CF:บทที่ 131 ความตื่นเต้นของมวลชน
ได้เจอกับหลิงหยิ่งใกล้ๆ ทั้งสามคนถึงกับอายม้วนต้วน มันคงจะเป็นอะไรที่น่าขัน ถ้าเกิดคนที่รู้จักพวกเขา ได้มาเห็นภาพนี้เข้า
“ทั้งสามคน…”
“เทพธิดาหลิงครับ, ผมไม่ต้องการอะไรมาก ผมขอแค่ถ่ายรูปกับคุณก็พอครับ” สมองกลพูดขึ้นกะทันหัน
“ใช่, ใช่ พวกเราขอแค่ถ่ายรูปก็พอ”
“เป็นคำขอที่ง่ายดีนะ, ได้สิ, รูปหมู่เหรอ, ถ่ายที่นี่?”
“ครับ, ที่นี่ก็ได้ครับ”
ทั้งสามคนดูมีความสุขมากที่ได้ถ่ายรูปกับหลิงหยิ่ง เตี๋ยอู่มองดูคนแปลกๆทั้งสามคน และคิดว่าเธอจะเล่าเรื่องนี้ให้คุณป้าฟังยังไงดี
มองดูทั้งสามคนเดินออกไป, หลิงหยิ่งรู้สึกว่าพวกเขาน่าจะมาที่นี่ด้วยเหตุผลอะไรที่มากกว่านั้น
“ไปกันเถอะเตี๋ยอู่, ไปหาคุณปู่กันเถอะ”
หลังจากทั้งสามคนเดินออกจากห้องไปแล้ว ต่างก็พูดอะไรกันไม่ออก มนุษย์ชุดเกราะเตะพ่อค้าพลังงานและพูดขึ้น “นายพูดอะไรไม่ออกซักคำเลยรึไง”
พ่อค้าพลังงานยิ้มและตอบกลับ “ไม่เห็นเทพสงครามรึไงเล่า ฉันนี่ถึงกับตัวสั่นพูดอะไรไม่ออกเลยนะ”
“อย่ามาโทษผมล่ะ ถ้าผมไม่พูดขอถ่ายรูปออกไป พวกเราทั้งสามคนได้กลับบ้านมือเปล่าแน่ กลับไปพวกเราคงโดนคนในกลุ่มหัวเราะเยาะแหงๆ” สมองกลรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย
“แต่ผมล่ะทึ่งกับลูกพี่ของพ่อค้าของเก่าจริงๆสามารถที่จะคุยโต้ตอบแบบนั้น ผมล่ะชื่นชมเขาจริงๆ โคตรเท่ห์เลย”
“เอาเถอะ, เลิกคุยเรื่องนี้กันดีกว่า ตอนนี้พวกเราจำเป็นต้องตามหาเชฟชาวจีนเพื่อถามหาเรื่องของโควต้าการเข้ากลุ่ม แต่ไม่เคยรู้เลยนะว่าอาจารย์ว่านถงสวนจะอยู่กลุ่มนั้นด้วย”
ตอนนี้หลิงเทียนซิงกำลังเข้าพบกับนายพลและเหล่าผู้นำในสภาของดาวหม่านหลิง พวกเขาเองก็มีโอกาสไม่มากนักที่จะได้เจอเทพสงครามใกล้ๆแบบนี้ คนเหล่านี้ย่อมที่จะไม่พลาดโอกาสนี้
โดยเฉพาะสำหรับพวกทหาร การได้พบกับเทพสงครามนั้นถึงเป็นเกียรติยศอันสูงสุดของพวกเขาแล้ว
