อัจฉริยะสมองเพชร – ตอนที่ 1657

คำขอของหลัวเทียนหยา

“ท่านหัวหน้าของเรา…สู้จางเซวียนไม่ได้!” หลัวกั้นเจินตั้งข้อสังเกตด้วยสีหน้าอับจนหนทาง

“คุณพูดถูก เห็นชัดว่าจางเซวียนอ่อนข้อให้หัวหน้าของเรา ไม่อย่างนั้น เขาคงเอาชนะหัวหน้าได้ภายใน 20 กระบวนท่าแล้ว” หลัวชิงเฉินพยักหน้า

ไม่นานหลังจากหลัวชิงเฉินพูดจบ หลัวเทียนหยาที่กำลังหายใจหอบก็ประกาศด้วยสีหน้าเจื่อนๆ “ผมยอมแพ้!”

ดูเหมือนตัวเขาเองก็ไม่อยากยอมรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

“พี่หลัว อย่าเก็บเรื่องนี้มาใส่ใจเลย อันที่จริงประสิทธิภาพการต่อสู้ของเราสองคนก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่…” จางเซวียนเดินเข้าหาหลัวเทียนหยาด้วยสีหน้าที่ปราศจากความยินดีในชัยชนะ เขาพูดกับอีกฝ่ายด้วยแววตาที่ดูจริงใจ “ทำไมเราถึงไม่ให้การดวลครั้งนี้เสมอกันล่ะ?”

“แพ้ก็คือแพ้สิ! ถ้าเรื่องแค่นี้ผมยังยอมรับไม่ได้ ก็ควรจะเปลี่ยนไปใช้แซ่จางเสียเลย!” หลัวเทียนหยาตอบด้วยน้ำเสียงหยิ่งทระนง “แต่ก็ต้องขอบอกว่าเหตุผลที่อยู่เบื้องหลังความพ่ายแพ้ของผมนั้นเป็นเหตุผลส่วนตัว ไม่ได้หมายความว่าแก่นสารของมิติและการสกัดกั้นมิติของตระกูลหลัวด้อยกว่าแก่นสารเรื่องเวลาของตระกูลจางของคุณนะ แต่มันเป็นเพราะผมอ่อนด้อยเกินกว่าที่จะสำแดงพละกำลังที่แท้จริงของมันออกมา!”

“เอาเถอะ พี่หลัว” จางเซวียนตอบ “มิติกับเวลาถือเป็นอำนาจที่ทัดเทียมกันอยู่แล้ว การจัดลำดับขั้นของมันนั้นไม่มีประโยชน์ และผมก็ไม่มีเจตนาที่จะดูถูกตระกูลหลัวด้วย พูดตามตรงนะ ผมยำเกรงในตระกูลหลัวของคุณมาก อันที่จริง เหตุผลหลักที่ผมเอาชนะได้ก็เป็นเพราะความเข้าใจเรื่องแก่นสารของมิติและการสกัดกั้นมิติของตระกูลหลัวที่ผมมีนั้นเหนือชั้นกว่าพี่เท่านั้นเอง!”

“คุณหมายความว่าอย่างไร?” หลัวเทียนหยาขมวดคิ้วด้วยความสงสัย

“ผมเชื่อว่าพี่หลัวคงบอกได้ว่าผมเองก็เชี่ยวชาญในแก่นสารของมิติเช่นกัน” จางเซวียนพูด

“เอ่อ…” หลัวเทียนหยาอึ้งไปครู่หนึ่งก่อนจะนึกได้ “ก็จริง ทำไมคุณถึงสามารถใช้พละกำลังของแก่นสารแห่งมิติและการสกัดกั้นมิติของตระกูลหลัวได้ล่ะ?”

