ตอนที่ 1 นายน้อยภวินท์
ตอนที่ 1 นายน้อยภวินท์
ท้องถนนยามเที่ยงวัน พระอาทิตย์ตั้งตรงศีรษะ ระอุร้อนไปด้วยไอแดด ทว่าคนที่นั่งทอดกายอยู่ภายในสปอร์ตคาร์ก็หาจะเดือดเนื้อร้อนใจไม่ กลับกันชายหนุ่มสวมแว่นกรอบเหลี่ยมกลับหยิบไอแพดคู่ใจขึ้นมาเขี่ยนิ้วไปมาพลางฮัมเพลงอย่างสบายอารมณ์ ขัดกับสถานการณ์ที่กำลังเผชิญอยู่
“นายน้อยครับ จะแวะทานอาหารเที่ยงก่อนไหมครับ”
เสียงห้าวของ ก้องภพ สารถีคู่ใจควบตำแหน่งพี่เลี้ยงเอ่ยถามเจ้านายซึ่งนั่งเอนกายอยู่เบาะหลังจนคนถูกถามละความสนใจจากของในมือ
“ไม่ล่ะ ไปกินทีเดียวที่สวนสนุกดีกว่า หรือว่าแกหิว”
“เปล่าครับ ถ้าอย่างนั้นต้องรออีกนิด หลุดไฟแดงนี้ไปก็รถน่าจะไม่เยอะแล้วครับ”
แน่สิ ก็เขาสั่งให้ขับมาไกลถึงชานเมือง จะมีรถเยอะก็แปลกเกินไปแล้ว อีกอย่างสถานที่ที่เขาจะไปนั้นก็ไม่ใช่ว่าคนจะพลุกพล่านในวันธรรมดาด้วย ช่างเหมาะเจาะกับสถานการณ์ตอนนี้เหลือเกิน
“ถ้ายังสลัดพวกมันไม่หลุด ก็พามันไปสวนสนุกด้วยกันเลย”
มือหนาโยนไอแพดคู่ใจไว้เบาะด้านข้าง ก่อนจะเหลือบสายตาคมกริบมองภาพสะท้อนที่ฉายชัดอยู่บนกระจก เมื่อเห็นว่ารถพวกนั้นยังขับตามตนมาไม่เลิกราก็เผลอสบถออกมาอีกครั้งอย่างเย้ยหยัน
“พวกสวะ”
“นายน้อยให้ผมจัดการเลยไหมครับ นี่ก็ออกห่างจากเมืองมาพอสมควรแล้ว”
“ไม่ต้อง ให้มันตามไปเถอะ แกก็รีบขับไป ฉันอยากเล่นม้าหมุนแล้ว”
ข้อความสื่อความนัยของผู้เป็นนายทำเลือดในกายสารถีหนุ่มพลุ่งพล่าน มาอีหรอบนี้คงไม่พ้นจะแกล้งพวกเหลือบไรนั่นอีกเป็นแน่
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่นายน้อยของเขาถูกตามเล่นงาน หรือจะพูดว่าหนึ่งปีมานี้ไม่มีวันไหนที่ออกจากบ้านแล้วไม่โดนตามจะถูกต้องกว่า ก้องภพกำพวงมาลัยรถแน่นขึ้นเมื่อนึกไปถึงสาเหตุที่เจ้านายตนถูกหมายหัวแบบนี้
“ไม่ต้องห่วง ฉันกับแกรับมือได้อยู่แล้ว”
สิ้นเสียงทุ้มนุ่ม เสียงหัวเราะพร่าลึกเย็นเยือกก็ดังแว่วเข้าหูพี่เลี้ยงคู่ใจ พลอยทำให้ก้องภพนึกร้อน ๆ หนาว ๆ แทนพวกสวะนั่นอยู่ครามครัน
“พอถึงสวนสนุกผมกลัวว่ามันจะไม่กล้าลงมือน่ะสิครับ”
“อย่าประมาท คนของฝั่งนั้นไม่ใช่กระจอก ถึงจะโง่ไปบ้างแต่ฝีมือก็ดูถูกไม่ได้”
เสียงล้อบดเบียดถนนยังคงดังเข้าสู่โสตประสาท ยิ่งออกห่างจากตัวเมืองมากเท่าไร ดูเหมือนว่าคนพวกนั้นจะยิ่งเร่งเครื่องตามมาไม่หยุด กระทั่งก้องภพหักหัวรถเลี้ยวเข้าไปในสวนสนุกแห่งหนึ่ง…
“พี่ ไอ้ปัญญาอ่อนนั่นเข้าสวนสนุกอีกแล้ว”
“เออ กูเห็นแล้ว ก็ไม่ได้เกินความคาดหมายนี่หว่า ก็แค่นายน้อยไม่เต็มเต็ง ต่อให้เป็นอัลฟ่าแต่ไม่มีพลังกดข่มก็ไม่ต่างอะไรจากอะไรกับคนไร้ค่าหรอก”
หนึ่งในคนร้ายเอ่ยอย่างดูแคลน ตระกูลพิพัฒน์เทพา มีดีทุกอย่าง เป็นถึงตระกูลมาเฟียเก่าแก่นับร้อยปี มีนายใหญ่ที่เป็นอัลฟ่าผู้แข็งแกร่ง มีทั้งอำนาจและทรัพย์สิน ทว่าลูกชายคนเดียวกับใช้การอะไรไม่ได้ เอ้อระเหยลอยชายไปวัน ๆ
“พี่! รถมันหายไปแล้ว”
“อะไรวะ เมื่อกี้ก็เห็นอยู่ว่าเลี้ยวเข้ามาในนี้”
คนเป็นพี่ใหญ่เอ่ยอย่างหัวเสีย เขาเห็นกับตาว่ารถคันหรูเลี้ยวเข้ามาในสวนสนุก ทว่ายังไม่ทันที่พวกมันจะได้ทำอะไรกันต่อ รถที่นั่งอยู่ก็เหมือนจะเสียการควบคุมอย่างไม่ทราบสาเหตุ
“ทำไมไม่ขับดี ๆ วะ”
“ขับดีแล้วพี่ แต่เหมือนยางจะแตก”
เสียงสบถด่ามาพร้อมกับแรงเหวี่ยงไปมาของรถตู้ขนาดย่อม ส่งผลให้สมาธิที่กำลังจะจดจ่อไปยังเป้าหมายแตกกระเจิง
ทางฝั่งของคนถูกตามก็ลอบมองเหตุการณ์อลหม่านนั้น พลางนึกสมเพชในใจ
“มันไม่เอะใจกันบ้างหรือไง ว่าทำไมถึงจัดการอัลฟ่าไร้ค่าคนเดียวไม่ได้เสียที” แม้แต่ปลายก้อยก็ยังไม่ได้แตะ ภวินท์ พิพัฒน์เทพา
“แล้วนายน้อยจะเข้าสวนสนุกต่อไหมครับ”
“เข้าสิ ไปเถอะ สั่งคนปิดโซนม้าหมุนไว้แล้วใช่ไหม” เขามาทั้งทีก็ต้องไปเล่นถ่วงเวลาเสียหน่อย ภวินท์เพียงรู้สึกว่าคนที่ตามดูเขาอยู่ไม่ได้มีแค่พวกที่โดนเขาเจาะยางรถ
“เรียบร้อยครับ ตรงนั้นมีการ์ดของสวนสนุกอยู่ด้วย”
“การ์ดของสวนสนุกหรือ อืม ก็ดี”
ก้องภพนำทางเจ้านายไปยังโซนม้าหมุนที่นายน้อยของเขาจะใช้เป็นสถานที่รอเวลา ไม่ลืมจะหันมองสองข้างทางระแวดระวังผู้คนที่เดินผ่านไปมาเป็นระยะ แม้จะเป็นวันธรรมดาก็ใช่ว่าจะไม่มีนักท่องเที่ยว
“สวัสดีครับคุณภวินท์ วันนี้เหมากี่รอบดีครับ”
“หนึ่งชั่วโมงเลย!”
เสียงที่เคยทุ้มต่ำแปรเปลี่ยนเป็นสดใสลากยาวประหนึ่งเด็กชายตัวน้อย ใบหน้าใต้กรอบแว่นยิ้มแย้มเต็มใบหน้า แต่หากจะสังเกตดี ๆ มันไม่ได้ส่งผ่านไปถึงดวงตาแม้แต่น้อย
“โอโห เหมาเป็นชั่วโมงเลยหรือครับ”
“ใช่ ๆ ขึ้นได้เลยไหมล่ะพี่”
เจ้าหน้าที่คุมเครื่องเล่นผงกศีรษะรัวเร็ว พลางเชื้อเชิญลูกค้ากิตติมศักดิ์ขึ้นไปนั่งบนเครื่องเล่น ม้าหมุนสีหวานจึงถูกชายผู้มีใบหน้าหล่อเหลาใต้กรอบแว่นยึดครองเพียงผู้เดียว
“ก้องภพขึ้นไหม เล่นคนเดียวฉันเหงานะ”
“ไม่ล่ะครับนายน้อย ผมขอนั่งรอตรงนี้ดีกว่า” ก้องภพยิ้มแหย เจ้านายเขานับวันยิ่งเล่นบทอัลฟ่าไร้ค่าได้สมจริงเหลือเกิน
“ถ้าไม่ขึ้นมาก็ไปหามื้อกลางวันมาให้ฉัน”
“แต่ว่า…” ก้องภพเป็นห่วงความปลอดภัยของผู้เป็นนายไม่น้อย แม้ว่าตรงนี้จะมีคนของเขาคอยระวังอยู่ในมุมมืด ทว่าก็ไม่อาจประมาทได้
“ไม่เป็นไรหรอก คิดว่าฉันทำอะไรไม่ได้หรือไง”
“ถ้าอย่างนั้นผมจะรีบกลับมา นายน้อยอย่าไปไหนนะครับ”
ภวินท์ส่ายศีรษะไปมาให้กับพี่เลี้ยงควบตำแหน่งบอดิการ์ดมือหนึ่งของเขา ไม่รู้ว่าใครกันแน่ที่นับวันจะยิ่งสมบทบาทเข้าไปทุกที
อีกมุมหนึ่งของสวนสนุกขนาดใหญ่ มีร่างบอบบางของใครบางคนกำลังก้ม ๆ เงย ๆ อยู่กับเชือกรองเท้าของตัวเองบริเวณหน้าห้องน้ำหลังจากเข้าไปทำธุระส่วนตัว
“เจ้ารัน มาอยู่นี่เอง ลุงวานอะไรหน่อย”
“อ้าว ลุงชาติ มีอะไรหรือเปล่าครับ” เสียงหวานขานรับ ก่อนจะถามกลับไปเมื่อเห็นสีหน้าไม่สู้ดีของพนักงานเฝ้าเครื่องเล่น
“ปวดท้องว่ะ ไปเฝ้าม้าหมุนให้หน่อยได้เปล่า”
“ได้สิลุง รันเปลี่ยนกะพอดีเลย”
ใบหน้าหวานประดับไปด้วยรอยยิ้มทั้งขำทั้งสงสารคนแก่กำลังมีทุกข์ที่ต้องรีบไปปลด เขาเข้าใจดีจึงได้ตกปากรับคำและเดินไปยังที่ที่คนแก่กว่าจากมา
“ทำไมเงียบจังนะ หรือว่าลูกค้าที่ลุงชาติพูดถึงมาเหมาอีกแล้ว”
เสียงหวานพึมพำไปตลอดทาง สมองก็ให้นึกไปถึงลูกค้าที่พวกเจ้าหน้าที่ชอบมาเล่าให้ฟัง เป็นอัลฟ่าตระกูลอะไรสักอย่างเขาเองก็ไม่ใคร่จะใส่ใจนัก
ทว่าในจังหวะที่ร่างบางกำลังจะก้าวถึงตำแหน่งของเครื่องเล่น นั้น ดวงตากลมโตพลันเหลือบเห็นแสงแวววาวจากอะไรบางอย่างเข้าเสียก่อน
“หยุดนะ! จะทำอะไรน่ะ”
“แม่งเอ๊ย!”
เสียงสบถจากคนในชุดมาสคอตดังขึ้น ก่อนมันจะวิ่งหายไปทางตรงกันข้าม ขาเรียวจะวิ่งตามไปแต่ก็ต้องเปลี่ยนใจเพราะเสียงร้องไห้โยเยของใครบางคนรอดเข้าหูมาเสียก่อน
“ฮือออ คนร้าย คนร้ายจะฆ่านายน้อย”
เสียงสะอึกสะอื้นพร้อมกับร่างสูงหนาของใครบางคนนั่งกอดคอม้าพลาสติกแน่น ทั้งใบหน้าเปรอะเปื้อนไปด้วยหยาดน้ำตา จนแว่นตาขึ้นเป็นไอน้ำจาง ๆ เป็นภาพที่ชรัณมองแล้วก็ได้แต่อ้าปากค้าง ยากจะบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้
“นั่นมัน…อะไรกัน”
“ก้องภพ ก้องภพช่วยนายน้อยด้วยยย ฮือออ!”
เสียงร่ำไห้ดังลอดออกมาจากริมฝีปากที่แบะออกไม่หยุด ทำเอาคนมองได้สติกลับคืนมา ทำท่าจะวิ่งเข้าไปดูแต่ก็ต้องหยุดชะงักเพราะมีร่างสูงอีกร่างวิ่งถลาเข้ามาเสียก่อน
“นายน้อย นายน้อยครับ ใครทำอะไรนายน้อย ผมจะไปจัดการมันเดี๋ยวนี้”
“มีคนถือมีด อึก มันจะเข้ามาทำร้ายนายน้อย แต่คุณการ์ดช่วยเอาไว้ ฮือ ๆ”
คนที่ถูกเรียกว่าคุณการ์ดสะดุ้งโหยง พลางมองนิ้วเรียวที่ชี้มาทางที่ตนเองยืนอยู่ก็ได้แต่ผงกศีรษะส่งไปให้ ระยะห่างระหว่างเขาและเด็กแว่นคนนั้นไกลกันพอสมควรจึงมองใบหน้าเปื้อนน้ำตาไม่ชัดนัก
“ขอบคุณมากนะครับ ผมขอพานายน้อยกลับก่อน วันหน้าจะมาใหม่”
“เดินทางปลอดภัย ส่วนเรื่องคนร้ายผมจะรีบแจ้งไปทางหัวหน้าการ์ดครับ”
เสียงหวานที่ตอบกลับมาทำให้การร้องไห้ของภวินท์ชะงักกึก กลิ่นหอมประหลาดโชยปะทะเข้าโพรงจมูกอย่างไม่ทันตั้งตัว จนเผลอขมวดคิ้วแน่น พลางเพ่งสำรวจคนตัวเล็กที่ยืนอยู่ไกล ๆ น่าเสียดายที่ใบหน้ามากว่าครึ่งถูกหน้ากากอนามัยปกปิดไว้ ทำให้เห็นแค่ดวงตาหวานใสเท่านั้น
“นายน้อย นายน้อยครับ”
ก้องภพสะกิดเรียกเมื่อเห็นอาการเหม่อลอยของผู้เป็นนาย ภวินท์จึงได้กระโดดลงจากม้าหมุนตัวโตก่อนจะเดินตามพี่เลี้ยงออกไปทันที
ส่วนคนถูกดวงตาคมใต้กรอบแว่นจ้องมองเมื่อสักครู่ก็พลันรู้สึกประหลาดบริเวณหลังคอฉับพลัน แต่แล้วก็ต้องสลัดความคิดที่ไม่มีทางเป็นไปได้ออกไป
“เบต้าอย่างเราจะไปรู้สึกแบบนั้นได้อย่างไรล่ะชรัณ!”
โปรดติดตามตอนต่อไป
#อัลฟ่าการละคร
เอ๊า นายน้อย ทรงอย่างแบ๊ดแซดอย่างบ่อยไหมล่ะนั่น ร้องไห้กอดม้าหมุนแล้วล่าสุด ใครกล้ามาทำอะไรนายน้อยเจอแน่ เจอเหล่ามัมหมีแน่นอนค่ะ! ส่วนคุณการ์ดผู้น่ารักของอุนแม่ก็นะ ไม่เคยเจอของแปลกล่ะสิท่า ชรัณต้องลองลูก ลองเข้าไปดมกลิ่นพี่เขาดูน้า
กรี๊ดดดดด!! ไรต์กลับมาแล้วจ้า คิดถึงคุณรี้ดขาประจำและสวัสดีคุณรี้ดหน้าใหม่ทุกคนเลย อิอิ กลับมาสู่วงการโอเมก้าเวิร์สแล้วน้า หลังจากที่แวะเข้าไปเที่ยวป่ามาหนึ่งเรื่องเนาะ
เรื่องนี้ยังคงความเป็นฟีลกู๊ดน้า สุขนิยมแต่มีปมให้คลาย ใครชอบแนวนี้ฝากกดหัวใจ กดเข้าชั้นไว้ หรือจะกดติดตามนามปากกาเค้าไว้ก็ได้ค่า คอมเมนต์โดเนตแล้วแต่ศรัทธาคับ หวังว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีน้า
แล้วพบกันใหม่ตอนหน้า (เที่ยงวัน)
-กาลกวี-