ด้วยการแบ่งปันความรู้ผ่านระบบที่กำหนดไว้ ข้อมูลข่าวสารจึงแพร่กระจายได้รวดเร็ว บางที นี่อาจเป็นโครงสร้างที่ทำหน้าที่ขับเคลื่อนมิติเบื้องบนให้กลายเป็นบางสิ่งที่คล้ายกับยุคดิจิตอลในโลกใบเก่าของเขา
หลังจากเฝ้าสังเกตด้วยความอยากรู้อยู่ครู่หนึ่ง จางเซวียนก็นึกได้ว่าเรื่องด่วนที่สุดตอนนี้คือต้องเยียวยาอาการบาดเจ็บเสียก่อน เขาจึงมุ่งหน้าไปยังเคาน์เตอร์รับรองของหอนิรันดร์และเรียกหาเจ้าหน้าที่
“คุณมียาเม็ดฟื้นฟูสภาพร่างกายไหม? ผมอยากซื้อสักหน่อย”
“ไม่ทราบว่าคุณอยากได้ยาเม็ดขั้นไหน?”
เจ้าหน้าที่เป็นชายหนุ่มในเครื่องแบบ หน้าตาหล่อเหลามาก แน่นอนว่าไม่น่าใช่รูปลักษณ์ที่แท้จริง สิ่งนี้ก็เหมือนกับการที่ผู้คนมากมายชอบใช้รูปคนเด่นคนดังมาเป็นรูปโปรไฟล์ออนไลน์ของตัวเอง
“ผมอยากได้ยาที่สามารถรักษาอาการบาดเจ็บของนักรบขั้นผู้ทำลายล้างมิติ” จางเซวียนตอบ
ระหว่างทางที่มา เขาได้ศึกษาระดับขั้นของวรยุทธที่ใช้กันในมิติเบื้องบน ดูเหมือนวรยุทธระดับนักปราชญ์โบราณจะมี 4 ขั้น ซึ่งชื่อของขั้นเหล่านั้นก็เหมือนกันกับทวีปแห่งปรมาจารย์ ส่วนที่เหนือไปกว่าระดับนักปราชญ์โบราณ แม้แต่ตั้นเฉี่ยวเทียนก็ยังไม่รู้ว่าคืออะไร จึงไม่อาจไขข้อข้องใจของจางเซวียนได้
“เรามียาเม็ดไม้ขาวและยาเม็ดตะวันสีน้ำเงิน” ชายหนุ่มพูดขณะยื่นขวดหยก 2 ใบให้จางเซวียน
จางเซวียนรับขวดหยกทั้ง 2 ใบมาเปิดจุกออกแล้วตรวจสอบอย่างถี่ถ้วน อดทึ่งไม่ได้กับความละเอียดลออของโลกที่ปรมาจารย์ขงสร้างขึ้น เขารู้ดีว่าตัวเองกำลังอยู่ในโลกเสมือนจริง แต่พลังจิตวิญญาณและคุณสมบัติทางยาที่อยู่ในยาเม็ดทั้ง 2 ชนิดกลับดูเหมือนจริงและจับต้องได้จนเขาอดสงสัยไม่ได้ว่ามันอาจมีอยู่จริงๆ
แต่เราไม่เคยได้ยินชื่อยาเม็ด 2 ชนิดนี้มาก่อน จึงไม่รู้ว่าชนิดไหนจะเป็นประโยชน์กับเรามากกว่า…
ลงท้าย มิติเบื้องบนกับทวีปแห่งปรมาจารย์ก็เป็นโลกสองใบที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง ถึงทั้งสองแห่งจะมีนักปรุงยา แต่เทคนิคและทักษะของพวกเขาก็แตกต่างกันมาก จางเซวียนจึงประเมินคุณสมบัติการเยียวยาของยาเม็ดทั้ง 2 ชนิดนี้ไม่ได้ เขากำลังจะสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมจากเจ้าหน้าที่ ก็พอดีกับที่เกิดความคิดหนึ่งขึ้นมา
จางเซวียนใช้นิ้วแตะเบาๆบนยาเม็ดไม้ขาวและพึมพำ “ข้อบกพร่อง!”
ในเมื่อเขาใช้จิตวิญญาณเปิดใช้งานหอสมุดเทียบฟ้าได้ แล้วจะใช้มันที่นี่ได้หรือเปล่า?
วิ้ง!
