เทคนิคการโยนดาบดูจะเป็นกระบวนท่าที่เรียบง่าย แต่มันบรรจุเอาหัวใจของศิลปะเพลงดาบเทียบฟ้าไว้ ขอแค่ตั้นเฉี่ยวเทียนหาข้อบกพร่องในกระบวนท่าของคู่ต่อสู้ของเขาได้ ก็จะไม่มีใครขวางทางเขาได้อีก
ก็เพราะเหตุผลนี้ที่ทำให้หัวเจียงเหอกับเฉว่เหยาถึงกับหมดหนทาง
“ขอรับ ท่านอาจารย์!” ตั้นเฉี่ยวเทียนพยักหน้า
หลังจากฝึกฝนมาทั้งคืน เขาเองก็รู้ว่าเทคนิคการโยนดาบนี้ล้ำลึกและทรงพลังขนาดไหน ทุกอย่างที่เขาเคยเรียนรู้มาล้วนแต่ไม่มีสาระอะไรหากจะนำมาเปรียบเทียบกับเทคนิคนี้ เขารู้สึกเหมือนตัวเอง เป็นกบในกะลามาตลอด!
“เอาล่ะ ผมจะถ่ายทอดศิลปะเพลงดาบอื่นๆให้คุณด้วย การเรียนรู้ศิลปะเพลงดาบให้มากขึ้นจะช่วยเปิดมุมมองของคุณ ทำให้เกิดความรู้ความเข้าใจที่ล้ำลึกกว่าเดิม เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญต่อการพัฒนาตัวคุณในฐานะผู้ฝึกฝนศิลปะเพลงดาบ” จางเซวียนพูด
ขณะที่เขากำลังจะถ่ายทอดศิลปะเพลงดาบขั้นกลางบางส่วนให้ตั้นเฉี่ยวเทียน เสียงฝีเท้าเร่งร้อนก็ดังขึ้นด้านนอก
แอ๊ดดด!
ประตูทางเข้าถูกเปิดออก จากนั้น ทหารในชุดเกราะเต็มยศสิบนายก็กรูเข้ามาในลานบ้าน ปิดล้อมจางเซวียนกับตั้นเฉี่ยวเทียนทันที
“ใครเป็นเจ้าของบ้าน?” หัวหน้ากองทหารที่ยืนอยู่แถวหน้าตั้งคำถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา
เขาคือชายอายุราว 30 ปี แต่แม้จะอายุยังน้อย ก็สำเร็จวรยุทธระดับนักปราชญ์โบราณขั้น 1 การสืบทอดสายเลือดแล้ว
“ผมเป็นเจ้าของบ้านหลังนี้” รู้ดีว่าผู้บุกรุกคือกองทหารจากสำนักเจ้าเมือง ตั้นเฉี่ยวเทียนเดินออกมาพร้อมกับขมวดคิ้ว
“พวกเรา จับตัวเขาไว้!” หัวหน้ากองทหารสั่งการ
ฟึ่บ!
ทหารสองนายรี่เข้ามาพร้อมกับชักดาบ สีหน้าของพวกเขาบ่งบอกว่าพร้อมจะเล่นงานตั้นเฉี่ยวเทียนโดยไม่ลังเล
“ผมขอแนะนำคุณว่าอย่าตอบโต้ พวกเรามีสิทธิ์สังหารอาชญากรคนไหนก็ตามที่พยายามขัดขืน!” ทหารหนึ่งในสองนายนั้นคำรามขณะถือกุญแจมือและเข้าประชิดตัวตั้นเฉี่ยวเทียน
“ผมทำผิดอะไร?” ตั้นเฉี่ยวเทียนถึงกับผงะ
“เมื่อคืนวาน หน่วยลาดตระเวนของสำนักเจ้าเมืองพบโจรเฉาเฉิงลี่ลักลอบเข้ามาในเมืองพร้อมกับกองโจรของเขา เห็นได้ชัดว่าพวกนั้นมีเจตนาร้าย ทางสำนักเจ้าเมืองจึงส่งกองทหาร 50 นายออกไล่ล่าและกำจัด แต่ทหารทั้ง 50 นายนั้นก็ไม่ได้กลับมา หลังจากสืบเสาะเรื่องราวในช่วงเช้า เราพบร่องรอยของทหารทั้ง 50 นายมุ่งตรงมาที่บ้านพักของคุณ ผมจึงนำหมายจับจากสำนักเจ้าเมืองมาจับตัวคุณ ข้อหารวมหัวกับกองโจรเพื่อสังหารคนของเรา!” หัวหน้ากองทหารคำราม
ตั้นเฉี่ยวเทียนตาโตด้วยความตกใจก่อนละล่ำละลักออกมา “รวมหัวกับกองโจร? เป็นไปไม่ได้! ผมไม่เคยทำอะไรแบบนั้น!”
