CF:บทที่ 105 การสอบถามทางโทรศัพท์
หลังจากวันที่ง่วนอยู่กับงานผ่านพ้นไป อู๋ ฮ่าวเหรินก็เดินทางกลับบ้าน และเมื่อเขาถึงบ้านก็พบว่าสถานการณ์บางอย่างนั้นมันต่างออกไปจากเดิม
“พ่อกับแม่ กำลังทำอะไรกันอยู่น่ะครับ?”
เมื่อ เฉิง ซูเซียเห็นลูกชายของเธอกลับมา เธอก็รีบลุกออกมาแล้วจ้องไปยังเขาเลย “ทำไม? มีอะไรที่แม่ทำได้บ้าง? นี่ไม่ใช่ปัญหาของแกคนเดียวซักหน่อย”
อู๋ ฮ่าวเหรินมองท่าทีนั้นด้วยความงุนงงก่อนจะเอ่ยถาม “เกิดอะไรขึ้น? ผมกำลังยุ่งๆอยู่ที่บริษัทช่วงนี้”
“ปัญหาก็เพราะบริษัทของแกนั่นแหละ แกเห็นข่าวที่ออกแล้วใช่ไหม เจ้าเด็กอู๋เชิงนั่นเชื่ออะไรไม่ได้ บริษัทของแกเริ่มหลังจากเขาหลุดปากออกมา ตอนนี้ทุกคนรู้แล้วว่าแกน่ะมีบริษัทใหญ่อยู่ คราวนี้คนพวกนั้นต่างก็มาที่บ้านแล้วก็ฝากลูกฝากหลานจะให้เข้าทำงานเต็มไปหมดเลย”
“เพราะงั้นแล้วแกไม่ต้องซ่อนอยู่ในบ้านเหมือนขโมยแบบนี้แล้วล่ะ”
“ไม่ต้องหลบซ่อน พวกเขามาถามพวกเราแต่ก็ทำได้แค่ปฏิเสธไปแบบหนักใจ”
อู๋ ฮ่าวเหรินส่ายหน้าเบาๆ เขาไม่ได้เหมือนคนอื่นที่จะหนีปัญหาเหล่านี้ เพราะในเวลานี้บริษัทเขาเองก็กำลังรับสมัครพนักงานอยู่
“ถ้างั้น ถ้ามีใครต้องการที่จะหางานทำล่ะก็ ติดต่อไปที่อู๋เชิงเลยครับ บริษัทของเรากำลังขาดแคลนพนักงานอยู่พอดี แต่ถ้าใครไม่เหมาะสม แม่ก็ช่วยบอกเขาว่า เมื่อพวกเขาเข้าไปในบริษัทแล้วก็ให้ทำตามผู้จัดการดีๆ อย่าทำตัวเป็นปัญหาและมาทำตัวบ้าๆใส่ผมเวลานั้น”
อู๋ ฮ่าวเหรินไม่สามารถจัดการเรื่องนี้ได้ เพราะฉะนั้นอะไรก็ตามที่พวกเขาทำเองได้ ก็ทำๆไปซะ
นอกจากนั้น ตั้งแต่พนักงานธรรมดาถึงพวกพนักงานที่ชำนาญการพิเศษ บริษัทค่อนข้างจะต้องการอย่างเร่งด่วนมากๆ ถ้าคุณไม่มีความสามารถมากพอ ก็ไปที่ส่วนของโรงงานแล้วก็จัดการแพ็คของกับดูแลสินค้าซะ แต่ถ้าคุณมีความสามารถนอกจากนั้น ก็เข้ามานั่งในออฟฟิศ
อู๋ ชิงไห่ถามเพื่อความแน่ใจ “มันจะไม่เป็นปัญหากวนใจของลูกอีกใช่ไหม?”
