อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆
ตอนที่ 2185 หรือแค่จะโชว์เหนือ?
มันเพิ่งเห็นพละกำลังเต็มพิกัดของอีกฝ่ายมาหมาดๆ และยอมรับว่าศิลปะเพลงดาบของเขาทรงพลังมาก แต่ตัวเขาแข็งแกร่งขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?
ขนาดมันใช้พละกำลังครึ่งหนึ่งของที่มี ชายหนุ่มก็ยังสอยมันกระเด็นได้
ในแง่ของพละกำลัง นั่นคือการโจมตีที่แม้แต่นักรบระดับเทพเจ้าสวรรค์สร้างขั้นต่ำก็ต้านทานได้ยาก!
พูดอีกอย่างก็คือ ในช่วงเวลาเพียงสิบอึดใจ ชายหนุ่มก็ยกระดับพละกำลังของเขาจากเทพเจ้าขั้นต่ำไปเป็นเทพเจ้าสวรรค์สร้างขั้นต่ำได้สำเร็จ
คุณทรงพลังได้ขนาดนี้ภายในสิบอึดใจเพราะการฝึกฝนวรยุทธ…หรือที่ผ่านมาโกหกผมมาตลอด?
ขณะที่อสูรเกราะเรืองแสงกำลังงงจนทำอะไรไม่ถูก ก็เห็นชายหนุ่มมีสีหน้าหงุดหงิดแทนที่จะปลาบปลื้มยินดีกับการพัฒนาอย่างพรวดพราดของตัวเอง ดูเหมือนเขาไม่พอใจกับผลที่ได้
“เฮ่อ ระดับการเพิ่มวรยุทธของผมช้าลงมาก สติปัญญาเริ่มถดถอยแล้วหรือไง?”
“ช้าลงมาก? สติปัญญาถดถอย?”
อสูรเกราะเรืองแสงแทบปล่อยโฮเมื่อได้ยินคำนั้น
คุณยกระดับพละกำลังจากเทพเจ้าขั้นต่ำไปเป็นเทพเจ้าสวรรค์สร้างขั้นต่ำได้ในรวดเดียว…พี่ชาย นั่นมัน 3 ขั้นเต็มๆเชียวนะ!
แล้วยังมีหน้ามาบ่นว่าช้า?
ถามจริงเถอะ คุณพูดจริงหรือเปล่า…หรือแค่จะโชว์เหนือ?
จางเซวียนไม่ได้จะคุยโว นั่นคือความรู้สึกจากใจจริงของเขาที่มีต่อการฝ่าด่านวรยุทธของตัวเอง
แม้ในสายตาของอสูรเกราะเรืองแสง จะดูเหมือนเขาฝึกฝนวรยุทธแค่ 10 อึดใจ แต่อันที่จริง เขาใช้เวลาเกือบ 28 ชั่วโมงในมหาคัมภีร์แห่งฤดูใบไม้ผลิกับฤดูใบไม้ร่วง
เขาใช้เวลาถึง 1 วันเต็มๆในการฝ่าด่านวรยุทธ!
