อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆
ตอนที่ 1677 ตั้งแถวและจับมือกันไว้
หลังจากที่ออกจากเต็นท์บัญชาการ จางเซวียนรีบนำทางเผ่าพันธุ์ปีศาจตัวนั้นไปยังห้องที่มีกระจกเงาอยู่
“ท่านแม่ทัพ มีอะไรหรือ?” เห็นความระแวดระวังของแม่ทัพที่ปิดกั้นพื้นที่บริเวณโดยรอบไว้อย่างดีจนแม้แต่รังสีเพียงนิดเดียวก็ไม่อาจเล็ดลอดออกไปได้ เผ่าพันธุ์ปีศาจตัวนั้นมีสีหน้าเคร่งเครียด
“คืออย่างนี้…”
จางเซวียนลูบคาง เขาพุ่งเข้าประชิดตัวเผ่าพันธุ์ปีศาจตัวนั้น กระบี่ปีศาจอยู่ในมือ จางเซวียนปาดคอเผ่าพันธุ์ปีศาจตัวนั้นทันที
“….”
นึกไม่ถึงว่าท่านแม่ทัพจะเล่นงานมันอย่างกะทันหัน เผ่าพันธุ์ปีศาจตัวนั้นรีบถอยกรูด แต่เพราะมันเป็นนักรบขั้น 3-แรงผลักดันสัญชาตญาณ และผ่านการสู้รบมามาก ถึงจะไม่ทันระมัดระวังตัว แต่ก็ไม่ตกอกตกใจ
พลั่ก!
แต่หลังจากถอยไปได้แค่ 2 ก้าว ก็ถูกก้อนอิฐยักษ์ทุ่มใส่หัว ทำให้มันบี้แบนกลายเป็นแพนเค้ก
ในเมื่อท่านแม่ทัพที่เป็นนักรบขั้นชั่วกัลปาวสานก็ยังหมดสภาพเพราะการเล่นงานของหม้อต้นกำเนิดทองคำ แล้วนักรบขั้นแรงผลักดันสัญชาตญาณอย่างตัวมันจะรับไหวได้อย่างไร? ถือเป็นการน็อคครั้งเดียวจอด
กระบี่เพลิงสีดำพุ่งเข้าใส่ร่างของเผ่าพันธุ์ปีศาจและสูบเลือดกับจิตวิญญาณของมันออกมา
จางเซวียนกลับไปที่เต็นท์บัญชาการโดยไม่ลังเลและเรียกเผ่าพันธุ์ปีศาจที่มีวรยุทธขั้นแรงผลักดันสัญชาตญาณออกมาอีกตัวหนึ่ง “คุณน่ะ ออกมาสักครู่หนึ่งก่อน!”
5 นาทีต่อมา เขาก็กลับไปที่เต็นท์บัญชาการอีกครั้งและพูดว่า “คุณทั้ง 3, ตามผมมา!”
เผ่าพันธุ์ปีศาจที่มีวรยุทธขั้นร่างอันทรงเกียรติทั้ง 3 ตัวตามแม่ทัพออกไป ปล่อยให้เผ่าพันธุ์ปีศาจที่มีวรยุทธขั้นการพักฟื้นอีกภายในอีก 2 ตัวมองหน้ากันอย่างงงงัน
เราควรจะได้หารืออะไรบางอย่างกันไม่ใช่หรือ?
ทำไมถึงถูกเรียกออกไปทีละคนสองคนแบบนี้?
ความสงสัยของพวกมันคงอยู่ไม่นานนัก เพราะท่านแม่ทัพเดินกลับเข้ามาในเต็นท์บัญชาการด้วยสีหน้าพออกพอใจ ทันทีที่เข้ามา เขาก็สร้างปราการที่ปิดกั้นเต็นท์ไว้จากโลกภายนอกและพูดว่า “ผมมีภารกิจมอบหมายให้พวกเขา จึงต้องคุยกันเป็นการส่วนตัว ตอนนี้ถึงตาพวกคุณแล้วล่ะ…”
เผ่าพันธุ์ปีศาจทั้ง 2 ตัวรีบลุกขึ้นยืน เกรงว่าจะพลาดการรับรู้ภารกิจลับที่มีความสำคัญ แต่ยังไม่ทันจะได้ทำอะไร ประกายเย็นวาบก็พุ่งผ่านอากาศ หัวของมันทั้งคู่หล่นลงไปกลิ้งอยู่กับพื้น
จนถึงลมหายใจสุดท้าย พวกมันก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมถึงถูกท่านแม่ทัพเล่นงาน
จางเซวียนอาจยังมีปัญหาอยู่บ้างในการพยายามรับมือกับนักรบขั้นชั่วกัลปาวสาน แต่สำหรับนักรบขั้นการพักฟื้นภายในนั้นถือว่าน็อคทีเดียวจอด
หลังจากเล่นงานเผ่าพันธุ์ปีศาจทั้ง 7 ตัว และจัดการศพของพวกมันแล้ว จางเซวียนก็ร้องเรียกองครักษ์ที่อยู่ด้านนอกให้เข้ามา
“เรียกรวมพลผู้เชี่ยวชาญระดับนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ทุกคนในแคมป์ของเราให้มาประชุม!”
