“คุณอยากให้ผมสำแดงศิลปะเพลงดาบหรือ?” ตั้นเฉี่ยวเทียนงุนงงเล็กน้อยกับคำขออย่างปุบปับของจางเซวียน
“บอกตามตรงนะน้องตั้น เมื่อครู่นี้ผมพิจารณาศิลปะเพลงดาบของคุณแล้ว รู้สึกว่าความสามารถในการเรียกพละกำลังและความแข็งแกร่งในการโจมตีของคุณนั้นออกจะอ่อนด้อยไปสักหน่อย ผมจึงสงสัยว่าจะขอตรวจสอบมันได้หรือไม่ ผมอาจหาวิธีแก้ไขปัญหาเหล่านั้นได้…ถ้าคุณพัฒนาศิลปะเพลงดาบของคุณได้ในอีก 3 วันนับจากนี้ ก็มีโอกาสที่สำนักดาบเมฆเหินจะรับคุณเป็นศิษย์สายตรงของพวกเขา!” จางเซวียนพูดยิ้มๆ
ด้วยความสามารถในการหยั่งรู้ของจางเซวียน เขามองเห็นข้อบกพร่องในศิลปะเพลงดาบของตั้นเฉี่ยวเทียน และมีวิธีแก้ไขข้อบกพร่องเหล่านั้นด้วย เหตุผลที่เขาต้องการให้ตั้นเฉี่ยวเทียนสำแดงศิลปะเพลงดาบอีกครั้งก็เพื่อทดสอบว่าเขาจะสามารถใช้หอสมุดเทียบฟ้าในมิติแห่งนี้ได้หรือไม่
“พี่จาง คุณรู้เรื่องศิลปะเพลงดาบด้วยหรือ?” ตั้นเฉี่ยวเทียนตั้งคำถามพร้อมกับขมวดคิ้ว
“ผมพอรู้อยู่บ้าง!” จางเซวียนพยักหน้า
“เยี่ยมเลย! ที่จริงผมหมดหวังในการจะได้เป็นศิษย์สายตรงของสำนักดาบเมฆเหินแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องปลอบใจผมหรอก” ตั้นเฉี่ยวเทียนมองขาซ้ายของเขาที่พิการ “แต่ถ้าคุณมีความรู้เรื่องศิลปะเพลงดาบล่ะก็ พี่จาง, ผมยิ่งกว่าเต็มใจที่จะแลกเปลี่ยนภูมิปัญญากับคุณ ตั้งแต่ผมหมดความสามารถในการฝึกฝนวรยุทธ ผมก็พยายามหาหนทางทีละเล็กทีละน้อย ความก้าวหน้าของผมจึงมีจำกัด…”
ความไม่มั่นใจในตัวเองของตั้นเฉี่ยวเทียนเกิดจากการหมดสมรรถภาพในการฝึกฝนวรยุทธอย่างกะทันหัน สุดท้าย แม้เขาจะอุทิศเวลาให้กับการศึกษาศิลปะเพลงดาบ แต่ก็ไม่กล้าสำแดงมันต่อหน้าใคร ส่วนการจะหาคู่ดวลมาทดสอบทักษะของตัวเองนั้นยิ่งไม่ต้องพูดถึง
บางที อาจเป็นเพราะเขามองจางเซวียนเป็นคนธรรมดาสามัญคนหนึ่ง จึงไม่รู้สึกต่ำต้อยด้อยค่า และไม่ตะขิดตะขวงใจที่จะแลกเปลี่ยนภูมิปัญญากับอีกฝ่าย
ฟึ่บ!
ด้วยการสะบัดข้อมือ ดาบของตั้นเฉี่ยวเทียนตวัดผ่านอากาศและจ้วงแทงไปข้างหน้า
วิ้งงงง!
