“วิธีเดียวที่จะทำให้ท่านพ่อของฉันฟื้นคืนสติก็คือการรวบรวมเศษเสี้ยวที่กระจัดกระจายให้กลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้ง ก็เพราะเหตุผลนั้นที่ทำให้ฉันตั้งใจมุ่งมั่นว่าจะผิดพลาดไม่ได้ ฉันลงสู่ทวีปแห่งประมาจารย์เพื่อศึกษามหาคัมภีร์แห่งฤดูใบไม้ผลิกับฤดูใบไม้ร่วง หาวิธีที่จะเอาชนะปรมาจารย์ขง ซึ่งก่อนที่ฉันจะต่อสู้กับปรมาจารย์ขง ก็ได้ฝากฝังเรื่องนี้ไว้กับเขา หวังว่าเขาจะช่วยชีวิตของท่านพ่อแทนฉันได้หากฉันแพ้ดวล” หลัวลั่วชิงอธิบาย
จางเซวียนพยักหน้า
ตั้งแต่ทั้งคู่พบกันในทวีปแห่งปรมาจารย์ได้ไม่นาน หลัวลั่วชิงก็บอกเขาว่าเธอกำลังหาทางช่วยชีวิตญาติสนิทคนหนึ่ง แต่หลังจากนั้นก็ไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้อีกเลย สุดท้ายจางเซวียนจึงหลงลืมไป
เท่าที่เห็น ดูเหมือนผู้ที่เธอต้องการช่วยชีวิตก็คือท่านพ่อของเธอซึ่งเป็นสวรรค์ของสรวงสวรรค์แห่งนี้นี่เอง
ว่าแต่…เป็นไปได้ด้วยหรือที่สวรรค์จะกลายร่างเป็นมนุษย์และให้กำเนิดเด็กคนหนึ่งได้?
จางเซวียนรู้สึกว่าคำพูดของเธอออกจะแปลกๆ จึงตั้งคำถาม “เมื่อครู่นี้คุณบอกว่าคุณคือผู้ดูแลสภาวะตามธรรมชาติของสรวงสวรรค์…นั่นหมายความว่าคุณไม่ได้มีเศษเสี้ยวของสรวงสวรรค์อยู่ในตัวใช่ไหม?”
การเป็นผู้ดูแลเศษเสี้ยวสวรรค์ย่อมต่างจากการครอบครองเศษเสี้ยวสวรรค์ไว้เอง
“ตอนนี้ฉันแค่ควบคุมดูแลมันเท่านั้น มันไม่ได้เป็นของฉันหรอก” หลัวลั่วชิงตอบ
ได้ยินคำนั้น จางเซวียนถอนหายใจอย่างโล่งอก
นั่นหมายความว่าขอแค่เขานำมลทินสวรรค์ออกจากตัวได้ ทุกอย่างก็จะคลี่คลาย หลัวลั่วชิงไม่จำเป็นต้องสละชีวิต
แน่นอนว่าจางเซวียนไม่อยากตาย แต่ก็ไม่อยากให้สาวน้อยที่อยู่ตรงหน้าเขาต้องเป็นอันตรายมากกว่านี้
“เพราะฉะนั้น ถ้าผมกำจัดมลทินสวรรค์ออกจากตัวได้ ท่านพ่อของคุณจะฟื้นและช่วยคลี่คลายวิกฤติครั้งนี้ได้ใช่ไหม?” จางเซวียนถาม
“คือ…ฉันก็ยังไม่แน่ใจ” หลัวลั่วชิงตอบอย่างลังเลขณะมองสรวงสวรรค์รอบตัวที่กำลังพังทลาย
เธอไม่แน่ใจว่าท่านพ่อของเธอ, ในฐานะผู้เป็นสวรรค์ของสรวงสวรรค์ จะฟื้นคืนสติได้จริงหรือไม่ในสภาพที่สรวงสวรรค์ถูกทำลายจนยับเยินแบบนี้ หรือต่อให้ท่านพ่อฟื้นคืนสติได้จริง…แล้วเขาจะมีพละกำลังมากพอที่จะเล่นงานไอ้โหดผู้ทรงพลังหรือเปล่า?
แม้เธอจะเห็นท่านพ่อเป็นความหวังสูงสุด แต่ก็ยังไม่แน่ใจ
“ดูเหมือนคุณจะยังไม่แน่ใจนะ ถ้าอย่างนั้นล่ะก็ ผมคิดว่าเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นทางเลือกสุดท้ายดีกว่า พึ่งพาตัวเองย่อมปลอดภัยกว่ารอโชคชะตา มาวางแผนด้วยกันเถอะ!” จางเซวียนพูด “มีคุณ มีผม ตัวโคลน เก้าจอมราชันย์ และปรมาจารย์ขง…ผมไม่เชื่อหรอกว่าพวกเราจะเอาชนะไม่ได้!”
“ปรมาจารย์ขง? แต่เขา…” หลัวลั่วชิงขมวดคิ้ว
“ปรมาจารย์ขงตายไปแล้ว-คุณกำลังจะพูดแบบนั้นใช่ไหม? เขายังไม่ตายหรอก เท่าที่ผมรู้ การที่เขาเสียชีวิตตอนที่ดวลกับคุณเป็นเพียงการปลดปล่อยตัวเขาจากข้อบังคับของสรวงสวรรค์เท่านั้น เขาอาจเหมือนเว่ยชางเฟิงก็เป็นได้ คือถือกำเนิดมาพร้อมกับตัวอ่อนของจิตวิญญาณ” จางเซวียนพูด
หลังจากได้พบเว่ยชางเฟิง ในที่สุดจางเซวียนก็เข้าใจว่าปัจจัยที่จะทำให้ปรมาจารย์ขงรักษาจิตใต้สำนึกเดิมไว้ได้คืออะไร ถ้าอีกฝ่ายถือกำเนิดมาพร้อมกับตัวอ่อนของจิตวิญญาณเช่นกัน ต่อให้ฟื้นคืนจากความตายอีกครั้ง ก็จะยังไม่สูญเสียจิตใต้สำนึกเดิม
ด้วยกลวิธีต่างๆที่ปรมาจารย์ขงจัดเตรียมไว้สำหรับเรื่องนี้ ไม่ช้าไม่นานเขาก็คงฟื้นคืนชีพ
ได้ยินคำนั้น หลัวลั่วชิงถึงกับผงะ เธอคิดไม่ถึงว่าปรมาจารย์ขงจะเตรียมการล่วงหน้าขนาดนี้
“ได้เห็นเมื่อไหร่ก็จะรู้เอง ถ้าผมเข้าใจไม่ผิด ตอนนี้เขาน่าจะกลับมาแล้ว ไม่อย่างนั้น บรรดาศิษย์สายตรงของเขาคงไปที่ทะเลท่วมท้นแล้วล่ะ”
ด้วยความอลหม่านวุ่นวายครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้น ต่อให้นักปราชญ์โบราณจื่อหยวนกับคนอื่นๆจะมีความแข็งแกร่งไม่เท่าเหล่าจอมราชันย์ แต่พวกเขาก็คงไปที่ทะเลท่วมท้นเพื่อยื่นมือเข้าช่วยเหลือแล้ว
การที่ทุกคนนิ่งเงียบย่อมหมายความว่ามีเรื่องบางอย่างที่สำคัญกว่าที่พวกเขาต้องทำ ซึ่งเรื่องสำคัญเรื่องนั้นก็น่าจะเกี่ยวข้องกับการกลับมาของปรมาจารย์ขง
“อ๋อ…” หลัวลั่วชิงตาโตเมื่อพลันเข้าใจ เธอรู้สึกว่าคำพูดของจางเซวียนสมเหตุสมผลดี
“ไปกันเถอะ!”
จางเซวียนกระดิกนิ้ว จากนั้นก็เปิดรอยแยกแห่งมิติที่นำไปสู่บริเวณที่ปรมาจารย์ขงจากไป เมื่อทะลุมิติไปถึงอีกฟาก ไม่ช้าก็เห็นชายชราคนหนึ่งลอยตัวอยู่กลางอากาศ
เห็นทั้งสองคนมาถึง ชายชราผู้นั้นกล่าวทักทายพร้อมกับยิ้มให้ “พวกคุณอยู่นี่เอง”
จะเป็นใครอื่นได้นอกจากปรมาจารย์ขง?
ครูบาอาจารย์ของโลกกลับมาแล้ว!
เป็นอย่างที่จางเซวียนคาดไว้ เขาฟื้นคืนชีพอย่า.เงียบๆขณะที่ทุกคนกำลังวุ่นวายอยู่กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในทะเลท่วมท้น
“คุณ…” หลัวลั่วชิงตาโตด้วยความอัศจรรย์ใจ
เธอพอรู้ว่าปรมาจารย์ขงเตรียมการเพื่อการฟื้นคืนชีพไว้แล้ว แต่ไม่คิดว่าเขาจะกลับมาได้เร็วขนาดนี้!
“ผมปกปิดบางอย่างไว้จากสรวงสวรรค์” ปรมาจารย์ขงพูดยิ้มๆ “อย่างแรก ผมทิ้งรอยประทับของจิตวิญญาณไว้ที่สระบาดาลตั้งแต่หลายสิบปีก่อนเพื่อสะสมกระแสจิตปรารถนา ทั้งหมดก็เพื่อช่วงเวลานี้นี่แหละ ตอนที่เราดวลกัน ผมถือโอกาสจากการตายของผมปลดปล่อยตัวเองให้เป็นอิสระจากข้อบังคับของสรวงสวรรค์ แต่ผลจากการทำแบบนั้นก็คือทั้งกายเนื้อและจิตวิญญาณของผมถูกทำลาย ใช้เวลาหลายวันเหมือนกันกว่าจะฟื้นคืนสภาพเดิมได้”
ด้วยความเชี่ยวชาญในการควบคุมกฎเกณฑ์ของการเวลา แม้ในสรวงสวรรค์จะเพิ่งผ่านไปเพียงไม่กี่วัน แต่ในความเป็นจริง เวลาของปรมาจารย์ขงอาจผ่านไปแล้วถึงหลายสิบปี
เมื่อหายตกตะลึงกับการฟื้นคืนชีพของปรมาจารย์ขง หลัวลั่วชิงส่ายหน้า “พวกเราแข็งแกร่งทรงพลังก็จริง แต่ฉันคิดว่าถึงอย่างไรการเอาชนะไอ้โหดก็ไม่ง่าย…”
ก่อนหน้านี้ ทุกคนผนึกกำลังกันแล้ว แต่ก็ยับยั้งไอ้โหดไม่ได้ ต่อให้มีปรมาจารย์ขงมาเสริม ก็จะทำให้เกิดความแตกต่างได้จริงหรือ?
ทุกอย่างน่าจะเหมือนเดิมมากกว่า!
“ผมเห็นด้วยกับที่คุณพูด ต่อให้เราผนึกกำลังกัน ก็ไม่น่าจะเทียบชั้นกับอีกฝ่ายได้อยู่ดี แต่ถ้าถ่ายทอดพละกำลังของพวกเราทุกคนให้กับคนคนหนึ่งล่ะ?” ปรมาจารย์ขงถามยิ้มๆ
“ถ่ายทอดพละกำลังของพวกเราทุกคนให้กับคนคนหนึ่ง?”
ทั้งหลัวลั่วชิงและจางเซวียนสับสนเล็กน้อยกับข้อเสนอของปรมาจารย์ขง
“ฝ่ามือจากเมื่อ 50 ปีที่แล้วน่ะสามารถฉีกกระชากสรวงสวรรค์และทำลายทุกอย่างจนสิ้นซาก” ปรมาจารย์ขงพูด “จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันมีพละกำลังมหาศาล ยิ่งใหญ่เกินกว่าที่พวกเราจะรับมือไหว แต่ไอ้โหดซึมซับพลังเหล่านั้นเข้าไปทั้งหมด รวมทั้งพลังจิตวิญญาณที่มีอยู่ในสรวงสวรรค์ตลอด 50 ปีที่ผ่านมาด้วย หากเราสู้กับเขาด้วยวิธีการธรรมดา ไม่มีทางเอาชนะเขาได้แน่”
“แต่หากพวกเราถ่ายทอดพละกำลังทั้งหมดที่มีเข้าสู่ร่างของใครคนหนึ่ง ก็อาจเปลี่ยนแปลงทุกอย่างได้!”
“แล้วเราจะทำแบบนั้นได้อย่างไร?” หลัวลั่วชิงถาม
สำหรับเรื่องแบบนี้ การพูดย่อมง่ายกว่าลงมือทำมาก
เหล่าจอมราชันย์คือบุคคลผู้แข็งแกร่งที่สุดในโลกแล้ว ซึ่งหากการซึมซับพละกำลังของคนอื่นมันง่ายดายแบบนั้น วรยุทธของเธอคงไม่ชะงักงันตลอดหลายปีที่ผ่านมา
“ที่ผมคิดไว้น่ะง่ายนิดเดียว พวกเราจะถ่ายทอดพละกำลังทั้งหมดที่มีให้กับจางเซวียนและทำให้เขาแข็งแกร่งเกินขีดจำกัดของความเป็นจอมราชันย์ ซึ่งหากทำสำเร็จ เขาก็จะช่วยชีวิตสรวงสวรรค์ได้” ปรมาจารย์ขงพูด
“ผม?” จางเซวียนผงะ “ทำไมต้องเป็นผมด้วย?”
“จอมราชันย์หลินชีฝึกฝนวรยุทธที่มีแนวคิดของความเป็นอิสระ, สภาวะที่อยู่เหนือธรรมชาติและความปรารถนาทั้งปวง แต่เธอก็ยังถูกผูกมัดไว้ด้วยท่านพ่อของเธอและสรวงสวรรค์ ทั้งยังมีใครบางคนที่เธอปรารถนา ดังนั้นจึงไม่อาจพัฒนาวรยุทธให้เหนือชั้นไปกว่านี้ได้แล้ว” ปรมาจารย์ขงอธิบาย
เขาหันไปถามหลัวลั่วชิง “ถ้าผมเข้าใจไม่ผิด ระหว่างที่เราดวลกันบนดวงจันทร์ คุณเคยคิดจะละทิ้งทุกอย่างและยอมตายด้วยน้ำมือของผมใช่ไหม?”
