ส่วนจางเซวียน เมื่อเห็นบรรดาศิษย์สายตรงของเขาเติบโตขึ้นมากตลอด 1 เดือนที่ผ่านมา ก็พยักหน้าอย่างพอใจและพูดว่า “ลุกขึ้นเถอะ!”
เด็กๆไม่ทำให้เขาผิดหวัง เวลาหลายปีที่เขาใช้ไปกับการสั่งสอนและให้คำชี้แนะไม่ได้สูญเปล่า
“ท่านอาจารย์ ผมรู้มาว่าในทะเลท่วมท้นแห่งนี้มีผู้เชี่ยวชาญที่ทรงพลังมากคนหนึ่งซึ่งใช้ชื่อว่าราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติแห่ง 9 น่านฟ้า คุณได้พบเขาหรือยัง?” เจิ้งหยางถามขณะเก็บหอกไว้แนบลำตัว
“มีอะไรหรือ?” จางเซวียนถามพร้อมกับขมวดคิ้ว
“ตลอดสองสามวันมานี้ ผมได้ฟังจากบรรดาจอมราชันย์ว่าเขาทรงพลังขนาดไหน จึงอยากท้าดวลกับเขาเพื่อพิสูจน์ชื่อเสียงของท่านอาจารย์!” เจิ้งหยางประกาศอย่างห้าวหาญ
ได้ยินคำนั้น จางเซวียนเกือบสำลัก เขามองเจิ้งหยางครู่หนึ่งก่อนจะถามย้ำ “คุณแน่ใจหรือ?”
“ผมแน่ใจ!” เจิ้งหยางตอบหนักแน่น
คนอื่นๆต่างก็พยักหน้าอย่างพร้อมเพรียง แสดงความเห็นชอบกับคำประกาศศักดาของเจิ้งหยาง
มีแต่จ้าวหย่าที่ยกมือปิดหน้าไว้และไม่พูดอะไร ราวกับพยายามจะทำเป็นไม่รู้จักเจ้าโง่ทั้งหลายที่ยืนเรียงรายอยู่ข้างเธอ
“ก็ได้ ถ้าอย่างนั้นพวกคุณเข้ามาหาผมพร้อมๆกันเลย” จางเซวียนพูดขณะเอามือไพล่หลังไว้ข้างหนึ่ง “แค่นิ้วเดียวก็พอ”
บรรดาศิษย์สายตรงของจางเซวียนพากันงุนงงกับคำพูดของท่านอาจารย์ ทุกคนอึ้งไปครู่หนึ่งก่อนจะพลันนึกได้ ต่างคนต่างอ้าปากค้าง
จ้าวหย่ากระซิบเสียงแหบพร่าใส่หูหยวนเทาที่ดูจะยังบื้อใบ้กับสิ่งที่เกิดขึ้น “ท่านอาจารย์ของพวกเราคือราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติแห่ง 9 น่านฟ้า…”
“….”
เกิดความเงียบงันน่ากระอักกระอ่วนชั่วครู่ก่อนที่เจิ้งหยางจะหัวเราะเจื่อนๆ “ฮ่าฮ่าฮ่า ท่านอาจารย์ ผมสงสัยเหลือเกินว่าใบบัวซึ่งเป็นของล้ำค่าที่อยู่ตรงนั้นน่ะคืออะไร ผมดูอย่างไรก็ไม่เข้าใจเลย ฮ่าฮ่าฮ่า…”
หากพวกเขารู้ว่าท่านอาจารย์คือราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติแห่ง 9 น่านฟ้า จะไม่มีวันกล้าพูดจาคำโตแบบนั้นเด็ดขาด!
นับตั้งแต่พวกเขาเข้ารับการชี้แนะของท่านอาจารย์ เมื่อไหร่ก็ตามที่คิดว่าตัวเองแข็งแกร่งกว่าเดิมแล้ว ท่านอาจารย์ก็จะจัดการซ้อมพวกเขาอย่างหนักและกำจัดความอวดดื้อถือดีของทุกคนออกไป
ถึงทุกคนจะเติบโตและก้าวหน้าไปมากตลอด 1 เดือนที่ผ่านมา แต่สัญชาตญาณก็ตะโกนก้องบอกพวกเขาว่าหากต้องสู้กับท่านอาจารย์จริงๆล่ะก็ คงถูกซ้อมยับเยินเสียจนแทบจะร้องขอชีวิต
จางเซวียนยิ้มอ่อนและพูดออกมา “ใบบัวที่อยู่ตรงนั้นน่ะสะดุดตาจริงๆ แต่อย่าเพิ่งเปลี่ยนเรื่องที่เรากำลังจะทำดีกว่า ตกลงไหม?”
