CF:บทที่ 104 ความคิดของอัจฉริยะ
ถ้าพวกเขาได้พูดคุยกับคนที่มาจากสถาบันวิจัยคอมพิวเตอร์ผู้ที่ซึ่งมาที่นี่เพื่อเรียนรู้กลวิธีจากเคสอู๋ ฮ่าวเหรินมา พวกเขาจะต้องยอมแพ้ในแผนการโจมตีโง่ๆนี่อย่างแน่นอน
ในเวลานี้ ณ สถาบันวิจัยคอมพิวเตอร์พิเศษที่ถูกจัดตั้งขึ้นมาในเมือง กลุ่มของผู้มีความสามารถด้านคอมพิวเตอร์กำลังปรึกษากับเหล่าผู้คนที่อยู่ในสถาบันคอมพิวเตอร์ในเมืองหลวงซึ่งห่างไกลจากที่นี่พอสมควร
ความรู้สึกขณะคุยกันของคนเหล่านี้แสดงออกถึงความตื่นเต้นเล็กน้อย การถกเถียงกันระหว่างสองฝ่ายมันฟังดูรุนแรงจนบางครั้งก็มีคนตะโกนออกมาจนคนอื่นคิดว่าคนเหล่านี้กำลังทะเลาะกันเสียแล้ว
หลายวันมานี้พวกเขาได้เรียนรู้ถึงกลยุทธ์ต่างๆของอู๋ ฮ่าวเหรินอย่างระมัดระวังจากสิ่งที่เขาทิ้งเอาไว้ และนั่นก็พบว่าอู๋ ฮ่าวเหรินคืออัจฉริยะที่หาตัวจับยากคนหนึ่งเลย เพราะหลายๆอย่างที่มาจากเขาล้วนแต่เป็นสิ่งที่มีพื้นฐานแตกต่างจากคนอื่นทั่วๆไป
เหล่าคนที่พยายามคิดตามในหลายๆมุม ด้วยทฤษฏีของข้อมูลที่ดูแล้วยังไงก็มีเรื่องปวดหัวตามมาแน่ๆ แต่ลึกๆแล้วมันก็ยังพอมีความเป็นไปได้อยู่บ้าง
ในขั้นต้นนั้น หลายๆคนมองว่ามันยุ่งเหยิงเกินไป แถมด้วยสภาพคอมพิวเตอร์เหล่านั้นก็ต่างกันมาก แต่เมื่อลองตั้งใจศึกษาจริงแล้ว พวกเขาก็พบว่าบางทฤษฎียังไปต่อได้ นั่นจึงเป็นเหมือนแรงบันดาลใจในการดึงให้พวกเขายังพยายามศึกษาต่อ
จากจุดเริ่มต้นแห่งความเหยียดหยาม สู่การยอมรับ และท้ายสุดก็มาอยู่ที่การค้นคว้าอย่างจริงจัง พวกเขาเติบโตราวกับปีศาจ และแน่นอนว่าพวกเขายังคงง่วนอยู่กับการศึกษาอยู่
ข้อมูลเหล่านี้ไม่ได้อยู่ในระดับที่สูงแต่นั่นเป็นเพราะพวกเขายังไม่เข้าใจถึงขั้นที่สูงกว่านี้ต่างหาก
ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งที่อู๋ ฮ่าวเหรินต้องการก็เป็นเพียงหุ่นยนต์อุตสาหกรรมง่ายๆ ในกรณีนี้คอมพิวเตอร์ทั่วๆไปก็เพียงพอแล้ว
“เจ้าสิ่งนี้เป็นยังไงบ้าง?”
“มันยังอยู่ในขั้นทดสอบน่ะ แต่คงไม่มีปัญหาอะไรมากหรอก ข้อมูลก่อนหน้านี้มันถูกต้องหมดเลย ทางด้านนายล่ะ? เป็นยังไงบ้าง ข้อมูลพวกนั้น? ได้ลองหรือยัง?”
