อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆
ตอนที่ 2140 เข้าไปในมิติลี้ลับ
แอ๊ดดดด!
ประตูถูกผลักให้เปิดออก เผยให้เห็นมิติลี้ลับแห่งหนึ่ง
ทรัพย์สมบัติทุกชนิดเรียงรายอยู่ในมิติลี้ลับแห่งนั้น มากมายล้นหลามเกินกว่าที่จางเซวียนจะนับได้
ทันทีที่จางเซวียนเข้าสู่มิติลี้ลับ ก็ถูกกระแสดาบฉี กระบี่ฉี และอาวุธหลากหลายชนิดพุ่งเข้าใส่
รู้ดีว่าการโจมตีเหล่านี้มาจากจิตวิญญาณอาวุธในของล้ำค่าที่ถูกเก็บรักษาไว้ในห้องนั้น จางเซวียนย่องและหลบหลีกการโจมตีที่ถาโถมเข้ามา
10 นาทีให้หลัง จางเซวียนยืนมองรางอาวุธขนาดใหญ่ที่อยู่ตรงหน้าด้วยนัยน์ตาเป็นประกาย
สมกับที่เป็นขุมสมบัติของหอนิรันดร์สำนักงานใหญ่ มีของล้ำค่าขั้นกึ่งสรวงสวรรค์มากกว่า 30 ชิ้น และระดับอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์อีกมากกว่า 200 ชิ้น!
ต่อให้รวบรวมอาวุธทุกชิ้นที่มีอยู่ในทวีปที่ถูกลืมเข้าด้วยกัน ก็ไม่น่าจะมีมูลค่าเหนือกว่าบรรดาอาวุธที่เขาเห็นตรงหน้า
ยากจะบอกได้ว่านี่คือข้าวของที่หอนิรันดร์สะสมมาเนิ่นนานหลายปี หรือเป็นสิ่งที่หอนิรันดร์ขโมยมาจากหอเทพเจ้า แต่ไม่ว่าจะมาจากไหน เรื่องสำคัญเรื่องเดียวก็คือทุกชิ้นตกเป็นของเขาแล้ว
จางเซวียนโบกมืออย่างวางมาด จากนั้นก็กวาดทรัพย์สมบัติทั้งหมดเข้าไปในแหวนเก็บสมบัติ
หลังจากเสร็จสิ้น จางเซวียนหันไปมองกองขวดหยกที่อยู่ด้านข้าง ยาเม็ดทุกชนิดลอยละล่องไปทั่วห้องราวกับฝูงนกคีรีบูนที่กำลังร้องเรียกกัน
พวกมันล้วนเป็นยาเม็ดระดับอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์ และใช้ได้ผลดีแม้แต่กับนักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ ซึ่งสิ่งที่เตะตาจางเซวียนมากกว่านั้นก็คือยาเม็ดอมตะมหัศจรรย์กว่าพันเม็ดที่อยู่บนหิ้งชั้นบนสุด
จางเซวียนกวาดทุกอย่างที่อยู่รอบตัว เขาต้องใช้แหวนเก็บสมบัติอีก 3 วงถึงจะเก็บทุกอย่างที่อยู่ในขุมสมบัติได้หมดเกลี้ยง
อันดับแรก เราต้องยกระดับวรยุทธไปเป็นนักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์–สรวงสวรรค์ให้ได้!
แทนที่จะรีบออกจากขุมสมบัติ จางเซวียนทรุดตัวลงนั่งกลางห้อง เขานำยาเม็ดอมตะมหัศจรรย์ออกมาแล้วกลืนลงคอ ขณะเพ่งสมาธิเข้าสู่มหาคัมภีร์แห่งฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วง
ความรู้สึกที่ไม่ต้องกังวลว่าจะมีทรัพยากรไม่เพียงพอสำหรับการฝึกฝนวรยุทธช่างเป็นประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นสำหรับจางเซวียน เขาไม่เคยรู้สึกร่ำรวยอู้ฟู่เท่านี้มาก่อน นี่คือความรู้สึกของการเป็นเศรษฐีหรือ?
20 นาทีต่อมา จางเซวียนลุกขึ้นยืน
ระหว่างช่วงเวลานั้น เขายกระดับวรยุทธขึ้นเป็นนักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์-สรวงสวรรค์ได้สำเร็จพร้อมการขัดเกลาด้วย ด้วยสิ่งนี้ ก็เรียกว่าจางเซวียนได้เข้าถึงความเป็นสุดยอดของนักรบในทวีปที่ถูกลืมแล้ว!