“ผู้ก่อตั้งตระกูลหลัวสำเร็จความเข้าใจเรื่องแก่นสารของมิติและการสกัดกั้นมิติก็จริง แต่ที่มาของความเข้าใจเรื่องนี้สามารถนับถอยหลังไปได้จนถึงนักปราชญ์โบราณชิวอู๋ ผมบังเอิญได้รับมรดกตกทอดของนักปราชญ์ชิวอู๋มาเพราะความโชคดี นั่นคือเหตุผลที่ทำให้ผมสำเร็จความเข้าใจเรื่องแก่นสารของมิติและการสกัดกั้นมิติ” จางเซวียนตอบ

“นักปราชญ์โบราณชิวอู๋?” หลัวเทียนหยาตาโตอย่างไม่อยากเชื่อ

“นี่คืออาณาจักรโบร่ำโบราณที่นักปราชญ์โบราณชิวอู๋ทิ้งไว้” จางเซวียนสะบัดข้อมือ แล้วลูกคริสตัลทรงกลมก็มาอยู่ในมือของเขา มันแผ่รังสีของมิติลี้ลับออกมา

หลัวเทียนหยาทาบฝ่ามือลงบนลูกบอลคริสตัลนั้น ร่างของเขาสั่นสะท้าน ความอิจฉาตาร้อนฉายวาบในส่วนลึกของดวงตา “มันเป็นของล้ำค่าที่นักปราชญ์โบราณชิวอู๋ทิ้งไว้จริงๆ…ผมต้องบอกว่าน้องจางช่างโชคดีเหลือเกิน!”

“ฮ่าฮ่า ผมได้มันมาด้วยความบังเอิญหรอก เหตุผลที่น้อยคนในตระกูลหลัวสำเร็จความเข้าใจเรื่องแก่นสารของมิตินั้นไม่ใช่เพราะขาดความปราดเปรื่อง แต่เป็นเพราะมรดกตกทอดที่ถ่ายทอดกันมาหลายชั่วอายุคนนั้นขาดความสมบูรณ์” จางเซวียนอธิบายพร้อมกับหัวเราะหึๆ “ที่พระราชวังชิวอู๋แห่งนี้ ผมได้พบศาสตร์แห่งการปลดปล่อยมิติเทียบฟ้าที่นักปราชญ์โบราณชิวอู๋คิดค้นขึ้น วันนี้ผมจะมอบมันให้กับพี่หลัว ผมเชื่อว่ามีแต่เมื่อมันอยู่ในมือของพี่เท่านั้นที่จะก่อเกิดคุณค่าอย่างแท้จริง”

หลัวเทียนหยามองลูกบอลคริสตัลในมือของเขาและรีบส่ายหน้า “ผมจะรับของล้ำค่าขนาดนี้จากคุณได้อย่างไร?”

ไม่มีใครในทวีปแห่งปรมาจารย์ที่ไม่อยากได้มรดกตกทอดของนักปราชญ์โบราณ

แล้วชายหนุ่มมายื่นให้เขาง่ายๆแบบนี้…ของขวัญชิ้นนี้ล้ำค่าเกินกว่าที่เขาจะรับได้

ในเวลาเดียวกัน หลัวกั้นเจินกับผู้อาวุโสคนอื่นๆของตระกูลหลัวก็มองหน้ากันอย่างงงงัน

เป็นความจริงที่ว่ามรดกตกทอดของตระกูลหลัวมีต้นกำเนิดมาจากนักปราชญ์โบราณชิวอู๋ ดังนั้นหากพวกเขาได้ศาสตร์แห่งการปลดปล่อยมิติเทียบฟ้าฉบับสมบูรณ์มา ก็คงจะเพิ่มพูนความเข้าใจในกฎเกณฑ์แห่งมิติได้อีกมาก ต่อให้ไม่สามารถสำเร็จความเข้าใจเรื่องแก่นสารแห่งมิติได้ แต่ประสิทธิภาพการต่อสู้ก็คงเพิ่มสูงขึ้นอีกหลายขั้น