ในเวลาเดียวกัน หนังสือเล่มหนึ่งก็ปรากฏในหอสมุดเทียบฟ้า
หลังจากพลิกดูและอ่านรายละเอียด จางเซวียนถอนหายใจอย่างโล่งอก
โชคดีที่ดูเหมือนว่าหอสมุดเทียบฟ้าจะยังคงใช้การได้ในมิติเบื้องบน ก่อนหน้านี้ ตอนที่หลัวลั่วชิงผนวกเอามหาคัมภีร์แห่งฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วงรวมเข้ากับหอสมุดเทียบฟ้า หอสมุดเทียบฟ้าก็เกิดการยกระดับครั้งใหญ่ เป็นไปได้ว่าเป็นเพราะการยกระดับครั้งนั้นที่ทำให้หอสมุดเทียบฟ้าสามารถมองทะลุสวรรค์ของมิติเบื้องบนได้โดยไม่มีปัญหาใดๆ
“น่าสมเพชอะไรอย่างนี้ ตั้นเฉี่ยวเทียน, คุณยังฝึกฝนศิลปะเพลงดาบของคุณอยู่หรือ? คิดหรือไงว่าสำนักดาบเมฆเหินจะรับคนอย่างคุณเป็นศิษย์สายตรง?”
ขณะที่จางเซวียนยังคงครุ่นคิดหนัก เสียงคำรามเย็นชาก็ดังขึ้นด้านนอก จากนั้น สองร่างก็ก้าวยาวๆเข้ามา
คนแรกเป็นสาวน้อยที่ดูจะมีอายุราว 15-16 ปี รุ่นราวคราวเดียวกับตั้นเฉี่ยวเทียน เธอสวมชุดสีเหลืองอ่อน นัยน์ตาเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่งและถือดี เธอเชิดหน้าอย่างไม่ยี่หระ บ่งบอกถึงสถานภาพสูงส่งและความมั่นอกมั่นใจในตัวเองที่มีต่อหน้าคนอื่นๆ เธอคือคนที่พูดประโยคเมื่อครู่นี้ออกมา
ที่ตามหลังเธอคือชายวัยกลางคนผู้หนึ่งซึ่งมีอายุราว 40 ปี เขาสวมเสื้อเชิ้ตติดกระดุมแบบธรรมดา และมีดาบเล่มหนึ่งเหน็บไว้ที่เอว ขณะที่เขาเดินมา ก็รู้สึกได้ถึงกระแสดาบฉีอันคมกริบและทรงพลังที่แผ่ออกจากร่าง
“นายน้อยที่ 3…” ผู้อาวุโสอี้ตามหลังทั้งคู่มาติดๆ สีหน้าบ่งบอกความขัดเคืองใจและรู้สึกผิด เขาก้มศีรษะลงพูดเบาๆ “ขออภัยด้วย ผมยับยั้งพวกเขาไม่ได้…”
ตั้นเฉี่ยวเทียนรีบหยุดการสำแดงศิลปะเพลงดาบก่อนจะหันมามองสาวน้อยที่อยู่ตรงหน้า ในตอนนั้น เขาตื่นเต้นจนพูดจาตะกุกตะกัก “ฉะ-เฉว่ชิง?”
“พอที!” สาวน้อยมองตั้นเฉี่ยวเทียนด้วยแววตาดูหมิ่นเหยียดหยาม เธอโบกมืออย่างหมดความอดทนและพูดต่อ “คุณก็รู้ว่าฉันมาที่นี่ทำไม แต่แทนที่จะออกไปต้อนรับฉันด้วยตัวเอง กลับส่งเจ้าคนใช้ต่ำต้อยมามอบสัญญาผูกมัดการแต่งงานให้ คุณคิดหรือว่ามันจะจบง่ายๆแบบนั้น?”