เมื่อความพยายามเบี่ยงเบนความสนใจของท่านอาจารย์ไม่ได้ผล เจิ้งหยางหน้าเสียขณะร่ำร้อง “ผมไม่กล้าท้าดวลกับท่านอาจารย์หรอก…”
“ไม่ต้องเกรงอกเกรงใจหรอกน่ะ เริ่มกันเลย” จางเซวียนตอบ
…..
ขณะที่จางเซวียนกับเหล่าศิษย์สายตรงของเขากำลังเฉลิมฉลองการกลับมาเจอกันอีกครั้งด้วยการผสมผสานกันระหว่างการใช้กำลังและเสียงกรีดร้องโหยหวนด้วยความปีติยินดี ใบบัวที่อยู่กลางอากาศก็พลันเสียงระเบิดดังสนั่น
ใบของมันแก่จัดแล้ว และกำลังเปล่งแสงที่เจิดจ้าจนแสบตา
พลังจิตวิญญาณเข้มข้นเป็นสายไหลออกจากใบบัว แค่ซึมซับมันสักเล็กน้อยก็เกินพอจะทำให้ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นสดชื่นกระชุ่มกระชวย
ทุกคนหันขวับไปมองใบบัวทันที
ไม่เหมือนกับคราวก่อน อักษรจารึกใหม่ปรากฏบนใบบัว ให้ความรู้สึกของความเก่าคร่ำโบร่ำโบราณที่แสนจะน่าพิศวง
“นั่นมัน…แผนที่ที่แสดงสภาพภูมิประเทศและกลุ่มดาวของทั้ง 9 น่านฟ้า?” จางเซวียนตาโตด้วยความอัศจรรย์ใจ
เขาเคยเห็นแผนที่ที่แสดงสภาพภูมิประเทศและกลุ่มดาวของน่านฟ้าแห่งจิตวิญญาณต้นกำเนิด น่านฟ้าแห่งจิตวิญญาณเร่ร่อน และน่านฟ้าหลิงหลงแล้ว ซึ่งพวกมันก็ถูกจารึกไว้บนใบบัวขนาดมหึมาใบนี้
จางเซวียนดูออกว่าใบบัวเป็นของล้ำค่าตามธรรมชาติของสรวงสวรรค์ แต่กลับถือกำเนิดมาพร้อมกับแผนที่ที่สมบูรณ์แบบของทั้ง 9 น่านฟ้า เรื่องนี้ซับซ้อนมาก
ไม่เพียงเท่านั้น เรายังรู้สึกได้ถึงรังสีของ 9 น่านฟ้าด้วย ใบบัวนั่นคืออะไรกันแน่? จางเซวียนงุนงง
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าใบบัวคือทรัพย์สมบัติที่เหนือชั้นกว่าทรัพย์สมบัติชิ้นไหนๆที่เขาเคยเห็น หากได้ซึมซับมัน ระดับวรยุทธจะต้องเพิ่มสูงขึ้นอีกมาก
ต่อให้การฝ่าด่านวรยุทธไปเป็นจอมราชันย์ก็คงไม่ไกลเกินเอื้อม
“ตอนนี้แหละ!”
จู่ๆ ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติหลิวเหยียนก็ตวาดก้องก่อนจะพุ่งเข้าหาใบบัว
เขารู้ดีว่าย่อมไม่มีโอกาสแน่หากจางเซวียนกับพรรคพวกลงมือ จึงชิงจัดการเสียก่อน
ขอแค่เขาได้ใบบัวมา ก็จะรีบกลับไปยังอาณาบริเวณรอบนอกของทะเลท่วมท้นและแจ้งจอมราชันย์จัวหยางให้ส่งเขาทะลุมิติกลับไปทันที ซึ่งหากเป็นอย่างนั้น ต่อให้จางเซวียนจะทรงพลังแค่ไหน ก็ไม่มีทางฉกฉวยใบบัวไปจากมือของจอมราชันย์ได้
ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติคนอื่นๆก็เริ่มลงมือ พวกเขารีบใช้พละกำลังถักทอตาข่ายขนาดใหญ่เพื่อคลุมใบบัวไว้ ด้วยวิธีนี้ ก็จะแน่ใจได้ว่าจะไม่มีใครคว้าใบบัวตัดหน้าไป
“ท่านอาจารย์!”