เมื่อคืนวาน ถ้าไม่ใช่เพราะท่านอาจารย์ของเขา เขาคงถูกกองโจรพวกนั้นฆ่าตายไปแล้ว แต่ทหารพวกนี้กล่าวหาว่าเขารวมหัวกับกองโจร?
ล้อกันเล่นแล้วล่ะ!
ในความเห็นของเขา โอกาสที่สำนักเจ้าเมืองจะรวมหัวกับกองโจรมีมากกว่าตัวเขาเสียอีก!
“ก็ไม่เป็นไร ผมก็ไม่คิดว่าคุณจะยอมรับอยู่แล้ว พวกเรา, นำหลักฐานออกมา!” หัวหน้ากองทหารตวาดก้องพร้อมกับโบกมือ
ฟึ่บ!
ทหารหลายนายตบเท้าออกมาพร้อมกับโยนข้าวของในมือของพวกเขา
มันคืออาวุธและเสื้อเกราะจำนวนหนึ่งที่เปื้อนเลือดเปื้อนดิน
“เราพบของพวกนี้บริเวณรอบๆที่พักของคุณ มันคืออาวุธของกองโจรและเสื้อเกราะของกองทหารของเรา เห็นได้ชัดว่าพวกเขาปะทะกัน และมีใครบางคนจงใจปกปิดหลักฐาน…คุณยังมีอะไรจะแก้ตัวอีก?” หัวหน้ากองทหารคำราม
“เป็นแบบนี้ได้อย่างไร?” ตั้นเฉี่ยวเทียนถึงกับจังงัง
เมื่อวานนี้ท่านอาจารย์ทำลายหลักฐานทุกอย่างหมดแล้ว ทำไมถึงมีข้าวของพวกนี้ได้?
“อาวุธและเสื้อผ้าพวกนั้นเป็นของกองโจรที่อาศัยอยู่บริเวณภูเขานอกเมืองจริงๆ ผมถูกปล้น มาแล้วหลายครั้งระหว่างที่กำลังขนส่งสินค้า ไม่มีทางที่ผมจะจำผิด!”
“เสื้อเกราะพวกนี้ก็เป็นของสำนักเจ้าเมือง พวกเขาลาดตระเวนในพื้นที่รอบๆอาณาเขตบ้านของผมทุกวัน ผมจะจำไม่ได้ได้อย่างไร?”
“เขาลดตัวลงไปรวมหัวกับพวกกองโจร ชั่วร้ายเหลือเกิน!”
“เราต้องลงโทษให้สาสมสำหรับพฤติกรรมแบบนี้ ต้องเค้นให้สารภาพแผนการของพวกเขาออกมา ถ้ากองโจรปฏิบัติการได้สำเร็จล่ะก็ ใครจะรู้ว่าจะมีคนบาดเจ็บล้มตายอีกเท่าไหร่ในเมืองของเรา?”
“ตระกูลตั้นตกต่ำไปมากจริงๆ ผมเห็นใจในหายนะภัยที่พวกเขาเผชิญ โดยเฉพาะเมื่อทายาทที่ยังเหลืออยู่เป็นคนสุดท้ายก็ฝึกฝนวรยุทธไม่ได้ แต่กลับกลายเป็นว่าเขาเป็นตัวการรวมหัวกับกองโจร พังพินาศไปแบบนั้นก็สมควรแล้ว!”