“คุณต้องการยกเลิกการแต่งงานของเรา ผมก็ให้ผู้อาวุโสอี้มอบสัญญาผูกมัดการแต่งงานให้คุณแล้วไง คุณยังต้องการอะไรจากผมอีก?” ตั้นเฉี่ยวเทียนหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธ
“ที่ฉันต้องการจากคุณน่ะไม่มากมายอะไรหรอก ก็แค่อยากให้คุณประกาศให้ทั้งเมืองรู้ว่าคุณคือคนที่ตัดสินใจยกเลิกการแต่งงานของเราเพราะคุณรู้สึกว่าคุณไม่คู่ควรกับฉัน ท่านพ่อของฉันคงจะใช้เวลาใคร่ครวญระยะหนึ่งก่อนจะตัดสินใจเคารพความคิดเห็นของคุณและระงับการแต่งงานของเราไว้ ไอ้การที่คุณมอบกระดาษแผ่นนั้นให้ฉันน่ะ คิดหรือว่าจะให้ฉันเที่ยวบอกใครๆว่าตัวฉัน, เฉว่ชิง ไม่ยอมแต่งงานกับคุณ ฉันจะปล่อยให้ชื่อเสียงของสำนักเจ้าเมืองผู้ทรงเกียรติต้องด่างพร้อยได้อย่างไร?” เฉว่ชิงคำราม
ถ้าใครต่อใครรู้ว่าเธอฉีกสัญญาผูกมัดการแต่งงานกับตั้นเฉี่ยวเทียนเพียงเพราะเธอได้เป็นศิษย์สายตรงของสำนักดาบเมฆเหิน ก็คงจะทำให้เกิดเสียงซุบซิบนินทาอย่างหนัก และนั่นจะเป็นอุปสรรคในการสร้างชื่อเสียงของเธอ แต่ถ้าเธอจัดการให้ตั้นเฉี่ยวเทียนเป็นฝ่ายยกเลิกงานแต่งงานแทน ก็จะไม่ต้องแบกรับการเสื่อมเสียชื่อเสียงแม้แต่น้อย
จางเซวียนเห็นทุกอย่างกับตา เขาได้แต่ส่ายหน้าอย่างไม่เห็นด้วย
ยัยคนนี้ช่างร้ายกาจ…
การที่เฉว่ชิงจะล้มเลิกการแต่งงานก็เป็นเรื่องหนึ่ง แต่นึกไม่ถึงเลยว่าเธอจะทำแม้กระทั่งจัดฉากให้ตั้นเฉี่ยวเทียนป่าวประกาศให้คนทั้งเมืองรู้ ตัวเองเป็นคนยกเลิกการแต่งงานแท้ๆ แต่ก็ยังอยากป้ายสีให้ตั้นเฉี่ยวเทียนกลายเป็นผู้ร้าย
แม่คนนี้ช่างต่ำต้อยด้อยค่าอะไรอย่างนี้!
ตั้นเฉี่ยวเทียนกำหมัดแน่น ใบหน้าของเขาซีดเผือดขณะจับจ้องเฉว่ชิงอย่างเย็นชา
แม้ไม่พูดอะไรอีก เขาก็รู้แล้วว่าเฉว่ชิงคิดอย่างไร ความผิดหวังอย่างล้ำลึกแล่นพล่านไปทั่วทั้งร่าง
นี่มันหยามหน้ากันอย่างรุนแรง!
ดูเหมือนอีกฝ่ายเตรียมตัวมาอย่างดีที่จะหยามหน้าเขา ทั้งยังขอให้เขาแบกรับทุกอย่างแทน
ปัญหาก็คือ…เขาไม่อาจทำอะไรได้เลยในสถานการณ์นี้ เขาอับจนหนทางอย่างสิ้นเชิง!
“ตั้นเฉี่ยวเทียน, นายหญิงน้อยที่ 2 กับผมไม่ได้มาที่นี่เพื่อต่อรองกับคุณ เรามาเพื่อมอบหมายคำสั่งนั้นให้คุณ” ชายวัยกลางคนที่มากับเฉว่ชิงพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ภายใน 3 วันนับจากนี้ คุณจะต้องป่าวประกาศเรื่องราวทั้งหมดให้ทั้งเมืองได้รับรู้ ไม่อย่างนั้นก็…เตรียมตัวจ่ายค่าชดใช้ได้เลย!”
