ในชั่วพริบตา กระแสดาบฉีนับสายไม่ถ้วนก็ระเบิดเข้าใส่ชายร่างตุ้ยนุ้ย
อีกฝ่ายไม่มีสีหน้ากังวลใจแม้แต่น้อย เขาหัวเราะหึๆขณะรับมือกับการโจมตีของชายทั้งกลุ่มอย่างง่ายดายราวกับฝูงผีเสื้อที่โบยบินผ่านมวลดอกไม้ น่าประหลาดใจที่แม้การโจมตีสักครั้งก็ไม่อาจเข้าถึงตัวเขา
ตุ้บ! ตุ้บ! ตุ้บ!
เกิดเสียงตุ้บหนักๆหลายครั้ง ไม่ช้า นักรบระดับเทพเจ้าสวรรค์สร้างหลายสิบคนก็นอนแผ่หรากับพื้น ต่างคนต่างร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวด
“ช่างเป็นทักษะการต่อสู้ที่น่าทึ่งอะไรอย่างนี้!” เทพธิดาหลิงหลงพยักหน้าอย่างยอมรับ
ด้วยความสามารถในการหยั่งรู้ของเธอ เธอดูทิศทางการต่อสู้ออกอย่างง่ายดาย
เมื่อมองแวบแรก ชายร่างตุ้ยนุ้ยดูจะเป็นแค่เทพเจ้าสวรรค์สร้างขั้นสูงทั่วไป แต่เพราะมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในการต่อสู้ จึงปกปิดจุดอ่อนมากมายของตัวเองไว้ได้และเอาชนะเทพเจ้าสวรรค์สร้างขั้นกลางทั้งกลุ่มได้อย่างง่ายดาย
ราวกับเขามองเห็นข้อบกพร่องของทุกคน ทำให้คาดเดากระบวนท่าของอีกฝ่ายได้ล่วงหน้าและตอบโต้ได้อย่างเหมาะสม
ด้วยเหตุนี้ กลุ่มนักรบจากตระกูลชางกวนจึงไม่อาจทำอันตรายชายร่างตุ้ยนุ้ยได้แม้จะล้อมอีกฝ่ายไว้ตั้งแต่แรก พวกเขาพ่ายแพ้ไปภายในระยะเวลาอันสั้น
“เจ้างั่งพวกนี้…เพียงแค่คุณเอาชนะลูกน้องของผมได้ ก็อย่าลิงโลดไปนะ!”
เห็นลูกน้องของเขาพ่ายแพ้ไปอย่างง่ายดาย หัวหน้ากลุ่มหน้าดำคร่ำเครียด เขาก้าวออกมาก้าวหนึ่งและสำแดงกระบวนท่า เผยวรยุทธระดับกึ่งราชันย์เทพเจ้าออกมา
ไม่ว่าจะเป็นวรยุทธหรือพละกำลัง หัวหน้ากลุ่มก็แข็งแกร่งกว่าชายร่างตุ้ยนุ้ยมาก เท่าที่ดูจากกระบวนท่าอันสง่างามและแม่นยำของเขา เขาน่าจะได้รับมรดกสายตรงของตระกูลชางกวน นั่นหมายความว่าเขาคือหนึ่งในสมาชิกระดับสูงของตระกูลชางกวนด้วย
ฟิ้วววว!
หัวหน้ากลุ่มปล่อยกระแสดาบฉีเป็นชุดเข้าใส่ชายร่างตุ้ยนุ้ยโดยไม่ลังเล
แม้ชายร่างตุ้ยนุ้ยจะมีทักษะการต่อสู้ที่เหนือชั้น แต่ด้วยวรยุทธที่มี ก็ยากจะรับมือกับกระแสดาบฉีจำนวนมากพร้อมๆกันได้ ลงท้ายจึงถูกบีบให้ถอยไปเรื่อยๆ
“ระวังตัวด้วย” เทพธิดาหลิงหลงพูดพร้อมกับขมวดคิ้ว
ชายร่างตุ้ยนุ้ยทำให้เธอประทับใจ เธอจึงไม่อยากเห็นเขาได้รับบาดเจ็บ
“ผมขอขอบคุณที่คุณเป็นห่วง แต่ผมไม่เป็นอะไรหรอก อย่างที่บอกนั่นแหละ พวกนั้นก็แค่เจ้าพวกเหยาะแหยะกลุ่มหนึ่ง!” ชายร่างตุ้ยนุ้ยหัวเราะหึๆขณะถอยไปหนึ่งก้าวและคว้าขาหมูที่อยู่บนโต๊ะ เขากัดมันเต็มคำก่อนจะจ้องหน้าหัวหน้ากลุ่มพร้อมกับแผ่รังสีของนักรบผู้เหี้ยมโหดออกมา “ขอผมดูหน่อยเถอะว่าคุณแข็งแกร่งแค่ไหน!”
ทันทีที่พูดจบ ก็ใช้ร่างที่อ้วนกลมราวกับภูเขาโถมเข้าใส่
“นี่คงเป็นสิ่งที่พวกเขาเรียกกันว่า…รังสีวีรบุรุษ” เทพธิดาหลิงหลงพึมพำด้วยนัยน์ตาเป็นประกาย ขณะรู้สึกถึงความหวั่นไหวในหัวใจที่เคยสงบนิ่งและเย็นชาตลอดหลายปีที่ผ่านมา
เธอเคยคิดว่าคงเป็นไปไม่ได้แล้วที่จะได้พบชายสักคนที่เธอจะหลงรัก แต่ใครจะไปรู้ว่าชายร่างตุ้ยนุ้ยที่ดูธรรมดาๆคนนี้จะเข้าตาเธอ
เขาอาจไม่แข็งแกร่งเท่าไหร่ แต่มีความมั่นใจและความเชื่อมั่นในตัวเองที่ทำให้ยืนหยัดไม่หวั่นไหวแม้อยู่ต่อหน้าบรรดานักรบที่แข็งแกร่งกว่าเขามาก
นี่คือสิ่งที่ชายธรรมดาสามัญทำไม่ได้อย่างแน่นอน
หัวหน้ากลุ่มเกิดความหวาดหวั่นขึ้นมาครู่หนึ่งกับท่าทีของชายร่างตุ้ยนุ้ย แต่สุดท้ายก็กัดฟันและพุ่งเข้าใส่
พลั่ก!