…..
ยังไม่ทันที่ตั้นเฉี่ยวเทียนจะได้อธิบาย ผู้คนกลุ่มหนึ่งในเมืองซึ่งเป็นที่รู้จักของคนทั่วไปก็โพล่งออกมาจากด้านหลังทหารกลุ่มนั้น
มีทั้งพ่อค้า เจ้าของร้านเหล้า คนขายสมุนไพร เจ้าของร้านน้ำชา…พวกเขาคือกลุ่มคนที่กุมบังเหียนเศรษฐกิจของเมืองชวนเจียง
แต่ละคนถูกกองโจรเล่นงานมาหลายต่อหลายครั้งระหว่างการทำธุรกิจ คำพูดของพวกเขาจึงมีน้ำหนักมาก
“คุณยังคิดจะแก้ต่างอะไรให้ตัวเองอีก?” หัวหน้ากองทหารคำราม เขาหันกลับไปมองคนของตัวเองและสั่งการ “จับตัวเขาไว้และนำตัวไปที่สำนักเจ้าเมือง สืบสวนให้ได้ความ!”
นายทหารที่ถือกุญแจมือเดินเข้าหาตั้นเฉี่ยวเทียนอีกครั้ง
“พวกคุณน่ะล้วนแต่ไร้ยางอาย! แท้ที่จริงสำนักเจ้าเมืองผู้สูงส่งก็ต้องการ…” ตั้นเฉี่ยวเทียนกำลังจะโพล่งออกมา แต่แล้วจู่ๆก็หยุดกึกก่อนจะพยักหน้า “ก็ได้ ผมจะตามคุณไปสำนักเจ้าเมือง หวังว่าคุณจะชดเชยความเสียหายให้ผมได้ ผมเชื่อว่าพวกคุณจะได้รู้ความจริงและลงโทษผู้กระทำผิดในเรื่องนี้!”
“ฮึ่มมม! ไปกันเถอะ!” หัวหน้ากองทหารดูจะผิดหวังเล็กน้อยที่เห็นตั้นเฉี่ยวเทียนคล้อยตามอย่างว่าง่าย เขาชำเลืองมองฝูงชนก่อนจะพูดต่อ “การรวมหัวกับกองโจรถือเป็นภัยคุกคามต่อความสงบสุขของเมือง ด้วยความร้ายแรงของข้อหา รวมทั้งข้อเท็จจริงที่พวกคุณเคยถูกเฉาเฉิงลี่ทำร้าย ผมจึงอยากเชิญพวกคุณทุกคนให้ตามผมไปที่สำนักเจ้าเมืองเพื่อเป็นพยานในการพิพากษาคดี อีกอย่าง…ก็เพื่อรับประกันเรื่องความเป็นกลางและความยุติธรรม พวกเราจะไม่เข้าข้างตั้นเฉี่ยวเทียนเพียงเพราะเขาหมั้นหมายกับนายหญิงน้อยที่ 2!”
“ก็ดี”
ฝูงชนพยักหน้าอย่างเห็นพ้อง
“คนที่เหลือก็น่าจะมีส่วนรู้เห็น จับกุมพวกเขาและนำตัวไปสำนักเจ้าเมือง!”
