CF:บทที่ 133 การสูญเสียของอุปกรณ์
ตอนนี้ในประเทศหนึ่ง, กลุ่มคนได้เริ่มการประชุมรอบใหม่ในเรื่องของอุปกรณ์ไฟฟ้าชีวภาพบำบัด ซึ่งสถานการณ์ในปัจจุบันมันเกินกว่าที่พวกเขาคาดไว้
“เจ้าบริษัทหน้ารังเกียจนี่ พวกมันไม่อยากทำเงินรึไง?”
“ใครจะไปคิดว่าบริษัทนี้มันจะสามารถอยู่ได้โดยไม่ต้องหาเงิน? ผมคิดว่าพวกเราควรดำเนินคดีและฟ้องร้องบริษัทนี้ในข้อหาใส่ร้ายพวกเราด้วยข้อมูลพวกนี้”
“เอาน่า, อย่าบ่นเลยน่า สิ่งที่พวกเราต้องทำตอนนี้จริงๆคือจะหาทางแก้ปัญหาอย่างไรมากกว่า ถ้าพวกเราไม่หาทางแก้ไขออกมา ผมเชื่อว่าพวกคุณน่าจะรู้ดีว่าผลมันจะออกมาเป็นอย่างไร ผมเองก็ไม่ต้องการที่จะก้มหัวให้กับคนพวกนั้นและยอมรับในความผิดพลาดหรอกนะ”
ทุกคนต่างนิ่งเงียบกันหมด ซึ่งในตอนนี้พวกเขาต่างก็อยู่ในสถานะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ในตอนนี้พวกฝ่ายที่คัดค้านเรื่องนี้ในตอนนั้น ก็ได้เริ่มออกมากดดันพวกเขาแล้ว
“แล้วเจ้าหน้าที่ที่เราส่งเข้าไป ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง”
“มันค่อนข้างเป็นงานยาก มีการคุ้มกันอย่างดีจากทางกองทัพ แทบไม่มีโอกาสเลย ถึงแม้เราจะรวบรวมข้อมูลกลับมาเป็นจำนวนมากและนำเอาภาพร่างของอุปกรณ์กลับมาด้วย แต่อุปกรณ์ที่พวกเราลองผลิตขึ้นมาเองก็ยังใช้การไม่ได้”
“มีอะไรที่พวกเราขาดไป แต่ไม่รู้รึเปล่านะ”
“เป็นไปได้ ผมได้ยินมาว่ามันมีโปรแกรมสำหรับใช้ควบคุมอยู่ พวกเราจะต้องเอาโปรแกรมควบคุมนั้นกลับมาให้ได้”
“ผมเห็นด้วยกับแผนนี้ พวกเราไม่จำเป็นที่จะต้องใช้ของที่บริษัทนั้นผลิตก็ได้ และพวกเราเองก็จะฟ้องร้องพวกมันกลับไปด้วย”
“ใช่, ใช่, เอาตามนั้นแหละ”
“ถ้างั้นพวกคุณจะรออะไรกันอยู่, ไปจัดการได้”
…………………….
ในคืนนั้น หลังเที่ยงคืนมาหน่อยๆ อู๋ฮ่าวเหรินยังอยู่ในระบบซองแดง และถามถึงเรื่องสถานการณ์ล่าสุดของที่นั่น
พอได้รู้ว่าอีกไม่นานหลิงหยิ่งก็จะเข้ากลุ่มเชฟเพื่อมาพบกับเขา, อู๋ฮ่าวเหรินก็สงสัยมากว่า เหตุผลอะไรที่ทำให้เธอต้องเคลื่อนไหวมากขนาดนี้ เพียงเพื่อต้องการคุยกับเขาเป็นการส่วนตัวเท่านั้น
แต่อย่างไรก็ตาม คงจะต้องรอจนกว่าเธอจะเข้ากลุ่มเชฟมาได้นั่นแหละ ถึงจะได้รู้เหตุผลของเธอได้
“พ่อค้าของเก่า, ชื่อเสียงของคุณตอนนี้, เพราะการปรากฏตัวของเทพสงคราม บางที่ตอนนี้คุณอาจจะเป็นที่รู้จักของพวกอารยธรรมที่สูงส่งกว่าพวกเราในสหพันธรัฐแห่งจักรวาลไปแล้วก็ได้
“ใช่ๆ, ฉันได้ยินมาว่าตอนนี้เทียนหยูกรุ๊ปกำลังพยายามหาช่องทางการร่วมมือกับอารยธรรมอื่นอยู่ บางทีพวกเราอาจจะได้เจอคนจากอารยธรรมอื่นในระบบซองแดงในอนาคตก็ได้”
อู๋ฮ่าวเหรินเริ่มสงสัยเกี่ยวกับอารยธรรมอื่น สำหรับเรื่องอารยธรรมอื่นๆนั้น คนพวกนี้พูดเหมือนเป็นหัวข้อพูดคุยธรรมดาๆเท่านั้น ไม่มีอะไรมาก
สุดหล่อโคตรเจ๋งเคยบอกว่า เขานั้นเคยได้สู้กับพวกอารยธรรมเล็กๆและติดต่อกับพวกเขามาแล้วหลายครั้ง
“จริงด้วยสิ, คุณชาวไร่, เรื่องเมล็ดที่ผมต้องการเป็นยังไงบ้างแล้วครับ?”
อู๋ฮ่าวเหรินคิดว่าหวังหลานได้บอกเขาในวันนี้่ว่า เขาพบเจ้าสิ่งนั้นบนยอดเขาแห่งหนึ่งที่อยู่ใกล้ๆกับท่าเรือฉุยวาน ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากโรงงานของเขามากนัก
“คนที่นั่นเขาบอกว่าจะเอามาส่งให้วันพรุ่งนี้, แล้วเดี๋ยวผมจะส่งให้คุณทีหลังนะ”
“อ๊ะ, เดี๋ยวนะ ผมมีธุระด่วนนิดหน่อย พวกคุณคุยกันไปก่อนนะ”
อู๋ฮ่าวเหรินออกจากระบบซองแดง, เปิดระบบหน้าจอสามมิติขึ้นมาฉายร่างของจี้ในห้องของเขา, แล้วถามขึ้น “มีเรื่องอะไรรึ? ถึงได้เรียกหาผมด่วน?”
“มีคนบุกรุกเข้ามาในโรงงานผลิตอุปกรณ์ไฟฟ้าชีวภาพบำบัดของกองทัพในเมืองหลี่ชุย, และได้ขนย้ายเอาเครื่องจักรออกไปแล้ว”
“โห, ขนาดอยู่ในเขตค่ายทหารด้วยนะ ประเทศที่มาขโมยนี่เป็นบ้าไปแล้วเหรอ?”
จี้ได้ส่งภาพของการบุกรุกให้ดู
บอกได้ว่าการบุกรุกนั้นดูค่อนข้างจะจริงจังอยู่, เขาพบร่องรอยของการบุกรุกและสิ่งของที่ขโมยออกไป, และมีร่องรอยของการต่อสู้ด้วย
จากรูปถ่าย, พบว่าทั้งหมดเป็นชาวต่างชาติ และคนพวกนี้มีอาวุธที่มีประสิทธิภาพดีด้วย
“บ้าจริง, คนพวกนี้พกพาเอาอาวุธหนักแบบนี้มาได้ยังไง?”
จากนั้นเขาก็เข้าใจ มีรูปของคนมากมายที่มีใบหน้าแบบชาวจีนปรากฏขึ้นมา, และพวกเขาได้พบกับคนพวกนี้ อาวุธพวกนั้นได้มาจากพวกเขานี่เอง
การรวบรวมข่าวสารของจี้นั้นมีประสิทธิภาพมาก, และข้อมูลของคนจำนวนมากก็ถูกส่งเข้ามาโดยฉับไว
“บ้าเอ๊ย, ไอ้พวกหนอนบ่อนไส้, เจ้าพวกคนทรยศ…..”
เมื่อเห็นข้อมูลของพวกเขาแล้ว สีหน้าของอู๋ฮ่าวเหรินก็รู้เศร้าหมองมาก เขาไม่คิดคิดว่าจะมีคนในขายข้อมูลของประเทศชาติไป
“จะให้จัดการพวกเขามั๊ย?”
อู๋ฮ่าวเหรินมองดูข้อมูลที่ส่งมาและพบว่าถ้าเขาจัดการตอนนี้, เขาก็จะจับได้แค่คนพวกนี้เท่านั้น ครอบครัวของพวกเขาน่าจะถูกส่งไปต่างประเทศหมดแล้ว
“จี้, พวกเขาขโมยเครื่องจักรไป, เพราะพวกเขาต้องการที่จะผลิตอุปกรณ์ไฟฟ้าชีวภาพบำบัดเองงั้นสินะ?”
“ใช่, แต่ถ้าปราศจากการควบคุมของฉัน, อุปกรณ์ไฟฟ้าชีวภาพบำบัดก็จะไม่ถูกผลิตออกมาได้อยู่ดี”
“ฉันจำได้ว่าผลิตภัณฑ์ที่เครื่องจักรนั้นผลิตออกมา ถ้าไม่ใส่โปรแกรมพวกนั้นลงไป มันก็ใช้งานไม่ได้ใช่มั๊ย?”
“ใช่, ถ้าปราศจากโปรแกรมเดินเครื่องแล้ว อุปกรณ์พวกนั้นจะไม่สามารถทำงานได้”
ตาของอู๋ฮ่าวเหรินก็เริ่มที่จะฉายแสงขึ้นมา จริงอยู่ที่เขาได้ให้เครื่องจักรกับทางรัฐไปเพื่อให้ทางนั้นผลิตขึ้นมาเองได้
ซึ่งตราบเท่าที่เขายังควบคุมระบบเดินเครื่องอยู่ ต่อให้เทคโนโลยีทั้งหมดถูกเปิดเผย, มันก็จะไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร
“ดีมาก พวกเขามาขโมยเครื่องจักร ก็ปล่อยให้พวกเขาเอามันไป นอกจากนี้, พวกเราก็กำลังต้องการคนช่วยผลิตอุปกรณ์พวกนี้พอดีเลย มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะที่จะมีคนที่อาสามาช่วยเราทำงานให้ฟรีๆแบบนี้”
ปรากฏรอยยิ้มบนสีหน้าของอู๋ฮ่าวเหริน คุณไม่อยากซื้ออุปกรณ์, อยากที่จะผลิตออกมาเอง OKเลย, ถ้าพวกคุณอยากได้แบบนั้น ก็เชิญผลิตให้พอใจเลย แล้วเมื่อถึงตอนนั้นก็อย่ามาร้องไห้ทีหลังก็แล้วกัน
“จี้ จับตาดูพวกเขาให้ดี ถ้าพวกเขาจะผลิตอุปกรณ์พวกนี้ขึ้นมา ตอนนั้นนายช่วยแจ้งเตือนด้วย แล้วก็,พรุ่งนี้่ส่งวิดีโอพวกนี้ไปให้ทางกองทัพแบบไม่เปิดเผยตัว, อย่าให้พวกเขารู้ได้ว่าพวกเราส่งมา
สำหรับประเทศนี้แล้ว, ไม่ว่าจะแย่เพียงไหน, มันก็ควรจะมีสิ่งที่ควรจะทำหรือไม่ทำ
อู๋ฮ่าวเหรินกำลังคิดว่าเขาควรจะเอาระบบรวบรวมและรายงานข้อมูลออกมาดีมั๊ย?, ถึงแม้มันจะไม่ใช่ระบบที่ไฮเทคเท่าไรนัก แต่ก็เป็นระบบที่คนๆหนึ่งคิดทำขึ้นเพราะมีเจ้าหน้าที่ทุจริตมากเกินไป
อย่างไรก็ตาม ระบบนี้ย่อมที่จะส่งผลกระทบอย่างมากกับโลกตามมา, ก่อนที่จะได้บันทึกอะไรลงไปเสียอีก
ยิ่งไปกว่านั้น, เห็นว่าชะตากรรมของพวกคนที่ใช้เจ้าเครื่องนี้แล้วนั้น ก็ล้วนแล้วเจอเหตุการณ์ที่น่าสลด
แต่อู๋ฮ่าวเหรินไม่ได้กังวลเรื่องความปลอดภัยมากนัก ตราบเท่าที่ยังมีจี้คอยควบคุมอยู่ มันน่าจะไม่มีปัญหา
เขาอาจจำเป็นที่จะต้องศึกษาดูว่า อะไรที่เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดผลแบบคนพวกนั้น ถ้าเป็นกรณีนั้น มันควรจะเป็นการดีกว่าที่จะระมัดระวังเอาไว้ เพื่อไม่ให้เกิดวันนองเลือดขึ้น
วันต่อมาที่บริษัท, อู๋ฮ่าวเหรินรู้สึกแปลกใจเมื่อพบว่า ข่าวการขโมยเครื่องจักรนั้น ไม่ได้ถูกเผยแพร่ออกไป
ยิ่งไปกว่านั้น พวกคนเบื้องบนก็ไม่แม้แต่จะแจ้งข่าวนี้แก่เขาเลย เขาไม่รู้ว่าพวกเขากำลังทำอะไรกันอยู่ พวกเขาจะซ่อนปัญหาแบบนี้ไม่ได้นะ
แน่นอนว่า, เขาอาจจะคิดมากเกินไป บางทีสถานการณ์มันอาจจะหนักหนาเพราะปัญหาเกิดขึ้นภายใต้การดูแลของทางกองทัพ
จี้เองก็กำลังรวบรวมและสืบข้อมูลเพื่อป้องกันสายลับที่ซ่อนตัวอยู่
การวิจัยด้านปัญญาประดิษฐ์นั้นจำเป็นต้องป้องกันมากขึ้นเป็นสองเท่า แน่นอนว่า นักวิจัยทุกคนล้วนต้องถูกจับตามอง
อู๋ฮ่าวเหลินพบว่ามีบางสิ่งที่น่าสนใจกว่า, ซึ่งระบบปัญญาประดิษฐ์พวกนี้นั้นสำคัญกว่าอุปกรณ์ไฟฟ้าชีวภาพบำบัด ใช่, พวกเขาไม่รู้เรื่องของการพัฒนาขั้นต่อของอุปกรณ์ไฟฟ้าชีวภาพบำบัด ที่จะสร้างอิมแพคครั้งใหม่ให้กับมนุษยชาติอีกครั้ง แน่นอนว่าเจ้าอุปกรณ์ไฟฟ้าชีวภาพในตอนนี้นั้นยังไม่สำคัญเท่าระบบปัญญาประดิษฐ์
ด้วยเหตุนี้, เขาจึงไม่ค่อยกังวลว่า คนเบื้องบนจะหักหลังเขาเพราะเรื่องอุปกรณ์ไฟฟ้าชีวภาพบำบัด
ในตอนเที่ยงจื่อหยงและเสี่ยวเฉิงตูได้เรียกเขาและบอกกับเขาเรื่องนี้ และบอกให้เขาระวังเรื่องเครื่องจักรในมณฑลหยุนหลง
แต่ทว่า, อู๋ฮ่าวเหรินกลับส่ายหัว เมื่อมองจากสถานการณ์เมื่อคืนแล้ว เครื่องจักรในมณฑลหยุนหลงนั้นง่ายต่อการขโมยกว่า แต่เหตุที่พวกเขาไม่ทำอะไรในเขตหยุนหลง แต่กลับบุกเข้าไปเอาในเขตของกองทัพซึ่งยากกว่า เป็นเพราะว่าเครื่องจักรในโรงงานของเขานั้นได้ถูกปกปิดข้อมูลเป็นอย่างดี
——————-