เพียงแต่…ทั้งสองตระกูลมีความขัดแย้งกันอยู่ อันที่จริง เหตุผลที่พวกเขามาเยือนที่นี่ก็เพื่อจะเล่นงานจางเซวียน แต่ไม่เพียงอีกฝ่ายจะไม่ใส่ใจความขุ่นเคืองของพวกเขา ยังถึงกับมอบของขวัญล้ำค่าให้ด้วย

ในตอนนั้น ฝูงชนพลันรู้สึกละอายใจกับการกระทำของตัวเอง

“อย่าเพิ่งรีบร้อนปฏิเสธเลยพี่หลัว ให้ผมพูดให้จบก่อน”

จางเซวียนเอาสองมือไพล่หลังไว้ สีหน้าของเขาเคร่งเครียด “ผมเชื่อว่าพี่หลัวคงได้ข่าวเรื่องการค้นพบภาพลวงตาของวิหารแห่งขงจื๊อที่ชูฝู่แล้ว ซึ่งตามข่าวนั้น ก็แน่นอนว่าวิหารของจริงคงจะปรากฏในอีกไม่ช้า!”

“ใช่” หลัวเทียนหยาพยักหน้า

“100 สำนักแห่งนักปราชญ์ได้พยายามเข้าท้าทายพวกเรา การเคลื่อนไหวของพวกเขานั้นมีเจตนาที่เห็นได้ชัดเจน คือหวังว่าจะได้เครื่องรางฟ้าประทานในตำนาน ครั้งนี้พวกเขาอาจล้มเหลว แต่ในเมื่อมีมรดกตกทอดของปรมาจารย์ขงเป็นเดิมพัน ก็ไม่มีทางที่พวกเขาจะล้มเลิกความตั้งใจง่ายๆ ในอนาคตอันใกล้นี้ คนเหล่านั้นคงจะพยายามทำอะไรบางอย่างอีก และที่สำคัญกว่านั้น ตระกูลจางของเรายังได้พบหลักฐานว่าผู้เชี่ยวชาญกลุ่มหนึ่งของเผ่าพันธุ์ปีศาจจากโลกอื่นได้ลักลอบเข้ามายังทวีปแห่งปรมาจารย์แล้ว อันที่จริง ผมได้ข่าวจากสภาปรมาจารย์สำนักงานใหญ่ว่าในเวลานี้ฮ่องเต้เผ่าพันธุ์ปีศาจผู้เป็นตำนานตัวนั้นก็อยู่ในหมู่พวกเรา!” จางเซวียนพูดอย่างเคร่งเครียด

“ตอนนี้มวลมนุษย์อยู่ในสภาวะที่ล่อแหลมมาก การอยู่รอดของพวกเราถือเป็นเดิมพัน หากพวกเราแต่ละตระกูลแยกกันต่อสู้ในช่วงเวลาคับขันแบบนี้ ก็คงจะเป็นหายนะไม่เพียงแต่กับตระกูลของพวกเรา แต่เป็นหายนะของมนุษย์ทั้งหมดด้วย ในเวลาแบบนี้ พวกเราไม่ควรแบ่งเป็นก๊กเป็นเหล่า เราควรรวมตัวกันเป็นหนึ่งและร่วมมือกันเอาชนะบททดสอบครั้งนี้ให้ได้ ไม่อย่างนั้น ผู้ที่จะได้หัวเราะเป็นคนสุดท้ายก็จะเป็นเผ่าพันธุ์ปีศาจจากโลกอื่น!”

ได้ยินคำนั้น หลัวเทียนหยาเงียบไป

“เหตุผลที่ 3 ตระกูลชั้นนำยืนหยัดอย่างแข็งแกร่งอยู่ได้ตลอดระยะเวลาหลายหมื่นปีก็เพราะพวกเราไม่ลังเลที่จะรวมตัวกันเมื่อต้องเผชิญกับข้าศึกที่แข็งแกร่งกว่า ผมรู้ว่าผมได้ทำผิดกับตระกูลหลัวของคุณเอาไว้มากเมื่อครั้งงานหมั้น แต่ผมไม่ได้มีเจตนาที่จะทำให้เหตุการณ์กลับกลายเป็นแบบนั้นเลย เรื่องของความรู้สึกนั้นบังคับกันไม่ได้!”

“ลั่วชิงกับผมได้สาบานเอาไว้ว่าจะใช้อนาคตร่วมกัน หากผมแต่งงานกับหยู่ชิงโดยที่หัวใจของผมไม่ได้อยู่กับเธอ ไม่ช้าไม่นานการแต่งงานก็คงจะกลายเป็นฝันร้าย ลงท้ายผมก็มีแต่จะทำให้ทั้งตัวเธอและตระกูลหลัวต้องผิดหวัง ผมรู้ดีว่าเป็นความผิดของผมที่จัดการเรื่องราวต่างๆอย่างไม่เหมาะสมและรู้สึกผิดอย่างมากที่ทำให้หยู่ชิงกับตระกูลหลัวต้องเจ็บปวดและทุกข์ทรมาน… เพราะฉะนั้น ได้โปรดรับเอาศาสตร์การปลดปล่อยมิติเทียบฟ้าและพระราชวังชิวอู๋นี้เป็นสัญลักษณ์แทนคำขอโทษของผมด้วย ผมต้องขอร้องพี่หลัวว่าอย่าปฏิเสธผมเลย ไม่อย่างนั้น เรื่องนี้จะตามหลอกหลอนผมไปชั่วชีวิต…” จางเซวียนพูด

“น้องจางช่างมีน้ำใจ ในเมื่อเป็นอย่างนั้น ผมก็จะไม่ปฏิเสธละนะ” หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง หลัวเทียนหยารับลูกบอลคริสตัลมาและเก็บไว้ในแหวนเก็บสมบัติ

…..

“มาคิดดูอีกที ก็ดูเหมือนเจ้าหนุ่มนั่นจะทำผิดพลาดโดยไม่ได้เจตนาเลยจริงๆ…”

“หากเขาเลือกที่จะแต่งงานกับองค์หญิงน้อยในวันนั้น ผมก็คงต้องแคลงใจแล้วล่ะ เพราะถ้าเขาทิ้งคนรักของตัวเองได้ ก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าต่อไปเขาก็คงทิ้งองค์หญิงน้อยได้เหมือนกัน!”

“พวกเราตีโพยตีพายกับเรื่องนี้เกินกว่าเหตุหรือเปล่า?”

“ขณะที่เราสนใจแต่เกียรติยศศักดิ์ศรีและชื่อเสียงของตัวเอง เขากลับมองไปที่ชะตากรรมของมวลมนุษย์และมีความคิดที่สูงส่งกว่าพวกเรามาก ช่างเป็นคนที่น่านับถือจริงๆ”

ฝูงชนจากตระกูลหลัวที่ซ่อนตัวอยู่ต่างเงียบไป ใบหน้าของพวกเขาแดงก่ำด้วยความละอาย

พวกเขาสนใจแต่กับเรื่องของตระกูลหลัวจนไม่ได้มองจากมุมมองอื่น ถ้าจางเซวียนเป็นคนไร้หัวใจจริงๆ ต่อให้เขาแต่งงานกับองค์หญิงน้อย แล้วเขาจะมอบความสุขให้เธอได้หรือ?

แน่นอนว่าไม่!

“ขอบคุณมาก พี่หลัว” จางเซวียนโค้งคำนับด้วยความสำนึกในบุญคุณ

“ผมจะแจ้งเจตนาของคุณให้ตระกูลหลัวรับทราบและอธิบายแทนคุณด้วย” หลัวเทียนหยาพูด ตอนนี้ เขาก้มหน้าลงครุ่นคิด ดูเหมือนกำลังตัดสินใจเรื่องสำคัญอะไรสักอย่าง จากนั้นก็ประสานมือและพูดว่า “น้องจาง มีบางอย่างที่ผมอยากจะขอร้องคุณ”

“พี่หลัวพูดมาเลย!” จางเซวียนเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ “ถ้าเป็นสิ่งที่ผมทำได้ ผมจะช่วยพี่อย่างเต็มที่!”