หลังจากแลกเปลี่ยนกันไป 2-3 กระบวนท่า ชายร่างตุ้ยนุ้ยผู้มั่นอกมั่นใจก็ถูกหัวหน้ากลุ่มสอยกระเด็น
ลำพังความมั่นใจของเขาไม่เพียงพอจะชดเชยพละกำลังที่ยังอ่อนด้อย
“บังอาจ! คุณกล้าแตะต้องผมได้อย่างไร! รู้หรือเปล่าว่าผมเป็นใคร?” ชายร่างตุ้ยนุ้ยตวาดก้องด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าวราวกับราชสีห์
“คุณเป็นใครล่ะ?” หัวหน้ากลุ่มย้อนถามด้วยอาการชะงักเล็กน้อย
ชายผู้นี้พูดจาวางโตเสียจนแม้ตัวเขาซึ่งมีตระกูลชางกวนหนุนหลังก็ยังอดหวั่นใจไม่ได้
ตระกูลชางกวนทรงพลังก็จริง แต่ก็มีคนจำนวนหนึ่งที่พวกเขาไม่กล้ามีเรื่องด้วย อย่างสมัยที่ไป๋เย่ฉิงหงยังอยู่ หากพูดจากับเธออย่างไม่ระวังปาก แม่ผู้หญิงโหดเหี้ยมคนนั้นจะต้องทำให้ตระกูลชางกวนเดือดร้อนแน่
“ผมคือพ่อบ้านของสรวงสวรรค์!” ชายร่างตุ้ยนุ้ยประกาศก้องขณะลดสายตาลงมองหัวหน้ากลุ่ม ราวกับไม่มีใครอีกแล้วที่จะมีคุณสมบัติเพียงพอจะยืนทัดเทียมกับเขา “คุณกล้าแตะต้องผม ก็แปลว่าบังอาจแตะต้องสรวงสวรรค์ด้วย คิดจะเป็นกบฏต่อสรวงสวรรค์หรือไง? รนหาที่ตายแล้ว!”
ฟึ่บ!
ชายร่างตุ้ยนุ้ยสะบัดข้อมือ เขานำตราสัญลักษณ์ออกมาอันหนึ่งและกำไว้แน่น แม้จะมีขนาดเล็ก แต่ตรานั้นก็ดูจะแบกรับน้ำหนักของสรวงสวรรค์ไว้ ใครก็ตามที่กล้าทำตัวนอกลู่นอกทางจะต้องเผชิญกับการลงทัณฑ์อย่างรุนแรงจากสรวงสวรรค์
“นี่มัน…รังสีของอำมาตย์จางเซวียน?” เทพธิดาหลิงหลงผงะ เธอรู้สึกคุ้นเคยกับรังสีที่แผ่ออกมาจากตราหยกอันนั้น
หรือว่าชายร่างตุ้ยนุ้ยที่ทำให้เธอหวั่นไหวมีความเกี่ยวข้องกับจางเซวียน?
ขณะที่เทพธิดาหลิงหลงยังคงขมวดคิ้วด้วยความงุนงง ชายร่างตุ้ยนุ้ยก็ฉวยโอกาสจากการนำตราหยกออกมาตรงเข้าเล่นงานหัวหน้ากลุ่ม จากนั้นก็ส่ายหัวอย่างผิดหวังขณะเปรย “ก็แค่คู่ต่อสู้อีกคนหนึ่งที่ไม่คู่ควร…”
เขาวางขาหมู เอาสองมือไพล่หลังไว้ก่อนจะเดินจากไปอย่างสบายใจ ทำเหมือนเมื่อครู่นี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“สหาย ช้าก่อน!”
เป็นครั้งแรกที่เทพธิดาหลิงหลงได้พบใครสักคนที่ทำตัวเป็นธรรมชาติแบบนี้ เธออดใจไม่ไหว จึงรีบลุกขึ้นแล้วร้องเรียกอีกฝ่าย “ฉันขอทราบชื่อเสียงเรียงนามของคุณได้ไหม?”
“ผมชื่อ…” ชายร่างตุ้ยนุ้ยเชิดหน้า แววตาเปล่งประกายของความมั่นใจ “ซุนฉาง!”
“ซุนฉาง?” เทพธิดาหลิงหลงจดจำชื่อนั้นไว้แล้วยิ้มให้ เธอชี้นิ้วไปที่โต๊ะและถามว่า “ขาหมูของคุณ…”
ซุนฉางหันกลับมามองแล้วตอบง่ายๆ “ตอนนี้มันเป็นขาหมูของคุณแล้ว…”
เทพธิดาหลิงหลงหน้าแดงก่ำ
…..
1 ปีให้หลัง งานแต่งงานอย่างยิ่งใหญ่ของเทพธิดาหลิงหลงกับซุนฉางก็ถูกจัดขึ้น
และนับจากวันนั้นเป็นต้นมา เทพธิดาหลิงหลงก็ไม่ต้องทุกข์ทรมานกับอาการนอนไม่หลับอีกเลย