“สมบูรณ์ เราใส่โปรแกรมลงไปในคอมพิวเตอร์สำหรับเทสการตรวจจับแล้ว ซึ่งประมวลผลด้วยความเร็วอย่างน้อย 5% ของซูเปอร์คอมพิวเตอร์”
“ไอ้นั่นฟังดูแจ๋วไปเลยแฮะ”
“น่าเสียดายที่อุปกรณ์มันปรับจูนเข้ากับเจ้าสิ่งนั้นของประเทศต้นทางไม่ได้ เพราะงั้นตัวอัพเกรดของโปรแกรมเลยทำงานแบบสมบูรณ์ไม่ได้”
“ฮ่าๆๆ ไม่แน่ว่าพวกเราอาจจะก้าวข้ามพวกนั้นไปก็ได้ในซักวันนึง เครื่องมือวิเศษนี่ เครื่องบำบัดด้วยไฟฟ้าชีวภาพ ก็จะสามารถวิจัยโดยคนๆนั้น ตอนนี้เขามากับโปรแกรมคอมพิวเตอร์นี่ บางทีในส่วนของฮาร์ดแวร์ คงต้องปล่อยให้เขาวิจัยอีกหน่อย”
“ไอ้ที่นายบอกว่า สมองเด็กเติบโตมากกว่า นั่นดูท่าจะเป็นไปได้นะ นี่เขาก็ยังหนุ่มยังแน่น มีอีกหลายๆสิ่งที่พร้อมจะถูกพัฒนา และนั่นทำให้พวกเราดูกลายเป็นพวกคนแก่กันไปเลย”
“จำไว้ ว่าอย่าเปรียบเทียบตัวเองกับปีศาจ ไม่งั้นความมั่นใจจะหายไปหมด”
“คนพวกนั้นกำลังทะเลาะกับข้อมูลอยู่ ดูท่าวันนี้คงจะมีแค่งานวิจัยที่จะมาถึงที่นี่ได้”
หลังจากบทสนทนาของสองผู้นำจบลง พวกเขาก็พบว่าการทะเลาะกันของพวกที่ทำงานยังไม่จบตามตั้งแต่วันแรกจนวันนี้…
เหตุผลสำคัญที่ทำให้บางคนไม่สามารถยอมรับข้อมูลนี้ได้ก็คือมันไม่มีพื้นฐานอะไรมารองรับเลย และถึงมันจะสำเร็จได้ในตอนนี้ การวิจัยชิ้นต่อไปก็จะมีปัญหา
“มันเป็นไปไม่ได้เลย ฉันคิดว่าพวกเรากำลังเสียเวลาเปล่า”
“ในเมื่อคิดว่าเสียเวลาแล้วจะออกไปตอนนี้เลยก็ได้นะ อย่ากวนโมโหให้มาก ฉันกำลังแก้ปัญหาอยู่ เพราะดูเหมือนว่าจะมีอะไรผิดพลาดในกรรมวิธี เร็วเข้า ทุกๆคนอยู่ในส่วนของตัวเองแล้ว ขั้นต่อไปเราต้องทำการทดสอบข้อมูล”
คำพูดที่บอกว่าปัญหาที่กวนใจพวกเขาอยู่เป็นวันถูกแก้ได้แล้วมันทำให้กลุ่มคนพวกนั้นแยกตัวกันออกไป ไม่มีเวลาสำหรับมาทะเลาะกับคนอื่น
“มา มา นายกำลังทำอะไรอยู่ที่นี่น่ะ? เชื่อมต่อข้อมูลเร็ว อย่าขี้เกียจ พวกเราเกือบจะทำสำเร็จกันแล้ว ไอ้สิ่งที่อาจจะเปลี่ยนแปลงอนาคตของมนุษยชาติต่อไปน่ะ”
ชัดเจนเลยว่าเมื่อคุณเข้าสู่ขั้นตอนการทำงาน คุณจะต้องตะโกน เมื่อมีใครช้าลงก็จะมีคนตะโกนขึ้นมาเพื่อเรียกสติ
การคีย์ข้อมูลประเภทนี้ทำให้ผู้คนหมดความอดทนกันและเขาทำได้เพียงคำรามอย่างเกรี้ยวกราดออกมาเท่านั้น
10 นาทีให้หลัง บริเวณหน้าคอมพิวเตอร์กลางก็วุ่นวายด้วยกลุ่มของคนทั้งหลาย เพราะต่างคนต่างก็เบียดตัวเองเพื่อเข้าไปดู
“ฉันเป็นหัวหน้าทีมนะ ขอที่หน่อยดิวะ”
“ไม่ใช่พ่ออย่ามาสั่ง”
“อย่าเหยียบเท้าดิ๊”
“โอ๊ย ใครหยิกก้นฉัน!?”