หัวสมองของจางเซวียนกระตุก หนังสือเล่มหนึ่งปรากฏในหอสมุดเทียบฟ้า
ใช้ได้นี่! จางเซวียนตาโตด้วยความดีใจ
แม้ยาเม็ดเหล่านี้จะไม่ใช่ยาจริงๆ แต่ดูเหมือนหอสมุดเทียบฟ้าจะรวบรวมข้อมูลที่มีอยู่ในหอนิรันดร์เพื่อวิเคราะห์จุดเด่นและจุดด้อยของยาเม็ดได้ ก่อนจะประมวลออกมาเป็นหนังสือ
“ยาเม็ดไม้ขาว มีหญ้าไม้ขาวเป็นส่วนผสมหลัก ให้ผลดีเยี่ยมในการเยียวยาจิตวิญญาณที่บอบช้ำของนักรบขั้นผู้ทำลายล้างมิติ…”
“ยาเม็ดตะวันสีน้ำเงิน มีเลือดของอสูรระดับเซียนเป็นส่วนผสมหลัก ให้ผลดีเยี่ยมในการเยียวยาอาการบาดเจ็บทางร่างกายและฟื้นฟูพลังปราณ…”
ความบอบช้ำของเราอยู่ที่กายเนื้อและพลังปราณ เพราะฉะนั้นเราควรเลือกยาเม็ดตะวันสีน้ำเงิน!
หลังจากตัดสินใจแล้ว จางเซวียนก็แจ้งความจำนงกับเจ้าหน้าที่
“สนนราคาของยาเม็ดตะวันสีน้ำเงินอยู่ที่เม็ดละ 20,000 เหรียญนิรันดร์ ไม่ทราบว่าคุณจะชำระค่ายาด้วยวิธีไหน? มีบัตรนิรันดร์หรือเปล่า?” เจ้าหน้าที่ตั้งคำถามด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
“20,000 เหรียญนิรันดร์?” จางเซวียนเลิกคิ้ว
เขาไม่มีเหรียญนิรันดร์อยู่กับตัวสักเหรียญ ดังนั้น 20,000 นิรันดร์จึงไกลเกินเอื้อม อีกอย่าง ไอ้บัตรนิรันดร์บ้าบอนี่คืออะไร?
จางเซวียนเพิ่งฟื้นได้ราว 4 ชั่วโมงเท่านั้น แต่ก็พอรู้อานุภาพการจับจ่ายของเหรียญนิรันดร์ หากตั้นเฉี่ยวเทียนขายบ้านพักที่เขาอาศัยอยู่ ก็จะได้ราคาราว 5,000 เหรียญนิรันดร์เป็นอย่างมาก นั่นหมายความว่าบ้านทั้งหลังของตั้นเฉี่ยวเทียนมีมูลค่าเพียง 1 ใน 4 ของยาเม็ดตะวันสีน้ำเงินเท่านั้น…
ได้เวลาหาเงินอีกแล้วสิ จางเซวียนกุมขมับอย่างปวดใจ
เขาเคยขึ้นสู่ความเป็นสุดยอดของทวีปแห่งปรมาจารย์มาแล้ว มีอำนาจการจับจ่ายมากกว่าใครๆ เคยคิดว่าในที่สุดก็หลุดพ้นจากความยากจนเสียที ไม่มีวันต้องกังวลเรื่องเงินอีก แต่ในชั่วพริบตาก็ถูกลดชั้นกลับไปเป็นไอ้หนุ่มไส้แห้งเหมือนอย่างเคย น่าสมเพชเสียจริง!
จางเซวียนพลันนึกถึงช่วงเวลาที่เขาเคยปลอมตัวเป็นปรมาจารย์หยางและเที่ยวมอบคำชี้แนะให้ใครต่อใครเพื่อหาเงินมารักษาจ้าวหย่า หรือว่าเขาจะต้องทำแบบเดียวกันในมิติเบื้องบนแห่งนี้?
แม้การปลอมแปลงตัวตนจะเป็นเรื่องง่าย แต่ด้วยนิสัยนอบน้อมและถ่อมเนื้อถ่อมตัวของเขา ไม่มีอะไรในโลกที่เขาเบื่อหน่ายมากไปกว่าการโชว์ออฟ!
จางเซวียนถอนหายใจอย่างหมดปัญญา เขาเงยหน้ามองเจ้าหน้าที่ก่อนจะตั้งคำถาม “ไม่ทราบว่าสำหรับที่นี่ ต้องใช้วิธีไหนถึงจะหาเงินได้เร็วๆ?”
“หาเงิน?” คำนั้นทำให้เจ้าหน้าที่รู้ทันทีว่าชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าไม่มีปัญญาจ่ายค่ายาเม็ดตะวันสีน้ำเงิน แม้เขาจะไม่แสดงความรู้สึกออกนอกหน้า แต่แววตาอบอุ่นนั้นก็ดูจะเย็นชาไปเล็กน้อย
เขานึกว่าอีกฝ่ายเป็นหมูตัวใหญ่ ถามหายาเม็ดราคา 20,000 เหรียญนิรันดร์ทันทีที่เดินเข้ามา แต่กลับกลายเป็นว่าหมอนี่จนกรอบ!