จางเซวียนสั่งการ
“ท่านแม่ทัพ มีรองแม่ทัพที่มีวรยุทธระดับนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่อยู่เพียง 7 คนเท่านั้นในแคมป์ของเรา ซึ่งเมื่อครู่นี้คุณเรียกพวกเขาออกไป 5 คนแล้ว และที่ยังเหลืออีก 2 คนก็อยู่ในเต็นท์” องครักษ์ตอบพร้อมกับขมวดคิ้ว
เมื่อครู่นี้ เขาเห็นท่านแม่ทัพเรียกรองแม่ทัพทั้ง 5 ออกไปทีละคน ดังนั้นจึงยังคงเหลือรองแม่ทัพอีก 2 คนอยู่ในเต็นท์ ว่าแต่ทำไมจู่ๆพวกเขาถึงหายไปอย่างไร้ร่องรอย?
องครักษ์มีวรยุทธแค่ระดับเซียนขั้น 7 เท่านั้น ซึ่งในเมื่อแม้แต่เผ่าพันธุ์ปีศาจที่มีวรยุทธระดับนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ขั้น 3-แรงผลักดันสัญชาตญาณซึ่งเป็นถึงรองแม่ทัพยังมองการปลอมตัวของจางเซวียนไม่ออก ก็ไม่มีทางที่องครักษ์จะรู้ได้เลย
องครักษ์ไม่คิดสักนิดว่าแม่ทัพของมันถูกสังหารไปแล้ว
“ดี!” จางเซวียนกำลังหาทางพิสูจน์ให้แน่ใจว่าเขาปลอดภัย ในเมื่อรู้แล้วว่ามีนักรบระดับนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่อยู่เพียง 7 ตัวในแคมป์นี้ เขาก็ขจัดปัญหาไปได้มาก จางเซวียนลุกขึ้นยืนและสั่งการ “เรียกพลทหารทั้งหมดให้มารวมตัวกันหน้าเต็นท์บัญชาการ!”
“พลทหารทั้งหมด?”
“ใช่แล้ว ทุกคนเลย รวมถึงคนที่กำลังพักผ่อน ลาดตระเวน และรักษาการด้วย เรียกรวมพลทุกคนที่นี่!” จางเซวียนโบกมืออย่างวางอำนาจ
“ขอรับ ท่านแม่ทัพ!”
องครักษ์รีบออกไปและเป่าแตรรวมพล
10 นาทีต่อมา เมื่อจางเซวียนเดินออกจากเต็นท์ ก็เห็นเผ่าพันธุ์ปีศาจจำนวนนับไม่ถ้วนยืนเรียงกันเป็นระเบียบในรูปแบบของค่ายกล
เพียงแค่มองแวบเดียว เขาก็เลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ
มีเผ่าพันธุ์ปีศาจมากกว่าหมื่นตัวอยู่ตรงหน้า
โชคดีที่ก่อนหน้านี้จางเซวียนไม่ได้บุกเข้าโจมตีอย่างหุนหันพลันแล่น ไม่อย่างนั้น ค่ายกลผนึกกำลังที่ประกอบขึ้นจากเผ่าพันธุ์ปีศาจที่เป็นนักรบระดับเซียนขั้น 3 มากกว่า 1 หมื่นตัวนั้นย่อมเกินพอที่จะเล่นงานของล้ำค่าที่มีวรยุทธขั้นกึ่งนักปราชญ์โบราณ
นับเป็นการตัดสินใจอันชาญฉลาดของเซียนดาบชิงที่ล่าถอย ตระกูลจางไม่ได้อ่อนแอ แต่หากต้องเผชิญกับกองกำลังขนาดใหญ่แบบนี้ พวกเขาคงต้องสูญเสียกำลังพลไปอย่างน้อยกว่าครึ่ง ต่อให้ เทพีแห่งโชคชะตาจะเข้าข้างพวกเขาก็เถอะ
จางเซวียนระงับความตกตะลึงไว้แล้วตวาดก้อง “นายพลอ้าววั่ว!”