กระแสกาลเวลาในมหาคัมภีร์แห่งฤดูใบไม้ผลิกับฤดูใบไม้ร่วงเร็วกว่าในทวีปที่ถูกลืมถึงหมื่นเท่า ขอแค่ถ่ายทอดจิตใต้สำนึกเข้าไปในนั้น ก็จะสามารถเร่งการไหลเวียนของพลังงานสวรรค์ในโลกแห่งความเป็นจริงได้ ทำให้ฝึกฝนวรยุทธได้เร็วขึ้นมาก ก็เพราะเหตุนี้ที่ทำให้ของล้ำค่าชิ้นนั้นมีอำนาจและทรงพลัง
มหาคัมภีร์แห่งฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วงนี้เองที่ทำให้จางเซวียนกลายเป็นเทพเจ้าภายในสิบอึดใจเมื่อครั้งที่เผชิญหน้ากับปรมาจารย์ขง และได้ชัยชนะมาอย่างหวุดหวิด
ด้วยประสบการณ์ที่ผ่านมาของเขาที่ฝึกฝนวรยุทธโดยใช้เคล็ดวิชาร่างนวโลหะ จางเซวียนคิดว่าการยกระดับวรยุทธสักขั้นคงใช้เวลาเพียง 2 ถึง 4 ชั่วโมงเท่านั้น แต่เขากลับต้องใช้เวลาถึง 28 ชั่วโมงในการยกระดับวรยุทธจากเทพเจ้าขั้นต่ำไปเป็นเทพเจ้าขั้นสูง
การพัฒนาวรยุทธอย่างเชื่องช้าแบบนี้ทำให้เขาแทบรับไม่ได้ นับตั้งแต่ฝึกฝนเคล็ดวิชาเทียบฟ้ามา จางเซวียนไม่เคยอืดอาดยืดยาดเท่านี้มาก่อน
นี่คือการฝึกฝนวรยุทธที่เชื่องช้าที่สุดในชีวิตของเขา และคงจะกลายเป็นจุดด่างพร้อย จางเซวียนได้แต่ภาวนาว่าอย่าให้ใครรู้เรื่องนี้ ไม่อย่างนั้นเขาคงต้องตายเพราะความอับอายขายหน้า!
ดูเหมือนเทคนิควรยุทธที่เขาคิดค้นขึ้นเองยังคงอ่อนด้อยในบางด้านเมื่อเทียบกับเคล็ดวิชาเทียบฟ้า
“ช่างมันเถอะ อย่างน้อยที่สุดเราก็แข็งแกร่งกว่าเดิมมาก!”
จางเซวียนตัดสินใจไม่กังวลให้มากเกินไปเรื่องการฝ่าด่านวรยุทธที่อืดอาดยืดยาด เขาจ้องมองกำปั้นของตัวเองขณะปลดปล่อยพละกำลังที่ได้มาใหม่ให้พลุ่งพล่านอยู่ภายในร่างกาย
แม้จะยังบ่มเพาะกายเนื้อให้เข้าถึงระดับของเทพเจ้าสวรรค์สร้างไม่ได้ แต่หากเป็นการสู้รบระยะประชิด จางเซวียนก็มั่นใจว่าอย่างน้อยที่สุดเขาก็รับมือกับนักรบระดับเทพเจ้าสวรรค์สร้างขั้นต่ำไหว
โดยเฉพาะประสิทธิภาพการป้องกันตัว หลังจากที่ได้รับการบ่มเพาะจากเลือดของอสูรเกราะเรืองแสงกับผลจื้อเจิน กายเนื้อของเขาก็แข็งแกร่งพอๆกับของล้ำค่าระดับเทพเจ้าสวรรค์สร้างขั้นต่ำ
พูดอีกอย่างก็คือ ต่อให้ต้องเผชิญกับการโจมตีด้วยพละกำลังเต็มพิกัดจากนักรบระดับเทพเจ้าขั้นสูง ก็ไม่อาจทำอันตรายเขาได้อีก
ด้วยเหตุนี้ จางเซวียนจึงเล่นงานอสูรเกราะเรืองแสงได้ด้วยกำปั้น
นับตั้งแต่มาถึงสรวงสวรรค์ จางเซวียนรู้สึกถูกกดดันเพราะพละกำลังที่ยังอ่อนด้อย เขาเกรงว่าจะไม่อาจปกป้องท่านพ่อท่านแม่กับบรรดาศิษย์สายตรงได้เมื่อยามคับขัน และนั่นทำให้กังวลใจมาก แต่การฝ่าด่านวรยุทธครั้งนี้ทำให้ความหวาดกลัวของเขาลดลงไม่น้อย
โลกนี้มีผู้เชี่ยวชาญอยู่มากมาย แต่เขาก็ไม่ใช่กลุ่มผู้เชี่ยวชาญระดับล่างอีกต่อไป
จากหนังสือจำนวนมากที่เขาได้อ่าน เทพเจ้าสวรรค์สร้างถือเป็นชนชั้นนำในเมืองส่วนใหญ่ ซึ่งพละกำลังระดับนี้คงเพียงพอให้เขามีที่ยืนในสรวงสวรรค์แล้ว
จางเซวียนโบกมือ เขาเก็บผลจื้อเจินไว้ในแหวนเก็บสมบัติก่อนจะออกความเห็น “กลับเมืองตะวันรอนกันเถอะ”
“แต่ประสิทธิภาพการป้องกันตัวของผม…” อสูรเกราะเรืองแสงยังคงไม่มั่นใจ
มันจะสูญเสียโอกาสที่จะได้กินผลจื้อเจินอย่างต่อเนื่องหากออกจากพื้นที่นี้ แล้วถ้าร่างกายอ่อนแอลงไปเรื่อยๆ…จะเกิดอะไรขึ้น?