“ท่านเทพสงครามครับ, คุณจะช่วยออกไปพบกับประชาชนและทหารที่ด้านนอกหน่อยได้ไหมครับ? ผมเชื่อว่าพวกเขาเองก็อยากที่จะได้เจอกับท่านเช่นเดียวกับพวกเรา นี่คือความฝันของของพวกเราในสหภาพมนุษย์ทุกคนครับ”
“ผู้กองชาลีครับ นี่อาจจะเป็นความเสี่ยงต่อความปลอดภัยของท่านเทพสงครามก็ได้นะครับ” ผอ.ด้านความปลอดภัยเตือนขึ้น
“ไม่เป็นไร ฉันเองก็ไม่คิดว่าจะมีคนมากมายขนาดนี้ พวกเขาคงอยากที่จะพบกับชายชราที่ใกล้จะลงโลงคนนี้ ไปกันเถอะ”
“คุณปู่คะ, หนูจะไปกับคุณปู่ด้วยค่ะ” ตอนนี้หลิงหยิ่งที่เพิ่งเดินเข้ามาด้านได้พูดขึ้น
มีเจ้าหน้าที่ได้รีบเข้ามาจัดการกับห้องสัมมนาอย่างเร่งด่วนและเปิดใช้ห้องสัมมนาทุกห้อง เพื่อที่จะได้ให้ทุกคนนั้นสามารถเข้ามาที่ห้องสัมมนาได้ กำแพงที่กั้นห้องสัมมนาไว้แต่ละห้องก็ได้ถูกขนย้ายออกไป
ทหารสองกองร้อยได้ถูกส่งมาเพื่อตีกรอบฝูงชนในลานกว้าง ในตอนนี้ เหล่าผู้คนในลานกว้างนั้นไม่ได้โง่, พวกเขาพอจะเดาได้ว่า กำลังจะมีอะไรเกิดขึ้นที่นี่
ทุกคนเริ่มพูดคุยกันและพยายามค้นหาว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้น
“อ๊า! มันเป็นไปได้ยังไง? มันเป็นไปได้ยังไง? ฉันจะต้องฝันไปแน่ๆ ฉันจะต้องฝันไปแน่ๆ…”
“ท่านเทพสงคราม, ท่านเทพสงครามจริงๆด้วย โอ้พระเจ้า วันนี้มันวันอะไรกัน?”
เมื่อได้เห็นรูปของคนที่ขึ้นในจอใหญ่ ผู้คนจำนวนมากต่างก็จำเขาได้ในทันที แม้แต่พวกคนที่รู้สึกตัวช้าเองก็สามารถจำเขาได้อย่างไว
ตราบเท่าที่คุณเติบโตขึ้นมาในเขตของสหภาพมนุษย์แล้ว เทพสงครามคือตัวตนที่ทุกคนจะต้องรู้จัก และใกล้ชิดกับพวกเขามากที่สุด บุคคลที่ยังมีชีวิตอยู่ที่ได้เสียสละอย่างมากให้กับสหภาพมนุษย์
มีบางคนถึงกับสลบลงไปกลางฝูงชน และหุ่นยนต์พยาบาลก็ได้ถูงส่งออกไปช่วยเหลือ จึงไม่จำเป็นต้องกลัวอุบัติเหตุ
“พ่อครับ, ผมได้เจอกับเทพสงครามด้วยล่ะ! ดูนี่สิพ่อ เขาอยู่ที่นี่, เขาอยู่ที่นี่!”
“ไม่ใช่ลูกกำลังเรียนอยู่ไม่ใช่รึไง, ลูกรัก? อ๊ะ! ที่รัก, มานี่เร็วเข้า, มานี่”
“ดูนี่สิ, เทพสงครามล่ะ เทพสงครามจริงๆด้วย ลูกของพวกเราได้เจอกับเทพสงครามแล้ว ลูกของพวกเราได้เจอกับเทพสงครามแล้ว”
เมื่อทั้งคู่ได้รู้ว่าลูกชายของเขาได้เจอกับเทพสงคราม พวกเขาต่างก็ตื่นเต้นดีใจกันอย่างมากราวกับถูกหวย
“พ่อครับ, แล้วดูเหมือนว่าคุณปู่ของหลิงหยิ่งจะเป็นเทพสงครามจริงๆล่ะครับ คุณจะไม่ห้ามผมไม่ให้ไล่ตามเธอแล้วใช่มั๊ยครับ”
“ไม่ห้าม พ่อจะไม่ห้ามลูกให้ไล่ตามเธอคนนั้นแล้ว, และพ่อเองก็จะเป็นแฟนของเทพธิดาด้วยเช่นกัน”
“ใครคือเทพธิดา? หืม, นี่คุณแอบไปทำอะไรลับหลังฉันมางั้นเหรอ”
“ที่รัก, ที่รัก, คุณเข้าใจผิดแล้ว ดูนี่ก่อน, นี่คือหลานสาวของเทพสงคราม ผู้สืบทอดเพียงคนเดียวที่ยังเหลือรอดอยู่”
“อ๊า, เป็นเทพสงครามจริงๆด้วย เธอเป็นหลานของเทพสงครามจริงๆด้วย ก็ได้, ฉันจะอนุญาตให้คุณเป็นแฟนคลับของเธอได้ และฉันเองก็เป็นแฟนคลับของเธอด้วยเช่นกัน”
การปรากฏตัวของเทพสงครามนั้นได้เปลี่ยนบรรยากาศไปโดยสิ้นเชิง ตัวตนของเทพธิดาหลิงหยิ่งนั้นก็ได้ถูกเปิดเผยในที่สุด ในตอนนี้, หลายคนได้รู้แล้วว่าเธอคือหลานสาวของเทพสงคราม
อู๋ฮ่าวเหรินที่อยู่ในระบบซองแดง ได้ดูวิดีโอที่สามคนนั้นได้โชว์ให้พวกเขาดู ซึ่งดูไม่น่าเชื่อว่าอิทธิพลของคนๆเดียวจะส่งผลได้มากถึงขนาดนี้
อย่างไรก็ตาม, เขาเองก็ได้ศึกษาเรื่องของหลิงเทียนซิงผ่านทางข้อมูลที่ถูกให้มาโดยคนพวกนี้, ซึ่งเขาเองก็ได้ชื่นชมชายชราคนนี้อยู่ในใจเช่นกัน
ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ใช่คนที่อยู่ในยุคนั้น, และความรู้สึกของเขาก็ไม่ได้สุดซื้งถึงระดับเดียวกับพวกเขา, แต่เขาก็คิดว่าเขานั้นคือคนฉลาดและเป็นซุปเปอร์ฮีโร่อย่างแท้จริง
“ชักรู้สึกเสียดายแล้วสิ, ทำไมข้าถึงไม่ตามพวกนายสามคนไปด้วยนะ”
“มีใครบ้างที่ไม่เสียดาย ถ้าฉันรู้ว่าเทพสงครามไปที่นั่นด้วย, ฉันคงไปด้วยแล้ว ฉันโตมากับเรื่องของเทพสงครามที่คุณปู่เล่าให้ฟัง”
“ฮ่าๆๆ, แต่คนที่น่าจะเสียดายมากที่สุดในหมู่พวกเราของจะเป็นพ่อค้าของเก่านี่แหละ เขามีโอกาสได้แต่งกับหลานสาวของเทพสงครามแท้ๆ, แต่ได้ชวดโอกาสซะได้นี่ นายนี่มันดวงซวยจริงๆ”
“พวกคุณก็คิดมากไป ถึงแม้ว่า ผมจะเสียดายที่ไม่ได้เจอพวกเขาก็เถอะ แต่ว่าผมก็ไม่ได้เสียดายในเรื่องที่พวกคุณพูดหรอกนะ เอาเถอะ, ผมมีเรื่องอื่นที่ต้องรีบไปจัดการ ดังนั้นผมขอตัวก่อนนะครับ”
หลังจากที่ออกมาจากระบบซองแดง อู๋ฮ่าวเหรินก็ไม่ได้คิดว่าเรื่องนี้จะเกิดขึ้น เขาส่ายหัว, ยังไงเรื่องนี้ก็ไม่เกี่ยวกับเขาอยู่แล้ว และเขาก็ยังไม่รู้ว่าหลิงหยิ่งนั้นต้องการให้เขาช่วยอะไร
ยังมีเรื่องอื่นที่สำคัญกว่า รอให้เขาเข้ามาจัดการที่นี่
ที่ข้อมูลของออฟฟิศเชี่ยลเว็บไซต์นั้น, หลังจากวันที่ได้เผยแพร่ออกไป ตอนนี้ก็ได้สร้างผลกระทบอย่างมากกับประเทศเหล่านั้น
และด้วยการขายอุปกรณ์ไฟฟ้าชีวภาพบำบัด ผลกระทบที่ตามก็มีมากขึ้น มากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งมันอาจจะทำให้ต้องอยู่สภาพที่แก้ไขอะไรไม่ได้แน่ๆ
แม้แต่อู๋ฮ่าวเหรินก็ยังตกใจ เมื่อเขาได้เดินทางมาถึงบริษัทในวันนี้, เขาก็ได้ทราบเรื่องจากพี่หลิวว่า ทางรัฐจะส่งมอบเงินจำนวนมากมาให้ ซึ่งเป็นเงินปันผลกำไรมาจากวัสดุเส้นใยพืช
ซึ่งทำให้เขาไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เพราะวัสดุเส้นใยพืชนั้นยังไม่ได้ถูกเผยแพร่ออกไปเลย และแผนใหญ่ของทางรัฐเองก็ยังไม่ได้ถูกนำมาใช้ อย่างไรก็ตาม, ในช่วงที่ผ่านมานี้ เขาได้ยินมาว่ามีโรงงานพลาสติกหลายโรงได้เริ่มทำการปรับเปลี่ยนโรงงานแล้ว
หลังจากที่ได้รับเงินมาแล้ว เขาก็ได้ถอนเงินมาส่วนหนึ่งและโอนไปยังบริษัทในต่างประเทศที่เขาได้ตั้งโครงการเอาไว้
แน่นอนว่า เงินจำนวนนี้ก็อยู่ในการควบคุมของจี้ เพื่อทำการสร้างฐานทัพลับในต่างแดนตามความแผนของจี้เช่นกัน
ซึ่งมีหุ่นยนต์ 4 ตัวที่ถูกส่งออกไปฐานทัพลับนั้น และพวกมันจะถูกควบคุมโดยจี้เพื่อทำการสร้างฐานทัพลับบนเกาะกลางทะเลที่จี้ได้ซื้อไว้
ในอนาคต, หากมีอะไรที่เขาไม่สามารถพัฒนาได้ในประเทศจีนแล้ว, อู๋ฮ่าวเหรินก็พร้อมที่จะย้ายฐานการผลิตไปที่เกาะนั้น
ในระหว่างที่กำลังดำเนินการเรื่องของอุปกรณ์ไฟฟ้าชีวภาพนั้น อู๋ฮ่าวเหรินก็รู้สึกมีลางสังหรณ์ไม่ดีผ่านการจับตาดูของจี้ และถ้ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้น เขาเองก็พร้อมที่จะหอบเอาทุกสิ่งในบริษัทและย้ายออกไปข้างนอกสักพัก
อีกเรื่องคือผู้เชี่ยวชาญด้านคอมพิวเตอร์ทั้ง 5 คน ที่ถูกจ้างมาเพื่อเป็นแฮคเกอร์นั้น ได้เข้ามาพบกับเขาแล้ว
อีกไม่นาน จะได้มีเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์บางอย่างกำลังจะถูกพัฒนาขึ้นมาแล้ว
——————