หลัวลั่วชิงพูดไม่ออก
ความคิดแบบนั้นเคยแวบเข้ามาในหัวสมองของเธอระหว่างที่ทั้งคู่ดวลกันอยู่ ก็เพราะเหตุผลนั้นที่ทำให้ทั้งตัวเธอและปรมาจารย์ขงยั้งมือโดยไม่รู้ตัว กลายเป็นการดวลธรรมดาสามัญแทนที่จะเป็นการดวลแบบชี้เป็นชี้ตาย
“ผู้ที่ไม่อาจก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเองไปได้ก็จะไม่มีวันได้อยู่เหนือธรรมชาติ คุณไม่อาจก้าวพ้นขีดจำกัดของจอมราชันย์ได้หรอก ต่อให้ซึมซับพลังจิตวิญญาณมากแค่ไหนก็ตาม ส่วนผม…”
ปรมาจารย์ขงถอนหายใจเฮือกใหญ่ “ผมคือคนทะเยอทะยานและละโมบโลภมาก ผมอยากมอบแสงสว่างให้กับโลกใบนี้ แต่ไม่ต้องการให้ใครสละชีวิตเพื่อผมในระหว่างกระบวนการนั้น ผมมีความเมตตากรุณามากมายเกินไป และนั่นคือข้อบกพร่อง ถ้าผมใจแข็งกว่านี้สักหน่อยและขุดรากถอนโคนเผ่าพันธุ์ปีศาจจากโลกอื่นให้สิ้นซาก เราคงไม่ต้องเผชิญกับวิกฤติอย่างในตอนนี้”
ในครั้งนั้น ถ้าเขาสังหารไอ้โหดเสีย เผ่าพันธุ์ปีศาจจากโลกอื่นก็ก็จะล่มสลาย แต่ในช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานนั้น เขากลับเลือกไว้ชีวิตพวกมันเพราะความเมตตากรุณาที่มีอยู่ในหัวใจ
หากตอนนั้นเขาใจแข็งสักหน่อยและปฏิบัติภารกิจให้สำเร็จลุล่วง ทุกคนก็จะไม่ต้องเจอกับสถานการณ์อย่างในเวลานี้
“เพราะฉะนั้น ตัวผมน่ะไม่เหมาะสมหรอก ส่วนจางเซวียน, เทคนิควรยุทธของคุณเชื่อมโยงกับเจตจำนงและความตั้งใจที่คุณมีอยู่ ซึ่งผมมองไม่เห็นข้อบกพร่องในนั้น คุณเสาะแสวงหาการใช้ชีวิตแบบเต็มที่กับมัน แม้ต้องแลกด้วยความตาย แต่ขอแค่คุณได้ใช้ชีวิตและตัดสินใจเรื่องต่างๆด้วยตัวเอง คุณก็พร้อมจะเดินหน้าไปอย่างกล้าหาญและฝ่าฟันทุกอุปสรรคให้ได้ คนแบบนี้มีความยืดหยุ่นและพร้อมที่จะพัฒนามากกว่า นั่นคือเหตุผลที่คุณสามารถก้าวไปอยู่ในจุดที่สูงกว่าเราทั้งคู่!” ปรมาจารย์ขงพูด
“คือ…” จางเซวียนขมวดคิ้ว
เขาไม่คิดว่าปรมาจารย์ขงจะประเมินตัวเขากับหลัวลั่วชิงแบบนี้ ซึ่งขณะที่จางเซวียนกำลังจะอ้าปาก ปรมาจารย์ขงก็โบกมือ “คุณไม่ต้องรู้สึกแย่เพราะเรื่องนี้หรอก ตอนนี้เราไม่มีเวลาบ่มเพาะคนอื่นแล้ว หรือต่อให้ทำได้ ผมก็ไม่คิดว่าจะมีใครทำหน้าที่นี้ได้ดีกว่าคุณ”
“จอมราชันย์หลินชีไม่ได้ครอบครองเศษเสี้ยวสวรรค์ก็จริง แต่เวลาเนิ่นนานหลายปีที่ทำหน้าที่ควบคุมดูแลภาวะตามธรรมชาติของสรวงสวรรค์ก็ทำให้เธอมีความเข้าใจในสรวงสวรรค์อย่างลึกซึ้ง ส่วนตัวผมมีลิขิตสวรรค์ หากเราสองคนมอบอำนาจที่เรามีอยู่ให้คุณ คุณก็จะมีอำนาจของสรวงสวรรค์อย่างสมบูรณ์แบบ และเมื่อมีตัวโคลนซึ่งเป็นดอกบัวทองคำดึกดำบรรพ์แห่ง 9 น่านฟ้าคอยช่วยเหลือ…คุณจะต้องรักษาความมั่นคงของสรวงสวรรค์ไว้ได้แน่, เปลี่ยนทิศทางของกระแสน้ำ และกำจัดผู้บุกรุก!”