เมื่อเห็นว่ามีคนพยายามตัดหน้า จ้าวหย่ากับเจิ้งหยางเลิกคิ้วอย่างหงุดหงิด
การที่ท่านอาจารย์ถูกตัดหน้าก็เป็นเรื่องหนึ่ง แต่พวกเขาจะไม่ยอมปล่อยให้ทรัพย์สมบัติที่น่าจะมีประโยชน์กับท่านอาจารย์ถูกแย่งชิงไปต่อหน้าต่อตา
“พวกนั้นนำใบบัวไปไม่ได้ง่ายๆหรอก รอดูก่อนเถอะ” จางเซวียนพูดขณะห้ามบรรดาลูกศิษย์ของเขาไม่ให้เข้าไปยุ่ง
เขายังบอกไม่ได้ว่าใบบัวนี้เป็นของล้ำค่าชนิดไหน แต่เท่าที่เห็นจากอักษรจารึกและรังสีของ 9 น่านฟ้าที่มันแผ่ออกมา ก็ชัดเจนว่ามันไม่ใช่ของล้ำค่าที่ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติธรรมดาๆเพียงไม่กี่คนจะรับมือได้
เป็นอย่างที่จางเซวียนคาดไว้ ขณะที่ตาข่ายขนาดมหึมากำลังจะคลุมใบบัว ใบบัวก็โงนเงนไปมา เล็กน้อย มิติที่อยู่โดยรอบแหลกสลายไปทันที
ฟึ่บ!
คลื่นความสั่นสะเทือนของมิติแผ่ซ่านออกไปโดยรอบ
ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติรุ่นเก๋าที่รวมตัวกันอยู่รอบใบบัวถูกโจมตีเข้าอย่างจังที่หน้าอก เกิดบาดแผลสาหัสทั่วร่างของพวกเขา ทุกคนถูกสอยกระเด็นไปไกลขณะกระอักเลือดออกมา
“น่ากลัวจริงๆ…” เจิ้งหยางกับคนอื่นๆหรี่ตาอย่างตกตะลึง
แม้ประสิทธิภาพการต่อสู้ของพวกเขาจะเหนือชั้นกว่าราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติรุ่นเก๋าพวกนั้น แต่ก็ไม่แน่ใจว่าจะรับไหวหรือไม่หากต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีอย่างที่เห็น
นั่นคือความทรงพลังของใบบัว
เห็นภาพนั้น จ้าวหย่ามองบรรดาศิษย์น้องของเธอ “พวกเราไปกันเถอะ!”
“ได้!”
ศิษย์สายตรงทั้ง 11 คนของจางเซวียนพยักหน้ารับอย่างหนักแน่น ต่างคนต่างสูดหายใจลึกก่อนจะพร้อมใจกันพุ่งเข้าหาใบบัว
ไม่เหมือนกับราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติรุ่นเก๋า การทำงานเป็นทีมของพวกเขาแทบจะเรียกได้ว่าไร้ที่ติ ในชั่วพริบตา ทุกคนก็เข้าประจำตำแหน่งที่ก่อเกิดเป็นค่ายกลผนึกกำลัง
การรวมพลังของพวกเขาแข็งแกร่งถึงขนาดรับมือได้แม้แต่กับจอมราชันย์ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ
เพราะไม่อาจต้านทานพละกำลังของจ้าวหย่ากับพรรคพวก มิติที่อยู่โดยรอบเริ่มฉีกขาด พายุแห่งมิติขนาดใหญ่พัดวู่หวิวอยู่รอบใบบัว
ใบบัวดูเหมือนจะได้รับความกดดันเล็กน้อยเมื่อต้องเจอกับการโจมตีที่แสนดุเดือดและกราดเกรี้ยว มันเริ่มขยายขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆจนแทบจะใหญ่เท่ากับท้องฟ้า จากนั้นก็บิดตัว แล้วกวาดบรรดานักรบที่ยืนประจันหน้ากับมันออกไป
“แย่แล้ว…”
จางเซวียนหรี่ตาด้วยความตกใจ เขารีบชักดาบสวรรค์สีเลือดออกมาแล้วฟันฉับลงไปที่ใบบัว
กระแสดาบฉีที่มีเจตจำนงแข็งกล้าและเด็ดเดี่ยวพุ่งเข้าใส่ใบบัวนั้น แต่ขณะที่กำลังจะถึงเป้าหมาย ใบบัวก็ส่ายไหวอีกครั้ง
…..
ในชั่วพริบตา จางเซวียนพลันรู้สึกได้ถึงสภาวะไร้น้ำหนัก มิติที่อยู่รอบตัวเขาหดตัวเข้าหากันด้วยความเร็วอันน่าทึ่ง เขาพบว่าตัวเองมายืนอยู่ที่ใจกลางทุ่งหญ้าเขียวชอุ่ม
มันคือทุ่งหญ้าที่กว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา
“เรา…กลับมาถึงสรวงสวรรค์แล้วหรือ?” จางเซวียนถึงกับผงะ
พื้นดินที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าของเขาให้ความรู้สึกแตกต่างจากทะเลท่วมท้น และเขาก็สัมผัสได้ถึงรังสีแห่ง 9 น่านฟ้าที่โอบล้อมอยู่โดยรอบ
ดูเหมือนเขาจะกลับมาถึงสรวงสวรรค์แล้ว
“ไม่หรอก ต้องไม่ใช่แน่ เราเข้าสู่สรวงสวรรค์ที่จารึกอยู่บนผิวหน้าของใบบัวต่างหาก!”