“ไม่ แต่ถ้าพ่อกับแม่มีปัญหากับเรื่องนี้ ผมจะซื้อบ้านในเขตเทศบาลแล้วพวกเราจะย้ายไปอยู่ในนั้นกัน”
“บ้า แม่ไม่เหมือนพ่อแกหรอก แต่มันโอเคนะถ้าจะซื้อบ้านใหม่ อย่างไรก็ตาม แกจะได้ใช้มันตอนแต่งงานไง”
อู๋ ฮ่าวเหรินมองไปยังแม่ที่กำลังพูดถึงเรื่องการหาลูกสะใภ้เข้าบ้าน เขารีบหาจังหวะเพื่อจะกลับไปยังบ้านของเขาทันทีเลย
“เด็ก”
“เอาเถอะ คุณพูดเองว่าลูกน่ะมีเงินแล้วเพราะงั้นถ้าเขาจะไม่หาสะใภ้ก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอกน่า”
“ถ้าแกขับรถ แกจะเห็นว่าลูกหลานคนอื่นๆต่างพากันวิ่งหนี ลูกหลานของฉันเองก็ไม่รู้ว่าพวกเขาหนีไปไหนเหมือนกัน”
…
กลับมายังห้อง อู๋ ฮ่าวเหรินเพิ่งจะมีโอกาสได้เข้าไปยังซองแดงเพื่อรับรู้ถึงความมีอิทธิพลของหยกโบราณก็วันนี้เอง
จู่ๆโทรศัพท์ก็ดังแบบที่ไม่ได้คาดฝัน เมื่อดูแล้วก็พบว่าเป็น หลี่ เสียวเหม่ย จากฝ่ายบุคคลของบริษัท
“สวัสดีพี่หลี่ ไม่น่าเชื่อว่าพี่จะมีเวลาว่างโทรมาหานะเนี่ย”
“ทำไมฉันจะโทรหาไม่ได้ล่ะ? นายเองเป็นหัวหน้านะ บางทีพี่สาวคนนี้อาจจะวิ่งไปหานายวันนี้เลยก็ได้”
“ฮ่า ฮ่า ถ้าพี่มาจริงล่ะก็ จะเปลี่ยนให้เป็นฝ่ายจัดหาทรัพยากรณ์มนุษย์ของบริษัทให้เลย”
“งั้นนายต้องจำสิ่งนี้ไว้แล้ว บริษัทของเราอาจจะต้องเปลี่ยนบอสใหม่แล้ว พี่ไม่รู้เลยว่าพี่จะทำงานในบริษัทต่อได้ยังไงในกรณีนี้นั้น”
อู๋ ฮ่าวเหรินตกใจไม่น้อย เขาจะเปลี่ยนหัวหน้าใหม่ยังไงกันนะ? ผู้หญิงที่อยู่เหนือกว่าระดับหัวหน้าคนนั้นไม่ใช่ลูกสาวของเจ้าของธุรกิจเครื่องเพชรและเขาเองก็คงไม่ขาดเงิน
“เกิดอะไรขึ้น?”
“ถ้าเจ้านายอยากกลับไปช่วยธุรกิจเครื่องเพชรของพ่อของเธอคนนั้น บริษัทก็ต้องเปลี่ยนมือ ถึงจะพูดว่าการดูแลรักษาของบริษัทจะยังเหมือนเดิมก่อนที่จะโอนย้าย แต่คุณก็ต้องเข้าใจสถานการณ์ของบริษัทตอนนี้ด้วยนะ”
แน่นอนว่าอู่ ฮ่าวเหรินรู้ว่าบริษัทในตอนนี้สามารถไปต่อได้เพราะประสิทธิภาพของตัวบุคคลและความสัมพันธ์ของเจ้านาย
และถ้าเปลี่ยนเจ้านายใหม่ บริษัทก็จะไม่สามารถดำเนินตามแบบเดิมที่เคยเป็นมาได้ หลายๆอย่างจะเปลี่ยนไป
“ลืมมันไปซะ อย่าพูดถึงมันอีกจะดีกว่า พี่สาวหลี่ของนายโทรมาในครั้งนี้ และเธอไม่อยากพูดถึงมัน โอเคนะ นายคงจะรู้แล้วถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ฟิวเจอร์กรุ๊ปเนี่ย ดูท่าจะอยู่ในพื้นที่บ้านเกิดนายหรือเปล่านะ? ฉันจะมาถามว่านายพอจะไปยังบริษัทของพวกเขาเหล่านั้นได้มั้ยจากนั้นก็ช่วยซื้อเครื่องบำบัดด้วยพลังงานไฟฟ้าชีวภาพให้หน่อย”
หลี่ เสียวเหม่ย ยังดูเป็นคนเข้าใจยาก จากนั้นเธอก็พูดต่อ “ฉันจะทำการสั่งจองเที่ยงนี้ แต่ก็แอบรู้มาว่ายอดสั่งจองมันสูงมากจนทะลุลิมิตไปแล้ว ฉันคิดว่านายมาจากเขตหยุนหลง ก็เลยอยากจะให้ลองให้หน่อย แต่ถ้าทำไม่ได้เดี๋ยวฉันน่าจะซื้อมันทีหลัง”
อู๋ ฮ่าวเหรินหนักใจเล็กน้อย เขาอยากจะพูดไปว่าเขาเนี่ยแหละเจ้าของบริษัท แต่ก็กลัวว่าเธอจะไม่เชื่อ
“เข้าใจแล้ว ผมจะลองทำดู ถ้าซื้อได้แล้วจะส่งไปให้นะ”
“ขอบคุณมากๆเลย ถ้างั้น ฉันไม่รบกวนแล้ว”
หลังจากที่วางโทรศัพท์ไปไม่นานมันก็ดังขึ้นอีก เมื่อหยิบขึ้นมามันก็ทำให้เขารู้สึกว่าตนเองเป็นเพื่อนร่วมงานที่ดีต่อคนอื่นจริงๆ
เขาเดาได้เลยว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นต่อจากนี้ และผลลัพธ์มันก็ไม่ได้ทำให้ประหลาดใจเสียเท่าไหร่ เพราะปลายสายเองก็ถามถึงเรื่องเครื่องบำบัดด้วยไฟฟ้าชีวภาพตามคาด
กว่าแม่เขาจะเรียกไปกินข้าว ตัวเขาเองก็ต้องรับโทรศัพท์จากเพื่อนๆในโรงเรียนกว่า 8 สาย และทั้ง 8 สายก็พูดถึงแต่เครื่องบำบัดด้วยไฟฟ้าชีวภาพกันหมดเลย
เห็นได้ชัดเจนเลยว่า หลังจากที่เผยแพร่ไปเมื่อคืนและการยืนยันประสิทธิภาพจากแหล่งข่าวต่างๆ ทุกคนต่างก็เชื่อมั่นในสินค้าของเรามากๆ
ฉันคิดว่าฉันควรคุยกับเหล่าคนในซองแดงหลังจากรับประทานอาหารเย็นเสร็จ และทันใดนั้นฉันก็ต้องเข้าไปหยิบโทรศัพท์ เมื่อดูแล้วก็พบว่ามีสายจำนวนมากที่เขารับไม่ทัน
มันมาจากเพื่อนที่โรงเรียนเก่า เพื่อนร่วมห้อง รวมไปถึงเพื่อนในหอเก่าด้วย
อู๋ ฮ่าวเหรินโทรกลับแบบตัวต่อตัวโดยไม่มีข้อยกเว้น พวกเขาถามถึงเรื่องฟิวเจอร์กรุ๊ปและเครื่องบำบัดด้วยไฟฟ้าชีวภาพ บางคนก็ถามถึงการรับสมัครพนักงานของฟิวเจอร์กรุ๊ปและพวกเขาเองก็อยากที่จะลองเช่นกัน
ในการเผชิญหน้ากันผ่านโทรศัพท์เช่นนี้ อู่ ฮ่าวเหรินไม่รู้ว่าจะตอบอะไรดี และในอนาคต คนเหล่านี้ก็คงจะรู้ถึงสถานการณ์ของฟิวเจอร์กรุ๊ป จากนั้นจะเป็นยังไงต่อเขาเองก็คิดไม่ออกแล้ว
อย่างไรก็ตาม จากการรับสายของคนเหล่านี้ อู๋ ฮ่าวเหรินก็พอจะเข้าใจถึงสถานการณ์ของเครื่องบำบัดด้วยไฟฟ้าชีวภาพนี้ และโชคดีที่เขาปิดระบบสั่งจองไปแล้ว ไม่งั้นคงจะมีปัญหาใหญ่ตามมาแหงๆ
คุณไม่สามารถปล่อยให้คนอื่นรอครึ่งปีเพื่อจะได้สินค้าที่พวกเขาสั่งจองไปแล้วได้
เมื่อมั่นใจแล้วว่าคงไม่มีใครโทรมาอีก เขาจึงขอให้จี้พาเขาเข้าระบบซองแดงไปเลย
การเข้ามาของเขาทำให้ทุกคนต่างให้ความสนใจ
“พ่อค้าของเก่ามาแล้ว! มาสายนะวันนี้”
“สวัสดีทุกคน วันนี้มาสายหน่อยแต่ฉันมีข้อเสนอมาแลกเปลี่ยนน่ะ ว่าแต่…คุยอะไรกันอยู่เหรอ?”