แม้จะอยู่ตรงหน้าของข้อมูลที่เพิ่งจะเห็นเป็นครั้งแรกแต่คนพวกนี้ก็ไม่ได้มีอาการจริงจังแสดงออกมาเลย เหมือนกับลุงๆที่เบียดเสียดกันอยู่ในโรงอาบน้ำซะงั้น
“ดูท่าว่านายจะตั้งอัพโหลดข้อมูลนี้ขึ้นไปยังจอของห้องแล็บด้วยนะ” ผู้กล้าหาญเอ่ยขึ้นมาขณะยืนมองเท้าตัวเองที่โดนเหยียบมาจะสิบนาทีแล้ว ส่วนบางคนก็พูดอะไรไม่ออก
“อ๊า! สำเร็จ สำเร็จอีกแล้ว!”
“อัจฉริยะ! ปีศาจมากๆ! ไม่มีทางเลย ในครั้งหน้าฉันจะต้องเจอเขาแบบตัวเป็นๆให้ได้!”
“น่าตื่นเต้นจริงๆที่มันสามารถทำให้สำเร็จได้ ทำไมข้อมูลที่ควรจะเสียถึงกับทำงานได้ปกติล่ะ?”
ก่อนหน้านี้ทั้งๆที่ไม่ว่าจะลองวิธีไหนในการตรวจสอบข้อมูลแล้ว ท้ายสุดมันก็จะเสียหายอยู่ดี ดังนั้นจึงเป็นข้อสงสัยค้างคาในหลายๆคน
แต่ในตอนนี้ ด้วยสิ่งที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ ทุกคนกำลังมองไปยังข้อมูลที่ไหลอยู่บนจออย่างต่อเนื่อง มันสำเร็จแล้วจริงๆ มันไม่มีปัญหาอะไรเลย ลื่นปรื๊ดสุดๆ
ความสำเร็จของข้อมูลชุดนี้แสดงให้เห็นว่าพวกเขาบรรลุความสำเร็จส่วนหนึ่งแล้ว และนั่นหมายความว่า หนทางที่จะถึงจุดหมายนั้นอยู่ใกล้ขึ้นเรื่อยๆ
คนๆหนึ่งที่อยู่ในหน้าที่ได้รับโทรศัพท์และหลังจากที่ฟังบทสนทนาจากปลายสายเสร็จแล้วใบหน้าของเขาก็ดูตื่นเต้นอย่างชัดเจน
“หยุด หยุดก่อนเลย มีข้อความมาแจ้ง ทุกๆคนที่อยู่ในโครงการวิจัยครั้งนี้ถือว่าสาปสูญและไม่สามารถติดต่อกับโลกข้างนอกได้ ในการที่จะออกไป จะมีคนพิเศษ 1 คนเข้ามาจัดการเรื่องนี้หลังจากนี้”
หลังจากได้ฟังข่าว กลุ่มคนเหล่านี้ก็ไม่ได้สนใจอะไร เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเขาต้องตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้
ยิ่งไปกว่านั้น นี่ดูจะเป็นสิ่งที่ดีต่อพวกเขาเสียมากกว่า ชัดเจนเลยว่าทางรัฐบาลพบคุณค่าที่พวกเขาคู่ควรจากงานวิจัยกึ่งทดลองชิ้นนี้ เพราะงั้นเงินทุนกับอุปกรณ์สำหรับวิจัยครั้งต่อไปนั้นไม่ใช่ปัญหาแล้ว
“บอส! ให้พวกเขาเปลี่ยนอุปกรณ์ให้เราใหม่เร็วๆเลย เครื่องพวกนี้ตอบสนองกำลังของโปรแกรมนี้ไม่ได้ทั้งหมดแน่”