ตราบใดที่ปรมาจารย์ขงยังไม่ได้เป็นเทพเจ้า จางเซวียนก็มั่นใจว่าจะรับมือกับอีกฝ่ายได้อย่างสมน้ำสมเนื้อ
หลังจากกระบวนการทั้งหมดจบสิ้น เขาก็ออกจากขุมสมบัติและกลับไปหาตู้ชิงหย่วน
ตู้ชิงหย่วนยังไม่หายตกใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ สีหน้าของเธอดูงงงวยราวกับคนที่กำลังฝันกลางวัน
“หัวหน้าตู้ คุณรู้ไหมว่าจากที่นี่ เราจะกลับตำหนักคว้าดาวได้อย่างไร?” จางเซวียนฉุดตู้ชิงหย่วนออกจากภวังค์
ก่อนหน้านี้ เขากลับตำหนักคว้าดาวโดยผ่านสะพานเบื้องบน และออกจากที่นั่นมาด้วยอานุภาพของรองเท้าเลือนหายของปรมาจารย์ขง
พูดอีกอย่างก็คือ เขาไม่รู้ว่าจะกลับสู่ทวีปที่ถูกลืมได้อย่างไรหากไม่มีสะพานเบื้องบน
แต่ตู้ชิงหย่วนน่าจะรู้ เพราะถึงอย่างไร เธอก็ถูกนำตัวมาที่นี่ก่อนที่สะพานเบื้องบนจะลงมา
“วรยุทธของฉันถูกสกัดกั้นไว้ตอนที่หัวหน้าขงพาฉันมาที่นี่ ฉันจึงไปไหนมาไหนไม่ได้อย่างอิสระ แต่ก็พอจะคาดเดาเทคนิคของเขาได้” หัวหน้าตู้รีบรวบรวมความคิดก่อนจะพูดต่อ “ถ้าฉันเข้าใจไม่ผิด เขาเดินทางมาที่นี่โดยใช้ตราสัญลักษณ์นิรันดร์กาล”
“ตราสัญลักษณ์นิรันดร์กาล?” จางเซวียนขมวดคิ้ว
เขารู้ว่าตราสัญลักษณ์นิรันดร์กาลสามารถนำพาจิตใต้สำนึกของนักรบเข้าสู่หอนิรันดร์ แต่มันส่งกายเนื้อของคนคนหนึ่งทะลุมิติได้ด้วยหรือ?
“ใช่ อย่าประมาทประสิทธิภาพของตราสัญลักษณ์นิรันดร์กาลนะ มันอาจเล็กก็จริง แต่การทำงานของมันแสนจะเยี่ยมยอด ลำพังแค่ความสามารถในการส่งมอบข้าวของที่คุณซื้อในหอนิรันดร์ก็ทำให้มันเป็นของล้ำค่าอันน่าทึ่งแล้ว” ตู้ชิงหย่วนพูด
จางเซวียนพยักหน้า
เป็นเรื่องธรรมดาที่ใครสักคนจะมองข้ามตราสัญลักษณ์นิรันดร์กาล แต่หากพิจารณาให้ดี มันเป็นของล้ำค่าที่น่าทึ่งไม่น้อย เพราะความสามารถในการส่งต่อข้าวของก็ถือเป็นการขนส่งทะลุมิติแบบหนึ่ง
“ฉันคาดว่าเขาใช้มันร่วมกับกระจกดำล้ำเลิศของสำนักป้อมปราการกระจกดำ กระจกดำล้ำเลิศสามารถดึงจิตวิญญาณของคนคนหนึ่งเข้าสู่กระจกได้ ทั้งยังเก็บสิ่งที่มีตัวตนไว้ในกระจกได้ด้วย โดยปกติเราใช้เฉพาะจิตใต้สำนึกเข้าสู่หอนิรันดร์ แต่ถ้ามีกระจกดำล้ำเลิศ ก็สามารถใช้กายเนื้อเข้าสู่หอนิรันดร์เสมือนจริงได้” ตู้ชิงหย่วนอธิบาย
แม้หอนิรันดร์ที่บรรดานักรบถ่ายทอดจิตใต้สำนึกของพวกเขาเข้าไปจะถูกให้คำจำกัดความว่าเป็น ‘สิ่งเสมือนจริง’ หรือภาพลวงตา แต่ก็ถือว่ามีอยู่จริง การที่นักรบที่เข้าไปในนั้นมีปฏิสัมพันธ์กับสภาพแวดล้อมและนักรบคนอื่นๆได้ก็เพียงพอที่จะพิสูจน์การมีตัวตนแล้ว
เพียงแต่มันมีตัวตนอยู่ในอีกมิติหนึ่ง ทำให้นักรบทั่วไปไม่อาจใช้กายเนื้อเข้าถึงมัน ความแตกต่างในโครงสร้างของมิติระหว่างมิติทั้ง 2 แห่งทำให้คนธรรมดาไม่อาจเอาชีวิตรอดจากการเดินทางเข้าสู่หอนิรันดร์ ดังนั้น แม้การขนส่งข้าวของเข้าออกหอนิรันดร์จะทำได้ แต่ก็ไม่เคยมีนักรบคนไหนพากายเนื้อของพวกเขาเข้าสู่หอนิรันดร์ได้สำเร็จมาก่อน