กองทหารรีบใส่กุญแจมือจางเซวียนกับผู้อาวุโสอี้ ก่อนจะนำตัวทั้งกลุ่มออกจากบ้านพัก
จางเซวียนไม่ได้ขัดขืนการจับกุม เขาส่งโทรจิตแนะนำบางอย่างให้ตั้นเฉี่ยวเทียน ซึ่งอีกฝ่ายก็สงบลงทันทีเมื่อได้ยินคำพูดนั้น เขาค้อมหลังเพื่อทำให้ร่างกายดูเล็กลงกว่าเดิม จากนั้นก็กระย่องกระแย่งออกจากบ้านพักตระกูลตั้น วรยุทธของเขาถูกปกปิดไว้ด้วยวิธีการบางอย่างที่ท่านอาจารย์เพิ่งถ่ายทอดให้
ในสายตาของคนทั่วไป ตั้นเฉี่ยวเทียนดูไม่ต่างอะไรกับนักรบระดับเซียนขั้น 6 คนหนึ่ง
เมื่อออกจากบ้านพักตระกูลตั้น พวกเขาถูกนำตัวขึ้นเกี้ยวหลังหนึ่ง ไม่ช้าก็มาถึงสำนักเจ้าเมือง
ในเวลานี้ สำนักเจ้าเมืองคลาคล่ำไปด้วยผู้คนนับพัน พวกเขาจับกลุ่มหารือกันอย่างเคร่งเครียดถึงเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเหล่ากองโจร
เห็นได้ชัดว่าแผนการของเฉว่เฉินได้ผล
“ทางสำนักเจ้าเมืองมีความกังวลใจอย่างมากสำหรับเรื่องที่กองโจรบุกเข้ามาในเมืองของเรา หลังจากสืบเสาะอย่างถี่ถ้วนแล้ว เราพบว่าตระกูลตั้นมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ อย่างที่พวกคุณรู้ ตั้นเฉี่ยวเทียนหมั้นหมายกับนายหญิงน้อยที่ 2 ดังนั้น เพื่อยืนยันเรื่องความเป็นกลาง เราจะเปิดการไต่สวนสาธารณะเพื่อไม่ให้พวกคุณกังวลว่าเราจะทำการพิพากษาอย่างลำเอียง!” เฉว่เฉินพูดขึ้นท่ามกลางฝูงชน
“สมกับที่เป็นสำนักเจ้าเมือง! พวกเขาหาตัวการได้อย่างรวดเร็ว!”
“ใครก็ตามที่รวมหัวกับเหล่ากองโจรสมควรตาย ผมเคยคิดว่าตั้นเฉี่ยวเทียนเป็นคนซื่อตรง แต่ดูเหมือนหัวใจชั่วร้ายของเขาจะถูกซุกซ่อนไว้ภายใต้ใบหน้าใสซื่อ!”
…..
เมื่อกองทหารนำตัวตั้นเฉี่ยวเทียนเข้าสู่การพิพากษา ทุกคนเงียบเสียงลงทันที
แทบไม่มีใครในเมืองนี้ที่ไม่รู้เรื่องราวการหมั้น แต่พฤติกรรมการรวมหัวกับกองโจรถือว่าชั่วร้ายและให้อภัยไม่ได้ ผู้บริสุทธิ์มากมายนับไม่ถ้วนจะต้องเสียชีวิตหากเกิดความผิดพลาด พวกเขาจึงอยากเห็นว่าทางสำนักเจ้าเมืองจะยังคงรักษาความเป็นกลางไว้ได้หรือไม่เมื่อต้องพิพากษาใครคนหนึ่งที่ใกล้ชิดกับพวกเขา
หลังจากตั้นเฉี่ยวเทียนเดินกระย่องกระแย่งเข้าสู่คอกจำเลยและถูกบังคับให้คุกเข่า เฉว่เฉินชำเลืองมองกองทหารและสั่งการ “นำหลักฐานเข้ามา!”
กองทหารรีบเดินเข้ามาโดยนำเสื้อเกราะเปื้อนเลือด คันธนู และลูกธนูมาวางลงกับพื้น จากนั้น ชายวัยกลางคนท่าทางน่าเชื่อถือคนหนึ่งก็เดินเข้ามาแล้วพูดว่า “นายท่าน ผมตรวจสอบข้าวของทุกชิ้นที่นี่แล้ว คันธนูกับลูกธนูเป็นสิ่งที่เฉาเฉิงลี่กับพรรคพวกใช้ มีร่องรอยชัดเจนว่าพวกเขาใช้มัน ส่วนเสื้อเกราะ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเป็นของกองทหารแห่งสำนักเจ้าเมือง และเท่าที่ดูจากรอยเลือด ซึ่งเพิ่งปรากฏไม่นาน การนองเลือดเกิดขึ้นเมื่อคืนนี้!”
