CF:บทที่ 118 อีเมลคำเชิญจากฟิวเจอร์กรุ๊ป
นี่คือจดหมายถึงแฮกเกอร์ ดูจากส่วนที่เปลี่ยนแปลงไป มันน่าจะเป็นข้อมูลประจำตัวของแฮกเกอร์
แน่นอนว่า ข้อมูลที่ถูกเปลี่ยนแปลงข้างต้นนั้นไม่ใช่ไม่ใช่ประเด็น ประเด็นก็คือผู้ส่งจดหมายนี้เป็นประธานของฟิวเจอร์กรุ๊ปแน่นอน
ใช่แล้ว ลายเซ็นของผู้ส่งเป็นชื่อสามคำของประธานฟิวเจอร์กรุ๊ปและที่อยู่อีเมลเป็นที่อยู่ของฟิวเจอร์กรุ๊ป
“บ้าน่า อีเมลนี่ของจริงรึเปล่า?”
“ดูเหมือนว่ามันเป็นของจริง เมื่อครู่ฉันตรวจสอบมันแล้ว และพบว่าที่อยู่เป็นของฟิวเจอร์กรุ๊ปแน่นอน ไม่มีใครที่น่าจะปลอมแปลงของแบบนี้ได้ อีกอย่าง ด้วยเทคโนโลยีของเราหากมันเป็นอีเมลปลอมก็จะรู้ได้ง่ายๆเลย มันเปล่าประโยชน์”
“แน่นอนว่ามันไม่สามารถปลอมแปลงได้ นายช่วยดูเนื้อหาข้างต้นหน่อยได้ไหม นี่คืออีเมลการรับสมัครที่ส่งมาโดยฟิวเจอร์กรุ๊ป แมวขี้เกียจได้อีเมลแบบนี้มาได้ยังไง? นี่เขาสมัครคนเข้าฟิวเจอร์กรุ๊ปงั้นรึ?”
ณ ตอนนี้แมวขี้เกียจผู้เผยแพร่อีเมล ได้ปรากฏตัวขึ้นและพูดว่า “สวัสดีทุกคน พวกคุณน่าจะเห็นอีเมลที่ฉันส่งไปถามแล้ว คุณได้รับอีเมลเช่นนี้หรือไม่?”
“ไม่นะ มีเรื่องอะไรหรือ?”
“เราไม่ได้สมัครเข้าบริษัทของพวกเขานี่ แล้วเราจะได้รับอีเมลเช่นนี้ได้ยังไง?”
“ดูเหมือนฉันจะได้มันมาแล้ว”
“…”
“ฮ่าๆ ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่แค่ฉันคนเดียว ฉันคิดว่าฟิวเจอร์กรุ๊ปทำเรื่องเข้าใจผิด มันดูเหมือนว่านี่คืออีเมลรับสมัครที่ส่งถึงฉัน”
“อันที่จริงแล้ว ฉันไม่ได้ส่งประวัติย่อของฉันไปที่ฟิวเจอร์กรุ๊ปนะ อีเมลนี้เพิ่งได้รับหลังจากการโจมตี และมันก็ได้รับมาจากอีเมลส่วนตัวด้วย”
คำพูดสุดท้ายของเขา สร้างความปั่นป่วนในฟอรั่ม เมื่อกล่องจดหมายส่วนตัวได้รับอีเมล พวกเขาก็คิดถึงความร้ายแรงของปัญหาในทันที
“ดูเหมือนว่าทุกคนจะคิดถึงเรื่องเดียวกัน ใช่แล้ว ข้อมูลตัวตนของพวกเราเหมือนว่าจะถูกได้ไปโดยบริษัทตอนที่โจมตีเว็บไซต์ของพวกเขา ฉันไม่รู้ว่าพวกเขาได้ไปเท่าไหร่ แต่เรามั่นใจได้เลยว่าตัวตนที่แท้จริงของพวกเราถูกคนอื่นรู้แล้วอย่างแน่นอน”
“มันเป็นไปไม่ได้ ข้อมูลทั้งหมดที่ฉันใช้นั้นเป็นของปลอม ต่อให้พวกเขาจะได้บัญชีที่ฉันใช้ในการโจมตี เขาพวกก็เอาข้อมูลที่ถูกต้องของฉันไปไม่ได้”
“ฉันก็ใช้ข้อมูลระบุตัวตนปลอม แต่ปัญหาก็คือ หลังจากนั้นฉันก็ได้รับอีเมลแบบนี้ด้วย”
คนที่จะบอกว่าพวกเขาใช้ข้อมูลระบุตัวตนปลอมนั้นเงียบไปครู่หนึ่ง ในเมื่อข้อมูลของคนอื่นถูกเปิดเผย ข้อมูลของพวกเขา พอคิดถึงความแข็งแกร่งของฟิวเจอร์กรุ๊ปแล้วพวกเขาถอนหายใจ
“เอ่อ ฉันไม่ได้ส่งอีเมลนี้เพื่อปราบปรามคุณ นอกจากนี้ ฟิวเจอร์กรุ๊ปจะไม่เปิดเผยข้อมูลของคุณ (ถ้าคุณไม่ไปโจมตีเว็บไซต์ของคนอื่น) ฉันต้องการจะถามว่า จะไปที่ฟิวเจอร์กรุ๊ปดูไหม?”
