตรฐาน มันไม่เคยลังเลที่จะลงทัณฑ์ประชากรที่อยู่ ใต้กฎเกณฑ์ของมัน แต่กับสิ่งมีชีวิตชนิดอื่นที่อยู่เหนือขอบเขตการรับรู้ของสวรรค์ สวรรค์ก็ลังเลที่จะเล่นงานผู้นั้น

เทพเจ้าที่เขาหลอมให้กลายเป็นหุ่นโลหะไร้วิญญาณมีต้นกำเนิดจากมิติเบื้องบน ถือเป็นสิ่งมีชีวิตแปลกปลอมสำหรับโลกใบนี้ ดังนั้น สวรรค์ที่ควบคุมดูแลทวีปแห่งปรมาจารย์จึงลังเลที่จะเล่นงานอีกฝ่าย

ก็เพราะเหตุผลนี้ที่ทำให้เทพเจ้าทั้งสองไม่ถูกสวรรค์เล่นงานทั้งที่ฝ่าปราการแห่งมิติลงมา ถ้าเป็นนักรบสักคนจากทวีปแห่งปรมาจารย์ แน่นอนว่าสวรรค์จะต้องโจมตีผู้นั้นทุกวิถีทางจนกว่าจะมอดไหม้เป็นเถ้าถ่าน

“มีอะไรที่เราทำได้อีกไหม?” จางเซวียนถึงกับจนปัญญา

สุดท้าย แม้สวรรค์ที่ขึ้นชื่อเรื่องความเย็นชาและไร้ความรู้สึก ก็กลับกลายเป็นว่าแท้ที่จริงกลั่นแกล้งผู้ที่หวาดกลัวความแข็งแกร่ง

ยกตัวอย่าง ถึงการปรากฏตัวของหลัวลั่วชิงจะถือเป็นภัยคุกคามครั้งใหญ่ต่อโลก แต่สวรรค์ก็เลือกที่จะทำแค่ผลักดันเธอออกไป ไม่กล้าใช้สายฟ้าหรือเปลวเพลิงสวรรค์เล่นงานเธอ

คำถามนั้นทำให้นักปราชญ์โบราณเหยียนชิงถึงกับอึ้ง เขาเงียบงันไปครู่หนึ่งก่อนจะเสนอ “ปรมาจารย์จาง ลองออกจากหุ่นโลหะไร้วิญญาณสักครู่เถอะ”

เขาคิดไม่ออกเหมือนกันว่าควรทำอย่างไร จึงได้แต่ทดลองอะไรก็ตามที่พอจะมีหวัง

ได้ฟังคำเสนอแนะ จางเซวียนรีบถอดจิตวิญญาณของเขาออกจากหุ่นโลหะไร้วิญญาณและกลับเข้าสู่ร่างเดิม

บางที อาจเป็นเพราะสวรรค์รับรู้ได้ว่าจิตใต้สำนึกที่เคยอยู่ในหุ่นโลหะไร้วิญญาณเมื่อครู่ก่อนออกจากร่างนั้นไปแล้ว จึงเริ่มเข้ามารุมล้อมมันอีกครั้ง

“แต่แบบนี้ก็ไม่ได้นะ…” จางเซวียนเกาหัวอย่างหงุดหงิด

เขาต้องอยู่ในร่างของหุ่นโลหะไร้วิญญาณเพื่อขับเคลื่อนมันให้ดำเนินกระบวนการล่อลวงสวรรค์ ในเมื่อเขาไม่อาจควบคุมหุ่นโลหะไร้วิญญาณจากระยะไกลได้ แผนนี้ก็ถือว่าล่ม

“ถ้าแบบนี้ใช้ไม่ได้ล่ะก็ ผมจะพยายามขัดเกลาศพเทพเจ้าอีกศพหนึ่งที่ผมมีอยู่ในแหวนเก็บสมบัติตอนนี้…”

