อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆
ตอนที่ 2141 ไม่น่าเป็นไปได้!
จางเซวียนอยากกลับสู่ทวีปที่ถูกลืมเพื่อตามหาปรมาจารย์ขง แต่ก็มีความเป็นไปได้ที่เขาอาจต้อง กลับไปที่หอเทพเจ้าอีก จึงเตรียมตัวไว้ก่อน
หากเขากลับสู่ทวีปที่ถูกลืมได้ด้วยวิธีการนี้ ก็น่าจะกลับมาที่นี่ได้อีกโดยพึ่งพามังกรอสรพิษ
รู้ดีว่าเจ้านายคิดจะทำอะไร มังกรอสรพิษพยักหน้า “ผมเข้าใจ”
“ดีแล้ว ซ่อนตัวให้ดีล่ะ อย่าให้ใครพบคุณได้ หัวหน้าขงอาจกลับมาที่นี่อีก” จางเซวียนสั่งการอย่างเคร่งขรึม
มังกรอสรพิษพยักหน้าก่อนจะหดตัวลงจนเหลือขนาดเท่านิ้วโป้ง
ร่างจริงของมันที่มีความยาวหลายร้อยเมตรดูจะโดดเด่นเกินไป มองเห็นได้ชัดแต่ไกล แต่ถ้ามันหดตัวจนเหลือขนาดเพียงนิ้วโป้ง ก็ยากที่ใครจะหามันพบเมื่ออยู่ในห้องโถงอันกว้างใหญ่แห่งนี้
หลังจากสั่งเสียมังกรอสรพิษแล้ว จางเซวียนก็เข้าสู่มิติลี้ลับที่อยู่ในแหวนเก็บสมบัติ จากนั้น มังกรอสรพิษก็เคาะสัญลักษณ์นิรันดร์กาลเบาๆ แล้วแหวนเก็บสมบัติก็หายวับไป
…..
ฟึ่บ!
ในทวีปที่ถูกลืม ตราสัญลักษณ์นิรันดร์กาลอันหนึ่งเปล่งแสงเจิดจ้าขณะที่แหวนเก็บสมบัติวงหนึ่งปรากฏขึ้นจากค่ายกลทะลุมิติ
จางเซวียนออกจากมิติลี้ลับที่อยู่ในแหวนเก็บสมบัติ เมื่อเห็นหานเจี้ยนชิวกับคนอื่นๆก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก “มันได้ผลจริงๆ!”
แม้แผนการของเขาจะฟังดูเป็นไปได้ในทางทฤษฎี แต่ก็มีความซับซ้อนยุ่งยากมากมายที่อาจเกิดขึ้นเมื่อนำมาปฏิบัติ อันที่จริง เขายังกังวลอยู่ว่ากระบวนการนี้จะไปได้ตลอดรอดฝั่งหรือไม่
เพราะหากผู้ที่อยู่อีกฟากหนึ่งของตราสัญลักษณ์นิรันดร์กาลหักหลังเขา หรือหอนิรันดร์เกิดรู้แกวว่าเขาทำอะไรอยู่ เขาก็น่าจะลงเอยด้วยการร่วงลงสู่รอยแยกแห่งมิติ
ถึงอย่างไร จางเซวียนก็โล่งอกที่ทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี เห็นได้ชัดว่าหอนิรันดร์ยังไม่รู้ว่าเขาทำอะไรลงไป
เพราะถึงอย่างไร การแลกเปลี่ยนซื้อขายก็เกิดขึ้นบ่อยครั้งจนหอนิรันดร์ไม่ได้ให้ความสำคัญอย่างจริงจัง
“ท่านอาจารย์…”
เมื่อเห็นจางเซวียน จ้าวหย่ากับพรรคพวกตาโตด้วยความตื่นเต้น
จางเซวียนกำลังจะร้องเรียกพวกนั้น ก็พอดีกับที่มีบางอย่างทำให้เขาต้องเลิกคิ้ว “พวกคุณ…สำเร็จวรยุทธระดับอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์กันหมดแล้วหรือ?”
ก่อนที่เขาจะออกเดินทาง จ้าวหย่ากับคนอื่นๆยังเป็นแค่นักรบอมตะตัวจริง แต่ตอนนี้ทุกคนเป็นนักรบอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์แล้ว แถมดูเหมือนพวกเขาพร้อมจะฝ่าด่านวรยุทธได้ตลอดเวลา!
แต่เขาเพิ่งจากไปแค่ไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น…
ลูกศิษย์ของเขาเก่งกาจขนาดนี้เลยหรือ?
ตลอดเวลาที่ผ่านมา จางเซวียนคิดว่าตัวเขาพัฒนาได้รวดเร็วแล้ว แต่ถึงอย่างนั้น ก็ยังต้องใช้เวลาราวครึ่งเดือนในการยกระดับวรยุทธจากนักปราชญ์โบราณขั้น 4 มาเป็นอมตะขั้นสูง หยาดเหงื่อแรงกายและหยดเลือดที่เขาต้องเสียไปมากพอจะทำให้ผู้ชายคนไหนก็ตามถึงกับปล่อยโฮ
พูดได้เลยว่าทุกย่างก้าวของเขาช่างยากเย็นอย่างสาหัสสากรรจ์
จริงอยู่ว่าศิษย์สายตรงทั้ง 11 คนของเขาได้ฝึกฝนเคล็ดวิชาเทียบฟ้าฉบับเรียบง่ายและมียาเม็ดอมตะมากพอสำหรับส่งเสริมการยกระดับวรยุทธ แต่พวกเขาพัฒนาจากนักรบอมตะตัวจริงมาเป็นนักรบอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์ภายในเวลาเพียง 2-3 ชั่วโมงได้อย่างไร?
ไม่น่าเป็นไปได้!
“ก็ไม่เร็วนะ หลังจากท่านอาจารย์จากไป พวกเราใช้เวลา 1 เดือนเต็มกว่าจะสำเร็จวรยุทธระดับนี้…” จ้าวหย่าตอบอายๆ
“1 เดือนเต็ม?” จางเซวียนขมวดคิ้ว “ผมไปนานขนาดนั้นเลยหรือ?”
เขารู้ว่ากระแสกาลเวลาในหอนิรันดร์เป็นอัตราส่วน 1:10 กับทวีปที่ถูกลืม ถ้าคิดตามที่จ้าวหย่าพูด 1 เดือนในทวีปที่ถูกลืมน่าจะเท่ากับ 3 วันหรือราว 72 ชั่วโมงในหอนิรันดร์
แต่จางเซวียนใช้เวลา 2 ชั่วโมงที่หอเทพเจ้า กับอีก 4 ชั่วโมงที่หอนิรันดร์ แม้จะรวมระยะเวลา 4 ชั่วโมงที่เขาใช้ในการปีนป่ายเสาหินด้วย แต่รวมแล้วก็ตกราว 10 ชั่วโมงเป็นอย่างมาก…
มันแตกต่างลิบลับกับระยะเวลา 72 ชั่วโมง!
“เว้นเสียแต่…”
จางเซวียนพลันเกิดความคิดหนึ่งขึ้นมา
หรือว่ากระแสกาลเวลาที่หอเทพเจ้าเป็นอัตราส่วน 1:10 กับหอนิรันดร์ หรือพูดอีกอย่างก็คือ มันเป็นอัตราส่วน 1:100 กับทวีปที่ถูกลืม?
ถ้าคำนวณจากอัตราส่วน 1:100 เขาใช้เวลา 2 ชั่วโมงที่หอเทพเจ้า และ 4 ชั่วโมงปีนป่ายสะพานเบื้องบน ซึ่งนั่นจะเท่ากับ 600 ชั่วโมงในทวีปที่ถูกลืม เมื่อบวกกับอีก 4 ชั่วโมงที่ใช้ไปที่หอนิรันดร์สำนักงานใหญ่ นั่นก็จะตกราว 640 ชั่วโมง…
ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้น ก็เท่ากับราวๆ 1 เดือนในทวีปที่ถูกลืม
กระแสกาลเวลาในหอเทพเจ้าคิดเป็นอัตราส่วน 1:100 กับทวีปที่ถูกลืมจริงๆ…
แล้วกระแสกาลเวลาในสรวงสวรรค์จะเชื่องช้าแบบนี้ไหม?
คงน่าสะพรึงมากหากเป็นแบบนั้น
ยิ่งกาลเวลาดำเนินไปเชื่องช้ามากขึ้นเท่าไหร่ กฎเกณฑ์แห่งมิติของโลกใบนั้นก็จะยิ่งมั่นคงขึ้น
มิติกับเวลามีความเกี่ยวพันเชื่อมโยงจนไม่อาจแยกออกจากกันได้
ถ้ากระแสกาลเวลาของมิติเบื้องบนเป็นร้อยส่วน ก็หมายความว่าความมั่นคงของมิติบนสรวงสวรรค์จะมั่นคงขึ้นเป็นร้อยเท่า
และสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในมิติที่มั่นคงกว่าก็ย่อมทรงพลังกว่าด้วย เพราะพวกเขาต้องรับมือกับแรงกดดันของกฎเกณฑ์แห่งมิติที่หนักหน่วงและเข้มข้นกว่า
เรื่องนี้ทำให้จางเซวียนพลันเข้าใจว่าบรรดาเทพเจ้าบนสรวงสวรรค์ทรงพลังแค่ไหน ซึ่งหากเป็นอย่างนั้น ปรมาจารย์ขงก็จะเป็นคู่ต่อสู้ที่น่าสะพรึงมากถ้าเขาฝ่าด่านวรยุทธสำเร็จ
จางเซวียนส่ายหัวขณะโยนความคิดเหล่านั้นทิ้งไปและหันมามองศิษย์สายตรงของเขา
ถ้าเด็กๆเหล่านี้มีเวลาฝึกฝนวรยุทธถึง 1 เดือน ด้วยพื้นฐานวรยุทธที่มั่นคงและทรัพยากรชั้นยอดที่มี ก็ไม่ใช่เรื่องยากเกินไปที่จะฝ่าด่านวรยุทธจากขั้นอมตะตัวจริงไปเป็นอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์
“หาที่นั่งและตั้งใจฟังให้ดีนะ ผมจะถ่ายทอดความเข้าใจเรื่องวรยุทธขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ของผม รวมทั้งแก่นสารของเจตจำนงของเทพเจ้าด้วย” จางเซวียนพูด
ด้วยสถานการณ์ที่เขากำลังเผชิญอยู่ตอนนี้ บรรดาศิษย์สายตรงของเขายังช่วยเหลืออะไรไม่ได้มากนักหากเป็นแค่นักรบอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์ ทุกคนจะต้องเป็นนักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์เป็นอย่างน้อย ถึงจะพอยืนหยัดต้านทานปรมาจารย์ขงได้
ในเมื่อพวกเขาพร้อม จางเซวียนก็พร้อมจะยื่นมือเข้าช่วยเหลือในการฝ่าด่านวรยุทธขั้นสุดท้าย!
ถึงอย่างไร เขาก็ทำความเข้าใจเจตจำนงของเทพเจ้าได้ถึง 7 รูปแบบแล้ว ขอแค่ศิษย์สายตรงของเขาทำความเข้าใจแก่นสารของมันได้สัก 1 รูปแบบ ก็จะสามารถฝ่าด่านวรยุทธไปสู่ขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ได้อย่างง่ายดาย
“ได้!”
เห็นท่านอาจารย์ของพวกเขากำลังจะเปิดการบรรยาย จ้าวหย่ากับคนอื่นๆรีบทรุดตัวลงนั่งและรอคอยอย่างตื่นเต้น
หานเจี้ยนชิวกับคนอื่นๆกำลังจะออกจากห้อง แต่เมื่อได้ยินคำพูดของจางเซวียน ก็ตัดสินใจรีรออยู่แถวนั้น
“ในการเข้าถึงวรยุทธขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ พวกคุณจะต้องทำความเข้าใจเสียก่อนว่าสรวงสวรรค์คืออะไร พวกเขาอยู่เหนือกว่าเรา เหนือธรรมชาติ นั่นคือสรวงสวรรค์ เพื่อเข้าถึงระดับนั้น นักรบคนหนึ่งจะต้องแน่วแน่ในเจตจำนงและปรับสภาวะจิตของเขาเสียก่อน…” จางเซวียนพูดช้าๆ
ในฐานะนักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ ตอนแรกหานเจี้ยนชิวกับคนอื่นๆไม่คิดว่าการบรรยายของจางเซวียนจะมีประโยชน์กับพวกเขามากนัก แต่หลังจากฟังไปสักครู่ ทุกคนก็พบว่าตัวเองกำลังดื่มด่ำกับคำบรรยายนั้น
แม้พวกเขาจะฝ่าด่านวรยุทธด้วยตัวเอง แต่เรื่องจริงก็คือแต่ละคนยังไม่เข้าใจชัดเจนนักว่าวรยุทธขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ประกอบขึ้นจากอะไร พวกเขาสามารถขับเคลื่อนพละกำลังในร่างกายได้อย่างอิสระ แต่ไม่รู้ว่าพละกำลังนั้นมาจากไหนและกลไกการทำงานของมันเป็นอย่างไร
เรื่องนี้ก็เหมือนกับการที่มนุษย์คนหนึ่งไม่จำเป็นต้องรู้เรื่องการทำงานของร่างกายทุกส่วนของเขา
เหตุผลที่คนเหล่านี้ประสบความสำเร็จก็เพราะได้ซึมซับรังสีพิเศษจากแท่นรูปวงกลมที่สะพานเบื้องบน ยิ่งไปกว่านั้น จำนวนนักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ที่มีอยู่ในทวีปที่ถูกลืมก็มีจำกัดมาก จึงเป็นธรรมดาที่การถ่ายทอดความรู้ต่อๆกันไปจะมีเพียงน้อยนิด
ด้วยเหตุนี้ ความเข้าใจในวรยุทธขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ของพวกเขาจึงเป็นไปอย่างครึ่งๆกลางๆ ต่อให้อยากทำ ก็ไม่อาจถ่ายทอดแก่นสารของวรยุทธขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ให้บรรดาศิษย์สายตรงของพวกเขาได้อย่างถูกต้อง
แต่นับจากวันนี้ ทุกอย่างจะเปลี่ยนไป
การบรรยายของจางเซวียนเรียบง่ายและตรงไปตรงมา ทำให้ผู้ฟังจับใจความสำคัญได้อย่างรวดเร็ว เมื่อประกอบกับความเข้าใจที่เกิดขึ้น พลังปราณในจุดตันเถียนของพวกเขาก็เริ่มเคลื่อนไหวไปตามทิศทางที่ควรจะเป็น
บึ้มมมม!
เพียง 2 ชั่วโมงหลังจากเริ่มการบรรยาย รังสีอันทรงพลังก็พุ่งขึ้นสู่กลางอากาศ จ้าวหย่ากับพรรคพวกที่ติดอยู่กับวรยุทธระดับอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์มาระยะหนึ่งแล้วฝ่าด่านวรยุทธได้พร้อมๆกัน
จางเซวียนเพิ่งมอบรังสีพิเศษจากแท่นรูปวงกลมส่วนหนึ่งให้ทุกคนเมื่อไม่นานมานี้ เมื่อประกอบกับความเข้าใจที่เกิดขึ้นใหม่ พวกเขาก็ก้าวเข้าสู่วรยุทธระดับที่สูงขึ้นได้อย่างรวดเร็ว
หานเจี้ยนชิวกับคนอื่นๆก็ยกระดับวรยุทธของพวกเขาไปเป็นขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ได้เช่นกัน พลังปราณของแต่ละคนเข้มข้นและบริสุทธิ์กว่าเดิม ทำให้มีประสิทธิภาพการต่อสู้สูงขึ้นมาก
ไม่ช้า การบรรยายก็จบลง
หานเจี้ยนชิวกับคนอื่นๆรีบหยุดการฝึกฝนวรยุทธ จากนั้นก็มองจางเซวียนและตั้งคำถาม “ท่านอาจารย์ สถานการณ์ของหอเทพเจ้าในเวลานี้เป็นอย่างไร?”
พวกเขาดื่มด่ำกับการฝึกฝนวรยุทธจนลืมถามรายละเอียดของสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากที่จางเซวียนทะลุมิติผ่านแท่นบูชาออกไป
“เรื่องเป็นอย่างนี้…”
จางเซวียนทบทวนเรื่องราวทั้งหมดที่เขาได้เผชิญหลังจากเข้าสู่อีกฟากหนึ่งของประตู
“คุณกำลังจะบอกว่าหัวหน้าขงฉกฉวยรังสีสวรรค์ของคุณไป และมีความเป็นไปได้ที่เขาอาจจะได้เป็นเทพเจ้า?” หานเจี้ยนชิวหรี่ตาด้วยความตกใจ
จางเซวียนพยักหน้า “ถ้าเขาทำสำเร็จล่ะก็ พวกเราทุกคนจบเห่แน่”
ความไม่ธรรมดาของปรมาจารย์ขงคือการได้ครอบครองเศษเสี้ยวหนึ่งของสวรรค์ มีโอกาสที่อีกฝ่ายจะฉกฉวยหอสมุดเทียบฟ้าไปหลังจากได้เป็นเทพเจ้าแล้ว ด้วยความแข็งแกร่งของปรมาจารย์ขงในตอนนั้น ต่อให้จางเซวียนมีนักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ 20 คนเป็นสมัครพรรคพวก ก็ยังถือว่าเสียเปรียบ
เพราะลำพังแค่ตัวเขาเอง ต่อให้หานเจี้ยนชิวกับคนอื่นๆผนึกกำลังกัน ก็สู้เขาไม่ได้ จึงไม่น่าจะสามารถรับมือกับปรมาจารย์ขงที่เข้าถึงระดับเทพเจ้า
ไม่ว่าปรมาจารย์ขงคนนั้นจะเป็นตัวจริงหรือไม่ แต่ประสิทธิภาพการต่อสู้ของเขาคือของจริง
“แล้วเราจะทำอย่างไร?” ผู้อาวุโสคุ่ยเฉี่ยวตั้งคำถามอย่างร้อนใจ
“มีเพียง 2 อย่างเท่านั้นที่เราทำได้ในเวลานี้ อย่างแรก ตามหาปรมาจารย์ขงและช่วงชิงรังสีสวรรค์กลับมา ขอแค่เรายับยั้งเขาจากการฝ่าด่านวรยุทธได้ เราก็จะชนะ” จางเซวียนพูด