“ถามอะไรมาได้ มันก็แน่อยู่แล้ว มันเยี่ยมไปเลย ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ทรงพลัง หรืออุปกรณ์ไฟฟ้าชีวภาพบำบัดล่าสุดของพวกเขา มันก็แสดงให้เห็นแล้วว่าบริษัทมีกำลังเทคโนโลยีที่แข็งแกร่ง”
“ใช่ ฉันเริ่มอิจฉานายแล้ว ทำไมฉันไม่ได้อีเมลแบบนี้มั่งล่ะ?”
หลายคนบอกว่าพวกเขาสิ้นหวัง และเทคโนโลยีของพวกเขาก็ดี แต่ทำไมพวกเขาไม่ได้รับอีเมล? สิ่งนี้ทำให้หลายคนเริ่มสับสนและสงสัยในระดับเทคโนโลยีของพวกเขา
“บางที ตอนที่พวกเขาค้นพบข้อมูลของฉัน พวกเขาก็พบว่าอาชีพของฉันตรงตามความต้องการของบริษัทของพวกเขา ฉันมีความเชี่ยวชาญในการบำรุงรักษาฐานข้อมูล”
“ฉันขอพูดหน่อยได้ไหม? ฉันก็ได้รับอีเมลด้วยเหมือนกัน ทว่า งานจริงของฉันดูเหมือนจะไม่เกี่ยวข้องกับคอมพิวเตอร์เลย ฉันทำงานอยู่ในสายการค้าบริการ”
โอ้ แมว ขี้เกียจเกือบจะกระอักเลือด เขาเห็นว่ากำลังปลอบโยนพวกเขา แล้วทำไมถึงได้ผลตรงกันข้าม
“คุณสามารถไปที่บริษัทนี้ และดูว่าขอบเขตของงานคืออะไรหลังจากที่คุณไปถึงที่นั่นก็ได้ แต่ฉันรู้สึกว่าหลังจากคุณไป สิ่งแรกที่คุณจะทำคือการเรียนรู้”
“ใช่แล้ว ให้พูดตรงๆ ฉันต้องการจะเข้าไปในบริษัทนี้ แต่พวกเขาไม่ส่งอีเมลมาหาฉัน น่าอิจฉาจริง!”
แม้ว่าพวกเขาจะไม่พูด แต่พวกเขาก็เข้าใจชัดเจน ในเมื่อฟิวเจอร์กรุ๊ปส่งอีเมลถึงพวกเขา นั่นหมายความว่าเทคโนโลยีที่คนเหล่านี้แสดงให้เห็นในสงครามการโจมตีครั้งนี้มีค่ากับฟิวเจอร์กรุ๊ป
ในขณะเดียวกัน ก็สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาที่การโจมตีของพวกเขารั่วไหลออกมาต่อหน้าคนอื่นอย่างสมบูรณ์ การค้นพบนี้มีผลกระทบอย่างมากต่อความมั่นใจในตนเอง
และยังให้พวกเขาเข้าใจว่า พวกเขาไม่ได้สู้กลับในตอนแรก มันเหมือนว่าพวกเขากำลังเลือกคนที่มีความสามารถสำหรับบริษัทของพวกเขา และพวกเขา เหล่าผู้เข้าร่วมในการคัดเลือกเข้าใจว่าหลายคนต้องรู้สึกอึดอัด
บางคนออกจากฟอรั่มไปเลย บางคนก็ยอมรับความจริงไม่ได้ มันน่าหงุดหงิดเกินไป
ในสายตาของอีกคน การโจมตีของแฮกเกอร์เป็นการแข่งขันเพื่อคัดเลือกผู้มีความสามารถ
เมื่อนึกถึงสิ่งที่พวกเขาพูดในงานแถลงการณ์ในตอนแรก มันช่างน่าขันจริงๆที่พวกเขาอาจจะเป็นเด็กไร้เดียงสาในสายตาของอีกคน
อารมณ์เช่นนี้แพร่กระจายไปในฟอรั่มอย่างรวดเร็ว แฮกเกอร์ที่ไม่พอใจกับผู้ที่เดิมทีมั่นใจในตนเองก็ถูกโจมตีและยังทำให้พวกเขายอมรับความจริงให้ชัดเจน
พวกเขาโชคดีที่ไม่ได้เป็นผู้ที่ล้มเหลวและทำให้อุปกรณ์ของตัวเองถูกทำลาย
และผู้ที่ได้รับเลือกจากการโจมตีครั้งนี้ก็เป็นผู้ที่โชคดียิ่งกว่า แม้ว่าพวกเขาจะยังผิดหวัง แต่พวกเขามีความสุขมากที่คิดว่าพวกเขาจะได้เข้าไปในบริษัทเช่นนี้เพื่อเรียนรู้เทคโนโลยี
คนในกลุ่มต่อต้านแฮกเกอร์อาจจะรู้สึกว่าเรื่องแบบนี้ไม่ดีเมื่อมันถูกเผยแพร่ออกไป และพวกเขาจึงไม่ได้รายงานเรื่องอีเมลการรับสมัคร
และมันก็อาจเป็นไปได้ว่าพวกเขาไม่อยากให้การเผยแพร่แก่ฟิวเจอร์กรุ๊ปโดยไม่รู้ตัว
อู๋ ฮ่าวเหรินผู้กำลังเรียนรู้เทคนิคการทำซุปจากพ่อครัวชาวจีนในระบบซองแดงอยู่ ไม่รู้เลยว่าอีเมลของเขากลายเป็นเงามืดที่อยู่ในใจของแฮกเกอร์มากแค่ไหน
มันถึงกับเป็นไปได้ว่าแฮกเกอร์จำนวนมากจะบอกลาตัวตนในฐานะแฮกเกอร์อย่างสมบูรณ์เนื่องจากการโจมตีครั้งนี้
“ลุงชาวจีน ใช้เวลานานเท่าไหร่ถึงจะฝึกใช้มีดนี่สำเร็จเสร็จ”
“เอ่อ ถ้าเป็นเชฟที่มีพรสวรรค์ สามปีก็น่าจะเข้าวงการได้ สิบปีถึงได้ระดับเดียวกับฉัน”
โดยไม่ต้องบอกอู๋ ฮ่าวเหรินก็นั่งก้มหน้าเขี่ยพื้นที่มุมห้อง
เขาเห็นวิดีโอที่ส่งมาโดยเชฟชาวจีน เป็นเทคนิคการใช้มีดที่ยอดเยี่ยม ซึ่งเกือบจะเหมือนกับเทคนิคการใช้มีดในตำนานศิลปะการต่อสู้ ถึงแม้ว่ามันจะดีกว่าการฟันวัวก็ตาม
ในพริบตาเดียว ชิ้นส่วนทั้งหมดของวัตถุดิบก็ถูกตัดแยกออกจากกัน
หากมีทักษะเช่นนี้ มันก็ไม่ดีหรือที่เขาจะแต่งตัวออกไป โชว์ต่อหน้าน้องสาวของเขา แตงกวาจะกลายเป็นดอกไม้แตงกวาในพริบตา แค่คิดก็เจ๋งแล้ว
“ลุง ผมควรเรียนรู้การทำซุปกับลุงดีกว่า ผมไม่มีพรสวรรค์ที่จะเรียนรู้เทคนิคการใช้มีดของลุง”
“พ่อหนุ่มในตอนนี้ก็แค่ไม่ขยันหมั่นเพียรมากพอ! นี่เลยสิ่งประดิษฐ์ในการอาหารรุ่นล่าสุด เครื่องเตรียมอาหาร แม้ว่าฉันจะไม่ชอบของแบบนี้ก็เถอะ อาหารที่มันทำออกมาดูเหมือนขาดอะไรบางอย่างไป แต่สำหรับพ่อครัวมือใหม่ของเรา สิ่งประดิษฐ์นี้จะช่วยเพิ่มความเร็วในการทำอาหารอย่างมาก”
อู๋ ฮ่าวเหรินไม่คิดว่าจะยังมีสิ่งที่จะส่งมาได้โดยไม่ต้องเรียนรู้เทคนิคการใช้มีด ลุงเป็นคนดีจริงๆ เขาเข้าใจความเจ็บปวดของคนไร้ความสามารถขึ้นมาเลย
“ฉันได้พบสูตรลับบางอย่างที่ใช้ทำซุปในโลกยุคโบราณ วันนี้ฉันอยากจะส่งสูตรหนึ่งที่ฉันได้ทดสอบให้กับนาย มันไม่เลวเลย ถ้านายต้องการศึกษาวิธีทำซุปโบราณนี้ นายจะต้องหาอะไรที่มันพิเศษสักหน่อย”
“ไม่มีปัญหา ลุงชาวจีน ส่งมาให้ฉันได้เลย ฉันไม่ขาดอะไรสำหรับการทำซุปในยุคนั้นหรอก”
อู๋ ฮ่าวเหรินคิดว่า เขาจะขาดอะไรไปได้ และถึงจะมี เขาก็ซื้อมันได้
——————-