แต่ขณะที่พูดออกมา เสียงของจางเซวียนก็ค่อยๆแผ่วลง

เขามีศพของเทพเจ้าอีกศพหนึ่งอยู่ในแหวนเก็บสมบัติก็จริง แต่ยังไม่ได้ขัดเกลามัน และศพนั้นจะต้องถูกหลอมให้กลายเป็นหุ่นโลหะไร้วิญญาณก่อนเพื่อดึงดูดความสนใจของสวรรค์ ซึ่งกระบวนการหลอมก็ไม่ใช่สิ่งที่จะทำสำเร็จได้ภายในระยะเวลาอันสั้น

“เราไม่สามารถขัดเกลาหุ่นโลหะอีกตัวหนึ่งได้ทันเวลาหรอก แถมยังไม่มีนักรบขั้นผู้ทำลายล้างมิติด้วย แล้วจะทำอะไรได้?”

จางเซวียนจับจ้องเปลวเพลิงสีดำที่กำลังเล่นงานฉนวนของอาณาจักรคุนฉื่ออย่างไม่ลดละ ขณะพยายามเค้นหัวสมองเผื่อจะเกิดความคิดบางอย่าง

จากนั้น ความคิดหนึ่งก็แวบเข้ามา

ใช่สิ…หอสมุดเทียบฟ้า! หอสมุดเทียบฟ้าเป็นตัวแทนของเจตจำนงของสวรรค์ ในเมื่อเป็นอย่างนั้น จะเป็นไปได้หรือไม่ถ้าเราจะใช้หน้าหนังสือสีทองเพื่อโน้มน้าวเจตจำนงของสวรรค์?

แต่เรื่องนี้ก็มีปัญหาเช่นกัน เพราะเขาเพิ่งใช้หน้าหนังสือสีทองหน้าเดียวที่มีเล่นงานเทพเจ้าที่อำมาตย์เฉินหลิงเรียกมา

อีกอย่าง การเกิดขึ้นของหน้าหนังสือสีทองก็ไม่แน่นอน ถึงตอนนี้ เขารู้เพียงว่าต้องมีใครสักคนยอมรับเขาเป็นอาจารย์ และผู้นั้นต้องเกิดความสำนึกในบุญคุณอย่างจริงใจต่อการถ่ายทอดความรู้ของเขา แต่ถึงอย่างไรก็ต้องลองดู

จางเซวียนจึงหันไปถามขงซือเหยาอย่างจริงจัง “คุณ…คุณเต็มใจจะยอมรับผมเป็นอาจารย์ของคุณไหม?”

“อะไรนะ? ไม่มีทางหรอก!” ขงซือเหยาตอบอย่างไม่ลังเล

Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร

Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร

LOHP, Thiên Đạo Đồ Thư Quán, Tian Dao Tu Shu Guan, 天道图书馆
Score 7.4
Status: Completed Type: Author: , Released: 2016 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชรจางเซวียนข้ามไปอีกโลกหนึ่งโดยบังเอิญ ตื่นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองกลายเป็นครูไปเสียแล้ว ซ้ำยังเป็นครูที่ไม่เก่งและกำลังจะถูกไล่ออกอีกด้วย ทว่าจางเซวียนกลับพบความลับอันยิ่งใหญ่ของร่างใหม่ร่างนี้ นั่นก็คือ… เขามีสมองเพชร! ในสมองของครูหนุ่มคนนี้แอบซ่อน ‘หอสมุด’ ขนาดใหญ่ไว้ด้านใน ไม่ว่าอะไรก็ตามที่จางเซวียนเห็น ไม่ว่าจะเป็นคนหรือสิ่งของ ล้วนถูกเก็บสู่คลังหนังสือในรูปแบบของสมุดเล่มหนึ่ง ก็ถ้าในเมื่อมีไอเท็มสุดยอดนี้อยู่กับตัวแล้ว ใครยังจะกล้าเรียกเขาว่าครูกระจอกอีก?!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset