อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆
ตอนที่ 2122 เราจะไปไหนต่อ?
“การหาทางเข้าสู่มิติเบื้องบนอาจยากก็จริง แต่นายน้อย…คุณก็รู้นี่ว่าทางเข้าจากด้านทวีปแห่งปรมาจารย์อยู่ที่ไหน ใช่ไหม?” หวู่เฉินถามยิ้มๆ
“แน่นอน” จางเซวียนพยักหน้า
มันอยู่ในอาณาจักรคุนฉื่อ บริเวณที่ร้อยสำนักแห่งนักปราชญ์ตั้งอยู่
“ถ้าอย่างนั้น เราก็หาทางติดต่อกับอำมาตย์เฉินหย่งคนปัจจุบันและให้เขาจัดการประกอบพิธีกรรม ด้วยอำนาจของการประกอบพิธีกรรม เราน่าจะเจอทางเข้าและกลับสู่ทวีปแห่งปรมาจารย์ได้” หวู่เฉินพูด
“ใช่ คุณพูดถูก” จางเซวียนพยักหน้า
นั่นคือแผนการที่ดูจะเป็นไปได้ที่สุดในเวลานี้
“ส่วนการที่เราจะติดต่อกับอำมาตย์เฉินหย่งคนปัจจุบันได้อย่างไรนั้นก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ตำหนักคว้าดาวน่าจะมีช่องทางสื่อสารพิเศษ” หวู่เฉินเสริม
จางเซวียนจึงรีบเรียกตัวผู้อาวุโสเจียงเหยากับผู้อาวุโสจ้าวเยว่มาเพื่อบอกเล่ารายละเอียด
หลังจากเข้าใจแล้วว่าจางเซวียนต้องการอะไร ผู้อาวุโสจ้าวเยว่ตอบ “เรามีวิธีสื่อสารกับทวีปแห่งปรมาจารย์ แต่ถ้าไม่มีแท่นบูชาล่ะก็ จะทำได้แค่ส่งข้อความเท่านั้น”
“เท่านั้นก็พอ นี่คือข้อความที่ผมอยากส่งหาอำมาตย์เฉินหย่งคนปัจจุบัน บอกเขาให้ประกอบพิธีกรรมในอีก 1 เดือนนับจากนี้” จางเซวียนพูดขณะส่งเจตจำนงเสี้ยวหนึ่งไป
ผู้อาวุโสจ้าวเยว่ประสานมือ “ฉันจะจัดการให้เดี๋ยวนี้!”
ตำหนักคว้าดาวติดต่อกับเผ่าพันธุ์ปีศาจจากโลกอื่นที่อาศัยอยู่ในทวีปแห่งปรมาจารย์อยู่เสมอ ก็เพราะสายสัมพันธ์อันดีของพวกเขาที่ทำให้หลัวลั่วชิงข้ามผ่านปราการแห่งมิติทั้ง 2 แห่งได้
หลังจากจัดการทั้งหมดจนลุล่วง จางเซวียนร้องเรียกหวู่เฉินอีกครั้ง “ไปกันเถอะ”
“เราจะไปไหน?” หวู่เฉินถามด้วยความสงสัย
“ผมอยู่ในอาณาบริเวณของสำนักดาบเมฆเหินตอนที่ฟื้นคืนสติครั้งแรกหลังจากมาถึงมิติเบื้องบน จึงเชื่อว่าตำแหน่งของทางเดินแห่งมิติจะต้องอยู่ในพื้นที่นั้น ด้วยวิธีนี้ เราจะหาเส้นทางได้เร็วขึ้นทันทีที่อำมาตย์เฉินหย่งประกอบพิธีกรรม”
จางเซวียนไม่แน่ใจว่าตำแหน่งที่ชัดเจนของทางเดินแห่งมิติอยู่ที่ไหน แต่สถานที่แรกที่เขาฟื้นคืนสติขึ้นมาคือสำนักดาบเมฆเหินในเมืองชวนเจียง ถ้าเขาเดาไม่ผิด ทางเดินแห่งมิติน่าจะอยู่ตรงไหนสักแห่งในเมือง
จางเซวียนทิ้งอสูรทั้งหมดของเขาไว้ที่ตำหนักคว้าดาว เว้นแต่มังกรอสรพิษกับนกฟีนิกซ์ไฟเก้าหัว ด้วยสิ่งนี้ ถ้าปรมาจารย์ขงพยายามกลับมาโจมตีเมื่อเขาจากไป อย่างน้อยตำหนักคว้าดาวก็พอมีกองกำลังไว้ป้องกันตัว
หลังจากเสร็จสิ้น จางเซวียนกับหวู่เฉินขี่มังกรอสรพิษกับนกฟีนิกซ์ไฟเก้าหัว รุดหน้าสู่สำนักดาบเมฆเหินทันที
มังกรอสรพิษกับนกฟีนิกซ์ไฟเก้าหัวสำเร็จวรยุทธขั้นกึ่งสรวงสวรรค์แล้ว ทั้ง 2 ตัวเชี่ยวชาญเรื่องความเร็ว การขี่พวกมันไปจึงใช้เวลาน้อยกว่าเดินทางไปเองมาก
เพียง 3 วัน ทั้งคู่ก็เข้าสู่อาณาเขตของสำนักดาบเมฆเหิน
โดยปกติ จางเซวียนใช้เวลาราว 20 วันในการเดินทางจากสำนักดาบเมฆเหินไปตำหนักคว้าดาว แต่เมื่อขี่มังกรอสรพิษ ก็ใช้เวลาเพียง 3 วันเท่านั้น ความรวดเร็วในการเคลื่อนไหวของอสูรขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ถือว่าน่าสะพรึงมาก
“เรามาถึงเมืองชวนเจียงแล้ว” จางเซวียนพึมพำ
เขาเก็บอสูรทั้ง 2 ตัวเข้าไปในกระสอบอสูร จากนั้น จางเซวียนกับหวู่เฉินก็ปกปิดวรยุทธของตัวเองก่อนจะตระเวนไปตามถนนหนทางอันกว้างใหญ่ของเมืองชวนเจียง
เวลาผ่านไป 1 เดือนนับตั้งแต่จางเซวียนมาถึงที่นี่ ดูเผินๆจึงยังไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงใดๆ หลังจากเฉว่เหยาตาย สำนักดาบเมฆเหินก็เสนอชื่อบุคคลใหม่ให้เข้ารับตำแหน่งเจ้าเมืองชวนเจียง
…..
“คุณรู้อะไรไหม? สหายของตั้นเฉี่ยวเทียนที่เข้าสู่สำนักดาบเมฆเหินพร้อมกับเขาน่ะ ดูเหมือนจะชื่อจางเซวียนนะ!”
“เดี๋ยวก่อน…คุณจะบอกว่าสหายคนนั้นของตั้นเฉี่ยวเทียนกลายเป็นเจ้าสำนักดาบเมฆเหิน หัวหน้าตำหนักคว้าดาว หัวหน้าหอนานาอสูร และเจ้าสำนักดาวเจ็ดดวงหรือ?”
“ผมก็จะพูดแบบนั้นนั่นแหละ! ลุงที่ 3 ของป้าที่ 2 ของอาที่ 2 ของผมเป็นศิษย์สายตรงระดับล่างคนหนึ่งของสำนักดาบเมฆเหิน เมื่อวานนี้ผมพบเขาที่หอนิรันดร์ เขาเล่าให้ผมฟังเอง เขาบอกว่าเจ้าสำนักดาบเมฆเหินคนปัจจุบันไม่ใช่ใครอื่นนอกจากสหายของตั้นเฉี่ยวเทียน”
“ถ้าผมจำไม่ผิด เขาอายุแค่ 20 ต้นๆใช่ไหม? แต่ก็ได้เป็นผู้นำของ 4 สำนักใหญ่แล้ว? พระเจ้า! ทำไมตั้นเฉี่ยวเทียนโชคดีขนาดนี้”
“นั่นแหละคือสิ่งที่ผมคิด ผมได้ยินว่าตั้นเฉี่ยวเทียนยอมรับจางเซวียนเป็นอาจารย์ของเขาด้วย! เขาก็แค่ช่วยชีวิตใครก็ไม่รู้คนหนึ่งจากข้างถนน แต่แล้วชายผู้นั้นก็กลับลงเอยด้วยการได้เป็นผู้นำของ 4 สำนักใหญ่…ว้าว! ผมล่ะอยากจะออกไปช่วยชีวิตใครสักคนบ้าง”
“ฮ่าฮ่าฮ่า! คุณรู้ไหม เพื่อนบ้านของผม, จางหย่วนไว่นะทำแบบนั้นจริงๆ! เขาได้รับแรงบันดาลใจจากเรื่องนี้ จึงช่วยชีวิตผู้บาดเจ็บข้างถนนไว้จำนวนหนึ่งและรักษาพวกเขาด้วย หวังสุดใจว่าจะมีบางอย่างเกิดขึ้น ตอนนี้เขาช่วยชีวิตเด็กสาว 4 คน กับเด็กชาย 5 คนไว้ พวกนั้นดูเหมือนจะเป็นวัยรุ่นตอนปลาย ผมเห็นทุกคนตอนที่แวะไปเยี่ยมบ้านเขา ให้นรกกินเถอะ! เด็กสาวพวกนั้นงดงามเหลือเกิน ส่วนเด็กชายก็ดูโดดเด่นและเข้มแข็ง ผมเริ่มจะเชื่อแล้วล่ะว่าในอนาคตพวกเขาต้องประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่แน่!”
“อ้อ? แล้ววรยุทธของพวกเขาล่ะ?”
“ผมไม่รู้…รู้แต่ว่าตอนนี้ทุกคนยังอ่อนแอมากเพราะได้รับบาดเจ็บสาหัส ผมไปเยี่ยมจางหย่วนไว่ตั้งแต่เมื่อสองสามวันที่แล้ว จึงยังไม่รู้ข่าวคราวล่าสุด”
“พวกนั้นไม่น่าจะเก่งกาจปราดเปรื่องได้เท่ากับเจ้าสำนักจางเซวียนหรอก แต่ผมคิดว่าก็น่าจะลองดู เพราะถึงอย่างไรโอกาสโชคดีก็มีอยู่เสมอ ว่าแต่…ผมควรจะเริ่มออกเดินไปตามถนนและช่วยเหลือผู้ที่กำลังลำบากเสียที!”
“ใช่ ถ้าคุณเอาแต่เก็บตัวอยู่บ้าน ก็จะไม่มีวันได้พบเจอกับสิ่งที่ยิ่งใหญ่”
เสียงออกความคิดเห็นทำนองนี้ดังขึ้นทั่วไป
ได้ยินเสียงพูดคุยเซ็งแซ่อยู่รอบตัว จางเซวียนอดยิ้มออกมาไม่ได้
ช่างเป็นความรู้สึกที่ดีเหลือเกินได้กลับสู่ชีวิตแสนสงบสุขหลังจากที่ต้องรับมือกับหอเทพเจ้าและปัญหายุ่งยากมากมาย
ข่าวสารต่างๆในทวีปที่ถูกลืมดูจะแพร่สะพัดไปเร็วมาก พิธีสถาปนาของเขาเพิ่งผ่านพ้นไปได้ไม่ถึง 10 วัน แต่แม้เมืองห่างไกลอย่างเมืองชวนเจียงก็ได้ข่าวแล้ว