“เกิดอะไรขึ้น? ตอนนี้ชื่อของนายมันกระฉ่อนไปทั่วสหพันธ์แล้วน่ะสิ ในโลกของโบราณวัตถุ ทุกคนพยายามค้นหาตัวตนของนายเลยนะ” นักธุรกิจพลังงานพูด
“ฮ่าๆๆ ถ้าเขาจะหาเจอนั่นก็แสดงว่าเขามีศักยภาพสูงพอตัวแล้ว”
อู๋ ฮ่าวเหรินไม่ได้กังวลกับสิ่งต่างๆในตอนนี้ นั่นเพราะ เที่ยนหยู่กรุ๊ปใช้ธุรกิจของเขาในการแผยแพร่ซองแดงและดึงดูดเหล่าผู้คนที่ค่อนข้างจะพิเศษกว่าคนอื่น
แน่นอนว่าอู๋ อ่าวเหรินเคยประท้วงกับคนเหล่านี้แล้ว เหล่าคนที่นำชื่อเสียงของเขาไปใช้ในทางที่เขาไม่เคยยินยอม
“ฉันกำลังถูกเรียกหาโดยกลุ่มคนที่อยู่เลเวล 2 และฉันกำลังจะไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น”
อู๋ ฮ่าวเหรินสลับไปยังกลุ่มของเลเวล 2 และพบว่าทุกคนกำลังพูดถึงเขา
ชัดเจนสุดๆที่หยกโบราณทั้ง 2 ชิ้นนั้นทำให้เขาโด่งดังขึ้นมา
“นั่น เศรษฐีนักแลกเปลี่ยนโบราณนี่ นายพอจะมีวัตถุโบราณบ้างไหม? แน่นอนว่าอะไรโบราณก็เอาหมดแหละ ตราบใดที่มันมาจากโลกยุคก่อนนะ” นักรายงานสถานการณ์ดวงดาวพูด
“ใช่ๆ เศรษฐีใหม่ นายยังมีอะไรอยู่ไหม? ฉันอยากจะแลกเปลี่ยนกับนายนะ”
ดูจากท่าทีที่กระเหี้ยนกระหายอยากขอแลกเปลี่ยนแบบนี้ ฮู๋ ฮ่าวเหรินก็บังเกิดปีศาจในใจขึ้นมาและพร้อมที่จะใช้ลูกเล่นกับพวกเขา “ใช่แล้ว ผมคือพ่อค้าโบราณวัตถุ และผมได้มันมาจากโลกยุคก่อน ดีล่ะ รอก่อนนะ พวกคุณไม่ต้องแย่งกันหรอก เดี๋ยวผมจะส่งของโบราณบางอย่างให้”
หลังจากที่ส่งข้อความออกไป อู๋ ฮ่าวเหรินก็ออกมาแล้วก็เดินไปที่ไหนซักแห่ง
———————-