“คุณเป็นใคร?” ตั้นเฉี่ยวเทียนตั้งคำถามขณะจ้องหน้าชายวัยกลางคนอย่างเย็นชา
“ผมคืออาจารย์สอนศิลปะเพลงดาบของนายหญิงน้อยที่ 2, เฉว่เฉิน!” ชายวัยกลางคนตอบอย่างภาคภูมิใจ
“เฉว่เฉิน? ผมรู้จักคุณนี่!” ดูเหมือนจะเคยได้ยินชื่อนั้นมาก่อน ตั้นเฉี่ยวเทียนตาโตด้วยความประหลาดใจก่อนจะส่ายหน้าอย่างสมเพชตัวเอง “ช่างเป็นเกียรติเหลือเกินที่ผมมีโอกาสต้อนรับ หัวหน้าใหญ่ของสำนักเจ้าเมืองที่มาเยี่ยมเยียนถึงที่ ไม่ทราบว่าค่าชดใช้ที่ผมต้องจ่ายนั้นคืออะไร ถ้าผมไม่ทำตามคำสั่งของคุณ?”
ในฐานะหัวหน้าใหญ่ของสำนักเจ้าเมือง ความแข็งแกร่งของเฉว่เฉินนั้นไม่อาจประมาทได้ อันที่จริงเขาเป็นนักรบที่มีวรยุทธระดับนักปราชญ์โบราณขั้น 3!
“อ๋อ เรื่องนั้นง่ายนิดเดียว!” เฉว่เฉินโบกมืออย่างไม่แยแส ไม่รู้สึกรู้สากับการยั่วยุของตั้นเฉี่ยวเทียน “ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ตระกูลตั้นทำร้ายผู้คนไปไม่น้อย ถูกไหม? คุณควรจะรู้ตัวนะว่าถ้าไม่ใช่เพราะการหมั้นหมายระหว่างคุณกับเฉว่ชิง คุณคงตายไปหลายครั้งหลายหนแล้ว”
คำพูดนั้นทิ่มแทง แต่ตั้นเฉี่ยวเทียนรู้ดีว่ามันคือเรื่องจริง
ด้วยวรยุทธที่อ่อนด้อยของเขา ถ้าไม่ใช่เพราะสัญญาผูกมัดการแต่งงาน บรรดาศัตรูของตระกูลตั้นคงไม่ปล่อยให้เขามีชีวิตยืนยาวขนาดนี้!
“ก็นั่นแหละ ถ้าคนพวกนั้นตั้งใจเล่นงานคุณ คุณคิดว่าลำพังคุณกับตาเฒ่านั่นจะยับยั้งพวกเขาได้หรือ?” เฉว่เฉินยักไหล่
เมื่อรู้สึกได้ถึงเจตนาแอบแฝงที่อยู่เบื้องหลังคำพูดของเฉว่เฉิน ตั้นเฉี่ยวเทียนตาโตอย่างไม่อยากเชื่อ “คุณจะปิดปากพวกเราหรือไง? ไม่กลัวหรือว่าความตายอย่างปุบปับของผมอาจกระทบชื่อเสียงของสำนักเจ้าเมือง?”
“การตายของคุณจะส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของสำนักเจ้าเมืองได้อย่างไร?” เฉว่เฉินตอบเสียงเรียบ “เรื่องเป็นอย่างนี้นะ ท่านเจ้าเมืองจะโกรธกริ้วอย่างหนักเมื่อรับรู้การตายของคุณ เขาจะส่งคนออกตามล่าตัวการเพื่อล้างแค้นให้ ส่วนนายหญิงน้อยที่ 2 ของเรา, เธอจะคร่ำครวญโศกเศร้าอยู่นาน และลงท้ายก็ตัดสินใจจะออกจากดินแดนแห่งความอาดูรนี้ไป และมุ่งหน้าสู่สำนักดาบเมฆเหิน!”