“ใช่ ตอนนี้เราไม่ต้องกังวลแล้ว สุรุ่ยสุร่ายกับงานวิจัยชิ้นนี้ได้เลย”
“ไม่ต้องกังวล เพราะอุปกรณ์เหล่านี้ยังไงก็ต้องถูกเปลี่ยน ชิ้นส่วนสำรองถูกแยกส่วนและแพ็คไว้แล้ว”
การตอบสนองข้างต้นนั้นค่อนข้างรวดเร็ว ด้านนอกนั้นก็มีทหารมาประจำการอยู่เต็มไปหมด ไม่มีใครสามารถเข้ามายังอาคารสำนักงานได้ทั้งนั้น
หลังจาก 10 นาทีนิดหน่อย เหล่าทหารรักษาการณ์ก็เข้าควบคุมที่แห่งนี้และแต่งตั้งเป็นพื้นที่ต้องห้ามทางการทหารเรียบร้อย
เสี่ยว เชิงผู้ที่ซึ่งเข้ามาจากด้านนอกได้รับคำเตือนบางอย่างแต่เขาก็ไม่รู้อะไรมาก
เขาเองยังรู้สึกงุนงงไม่น้อยกับการที่เห็นกองทัพมาคุมสถานการณ์ที่อาคารวิจัยแห่งนี้ เขาคิดกับตัวเองว่า พวกข้างในนี้ทำอะไรแปลกๆอยู่หรือเปล่านะ?
อู๋ ฮ่าวเหรินเองก็ได้รับข้อความจากจื่อหยง แต่เขาไม่ได้ระวังอะไร ข้อมูลที่กำลังศึกษานั้น ทั้งหมดเขาเป็นคนจัดหาอยู่แล้ว การก้าวเดินไปพร้อมกับความมีอิทธิพลของเครื่องบำบัดด้วยไฟฟ้าชีวภาพนี้ จำกัดอิสระภาพของเขา ซึ่งไม่ต่างอะไรกับความตายที่สมบูรณ์
หลังจากนั่งทำความเข้าใจกับเรื่องที่จื่อหยงเล่า เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลที่ฮึกเหิมจะทำการใหญ่เครื่องนั้น อู๋ ฮ่าวเหรินก็กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือกเพื่อให้จื่อหยงรับรู้สึกว่าเขาตื่นเต้นเกินไปจนลืมไปแล้วว่าความสงบเป็นเช่นไร
“ปล่อยให้พวกเขาผสานโปรแกรมนั่นเข้ากับข้อมูลสำคัญๆไปให้มากที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหลักของความจริงน่ะ เสียงเพลงที่ขับกล่อมอะไรก็ตามที่เกิดขึ้นในหุบเขา บางครั้งก็ไม่ได้มีไว้เพื่อเรียกสุนัขจากที่ไกลๆหรอกนะ คุณจะลองใช้มุมมองนี้ด้วยก็ได้ บางทีอาจจะได้อะไรที่ไม่คาดฝันออกมาบ้าง” อู๋ ฮ่าวเหรินเตือนสติไม่ให้พวกเขาศึกษาอะไรที่ผิดลู่ผิดทาง
ถึงแม้ว่าจื่อหยงจะมีข้อสงสัยบ้าง แต่เขาก็บอกข้อมูลที่อู๋ ฮ่าวเหรินให้มากับศูนย์วิจัยคอมพิวเตอร์นั่นไปแล้ว
———————