แต่ด้วยการที่กระจกดำล้ำเลิศสามารถสะท้อน ‘ความเสมือนจริง’ ของหอนิรันดร์ ผู้นั้นจึงสามารถเชื่อมต่อกับมิติที่อยู่ในกระจกได้ด้วยการใช้กระจกดำล้ำเลิศเป็นประตูผ่านทาง การพากายเนื้อเข้าสู่ภาพลวงตาของหอนิรันดร์จึงเป็นสิ่งที่ทำได้จริง
“ถ้าเขาใช้กระจกดำล้ำเลิศสะท้อนความเสมือนจริงของหอนิรันดร์ก่อนจะใช้กระจกสะท้อนตัวเขาเอง ก็เป็นไปได้ว่าเขาน่าจะย้ายจากหอนิรันดร์สาขาหนึ่งไปอีกสาขาหนึ่งได้โดยอิสระ…”
จางเซวียนตาโตด้วยความประหลาดใจ
นั่นอธิบายได้ว่าทำไมปรมาจารย์ขงถึงต้องการรองเท้าเลือนหาย กระจกดำล้ำเลิศ และแท่นบูชา…ของล้ำค่าทั้ง 3 อย่างล้วนมีความสามารถอันน่าทึ่ง!
หากใครสักคนนำพากายเนื้อเข้าสู่ความเสมือนจริงของหอนิรันดร์ได้ ด้วยการเชื่อมต่อระหว่างความเสมือนจริงของหอนิรันดร์กับตราสัญลักษณ์นิรันดร์กาลทุกอัน ในทางเทคนิค ก็เป็นไปได้ที่จะส่งตัวเขาทะลุมิติไปทุกหนแห่งที่มีตราสัญลักษณ์นิรันดร์กาลอยู่
โดยหลักการพื้นฐาน ก็น่าจะทำงานแบบเดียวกับการที่ใครคนหนึ่งได้รับข้าวของที่ซื้อมาจากหอนิรันดร์
ใครจะไปคิดว่าตราสัญลักษณ์นิรันดร์กาลกับกระจกดำล้ำเลิศจะใช้งานแบบนี้ได้ เหลือเชื่อจริงๆ!
จางเซวียนครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนจะตรงเข้าประเด็น “แต่เราไม่มีกระจกดำล้ำเลิศ…”
แม้พวกเขาจะรู้แล้วว่าปรมาจารย์ขงไปไหนมาไหนได้อย่างไร แต่ก็ไม่ก่อให้เกิดความแตกต่างใดๆขึ้นมาหากไม่มีกระจกดำล้ำเลิศอยู่กับตัว
“ไม่ใช่สิ เดี๋ยวก่อน…ถึงเราไม่มีกระจกดำล้ำเลิศ ก็สร้างมิติลี้ลับเองได้ เราจะเข้าไปในนั้นและทะลุมิติผ่านตราสัญลักษณ์นิรันดร์กาล!” จางเซวียนตบหน้าผาก
ทำไมเขาไม่เคยคิดเรื่องนี้มาก่อน?
“มันฟังดูเป็นไปได้ แต่ฉันคิดว่าไม่ง่ายหรอกนะที่จะสร้างมิติลี้ลับที่มั่นคงพอจะทำให้เรายังมีชีวิตอยู่ขณะเดินทางเข้าสู่ความเสมือนจริงของหอนิรันดร์” ตู้ชิงหย่วนตอบพร้อมกับขมวดคิ้ว
มันคือสิ่งที่ฟังดูเป็นไปได้ในทางทฤษฎี แต่ในทางปฏิบัติไม่น่าจะทำได้จริง
สำหรับนักรบคนหนึ่งในทวีปที่ถูกลืม การสร้างมิติลี้ลับสักแห่งไม่ใช่งานง่าย
ถ้าเป็นอย่างนั้น…6 สำนักใหญ่คงค้นพบวิธีการทะลุมิติไปนานแล้ว คงไม่ต้องใช้เวลายาวนานหลายวันบนหลังของอสูรอมตะบินได้เมื่อต้องการเดินทางไปไหนมาไหน
ที่สำคัญกว่านั้น มันอันตรายมาก เพราะการขนส่งผ่านช่องทางนี้อยู่ภายใต้การควบคุมของหอนิรันดร์ ซึ่งหากเกิดอะไรผิดพลาดขึ้นมา พวกเขาจะร่วงลงสู่รอยแยกของมิติและไม่อาจกลับมาได้อีก
“มันอาจยากถ้าเป็นที่อื่น แต่สำหรับที่นี่…ก็แค่รอแป๊บเดียว” จางเซวียนพูดก่อนจะหายตัวไป
เมื่อครั้งอยู่ในทวีปแห่งปรมาจารย์ เขาสามารถสร้างมิติลี้ลับที่มั่นคงได้อย่างง่ายดาย แต่คงไม่ง่ายหากเป็นที่นี่
แต่การที่เขาทำไม่ได้ ก็ไม่ได้หมายความว่าคนอื่นจะทำไม่ได้ อันที่จริง มีสิ่งหนึ่งอยู่ใกล้ๆ รอให้เขาหยิบมันขึ้นมา
ขุมสมบัติที่จางเซวียนพบก่อนหน้านี้คือตัวอย่างอันสมบูรณ์แบบของมิติลี้ลับที่มั่นคงพอจะขนส่งสิ่งมีชีวิตได้
จางเซวียนกำมือ เขาบีบอัดมิติลี้ลับที่อยู่ในขุมสมบัติจนมีขนาดพอเหมาะกับฝ่ามือของเขา
ฟึ่บ!
จางเซวียนเป็นนักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์-สรวงสวรรค์แล้ว พละกำลังของเขาในเวลานี้จึงเทียบได้กับปรมาจารย์ขง แม้เขาจะไม่มีลิขิตสวรรค์ที่ทำให้มีอำนาจพิเศษเหนือมิติและเวลา แต่อย่างน้อยก็สามารถควบคุมมิติลี้ลับได้
จางเซวียนนำแหวนเก็บสมบัติออกมาวงหนึ่งและเก็บมิติลับไว้ในนั้น
“หัวหน้าตู้ เข้าไปในมิติลี้ลับเถอะ”
ตู้ชิงหย่วนพยักหน้าขณะลดระดับการป้องกันตัวลง
ครู่ต่อมา เธอก็หายวับไป
หลังจากดึงตู้ชิงหย่วนเข้าสู่มิติลี้ลับแล้ว จางเซวียนก็นำตราสัญลักษณ์นิรันดร์กาลออกมาอันหนึ่งและถ่ายทอดจิตใต้สำนึกเข้าไปในนั้น
แม้เขาจะอยู่ในสถานที่ที่ไม่อาจเข้าถึงได้จากทวีปที่ถูกลืม แต่เพราะอยู่ในหอนิรันดร์สำนักงานใหญ่ จึงเข้าสู่ความเสมือนจริงของหอนิรันดร์ได้โดยปราศจากปัญหา และสามารถติดต่อคนอื่นๆได้
ไม่ช้าหานเจี้ยนชิวก็ปรากฏตัวตรงหน้า เมื่อเห็นจางเซวียนที่หอนิรันดร์ ก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก
“เจ้าสำนักจาง ที่นั่นเป็นอย่างไร คุณเป็นอะไรหรือเปล่า?”
ไม่นานหลังจากจางเซวียนผ่านประตูเข้าไป แท่นบูชาที่อยู่อีกฟากหนึ่งก็ถูกทำลาย ทำให้ประตูสลายตัว ทุกคนที่อยู่ที่ตำหนักคว้าดาวจึงพากันตื่นตระหนก พวกเขาเกรงว่าจะเกิดเรื่องร้ายขึ้นกับจางเซวียน
เมื่อเห็นชายหนุ่มปรากฏตัวอีกครั้ง ถึงค่อยคลายใจ
“ผมสบายดี เดี๋ยวผมจะนำแหวนเก็บสมบัติเข้าสู่การประมูลนะ คุณช่วยประมูลมันและนำมันไปที่หอนิรันดร์ของตำหนักคว้าดาว เข้าใจไหม?” จางเซวียนสั่งการ
“ได้” หานเจี้ยนชิวพยักหน้าแม้จะไม่รู้ว่าจางเซวียนคิดอะไร
หลังจากสั่งการหานเจี้ยนชิวแล้ว จางเซวียนก็รีบออกจากหอนิรันดร์และนำแหวนเก็บสมบัติเข้าสู่การประมูล จากนั้นก็นำมังกรอสรพิษออกมา
“นี่คือตราสัญลักษณ์นิรันดร์กาลเปล่าๆอันหนึ่ง ผมอยากให้คุณรออยู่ตรงนี้และดูแลมันให้ดี รีบปรากฏตัวทันทีที่ผมเรียกหาคุณนะ เข้าใจไหม?” จางเซวียนพูด
มังกรอสรพิษเพิ่งฝ่าด่านวรยุทธไปสู่ขั้นกึ่งสรวงสวรรค์มาหมาดๆ จึงแข็งแกร่งพอจะถ่ายทอดจิตใต้สำนึกเข้าสู่หอนิรันดร์ได้