คำพูดเหล่านั้นทำให้หัวใจของตั้นเฉี่ยวเทียนเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่รู้ตัวว่าสถานการณ์ของเขาน่าสิ้นหวังแค่ไหน
ถ้าพวกนั้นเล่นละครตามนี้จริงๆ ไม่เพียงชื่อเสียงของสำนักเจ้าเมืองจะไม่ด่างพร้อย ยังจะได้รับการยกย่องด้วย ในเวลาเดียวกัน เฉว่ชิงก็จะเป็นที่ชื่นชมยิ่งขึ้นกว่าเดิมในความรักเดียวใจเดียวของเธอที่มีต่อคู่หมั้น ใครต่อใครจะพูดกันว่าแม้เฉว่ชิงจะกลายเป็นศิษย์สายตรงของสำนักดาบเมฆเหินแล้ว เธอก็ยังคงรักษาสัญญาที่จะแต่งงานกับเขา แต่น่าเสียดาย ในเมื่อโชคชะตากำหนดมาอย่างนั้น ก็แปลว่าพวกเขาไม่ได้เกิดมาคู่กัน
“คุณ…ก็ได้ ผมยอมรับ!”
ตั้นเฉี่ยวเทียนกำมือแน่นจนเล็บจิกลงไปในเนื้อ ข้อนิ้วของเขาซีดขาว แต่ถึงจะไม่พอใจแค่ไหน ก็รู้ดีว่าตัวเขาในเวลานี้ไม่มีปัญญาทำอะไรได้
กฎเกณฑ์ของผืนป่า, ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดเท่านั้นที่จะอยู่รอด คนอ่อนแออย่างเขามีแต่จะตกเป็นเหยื่อ
“ต้องอย่างนั้นสิ!” เฉว่ชิงพยักหน้าอย่างพอใจ เธอยกมือขึ้น แล้วเฉว่เฉินก็นำเอกสารแผ่นหนึ่งออกมายื่นให้ตั้นเฉี่ยวเทียน “นี่คือเอกสารการยกเลิกการหมั้นและงานแต่งงาน ทั้งหมดที่คุณต้องทำก็คือสลักชื่อลงไป ส่วนที่เหลือพวกเราจะจัดการเอง วางใจเถอะ เราจะประกาศเรื่องนี้ให้รู้กันทั่วทั้งเมืองภายในวันนี้แหละ!”
ตั้นเฉี่ยวเทียนยื่นมือออกไปรับเอกสารนั้นอย่างลังเลก่อนจะอ่านอย่างถี่ถ้วน
มันคือประกาศอย่างเป็นทางการที่ดูเหมือนจะเขียนโดยตัวเขาเอง บ่งบอกถึงเจตนาที่จะยกเลิกงานหมั้นและการแต่งงาน อีกทั้งระบุเหตุผลเอาไว้
เหตุผลนั้นเรียบง่ายและไม่มีอะไรซับซ้อน ตัวเขาได้รับบาดเจ็บสาหัส และไม่เพียงแต่จะไม่สามารถฝึกฝนวรยุทธ ยังไม่อาจเติมเต็มบทบาทหน้าที่ของชายคนหนึ่งให้สมบูรณ์ได้ด้วย ทำให้เขากลายเป็นคนพิการซ้ำซ้อน เพื่อไม่ให้เป็นตัวถ่วงอนาคตของคู่หมั้น เขาจึงตัดสินใจจะยกเลิกงานหมั้นและการแต่งงาน และขอวิงวอนให้เธอยกโทษให้เขาสำหรับเรื่องนี้ด้วย ส่วนทางสำนักเจ้าเมืองที่เห็นแก่ความสัมพันธ์ในอดีตกับตระกูลตั้นก็ปฏิเสธคำขอของเขาครั้งแล้วครั้งเล่า เขาจึงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องประกาศอย่างเป็นทางการเรื่องการยกเลิกงานหมั้นและการแต่งงานโดยใช้วิธีการแบบนี้ หวังว่าท่านเจ้าเมืองจะเข้าใจการกระทำในครั้งนี้ของเขา
เฉว่ชิงจงใจกล่าวอ้างแม้กระทั่งว่าเขาหมดสมรรถภาพของความเป็นชาย!
การหยามหน้าอย่างรุนแรงที่ตั้นเฉี่ยวเทียนต้องเผชิญทำให้เขาเลือดขึ้นหน้าและโมโหจนแทบระเบิดออกมา