“มีบางอย่างที่ค้างคาใจผมมานานแล้ว และผมคิดว่าถึงเวลาที่ควรจะทําให้มันจบสิ้นเสียที ไม่ว่าผมจะประสบความสำเร็จหรือไม่ ก็ดูเหมือนว่าต่อไปผมคงไม่อาจกลับสู่ตระกูลหลัวได้อีก ถึงผมจะเพิ่งเข้ารับตำแหน่งหัวหน้าตระกูลหลัวได้เพียงไม่กี่วัน แต่ก็ไม่อยากเห็นตระกูลหลัวต้องเสื่อมถอยหากผมหายตัวไป…” หลัวเทียนหยาพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

“ดูเหมือนว่าคุณไม่อาจกลับสู่ตระกูลหลัวได้อีก? พี่หลัว คุณตั้งใจจะเข้าสู่อาณาจักรโบร่ำโบราณ หรือจะไปล้างแค้น? หากคุณต้องการความช่วยเหลือล่ะก็ แค่บอกผมมาคำเดียว…” จางเซวียนชะงักและรีบตอบหลัวเทียนหยา

“น้องจาง ผมขอบคุณในเจตนาดีของคุณ แต่นี่เป็นธุระส่วนตัวของผม ผมจำเป็นต้องจัดการด้วยตัวเอง แม้เส้นทางที่ผมพูดถึงอาจลงเอยด้วยความตาย แต่ผมก็เต็มใจที่จะเดินไปตามเส้นทางนั้น!” หลัวเทียนหยาส่ายหน้าและตอบอย่างเด็ดเดี่ยว “เรื่องที่ผมอยากฝากฝังให้น้องจางช่วยเหลือน่ะไม่ใช่เรื่องนั้นหรอก”

จางเซวียนขมวดคิ้ว

หลัวเทียนหยาสูดหายใจลึกก่อนจะสะบัดข้อมือและนำตราสัญลักษณ์อันหนึ่งออกมา มันคือตราสัญลักษณ์หัวหน้าตระกูลหลัว

“น้องจาง ผมหวังว่าคุณจะรับตำแหน่งหัวหน้าตระกูลหลัวแทนผม!”

“คุณอยากให้ผมรับตำแหน่งหัวหน้าตระกูลหลัว?” จางเซวียนตัวสั่นด้วยความประหลาดใจ เขารีบโบกมือและร้องออกมา “ผมจะทำแบบนั้นได้อย่างไร?”

Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร

Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร

LOHP, Thiên Đạo Đồ Thư Quán, Tian Dao Tu Shu Guan, 天道图书馆
Score 7.4
Status: Completed Type: Author: , Released: 2016 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชรจางเซวียนข้ามไปอีกโลกหนึ่งโดยบังเอิญ ตื่นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองกลายเป็นครูไปเสียแล้ว ซ้ำยังเป็นครูที่ไม่เก่งและกำลังจะถูกไล่ออกอีกด้วย ทว่าจางเซวียนกลับพบความลับอันยิ่งใหญ่ของร่างใหม่ร่างนี้ นั่นก็คือ… เขามีสมองเพชร! ในสมองของครูหนุ่มคนนี้แอบซ่อน ‘หอสมุด’ ขนาดใหญ่ไว้ด้านใน ไม่ว่าอะไรก็ตามที่จางเซวียนเห็น ไม่ว่าจะเป็นคนหรือสิ่งของ ล้วนถูกเก็บสู่คลังหนังสือในรูปแบบของสมุดเล่มหนึ่ง ก็ถ้าในเมื่อมีไอเท็มสุดยอดนี้อยู่กับตัวแล้ว ใครยังจะกล้าเรียกเขาว่าครูกระจอกอีก?!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset