CF:บทที่ 138 พวกเราไม่ต้องการเงิน
ผู้คนมักพูดกันอยู่เสมอว่าการทำเงินน่ะมันยากแต่การจ่ายออกน่ะมันง่าย, แต่สำหรับอู๋ฮ่าวเหรินนั้นการใช้จ่ายเงินนั้นเป็นเรื่องยากสำหรับเขา
ถ้ายึดตามยอดการสั่งจอง, ต่อให้ผลิตภัณฑ์สามารถทำเงินได้ชิ้นละ 3,000 หยวน, มันก็ยังน่ากลัวเกินไปอยู่ดี
แต่ทว่า, ผลิตภัณฑ์ชิ้นหนึ่งทำเงินได้มากกว่า 3,000 หยวน, และส่วนที่ส่งออกนอกก็ทำเงินได้มากกว่านั้นอีก และเมื่อใดที่ทางรัฐได้เห็นรายงานการเสียภาษี, พวกเขาย่อมที่จะรู้แน่นอนว่าบริษัทสามารถทำเงินได้เท่าไร
ซึ่งย่อมจะต้องเป็นปัญหาใหญ่ตามมาแน่ เขาจำเป็นที่จะต้องใช้เงินพันล้านของเขาให้หมดเดี๋ยวนี้
อู๋ฮ่าวเหรินไม่ได้กลับไปที่แผนกการขาย และคุยกับหวังหลานโดยตรงว่าบริษัทจะสะสางปัญหานี้ผ่านการประชุม
“การประชุมในครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แต่เป็นเรื่องของร้านค้าเฉพาะอย่างของบริษัทเรา ผมต้องการที่จะลงทุน 5 พันล้านหยวนในการแก้ไขปัญหานี้ และแน่นอนว่านี่ไม่ใช่เพดานจำกัด
ทันทีที่อู๋ฮ่าวเหรินพูดออกมา หลายคนที่ไม่รู้เรื่องของสถานการณ์ด้านการเงินของบริษัท ต่างก็ต้องมองเขาด้วยความทึ่ง
สำหรับคนในแผนกการเงินนั้น ไม่ได้ตกใจอะไรกับเรื่องนี้ เพราะพวกเขานั้นช็อคกับความเร็วในการทำเงินของบริษัทมาก่อนหน้านี้แล้ว
“หัวหน้าครับ, คุณมั่นใจนะครับว่าจะใช้เงินมากขนาดนั้นในแผนโครงการร้านค้าเฉพาะอย่าง ทำไมพวกเราไม่ใช้วิธีตัวแทนฝากขายล่ะครับ, แบบนั้นน่าจะประหยัดเงินได้มากกว่านะครับ”
“ไม่, บริษัทของเราไม่จำเป็นต้องประหยัดเงินถึงขนาดนั้น แล้วยังไงๆบริษัทเราก็จำเป็นต้องมีร้านค้าเฉพาะอย่างอยู่ดี สู้ทำมันตอนนี้ไปเลย, พวกเราจะได้ไม่กังวลกับอนาคตทีหลัง”
“แล้วบริษัทของเรามีเงินมากพอที่จะลงทุนมากขนาดนั้นหรือครับ?”
“พี่หลิวครับ, ช่วยอธิบายสถานะทางการเงินของเราให้ฟังหน่อยครับ”
“ในปัจจุบัน, บริษัทมีรายได้หลักจากการสั่งจองสินค้าส่งออก 50 ล้านเครื่อง และตัดออกสำหรับการสั่งจองในประเทศ, ที่จะทำเงินได้ต่อเมื่อขายสินค้าไปแล้วเท่านั้น และเมื่อหักภาษีเงินได้และค่าใช้จ่ายด้านการผลิตออกไปแล้ว กำไรสุทธิของบริษัทเราคือ….”
พี่หลิวหยุดไปพักหนึ่งและมองดูทุกคนที่กำลังตั้งใจฟังแบบหูผึ่ง ซึ่งฉันคิดว่าหลายๆคนคงต้องไม่เชื่อกับจำนวนเงินแน่
“เป็นเท่าไรกันแน่ครับ พี่หลิว?”
“มากกว่า 8หมื่นล้าน, มีรายได้มากกว่า 8หมื่นล้านดอลล่าร์สหรัฐ”
ทุกคนต่างตกตะลึง พวกเขานั้นต่างก็เตรียมใจในเรื่องของผลกำไรของอุปกรณ์ไฟฟ้าชีวภาพบำบัดกันดีอยู่แล้ว พวกเขาต่างก็รู้ดีว่าจำนวนเงินมันต้องมหาศาลมากแน่ๆ แต่เมื่อพวกเขาได้ยิน,พวกเขาต่างก็ไม่อยากจะเชื่ออยู่ดี
มีบางสิ่งที่พวกเขายังไม่รู้, การคำนวณเงินที่หลิวเหมยหรู่คิดออกมาในตอนนี้ คิดออกมาจากยอดสั่งจองเท่านั้น และหากคิดจากราคาจริงของสินค้าแล้วเงินจะต้องมากกว่านั้น
ซึ่งนี่ยังไม่รวมเงินกำไรจากขายสินค้าในประเทศ ซึ่งเธอก็ได้แอบลองคำนวณคิดเป็นการส่วนตัวแล้ว ผลกำไรสุทธิของผลิตภัณฑ์นี้จะต้องมากกว่า 1 ล้านล้านหยวน จากยอดสั่งจองในปัจจุบัน
สีหน้าของอู๋ฮ่าวเหรินไม่ได้เปลี่ยนไปเลย เพราะเขารู้รายละเอียดจากคำนวณของจี้แล้ว ซึ่งพอเขาได้เห็นจำนวนเงินนี้แล้ว เขาจึงได้ตัดสินใจที่จะใช้เงินและทำทุกวิถีทางที่จะใช้ออกไปให้หมด
เมื่อได้เห็นจำนวนเงินนี้แล้ว, ฉันเชื่อว่าคงไม่มีใครสามารถที่จะทำใจให้สงบได้ในตอนนี้ แต่ถึงกระนั้น, ก็ยังมีผลกำไรของวัสดุเส้นใยพืชในประเทศ, ที่ยังไม่ได้รวมลงไป
เมื่อวัสดุเส้นใยพืชเริ่มดำเนินการจริงๆแล้ว, ทางประเทศคงไม่อยู่เฉยแน่ๆ อาจจะเร็วยิ่งกว่าปล้นธนาคารอีก
“เอาเป็นว่า, ไม่ต้องกังวลว่าบริษัทเราจะขาดแคลนเงินตอนนี้ ดังนั้นงานต่อไปของพวกเราคือช่วยบริษัทหาซื้อทำเลดีๆเพื่อเปิดร้านในเวลาอันสั้นที่สุด แล้วก็จ้างพนักงานเพิ่มเขามาพร้อมกันเลย แล้วให้พนักงานใหม่จัดการเรื่องร้านด้วยเลย เป็นการทดสอบพวกเขาไปในตัว แล้วก็จำไว้ด้วยว่า บริษัทของเราไม่ต้องการเงิน”
หลังจากที่การประชุมจบลง พนักงานทั้งหมดของบริษัท, ก็รู้สึกราวกับว่าพวกเขากำลังฝันไป, แต่ตอนนี้พวกเขาต่างก็ได้รู้กำลังที่แท้จริงของบริษัทแล้ว
“หัวหน้าครับ, พวกเราต้องการปรับแต่งอุปกรณ์พิเศษสำหรับใช้ในการทดลองของพวกเราครับ”
เมื่อรู้ว่าบริษัทนั้นรวยมาก, ทั้ง 5 คนจึงไม่จำเป็นต้องสุภาพกับหัวหน้าอีก พวกเขานั้นต้องทำอะไรสักอย่างกับคอมพิวเตอร์เจ๊งๆพวกนั้น จึงได้เหวี่ยงทิ้งออกไปบนฟ้า พวกเขาต้องการที่จะติดตั้งอุปกรณ์ที่ทันสมัยมากกว่านี้
“ถ้าพวกคุณอยากได้อุปกรณ์ใหม่ ก็ไปขอให้แผนกการเงินอนุมัติให้สิ ไม่จำเป็นต้องมาหาผมก็ได้ มาหาผมด้วยเรื่องขี้ประติ๋วแบบนี้ คุณคิดว่าหัวหน้าของพวกคุณว่างมากรึไง!”