“วิธีหาเงินที่ง่ายที่สุดคือการเข้าร่วมการดวลที่สังเวียนประลองของเมือง” เจ้าหน้าที่ตอบด้วยน้ำเสียงไม่แยแส “ขอแค่คุณไม่ออกจากสังเวียนประลอง จำนวนเงินที่คุณหาได้จะเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าในแต่ละรอบที่ผ่านไป รอบแรก, คุณจะได้เงินจำนวน 100 เหรียญนิรันดร์ และจะเพิ่มเป็น 200 เหรียญนิรันดร์ในรอบสอง, 400 เหรียญนิรันดร์ในรอบสาม, และเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ เบ็ดเสร็จแล้ว หากคุณไม่แพ้ ก็จะได้เหรียญนิรันดร์มาอย่างรวดเร็ว!”
“ถ้าคุณเอาชนะการดวลได้ถึง 8 รอบติดต่อกัน ก็จะได้เงินมากพอจ่ายค่ายาเม็ดตะวันสีน้ำเงิน”
“เข้าใจแล้ว…” จางเซวียนพยักหน้า
ก่อนหน้านี้เขาเข้าใจผิด จริงอยู่ว่าระดับวรยุทธที่ถูกจำกัดไว้แค่นักรบระดับเซียนขั้น 1 เป็นสิ่งที่ลดทอนความเหลื่อมล้ำเรื่องพละกำลังของเหล่านักรบ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะทรงพลังทัดเทียมกัน ซึ่งปัจจัยที่กำหนดความแตกต่างก็คือการตีความวรยุทธ สไตล์การต่อสู้ ปฏิกิริยาตอบสนอง…แต่ละอย่างส่งผลให้เกิดประสิทธิภาพการต่อสู้ที่แตกต่างกันไป แม้ทุกคนจะมีปริมาณของพลังปราณเท่ากันก็ตาม มันเป็นมากกว่าการทดสอบทักษะและเทคนิคการต่อสู้
อีกอย่าง เพียงเพราะทุกคนถูกจำกัดวรยุทธไว้ในระดับเดียวกัน ก็ไม่ได้หมายความว่านักรบระดับเซียนจะเอาชนะนักรบระดับนักปราชญ์โบราณได้ ประสบการณ์การต่อสู้และการควบคุมปัจจัยต่างๆที่แม่นยำกว่าจะทำให้พวกเขาต่างกันอย่างสิ้นเชิง
หอนิรันดร์ไม่อาจลบความเหลื่อมล้ำระหว่างนักรบแต่ละคนได้ หรือบางทีมันก็ไม่ได้จงใจจะทำอย่างนั้น การลดทอนความแตกต่างเรื่องพละกำลังจะทำให้พวกเขาต้องหันมาใส่ใจเรื่องเทคนิคและทักษะมากขึ้น เป็นแรงผลักดันให้เหล่านักรบต้องหมั่นเพียรฝึกฝน
“ไม่ทราบว่าสังเวียนประลองอยู่ที่ไหน? ผมอยากเข้าร่วมการดวล” จางเซวียนถาม
“คุณลงทะเบียนที่นี่ได้เลย แต่ผมขอบอกคุณไว้ก่อนว่าคู่ต่อสู้ของคุณจะแข็งแกร่งยิ่งขึ้นในแต่ละรอบที่คุณผ่านเข้าไป เพราะยิ่งคุณผ่านจำนวนรอบไปได้มากเท่าไหร่ คู่ต่อสู้ของคุณก็ผ่านมาแบบเดียวกัน” เจ้าหน้าที่พูด
“ผมเข้าใจ” จางเซวียนพยักหน้า
โดยหลักการ สิ่งนี้ก็เหมือนกับการเล่นเกมจัดอันดับในโลกใบเก่าของเขา คู่ต่อสู้ที่ต้องเจอจะมีความแข็งแกร่งพอๆกัน เพื่อให้เกิดการดวลที่สมน้ำสมเนื้อ
แต่สำหรับที่นี่ ไม่ว่าคู่ต่อสู้ของเขาจะเป็นใครก็ไม่ใช่ปัญหา เขาจะเล่นงานให้หมด!
เพราะถึงอย่างไรเขาก็เปิดใช้งานหอสมุดเทียบฟ้าได้ จึงไม่มีใครสามารถถือไพ่เหนือกว่า
“ถ้าอย่างนั้นก็ดี คุณต้องชำระค่าลงทะเบียนจำนวน 500 เหรียญนิรันดร์” เจ้าหน้าที่พูดต่อ
“500?” จางเซวียนเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ “ทำไมถึงแพงนัก?”