“นายน้อย เราจะไปไหนต่อ?” หวู่เฉินตั้งคำถาม ไม่แยแสเสียงพูดคุยเซ็งแซ่รอบตัว
เขาเคยชินกับมันแล้ว ดูเหมือนนายน้อยจะตกเป็นเป้าของความสนใจเสมอไม่ว่าจะไปที่ไหน
ตอนอยู่ในทวีปแห่งปรมาจารย์ก็เป็นแบบนั้น ซึ่งก็ดูเหมือนจะไม่ต่างกันเมื่อมาอยู่ในมิติเบื้องบน
“ตอนนี้เรารอเวลาก่อน ผมมอบหมายผู้อาวุโสจ้าวเยว่ให้สั่งการให้เผ่าพันธุ์แห่งจิตวิญญาณประกอบพิธีกรรมในอีก 1 เดือนนับจากนี้ ซึ่งก็จะตกราว 3 วันของที่นี่ เราน่าจะได้รับการเรียกตัวเร็วๆนี้แหละ สำหรับตอนนี้ หาที่เงียบๆเพื่อพักผ่อนก่อนเถอะ” จางเซวียนพูด
มีความแตกต่างของกระแสกาลเวลาในอัตราส่วน 1:10 ระหว่างมิติเบื้องบนกับทวีปแห่งปรมาจารย์ 1 เดือนของทวีปแห่งปรมาจารย์จะตกราว 3 วันของที่นี่
หวู่เฉินมองไปรอบๆก่อนจะชี้ไปยังทิศทางหนึ่ง “ทำไมเราไม่ไปที่ภูเขาตรงนั้นล่ะ?”
จางเซวียนพยักหน้า
เมืองชวนเจียงยังอยู่ใกล้ชิดกับธรรมชาติมาก มีแม่น้ำและสันเขาตั้งอยู่ไม่ไกล ทั้งคู่ออกจากตัวเมืองและมุ่งหน้าสู่ภูเขา
จางเซวียนโบกมือ จากนั้นก็นำธงค่ายกลออกมากำใหญ่และปากมันไว้โดยรอบ
ค่ายกลที่จางเซวียนติดตั้งคือค่ายกลตรวจจับที่เขาออกแบบขึ้นเป็นพิเศษระหว่างการเดินทางมาที่นี่ มันดูเหมือนกับเสาสัญญาณในชีวิตเก่าของเขา มีไว้เพื่อเพิ่มปริมาณพลังงานในการเรียกตัวจากแท่นบูชาอันหนึ่งไปยังอีกอันหนึ่ง เพื่อที่เขาจะได้หาเส้นทางง่ายขึ้น
หลังจากติดตั้งค่ายกลแล้ว จางเซวียนนำง้าวเล่มหนึ่งออกมาและปักมันไว้ที่ใจกลางค่ายกล จากนั้นก็ผูกริบบิ้นไว้ที่ง้าว
เขากระทืบเท้า แล้วค่ายกลก็ถูกเปิดใช้งาน
ริบบิ้นสีแดงนิ่งงัน ไม่เคลื่อนไหว
“รออยู่แถวนี้ก่อนก็แล้วกัน ผมคิดว่าพิธีกรรมคงยังไม่เริ่ม” จางเซวียนพูด
การประกอบพิธีกรรมไม่อาจใช้เวลายืดยาวได้ เพราะปริมาณของเครื่องบรรณาการที่จะต้องสูญเสียไป อีกอย่าง ต่อให้คนเหล่านั้นสามารถยืดระยะเวลาของพิธีกรรมในทวีปแห่งปรมาจารย์ออกไปได้ถึง 3 วัน ก็จะเป็นเวลาเพียง 7 ชั่วโมงเท่านั้นในในมิติเบื้องบน
ดังนั้น เขาจึงจำเป็นต้องเตรียมการให้เรียบร้อย เพื่อจะได้ระบุตำแหน่งของทางเดินแห่งมิติได้โดยเร็วที่สุด
จางเซวียนนั่งรอเงียบๆ เขาฝึกฝนวรยุทธที่พัฒนาขึ้นสำหรับการฝ่าด่านวรยุทธไปสู่ขั้นกึ่งสรวงสวรรค์
…..