“ขอรับ ท่านแม่ทัพ” นายพลอ้าววั่วก้าวออกมาจากค่ายกลและประสานมือ
“พาคนของคุณไปนำข้าวของที่ผมเพิ่งจัดเรียงไว้มาที่นี่” จางเซวียนสั่งการ
“ขอรับ ท่านแม่ทัพ” นายพลอ้าววั่วไม่รู้ว่าทำไมแม่ทัพถึงสั่งการแบบนี้ แต่จะถือเป็นการกระด้างกระเดื่องหากขัดคำสั่งของผู้บังคับบัญชาที่มีตำแหน่งสูงกว่า เขาจึงนำเผ่าพันธุ์ปีศาจกลุ่มหนึ่งออกจากพื้นที่ไป
หลายนาทีต่อมา บรรดาแผ่นหินและกระจกเงาก็ถูกเคลื่อนย้ายมายังบริเวณที่จางเซวียนอยู่
“แบ่งกองกำลังของพวกคุณออกเป็นกลุ่มละ 1,000 คน แต่ละกลุ่มจะต้องถือของล้ำค่าชิ้นหนึ่งเอาไว้ ผมต้องการให้สมาชิกในแต่ละกลุ่มตั้งแถวและจับมือกัน ซึ่งคนที่อยู่หน้าสุดจะต้องวางมือไว้บนกระจกเงา” จางเซวียนสั่งการ
“กลุ่มละพันคน?”
“ตั้งแถวและจับมือกัน?”
บรรดาทหารเผ่าพันธุ์ปีศาจต่างงงงัน
นี่พวกเขากำลังจะฝึกฝนค่ายกลชนิดใหม่หรืออะไรทำนองนั้นหรือ?
ว่าแต่…ทำไมมันฟังดูประหลาดนัก?
พวกเขาไม่เคยได้ยินมาก่อนว่ามีค่ายกลชนิดไหนที่นักรบจะต้องจับมือกัน!
เมื่อทนไม่ไหวอีกต่อไป เผ่าพันธุ์ปีศาจตัวหนึ่งที่สวมหมวกเกราะสีดำเหมือนกับนายพลอ้าววั่วก้าวออกมาและถามว่า “ท่านแม่ทัพ ตระกูลจางจับตาดูพวกเราอย่างใกล้ชิดมาตลอด หากพวกเขาบุกเข้าโจมตีระหว่างที่ทุกคนที่นี่กำลังจับมือกัน มันจะกลายเป็นหายนะ!”
พลทหารคนอื่นๆต่างก็หันมามองด้วยความสงสัย
“แก ไอ้งั่ง!” จางเซวียนหน้าดำคร่ำเครียดขณะตวาดก้อง “นี่คือแผนการสู้รบที่ผมเพิ่งออกแบบขึ้นใหม่โดยได้รับความเห็นชอบจากรองแม่ทัพทั้งเจ็ด พวกคุณรู้ไหมว่ากระจกเงาเหล่านี้คืออะไร?”
“ไม่ทราบขอรับ ท่านแม่ทัพ!”