จางเซวียนรู้สึกได้ทันทีว่ามีบางอย่างผิดปกติ
สรวงสวรรค์ปิดอยู่ก็จริง แต่ไม่ได้แยกตัวออกไป สรวงสวรรค์ที่แท้จริงยังมีความเชื่อมโยงกับโลกใบอื่นๆที่เหลือ เพียงแต่เขาไม่รู้สึก
เมื่อพิจารณาดูให้ดี พื้นที่ตรงนี้ก็ยังแตกต่างกับสรวงสวรรค์ที่แท้จริงอยู่มาก
“ท่านอาจารย์…” เสียงหนึ่งดังขึ้นไม่ห่างออกไป
จางเซวียนหันขวับ เห็นจ้าวหย่ากับคนอื่นๆบินเข้ามา
โชคดีที่ดูเหมือนพวกนั้นจะไม่ได้รับบาดเจ็บ เขาแอบถอนหายใจอย่างโล่งอก
จางเซวียนเขม้นมองท้องฟ้า จากนั้นก็เอ่ยอย่างเคร่งเครียด “มีบางอย่างแปลกๆเกี่ยวกับใบบัวนี้ คิดดูสิว่ามันมีมิติที่กว้างใหญ่พอๆกับทั้ง 9 น่านฟ้าอยู่ภายใน แถมยังดึงพวกเราเข้ามาที่นี่ได้อย่างง่ายดาย…”
การที่พวกเขาผนึกกำลังกันทำให้แข็งแกร่งพอจะรับมือได้แม้แต่กับจอมราชันย์ แต่ก็อับจนหนทางเมื่อต้องเผชิญหน้ากับใบบัว
ของล้ำค่าชนิดไหนกันที่มีประสิทธิภาพการต่อสู้ล้ำลึกเกินหยั่งขนาดนี้?
“จะต้องมีข้อบกพร่องอยู่ตรงไหนสักแห่ง…”
จางเซวียนรีบสำรวจโดยรอบ แต่ไม่พบทางออก เขาเงื้อดาบสวรรค์สีเลือดในมือแล้วฟันฉับลงไปที่พื้นดิน
ถ้าไม่มีทางออกให้เห็น เส้นทางที่เป็นไปได้มากที่สุดก็น่าจะเป็นพื้นดิน
ถึงใบบัวจะมีพละกำลังมหาศาล แต่จางเซวียนก็ไม่คิดว่ามันจะต้านทานการโจมตีด้วยพละกำลังเต็มพิกัดของเขาได้
จางเซวียนรวบรวมทั้งพลังจิตวิญญาณและพลังจากกายเนื้อเข้าสู่ดาบสวรรค์สีเลือด จากนั้นก็ฟันลงไปเต็มแรง
ฟึ่บ!
กระแสดาบฉีทำให้พื้นดินเกิดรอยร้าวขนาดใหญ่ พลังจิตวิญญาณรั่วไหลออกมาจากบริเวณนั้นทันที จางเซวียนกับเหล่าศิษย์สายตรงของเขากระโจนเข้าไปในรอยแยกอย่างไม่ลังเล ครู่ต่อมา ใบหน้ากระวนกระวายของหลัวฉีฉีก็ปรากฏตรงหน้าพวกเขา
“พวกคุณเป็นอะไรหรือเปล่า?” หลัวฉีฉีถามอย่างเป็นห่วง
จางเซวียนพยักหน้าก่อนจะพูดสิ่งที่เขาคิดออกมาดังๆ “ผมไม่เข้าใจเลย มันเป็นของล้ำค่าชนิดไหนกัน?”
“ฉันก็ไม่แน่ใจ แต่ฉันคิดว่าได้ยินราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติรุ่นเก๋าพวกนั้นเรียกมันว่า…ใบบัว 9 น่านฟ้า!” หลัวฉีฉีตอบ
เธออยู่ตรงนั้นตลอด จึงได้ยินการพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นของเหล่าราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติรุ่นเก๋า
“ใบบัว 9 น่านฟ้า?”
จางเซวียนชะงักไป
ชื่อหนึ่งที่คุ้นหูผุดขึ้นในหัวสมองของเขาขณะที่พึมพำออกมา “ต้นอ่อนบัว 9 น่านฟ้า?”