“ไม่ต้องห่วง ตอนที่คุณฝ่าด่านวรยุทธเมื่อครู่นี้ ผมแก้ปัญหานั้นให้คุณแล้ว” จางเซวียนตอบ
อานุภาพของผลจื้อเจินนั้นเรียกได้ว่าออกฤทธิ์กึ่งถาวร โดยทันทีที่อสูรเกราะเรืองแสงหยุดกินมัน ประสิทธิภาพการป้องกันตัวก็จะค่อยๆลดลงจนกลับสู่ระดับเดิม
จางเซวียนจึงใช้พลังปราณเทียบฟ้าของเขาเสริมกำลังให้เกล็ดของมัน เปลี่ยนแปลงการออกฤทธิ์จากกึ่งถาวรมาเป็นถาวร ดังนั้น ประสิทธิภาพการป้องกันตัวของอสูรเกราะเรืองแสงจะคงที่ ไม่ลดลงแล้วแม้จะไม่ได้กินผลจื้อเจินอีก
“ขอบคุณนายท่าน!” อสูรเกราะเรืองแสงถอนหายใจอย่างโล่งอก
มันแสนจะยินดีปรีดากับสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะนับตั้งแต่ถือกำเนิด การเคลื่อนไหวของมันก็ถูกจำกัดบริเวณให้อยู่เฉพาะในหุบเขาแห่งนี้เพราะผลจื้อเจิน มันดีใจเหลือหลายที่ในที่สุดก็ได้เป็นอิสระจากข้อบังคับและได้ออกสู่โลกภายนอกอันกว้างใหญ่
หลังจากที่ออกจากหุบเขาได้ไม่นาน จางเซวียนก็พบอสูรสวรรค์บินได้ที่เขาซื้อมาจากตลาดค้าอสูรสรวงสวรรค์ ในเวลานี้ อสูรเกราะเรืองแสงกลายร่างเป็นมนุษย์แล้ว ทั้งคู่ขึ้นขี่หลังอสูรสวรรค์บินได้และเดินทางกลับสู่เมืองตะวันรอน
…..
เย่โชวเยี่ยนคือผู้แทนพิเศษของน่านฟ้าแห่งวิญญาณเร่ร่อนที่ประจำอยู่ ณ เมืองตะวันรอน
แม้จะมีวรยุทธแค่ระดับเทพเจ้าขั้นสูง แต่ด้วยภูมิหลังของเธอ ต่อให้ท่านเจ้าเมืองอู๋ฟังชิงก็ไม่กล้าฝ่าฝืนหากเธอตัดสินใจทำอะไรลงไป
แต่ก็นั่นแหละ กิจธุระส่วนใหญ่ที่เธอรับหน้าที่ดูแลก็เป็นไปตามนโยบายและกฎเกณฑ์ที่ทางน่านฟ้าแห่งวิญญาณเร่ร่อนมอบคำสั่งมา เธอไม่ได้อวดดีถึงขนาดจะล้ำเส้นและเข้าไปก้าวก่ายกิจการภายในของเมืองตะวันรอน
หลังจากทำงานยุ่งมาทั้งวัน เย่โชวเยี่ยนยืดหลังเพื่อคลายความเมื่อยล้าก่อนจะทรุดตัวลงนั่งหน้าโต๊ะเครื่องแป้งเพื่อสำรวจแก้มข้างขวาของเธอ
มีรอยแผลเป็นสีแดงก่ำเด่นชัดที่ทำให้ดูเหมือนตะขาบตัวหนึ่งกำลังไต่ใบหน้า
ในฐานะผู้ขึ้นชื่อเรื่องความงดงาม เธอภาคภูมิใจในรูปร่างหน้าตาของตัวเองเสมอ แต่แผลเป็นรูปร่างเหมือนตะขาบนี้ทำลายความงามของเธอจนหมดสิ้น
“เฮ่ออออ!”
เย่โชวเยี่ยนส่ายหน้าอย่างจนปัญญา
แผลเป็นนี้มาจากการต่อสู้กับศัตรูครั้งหนึ่งเมื่อนานมาแล้ว บาดแผลนั้นได้รับผลกระทบจากพลังพิเศษที่ศัตรูมี เธอจึงไม่อาจลบรอยแผลเป็นได้ ไม่ว่าจะพยายามสักแค่ไหน
ยิ่งไปกว่านั้น ความรุนแรงของบาดแผลยังทำให้วรยุทธของเธอยังลดลงจากระดับเทพเจ้าสวรรค์สร้างมาเป็นเทพเจ้าขั้นสูงด้วย สุดท้ายเธอก็ตัดสินใจออกจากเมืองหลวงเพื่อมารับตำแหน่งผู้แทนพิเศษในเมืองห่างไกล
เย่โชวเยี่ยนรีบแต่งเนื้อแต่งตัวก่อนจะใช้ผ้าคลุมปิดบังใบหน้า
เธอเดินออกจากห้อง ชำเลืองมองผู้อาวุโสที่ยืนอารักขาอยู่ด้านนอกและถามว่า “การสืบเสาะเป็นอย่างไรบ้าง?”
ผู้อาวุโสประสานมือ “ผู้แทนเย่ ผมได้รับคำยืนยันว่ามีตลาดมืดอยู่ในเมืองตะวันรอนจริงๆ โดยผู้จัดการตลาดคือฉีหลิงเอ๋อ เธอมาจากตระกูลฉีซึ่งเป็นชนชั้นสูง!”
“ตระกูลฉีคือตระกูลดังที่มีอำนาจแม้แต่ในเมืองหลวง การที่บรรพบุรุษเก่าแก่ของพวกเขา, ฉีเหมิง เป็นราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติ ก็เกินพอที่จะบ่งบอกสถานภาพของพวกเขาแล้ว แต่ทำไมทายาทตระกูลฉีถึงมาเปิดตลาดมืดในดินแดนห่างไกลแบบนี้?” เย่โชวเยี่ยนขมวดคิ้ว
“เธอไม่รู้หรือไงว่าทำแบบนี้เป็นการฝ่าฝืนกฎหมายของน่านฟ้าแห่งวิญญาณเร่ร่อน?”
“ผมก็ไม่รู้รายละเอียด แต่คิดว่าน่าจะมีบางอย่างเกี่ยวข้องกับโลกเบื้องล่าง…” ผู้อาวุโสนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะออกความคิด
“โลกเบื้องล่าง…” เย่โชวเยี่ยนย่นหน้าผากเป็นร่องลึก “ฝ่าบาทพบจิตวิญญาณบริสุทธิ์เมื่อไม่นานมานี้ และเขาก็ให้การยกเว้นเป็นกรณีพิเศษโดยอนุญาตให้จิตวิญญาณดวงนั้นเยียวยาตัวเองในทะเลสาบบาดาลที่อยู่ภายในพระราชวัง จากแหล่งข่าว จิตวิญญาณดวงนั้นมีต้นกำเนิดจากโลกเบื้องล่าง เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อ 20 วันก่อน ขณะที่ฉีหลิงเอ๋อน่าจะอยู่ที่นี่มาหลายปีแล้ว”
“มันเป็นอย่างนั้นก็จริง แต่สถานที่ที่ราชันย์พิชิตสวรรค์ปรากฏตัวเป็นครั้งแรกก็คือเมืองตะวันรอนแห่งนี้ ผมรู้สึกว่าการเคลื่อนไหวของตระกูลฉีน่าจะมีความเกี่ยวข้องอะไรสักอย่าง” ผู้อาวุโสพูด
จอมราชันย์ของน่านฟ้าแห่งวิญญาณเร่ร่อน, จอมราชันย์ปีศาจเฉียนคุ่ย ไม่เคยใส่ใจจริงจังกับการปกครองดูแลอาณาเขตของเขา ได้แต่มอบหมายความรับผิดชอบเรื่องการปกครองให้ราชันย์ผู้ทรงเกียรติที่อยู่ใต้บังคับบัญชา ทำให้อีกฝ่ายมีอำนาจเหลือล้น
ดังนั้น แม้ในเมืองหลวงจะดูสงบสุขดี แต่ก็มีการแก่งแย่งแข่งขันทางการเมืองอยู่ไม่น้อย
การปรากฏตัวของราชันย์พิชิตสวรรค์คือสิ่งหนึ่งที่ไม่มีใครคาดคิด และนั่นทำให้เกมเปลี่ยนไป
นอกเสียจากเก้าจอมราชันย์ที่อยู่มาเนิ่นนานจนจำความไม่ได้ ก็ไม่มีใครเคยเทียบชั้นกับพวกเขามาก่อน ผู้คนรู้กันทั่วไปว่าไม่มีทางที่ใครสักคนจะกลายเป็นจอมราชันย์ได้ วรยุทธระดับราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติจึงเป็นวรยุทธขั้นสูงสุดที่นักรบทั่วไปจะเอื้อมถึง
แต่ราชันย์พิชิตสวรรค์ได้ทำลายข้อกำหนดเดิมจนหมด และกลายเป็นผู้ที่เทียบเท่ากับจอมราชันย์ แม้จะไม่ได้แข็งแกร่งกว่า
ด้วยเหตุนี้ ทุกคนจึงอยากรู้ว่าราชันย์พิชิตสวรรค์มาจากไหน เพื่อจะได้ค้นพบความลับที่อยู่เบื้องหลังการปรากฏตัวของเขา
ตลอด 40 ปีที่ผ่านมา การสืบเสาะค้นหาเรื่องนี้ยังคงดำเนินต่อไป
นอกจากผลกำไรด้านการเงิน ตลาดมืดยังเป็นสถานที่ที่ข้อมูลข่าวสารมากมายเข้ามาและผ่านไป เป็นดินแดนยุทธศาสตร์ของการสร้างเครือข่ายข้อมูลข่าวสาร
เย่โชวเยี่ยนครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อ “บอกฉีหลิงเอ๋อนะว่าฉันจะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นซะหากเธอใช้ตลาดมืดเป็นแค่ศูนย์รวบรวมข้อมูลข่าวสาร แต่เธอก็ควรจะรู้ไว้ว่าไม่ควรทำอะไรล้ำเส้น หากเกินหน้าเกินตาไปล่ะก็ ไม่ว่าเธอจะเป็นสมาชิกของตระกูลฉีหรือไม่ ฉันก็จะลงโทษเธออย่างเข้มงวดตามกฎหมายของน่านฟ้าแห่งวิญญาณเร่ร่อน”
“อีกอย่าง ฉันอยากให้คุณจับตาดูพฤติกรรมของเธอด้วย หากรู้สึกว่ามีอะไรน่าสนใจ รายงานฉันโดยเร็วที่สุด”