“หอนิรันดร์ไม่ได้จัดหาเฉพาะสถานที่สำหรับการประลอง เรายังบันทึกภาพและถ่ายทอดสดการประลองให้นักรบคนอื่นๆดูด้วย ทุกอย่างมีค่าใช้จ่าย จึงเป็นธรรมดาที่จะต้องมีค่าธรรมเนียม” เจ้าหน้าที่อธิบาย
“แต่ผมไม่มี 500 เหรียญนิรันดร์หรอก ใช้ทรัพย์สมบัติที่ผมมีจ่ายแทนได้ไหม? หรือไม่อย่างนั้น คุณจะให้ผมยืมเงินก่อนได้หรือเปล่า? ผมจะคืนให้ 2 เท่าทันทีที่ผมชนะการประลอง” จางเซวียนเกาหัว อย่างกระอักกระอ่วนใจ
เงินทองคือศัตรูตัวฉกาจของวีรบุรุษ!
ในฐานะบุคคลที่ได้รับการยกย่องราวกับเทพเจ้าของทวีปแห่งปรมาจารย์ ช่างน่าอับอายเหลือเกินที่เขาไม่มีปัญญาจ่ายแม้แต่ 500 เหรียญนิรันดร์ ถ้าเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป คงเป็นความอับอายขายหน้าครั้งใหญ่!
“ถ้าคุณไม่มีเงินจ่ายค่าลงทะเบียนล่ะก็ ผมขอแนะนำคุณว่าอย่าเข้ามายุ่งดีกว่า” เจ้าหน้าที่หมดความอดทนและตะคอกอย่างหงุดหงิด
คนที่ไม่มีปัญญาแม้แต่จะจ่าย 500 เหรียญนิรันดร์ แต่มาหาซื้อยาที่มีมูลค่าถึง 20,000 เหรียญ ดูเหมือนหมอนี่จะคิดว่าคงหาเงินจากการประลองได้ง่ายๆ เจ้าหนุ่มปัญญาอ่อนคนนี้มาจากไหน?
ซ้ำร้าย เขาจะไว้ใจได้อย่างไรว่าอีกฝ่ายจะคืนเงินให้ในเมื่อไม่รู้จักกันด้วยซ้ำ! ไม่มีทาง!
“เอ่อ…” เห็นความหงุดหงิดของเจ้าหน้าที่ จางเซวียนถอนหายใจเฮือกใหญ่ “ตราสัญลักษณ์นิรันดร์กาลของผมคงมีมูลค่ามากกว่า 500 เหรียญนิรันดร์นะ อย่างน้อยผมก็คงใช้มันเป็นค่าลงทะเบียนได้ ถูกไหม?”
ในเมื่อตราสัญลักษณ์นิรันดร์กาลเป็นของหอนิรันดร์ ระบบก็น่าจะยอมรับ
“ผมคิดว่าคงใช้ได้ แต่ขอแนะนำคุณเป็นครั้งสุดท้าย ถ้าคุณไม่มาชำระหนี้ภายในสามวันล่ะก็ ตราสัญลักษณ์นิรันดร์กาลของคุณจะถูกปิดกั้นทันที ทำให้คุณไม่อาจใช้งานมันได้อีก!” เจ้าหน้าที่ตอบ
ในเมื่อหอนิรันดร์อนุญาตให้เหล่านักรบเข้าสู่ที่นี่ได้โดยผ่านตราสัญลักษณ์นิรันดร์กาล ก็เป็นธรรมดาที่จะสามารถตัดช่องทางการติดต่อได้เช่นกัน
“ผมเข้าใจ” จางเซวียนพยักหน้า
เมื่อเห็นว่าจางเซวียนเข้าใจในสิ่งที่เขาพยายามบอก ชายหนุ่มดำเนินกระบวนการตามคำขออย่างหงุดหงิด ครู่ต่อมาก็ยื่นบัตรใบหนึ่งให้
“นี่คือบัตรนิรันดร์ของคุณ ที่อยู่ในนั้นคือเงิน 500 เหรียญนิรันดร์ที่คุณยืมไป ทันทีที่คุณลงชื่อเข้าสู่การดวล เงินในนี้จะถูกดึงออกจากบัตรโดยอัตโนมัติ แต่รางวัลที่คุณจะได้เมื่อชนะการประลองก็จะถูกเก็บไว้ในบัตรนี้โดยอัตโนมัติเช่นกัน เพราะฉะนั้นคุณไม่ต้องกังวล!”
เมื่อเห็นว่าทุกกระบวนการเป็นไปโดยอัตโนมัติ จางเซวียนรู้สึกโล่งใจที่จะไม่ต้องเผชิญกับปัญหา หลายอย่าง เขารีบเก็บบัตรไว้ก่อนจะมุ่งหน้าสู่สังเวียนประลอง