“กระจกเงาเหล่านี้ดูจะประหลาดกว่าธรรมดาอยู่สักหน่อย แต่ผมไม่รู้จริงๆว่ามันเอาไว้ใช้ทำอะไร”
เผ่าพันธุ์ปีศาจพากันส่ายหน้า
ถ้าไม่ใช่เพราะจางเซวียนเคยใกล้ชิดกับเหล่าผู้หยั่งรู้มาก่อน เขาจะไม่มีวันรู้วัตถุประสงค์ของกระจกเงาเหล่านี้เลย และในเมื่อพลทหารเหล่านี้ต่างก็ไม่เคยพบผู้หยั่งรู้ที่เป็นมนุษย์ จึงไม่มีทางที่พวกมันจะรู้ว่ากระจกมีไว้ทำอะไร
“กระจกเงาเหล่านี้เป็นทรัพย์สมบัติของสมาคมผู้หยั่งรู้ของพวกมนุษย์ พวกมันสามารถปกปิดทุกสิ่งทุกอย่างจากสายตาของสวรรค์ได้ ซ่อนได้แม้แต่กับนักรบขั้นแรงผลักดันสัญชาตญาณ เหตุผลที่ผมต้องการให้พวกคุณตั้งแถวและจับมือกันไว้ก็เพื่อปกปิดเจตนาสังหารและรังสีของคุณ เพื่อที่เราจะได้ลักลอบเข้าสู่ป้อมปราการของไอ้มนุษย์น่ารังเกียจพวกนั้น และทำให้มันไม่ทันระวังตัว! ตอนนี้เข้าใจหรือยัง?” จางเซวียนพูดด้วยน้ำเสียงวางอำนาจ
“ลักลอบเข้าสู่ป้อมปราการของไอ้มนุษย์น่ารังเกียจพวกนั้น? ท่านแม่ทัพของเราตั้งใจจะบุกเข้าโจมตีอย่างกะทันหันหรือ?”
“มันปกปิดเจตนาสังหารและรังสีของพวกเราได้? น่าทึ่งจริงๆ!”
“หากพวกเราบุกเข้าโจมตีอย่างกะทันหันได้สำเร็จ เราก็จะได้เป็นวีรบุรุษของเผ่าพันธุ์ปีศาจจากโลกอื่น!”
เมื่อได้รู้อานุภาพของกระจกเงา ใบหน้าของเผ่าพันธุ์ปีศาจเหล่านั้นต่างก็แดงก่ำขณะตัวสั่นด้วยความตื่นเต้น
พวกมันรู้ดีว่าการเผชิญหน้าโดยตรงกับตระกูลจางมีแต่จะสร้างความเสียหายอย่างหนัก แต่หากสามารถบุกเข้าโจมตีอย่างกะทันหันได้ โอกาสที่พวกมันจะเอาชีวิตรอดก็ย่อมมีสูงขึ้น บางทีอาจได้รับการยกย่องคุณงามความดีในฐานะผู้ปฏิบัติการและได้รับรางวัลอย่างงามในความพยายามครั้งนี้!
“ถ้าพวกคุณเข้าใจแล้วว่าผมหมายถึงอะไร ก็รีบลงมือซะ ดูให้แน่ใจนะว่าไม่มีของล้ำค่าที่จะขัดขวางการเชื่อมต่อ หากใครเปิดเผยตำแหน่งที่ตั้งของพวกเราให้เหล่าปรมาจารย์รับรู้เพียงเพราะว่าไม่ได้จับมือกับอีกคนหนึ่งไว้แน่นพอแล้วล่ะก็ จะถือเป็นตราบาปของเผ่าพันธุ์ปีศาจเลยทีเดียว ผู้นั้นจะต้องถูกสังหารทันที!” จางเซวียนสั่งการอย่างเคร่งเครียด
“พวกเราจะทุ่มเททุกอย่างให้กับการโจมตีครั้งนี้ ปฏิบัติการของเราจะต้องลงเอยด้วยความสำเร็จ ไม่มีทางล้มเหลวเด็ดขาด เข้าใจไหม?”
“ขอรับ ท่านแม่ทัพ!” พลทหารเผ่าพันธุ์ปีศาจพากันพยักหน้าด้วยสีหน้าที่ดูตื่นเต้น
“ดี!” เห็นพลทหารรับคำสั่งแล้ว จางเซวียนโบกมือและตะโกน “เตรียมค่ายกล!”
พรึ่บ!
กองกำลังขนาดมหึมาแบ่งออกเป็นกลุ่มละพันคน และทหารที่แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มจะยืนอยู่หน้าสุด ทาบฝ่ามือไว้กับกระจกเงา ส่วนที่เหลือก็จับมือกันไว้แน่น แถวลากยาวออกไปหลายร้อยเมตร
“ดี!” จางเซวียนพยักหน้าอย่างพอใจ
เขากำลังจะพูดจาปลุกใจเหล่าพลทหาร ก็พอดีกับที่ได้ยินเสียงพายุดังหวีดหวิวอยู่ด้านบน เมื่อเงยหน้ามอง ก็เห็นร่างหนึ่งตรงเข้ามา
“แม่ทัพเหิงเจียง คุณทำอะไรอยู่น่ะ?”