ระหว่างนั้น ที่บ้านพักหลังใหญ่ในเมืองชวนเจียง สาวน้อยคนหนึ่งที่มีผิวพรรณงดงามลืมตาขึ้นช้าๆ “นายหญิงน้อย ในที่สุดคุณก็ฟื้น” สาวใช้คนหนึ่งร้องออกมาอย่างโล่งใจ
“นี่คือที่ไหน? ฉันอยู่ที่ไหน?” สาวน้อยขมวดคิ้ว
เธอพยายามลุกขึ้นนั่งขณะเหลียวมองโดยรอบอย่างหวาดระแวง
บ้านพักหลังนี้ดูไม่คุ้นตา ไม่เหมือนกับที่เธอเคยเห็นมาก่อน
“ตอนนี้คุณอยู่ในเมืองชวนเจียง นายท่านของเรา, จางหย่วนไว่ ช่วยคุณไว้และนำพวกคุณทั้งหมดมาที่นี่” สาวใช้ตอบ
“พวกคุณทั้งหมด?” สาวน้อยอึ้งไปครู่หนึ่งก่อนจะตาโตด้วยความตื่นเต้น “คุณพบคนอื่นๆที่อยู่กับฉันด้วยหรือ? พวกเขาอยู่ไหน?”
“มีคนอยู่กับคุณทั้งหมด 8 คน ตอนนี้ยังไม่ได้สติ เราจึงจัดให้พักอยู่ในห้องอื่นๆ” สาวใช้ตอบ
“ทั้ง 8 คนอยู่ที่นี่?” สาวน้อยถอนหายใจอย่างโล่งอก เธอพยายามลุกขึ้นจากเตียงและพูดว่า “เร็วเข้า พาฉันไปพบพวกเขาที!”
“คือ…”
สาวใช้รู้สึกว่าอีกฝ่ายยังอ่อนแอไปสักหน่อยที่จะเดินไปไหนมาไหน แต่สาวน้อยดูจะยืนกรานหนักแน่น จึงพยุงอีกฝ่ายออกจากห้องอย่างระมัดระวัง
ทันทีที่ออกจากห้อง ก็เห็นว่าทั้ง 8 คนที่บาดเจ็บสาหัสและไม่ได้สติต่างฟื้นแล้ว พวกเขายืนอยู่ในลานบ้าน
“ศิษย์พี่…”
เมื่อเห็นสาวน้อย ทุกคนรีบประสานมือทักทาย
“อือ หาที่นั่งกันเถอะ” สาวน้อยพูดขณะเรียกทุกคนให้หาที่นั่งในศาลาที่มีอากาศเย็นสบาย
“โชคดีที่พวกเราเอาชีวิตรอดจากการทดสอบมาได้ แต่อาการบาดเจ็บก็สาหัสกว่าที่คิด ฉันตรวจสอบสภาพภายในร่างกายแล้ว มีร่องรอยของการฉีกขาดของมิติอยู่ในตัว คงต้องใช้เวลาเยียวยาหลายปีกว่าจะฟื้นคืนสภาพเดิม”สาวน้อยพูดอย่างเคร่งขรึม
“ผมก็เหมือนกัน”
“ฉันคิดว่าพวกเราคงเจอเหมือนกันหมด…”
ทั้ง 8 คน รีบตรวจสอบสภาพร่างกายของตัวเอง จากนั้นก็ออกความเห็นอย่างเคร่งเครียด
“ท่านอาจารย์ของเราน่าจะได้รับบาดเจ็บสาหัสเหมือนกันตอนที่เข้าสู่มิติเบื้องบนเมื่อปีก่อน ฉันอยากรู้ว่าเขาเยียวยาตัวเองจนหายดีหรือยัง ว่าแต่เราจะตามตัวเขาเจอได้อย่างไร?” รู้ดีว่าร่างกายของเธอกำลังย่ำแย่ สาวน้อยอดไม่ได้ที่จะพึมพำด้วยความกังวล