ชายอีกคนหนึ่งก้าวเข้ามา “นายท่าน ผมยืนยันเรื่องนี้ได้ เมื่อคืนนี้ ตอนที่ผมกำลังฝึกฝนวรยุทธอยู่ ได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวอยู่ด้านนอก ผมแอบมองลอดหน้าต่างและเห็นชายชุดดำมากมายลักลอบเข้าสู่บ้านตระกูลตั้น ดูเหมือนพวกเขากำลังรวมหัวกันปฏิบัติภารกิจบางอย่าง!”
ตั้นเฉี่ยวเทียนชำเลืองมองพยานที่ทำหน้าที่ยืนยันเรื่องราว และเห็นว่าอีกฝ่ายคือครอบครัวเพื่อนบ้านของเขาซึ่งอาศัยอยู่ไม่ห่างจากบ้านพักตระกูลตั้นมากนัก โดยปกติพวกเขาสนิทสนมกันดี
“นายท่าน ผมก็เห็น มีคนอยู่หลายสิบคน ผมอดคิดไม่ได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ จึงบันทึกเหตุการณ์ทั้งหมดไว้!”
ชายอีกคนหนึ่งก้าวออกมา เป็นเพื่อนบ้านของตั้นเฉี่ยวเทียนเหมือนกัน
เขาเปิดใช้งานผลึกบันทึก แล้วภาพที่ถูกบันทึกไว้ก็ปรากฏต่อสายตาของทุกคน
ภายใต้แสงจันทร์เต็มดวงยามค่ำคืน กองโจรชุดดำกลุ่มหนึ่งเล็ดลอดเข้าไปในบ้านพักของตั้นเฉี่ยวเทียนอย่างเงียบๆ ซึ่งหลังจากเข้าไปถึงด้านใน ก็ไม่เกิดความอึกทึกครึกโครมใดๆขึ้น ทุกอย่างเงียบสงัด ราวกับเจ้าของบ้านเต็มใจต้อนรับพวกเขา
“ผมยังแคลงใจว่าอาจมีความลับบางอย่างเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะเป็นความจริง!”
“แต่ทำไมตั้นเฉี่ยวเทียนถึงต้องรวมหัวกับพวกกองโจรล่ะ?”
“ผมว่ามันก็แปลก ตระกูลตั้นอาจเสื่อมถอย แต่ตั้นเฉี่ยวเทียนก็ควรจะยังใช้ชีวิตสูงส่งได้ด้วยทรัพย์สมบัติที่เหล่าบรรพบุรุษของเขาทิ้งไว้ ไม่มีเหตุผลอะไรที่คนอย่างเขาจะต้องเข้ามาเสี่ยงขนาดนี้!”
เกิดเสียงอื้ออึงเซ็งแซ่หลังจากภาพที่บันทึกไว้ในผลึกบันทึกถูกเปิดเผย
ผู้ที่รู้จักนิสัยของตั้นเฉี่ยวเทียนและสงสัยว่าอาจมีการสมคบคิดบางอย่างอยู่เบื้องหลังพากันจ้องชายหนุ่มที่กำลังคุกเข่าอยู่กลางคอกจำเลยด้วยสายตาที่บ่งบอกความไม่อยากเชื่อ
ตระกูลตั้นมีรกรากอยู่ที่เมืองไป๋เย่ แต่พวกเขาย้ายมาพำนักที่เมืองชวนเจียงตั้งแต่หลายสิบปีก่อน ตลอดช่วงเวลานั้น ตระกูลตั้นเจริญเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว และในที่สุดก็เข้าถึงความรุ่งโรจน์สูงสุดเมื่อ 10 ปีที่แล้ว กลายเป็นกลุ่มอำนาจที่ไม่มีใครเทียบชั้นได้ในเมืองชวนเจียง