อู๋ฮ่าวเหรินขับไสไล่ส่งทั้ง 5 คนไปยังแผนกการเงิน
ฉันไม่คิดว่าการจ่ายเงินจิ๊บจ๊อยแบบนั้นยังไม่พอกับที่ฉันต้องการ ฉันจะต้องจ่ายมากกว่านี้
มันกลายเป็นเรื่องยากขึ้นมาซะแล้ว มันง่ายที่จ่ายเงินล้านในพริบตาเดียว แต่ดูเหมือนจะกลายเป็นเรื่องยากขึ้นมาเมื่อต้องจ่ายเงิน 1หมื่นล้านในพริบตาเดียวเสียแล้ว
ไม่งั้นแล้ว, คงจะต้องหาโครงการใหม่ขึ้นมาเพื่อหาทางใช้เงินซะแล้ว, แต่อู๋ฮ่าวเหรินก็พบว่าตราบเท่าที่มีการสูญเสียเงินออกไป, ผลของมันน่าจะสร้างปัญหาให้มากกว่าการทำเงินเสียอีก
“จี้, มีหนทางที่ดีกว่านี้มั๊ย?” อู๋ฮ่าวเหรินนอนลง, และบีบนวดขมับของเขา
ในชั่วพริบตา, จี้ก็ได้ทำรายการออกมาให้ดู เมื่อมองดูรายการแล้ว, อู๋ฮ่าวเหรินก็คว้าและจับจี้เอาไว้
“เจ้าบ้า, ผมต้องการที่จะใช้เงิน, ไม่ได้อยากเป็นเศรษฐีใหม่นะ ยิ่งไปกว่านั้น, ทำไมผมต้องซื้ออะไรที่มันใช้งานอะไรไม่ได้แบบนี้ด้วย?”
“แต่มันสามารถใช้ได้ในระบบซองแดงและส่งของไปให้พวกเขาเพื่ออัพเกรดได้นะ”
ตาของอู๋ฮ่าวเหรินก็สว่งขึ้นมา ใช่แล้ว, ไม่ใช่ว่าเขากำลังกังวลเรื่องอัพเกรดซองแดงไม่ได้อยู่ไม่ใช่เหรอ นี่แหละที่เขาต้องการ ในเมื่อเขาไม่ต้องการเงิน ก็ซื้อซะ!
แต่ก่อนหน้านั้น, อู๋ฮ่าวหลงก็ได้เริ่มเช็คแผนที่ของอำเภอหยุนหลงก่อน เขาต้องการที่มองหาพื้นที่ๆจะใช้ทำโปรเจคใหญ่ในการจ่ายเงินเสียก่อน
ไม่นานนัก, เขาก็เลือกที่ดินรกร้างที่ปราศจากหมู่บ้านใกล้ๆ และมีภูเขาหินมากมายแต่ปราศจากต้นไม้, เรียกได้ว่าที่แห่งนี้เป็นสถานที่รกร้างที่สุดในอำเภอหยุนหลง
เขาออกมาจากบริษัทและพบว่าอู๋เชิงได้ขับรถออกไปรับน้องสาวแล้ว เขาจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและโทรหาหลี่เหวินหัว ซึ่งตอนนี้เขาได้กลับมาแล้ว และก็ไม่น่าจะมีธุระต้องออกไปหาใคร
“เรียกผมมาตอนนี้ มีอะไรให้ช่วยรึเปล่า?”
อู๋ฮ่าวเหรินพูดพร้อมกับยิ้ม “รบกวนคุณรึเปล่า?”
“ก็ไม่นะ, ตอนนี้ผมก็ว่างอยู่ด้วย”
“ดีเลย คุณบอกว่าคุณได้เข้ารับการฝึกการต่อต้านโจรกรรมสินะ ดังนั้นคุณน่าจะพอรู้จักใครในกองทัพบ้าง ผมต้องการที่จ้างมือดีมาช่วยงานที่บริษัทหน่อย”
“ผมว่านั่นก็ดีนะ ต้องการคนมากเท่าไรล่ะ? ผมจะได้บอกเขาถูก”
หลี่เหวินหัวนั้นไม่เคยคิดที่จะเข้าบริษัทอื่นในฐานะรักษาความปลอดภัย, แต่ถ้าเป็นบริษัทของอู๋ฮ่าวเหรินเขาจะยินดีอย่างมาก เสียดายที่ว่าถ้าไม่ใช่เพราะตำแหน่งของเขาในตอนนี้, เขาคงเข้าร่วมกับบริษัทของอู๋ฮ่าวเหรินไปแล้ว
อู๋ฮ่าวเหรินคิดอยู่สักพักหนึ่งก่อนจะตอบกลับไป, “ตอนนี้ขอซัก 200 คนก่อน, แต่อาจจะขอเพิ่มหลังจากนี้”
“เท่าไรนะ? สองร้อยเหรอ, คุณจะไปทำสงครามรึไง?”
“มีสงครามที่ไหนใช้คนแค่สองร้อยบ้าง อีกอย่างคุณก็เห็นแล้วนี่ บุคลากรที่สำคัญในบริษัทของผมในอำเภอ, บุคลากรที่สำคัญในบริษัทชั่วคราว, บุคลากรที่สำคัญในโรงงานที่กำลังสร้าง, และบุคลากรที่สำคัญในพื้นที่ภูเขาที่ผมกำลังจะทำสัญญา ซึ่งผมกำลังจะไปคุยกับทางอำเภอเกี่ยวกับโครงการพัฒนาการท่องเที่ยว, และผมก็ต้องการบุคลากรเหล่านั้นด้วย”
หลี่เหวินหัวถึงกับพูดอะไรไม่ออก กลุ่มของคนๆนี้ขยายมากขึ้นอย่างรวดเร็วมาก และใช้เวลานานมากกว่าเขาจะเปิดปากของเขาได้ และถามถึงเรื่องพนักงานรักษาความปลอดภัย 200 คน
“ก็ได้, ก็ได้, ตามนั้น, ผมจะคุยกับเบื้องบนให้, คิดว่าไม่น่าจะมีปัญหา”
หลี่เหวินหัวรู้ชัดอยู่แล้วว่าทางเบื้องบนเองก็มีแผนสำหรับบริษัทของอู๋ฮ่าวเหรินไว้อยู่แล้ว อย่าว่าแต่คน 200 คนเลย, อาจจะต้องใช้ถึง 500 คนด้วยซ้ำ, และนี่อาจจะเป็นโอกาสที่ดีที่จะส่งคนไปสังเกตการณ์ด้วย
แน่นอนว่า, อู๋ฮ่าวเหรินย่อมรู้ดีว่า ซักครึ่งหนึ่งของสองร้อยคนที่จะมาเป็นรักษาความปลอดภัยให้นั้น ต้องเป็นสายให้กับทางรัฐแน่ๆ
แต่เขาก็ไม่ได้กลัวอะไร อยากจะดูอะไรก็ดูไปให้พอใจ ยกเว้นอุปกรณ์ไม่กี่อย่างเท่านั้นที่ถูกซ่อนเอาไว้ใน และยังมีสิ่งของบางอย่างในปัจจุบันที่พวกเขายังไม่รู้
แล้วเขาก็เดินทางมาถึงที่ว่าการอำเภอ, ซึ่งเขาได้โทรติดต่อเข้ามาก่อนแล้วตอนอยู่บนถนน, และก็พบว่ามีคนยืนรอเขาอยู่
“ขอรบกวนหน่อยนะครับ นายอำเภอหลิว”
“ไม่รบกวน, ไม่รบกวน, ผมไม่เป็นไร”
ในตอนนี้, นายอำเภอหลิวนั้นได้สูญเสียสามัญสำนึกของการเป็นข้าราชการไปหมดแล้ว ไม่มีทางที่เขาจะเข้าใจได้เลยว่าบริษัทอะไรที่จะสามารถผลักดันการพัฒนาของอำเภอหนึ่งได้ถึงขนาดนี้
งบการเงินรวมของอำเภอของเขาที่ออกมาในวันนี้พุ่งขึ้นติดอันดับแรกของจังหวัด โดยเฉพาะเรื่องของรายได้ทางภาษี แต่ว่า, เงินทั้งหมดต้องถูกส่งให้ทางรัฐก่อนอยู่ดี เหลือเพียงนิดหน่อยให้พวกเขาใช้ในการจัดการบริหารท้องถิ่น
———————